Group Blog
 
 
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
กัลบกยอดรัก(เดิมแผนลวงรัก) บทที่ 2


“ปลูกไว้เยอะเหรอไอ้ต้นหายใจนี่ ฉันเห็นแกถอนตั้งแต่เช้าแล้ว” คนเป็นป้าเอ่ยทักอย่างเหลืออด หลังจากไล่เด็กแต้วให้เข้าไปรับประทานอาหารกลางวันหลังร้านเพราะหมดลูกค้าที่รับไว้ตั้งแต่เช้าพอดี

มือที่ถือด้ามไม้กวาดกำลังกวาดเศษผมชะงักเมื่อสิ้นเสียงทักจากคนเป็นป้า หญิงสาวเงยหน้ามองคิ้วเรียวขมวดมุ่น ยืนนิ่งนานราวกับโดนสาป ก่อนถอนหายใจอีกครั้ง

“อยากถามเรื่องคุณวิรัชใช่ไหม” คนเป็นป้าเอ่ยถามเสียงประชด เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า “รีบกวาดให้เสร็จเสียสิเดี๋ยวจะเป็นจำเลยให้ถามเต็มที่ อยากรู้ซอกไหนมุมไหนถามได้หมดไม่มีหมกเม็ด”

พุดน้ำบุศย์รีบกวาดเส้นผมไปไว้มุมร้านใต้เคาน์เตอร์ตั้งกระจกเงาเหมือนทุกวันที่เคยทำ บอกตัวเองว่าไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจคนเป็นป้า แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณรินทรัพย์บุกเข้ามา หญิงสาวทรุดตัวนั่งเก้าอี้ไม้ตัวยาวซึ่งมีไว้สำหรับให้ลูกค้านั่งระหว่างรอรับบริการ หากคนเป็นป้าที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วเพียงเอือมมือ

“ถามเร็วสิแม่ทนาย” คนเป็นป้าเร่งเร้าเสียงประชดแกมเอ็นดู “เดี๋ยวมีลูกค้าเข้าไม่ได้กินข้าวกินปลากันพอดี”

หญิงสาวซึ่งได้รับตำแหน่งเป็นทนายยิ้มหวานประจบ กะพริบตาปริบ ๆ เอ่ยเสียงอิดออด

“เตยรู้นะว่าป้าไม่ได้คิดอะไรกับลุงวิรัชมากไปกว่าลูกค้าที่มารับบริการจากเรา เพราะถ้าป้าคิดจะมีลุงคนใหม่ให้เตยละก็คงไม่ใช่ลุงวิรัชหรอกที่มีคุณสมบัติเหมาะ มีบรรดาลุง ๆ อีกหลายคนที่ไม่ต้องให้เรามารบรากับบรรดาเมียหลวงหุ่นลมพัดไม่ปลิว” พุดน้ำบุศย์เว้นระยะเล็กน้อยเมื่อเห็นคนเป็นป้าพยักหน้าเชิงให้พูดต่อจึงว่า “และเตยก็เชื่อว่าลุงวิรัชก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับป้ามากไปกว่าช่างตัดผมคนหนึ่งเท่านั้น เตยไม่ปฏิเสธคำพูดของคุณรินทรัพย์หรอกเรื่องที่ร้านอย่างเราส่วนใหญ่เป็นเมียน้อยเมียเก็บเขา แต่มันไม่ได้อยู่ในหัวเตยนะเรื่องแบบนี้เรายืนอยู่ได้โดยไม่ต้องง้อให้ผู้ชายมาดูแลแค่มาให้เราบริการตัดผมให้ก็พอ”

คนที่ต้องถอนหายได้ดังเฮือกตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่นั่งฟังอยู่แทน เพราะหลานสาวที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แปดขวบจนความสัมพันธ์กลายเป็นแม่ลูกไปแล้วพูดอ้อมเสียจนคนฟังที่ยอมเป็นจำเลยอดแย้งไม่ได้

“จะอ้อมไปอีกไกลไหมที่ร้านเราไม่ใช่เขาวงกตที่ต้องคดไปเคียวมา ถามมาตรง ๆ ไม่อย่างนั้นหมดสิทธิ์ถาม”

พุดน้ำบุศย์ยิ้มหน้าเจื่อนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เอาน่า...เป็นไงเป็นกันในเมื่อโอกาสจะได้ลบปัญหาคาใจอยู่ตรงหน้าก็ต้องรีบฉวยเอาไว้ มีบ่อยเมื่อไหร่กันเล่าที่จะได้ถามเดี๋ยวลูกค้ามาหมดกันพอดี

“เตยอยากรู้ว่าป้ากับลุงวิรัชเป็นกิ๊กกันใช่ไหม”

คนถามยกมือขึ้นลูบแขนปอย ๆ เมื่อถูกคนเป็นป้าซัดผลัวะแม้จะไม่แรงจนถึงเจ็บแต่ก็แสบ ๆ คัน ๆ พอดู

“ไปเอาความคิดแบบนี้มาใจไหน เห็นพูดที่แรกชักแม่น้ำทั้งห้าข้ามเขาไปสามลูกคิดว่าจะเข้าใจแล้วเสียอีก” คนเป็นป้าเอ็ดเสียงขึงขัง เมื่อเห็นหลานสาวทำตาปริบ ๆ จึงพูดต่อ “สู้ใบตองก็ไม่ได้ ขานั้นแม้จะอยู่ไกลมันยังไว้ใจฉันมากกว่าคนที่อยู่ใกล้เสียอีก”

“โธ่...ป้าอย่าเข้าใจความหวังดีของเตยผิดสิ ความจริงแล้วแม้ป้าจะไม่พูดเตยก็เชื่อป้าอยู่แล้ว เตยอยู่กับป้าแทบทุกวันยกเว้นวันพระที่ป้าไปถือศีล” คนถูกว่าประชดทำเสียงประจบ “แต่ก็นะ...อะไรก็ให้ตองเป็นที่หนึ่งตลอด รักหลานลำเอียงนี่แบบนี้”

“ฉันไม่ใช่พวกน้ำในหูไม่เท่ากันจึงจะได้เอียงไปเอียงมา ทีนี้ทำปากเก่งว่าเชื่อใจไอ้ทีเมื่อตะกี้ไม่เห็นพูดแบบนี้ ถ้าป้าจะมีลุงให้พวกแกจริง ๆ ก็ต้องหาแบบที่แกว่าคือคนที่ไม่มีพวกเมียหลวงหุ่นลมพัดไม่ปลิว และที่สำคัญต้องไม่มีพันธะแต่ตอนนี้ยังมองไม่เห็นใครจะมาแทนที่ลุงแกได้สักคน”

“เตยขอโทษ” พุดน้ำบุศย์กระพุ่มมือไหว้ ขยับตัวเข้าไปใกล้ยกมือเรียวโอบกอดคนเป็นป้า ก่อนหอมแก้มซ้ายขวาแต่ต้องร้องโอ๊ย เมื่อถูกคนเป็นป้าบิดเข้าที่สีข้าง หญิงสาวผละออกห่างยกมือลูบสีข้างปอย ๆ

“ไม่ต้องทำหน้าตาเจ็บปวดเลยแม่ตัวดี” คนเป็นป้าเอ็ดน้ำเสียงไม่จริงจัง “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ แต่อย่างว่าคนเรามีสิทธิ์คิด”

หญิงสาวหน้าเสียเมื่อเห็นคนเป็นป้าลุกขึ้นยืนหันหลังเตรียมเดินเข้าไปหลังร้าน จึงร้องทัก “ป้าโกรธเตยจริง ๆ เหรอ ไหนบอกว่าคนเรามีสิทธิ์คิดไง เตยคิดแล้วเตยก็ถามไม่ได้คิดเป็นตุเป็นตะแล้วเก็บไว้จนเข้าใจป้าผิดเสียเมื่อไหร่”

“ใครจะไปโกรธหลานสาวที่หวังดีเถียงแทนฉอด ๆ แต่กลับมาสงสัยกันเองหลังจากจบเรื่องแล้วแบบเราได้เล่าหือ”

พุดน้ำบุศย์รีบแย้ง “ไหนว่าไม่โกรธแล้วทำไมต้องประชดด้วย”

“อย่ามาต่อปากต่อคำไปกินข้าวได้แล้ว บ่ายโมงคุณชวนชมจะเข้ามาดัดผม”

หญิงสาวยังนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนตัวเองมองคนเป็นป้าซึ่งเปิดประตูบานเลื่อนหายเข้าไปหลังร้าน รู้สึกปลอดโปร่งเมื่อได้รับรู้ความจริงเพราะขบคิดตลอดเวลาจนเกือบเสียสมาธิในการทำงานหลายรอบ ป้าศจีลูกค้ารายล่าสุดที่เพิ่งจากไปยังเอ่ยทักว่าทำไมวันนี้อารมณ์ไม่ดีเหรอถึงได้หน้านิ่วคิ้วขมวด คล้ายแบกโลกไว้ทั้งใบคนเดียวอย่างนั้นแหละ

*****************************************

พุดน้ำบุศย์เดินลูบท้องออกมาจากหลังร้าน วันนี้เธอให้แต้วออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเจ้าอร่อยในที่อยู่ในตลาดสดที่อยู่ห่างจากร้านไปกิโลเมตรกว่า เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนแต่มีงานรออยู่ข้างหน้า

“ป้าไปไหนหรือพี่ใบเตย”

“บอกให้เรียกพี่เตยเฉย ๆ ไง เรียกชื่อใบเตยเอาไว้ให้ป้าเรียกคนเดียวก็พอ” หญิงสาวเอ็ดเด็กสาวที่เอ่ยถาม “พี่บอกให้ป้าไปพักก่อนเดี๋ยวถ้างานเยอะจะให้เราไปตาม”

เด็กแต้วพยักหน้าหงึก ๆ “แล้วป้าแกยอมเหรอ ร้อยวันพันปีแกจะไม่ยอมนา หนูอยู่กับพี่กับป้ามาได้ปีกว่าแล้วยังไม่เห็นมีวันไหนที่แกจะยอมหยุดขนาดวันพุธที่ว่าร้านหยุดแกยังแอบเปิดร้านเลยเวลาพี่ออกไปข้างนอก”

“จริงเหรอแต้ว” หญิงสาวถามเสียงสูง ประหลาดใจกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับ “บ้านเราก็ไม่ได้มีหนี้สินอะไรไม่รู้ว่าป้าแกจะงกไปถึงไหน เรื่องรถยนต์ที่พี่ขับอยู่พี่ก็ออกเองเอาเงินเดือนที่ป้าออกให้นั่นแหละมาจ่าย ว่าแต่เรารู้เรื่องป้าเปิดร้านวันพุธได้ไง หรือว่าเกเรไม่ยอมเรียน”

“โอ๊ย...ใครเขาจะทำได้ ถ้าพี่ใบเตย...เอ้ย...พี่เตยรู้แต้วคงโดนบิดเนื้อเขียว” เด็กสาวโวยวาย

พุดน้ำบุศย์มองท่าทางขนลุกขนพองของเด็กสาวที่แสดงประกอบคำพูด กริยาท่าทางเรียกความหมั่นไส้เสียจนอยากบิดให้เนื้อเขียว หากมีการเปิดรับนักแสดงเธอจะส่งเด็กสาวตรงหน้าไปลองทดสอบหน้ากล้องดูบ้างเพราะเจ้าหล่อนแสดงดีเหลือเกิน

“พี่เตยว่าลูกชายคุณรินทรัพย์หล่อไหม”

อยู่ ๆ เด็กสาวก็ถามขึ้น คำถามทำให้พุดน้ำบุศย์นิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ หล่อไหม ไม่รู้สิเธอไม่ได้สังเกตว่าเขาหล่อไหมแต่ใบหน้าเขาก็ดูดีออกจะคมเข้ม ไม่ถึงกับที่สาว ๆ เห็นแล้วต้องมองเหลียวหลังแต่ก็ไม่อาจละสายตาให้ผ่านเลยได้ ยังไงล่ะที่ว่าไม่ถึงกับมองเหลียวหลังแต่ก็ไม่อาจละสายตาไปได้ หญิงสาวถามตัวเอง

“นิ่งเลยหรือพี่เตย” เด็กสาวถามกระเซ้า “แต่แต้วว่าพี่เตยไม่ได้แอ้มหรอกเพราะพี่ไปด่าเขาเสียอย่างนั้น นี่ถ้าเพื่อนแต้วมาเห็นนะคงได้กรี๊ดกันให้หูแตกเลยล่ะ”

“ทำไมหรือ”

เด็กสาวทำท่าเพ้อฝัน “ทำไมหรือพี่เตย นั่นน่ะเขาเรียกหล่อขั้นเทพเลย”

พุดน้ำบุศย์ส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทีเพ้อฝันของเด็กสาว ความรู้สึกหมั่นไส้พานไปถึงเขาชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เด็กสาวมีท่าที่อย่างที่เห็น

“พี่ก็ไม่ได้สนใจเขาเหมือนกันต่อให้หล่อลากดิน ขาอ่อนพี่ก็ไม่ได้เห็นหรอกแต้วเอ้ย” พุดน้ำบุศย์บอกเสียงเข้ม มั่นใจว่าเธอและเขาคงไม่ได้เจอกันอีกเป็นรอบที่สองหรือที่สามแน่เพราะเขาไม่ใช่ลูกค้าที่ร้าน

เด็กสาวหัวเราะเสียงร่วน “พี่เตยนี่ท่าจะไม่ถูกชะตาลูกของคุณรินทรัพย์เอาจริง ๆ แต่เขาไม่ให้พูดอย่างนี้นะเพราะมันเหมือนจะเป็นลางประมาณว่าเราท้าทายเขา”

หญิงสาวหัวเราะหึ ไม่ตลกไปกับคำพูดของเด็กสาวตรงหน้า “เลิกพูดถึงสองแม่ลูกเถอะ เพราะต่อไปนี้เขาจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเราอีก”

เด็กแต้วส่งยิ้มหวานประจบ ก่อนทำหน้าปูเลี่ยน ๆ ถามเสียงเบา “ขออีกข้อได้ไหมพี่เตย” เมื่อเห็นคนตรงหน้าพยักหน้า จึงรีบพูด “พี่เตยคิดว่าเขาจะมาตัดผมที่ร้านเราเหมือนพ่อเขาไหม แบบว่าเปลี่ยนร้านน่ะเพราะเขาไม่เคยมาตัดที่นี่”

พุดน้ำบุศย์ถามตัวเองว่าถ้าเกิดเขามาตัดผมที่ร้านเธอจะทำอย่างไร ไล่เขาออกไปและบอกว่าร้านนี้ไม่ต้อนรับดีไหม แล้วถ้าเกิดเขามาและมีลูกค้าอยู่ในร้านเธอจะบอกปฏิเสธเขายังไง หรือจะดึงเขาออกไปนอกร้านแล้วค่อยตะโกนว่าฉันไม่ยินดีจะบริการคุณ

เด็กสาวผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตูต้อนรับลูกค้าคนแรกในช่วงบ่าย ซึ่งได้โทรศัพท์มานัดหมายไว้ตั้งแต่ก่อนเที่ยง

“แม่น้อยไม่อยู่หรือ” หญิงร่างท้วมเอ่ยถาม เมื่อพบว่าภายในร้านมีเพียงหลานสาวของเจ้าของร้านเท่านั้น

เด็กสาวส่งยิ้มหวานให้ลูกค้าสูงวัย แล้วตอบเสียงอ่อนหวาน “ป้าอยู่หลังบ้านค่ะ พี่เตยบอกว่าอยากให้พักบ้าง เดี๋ยวเชิญด้านในเลยนะคะ หนูจะสระผมให้ค่ะ”

“ไปสิ” ชวนชมรับคำ “แต่เอ๊ะ...หนูเตยเป็นอะไรทำไมนั่งเหม่อเชียว”

เด็กสาวเอื้อมมือไปสะกิดแขนของลูกพี่ลูกน้องซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหรอหราจึงก้มลงถามเสียงเบา “คิดถึงใครหรือพี่เตยทำไมถึงนั่งเหม่อไม่รู้ว่ามีลูกค้าเข้าร้านแล้ว”

************************************************


พุดน้ำบุศย์มองนาฬิกาที่ฝาผนังหลังจากลูกค้ารายสุดท้ายของวันเปิดประตูออกไปจากร้าน วันนี้มีทั้งขาจรและขาประจำเข้ามาใช้บริการเสียจนเธอและป้าแทบไม่ได้หยุดพัก

“ป้าเข้าไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้เตยขอเก็บกวาดร้านอีกสักประเดี๋ยว” พุดน้ำบุศย์รีบบอกเมื่อเห็นป้าของเธอยังคงสาระวนอยู่กับการเก็บผ้าขนหนูผืนเล็กที่ใช้เช็ดผมของลูกค้าใส่ตะกร้า

“เหนื่อยมาทั้งวันด้วยกัน ก็ต้องช่วยกันสิ นี่ยังดีที่วันนี้มียายแต้วช่วยสระผมลูกค้าให้ ไม่อย่างนั้นเรารับลูกค้าได้ไม่มากเท่านี้หรอก ดูสิยังมีลูกค้าหนีไปสองสามคนแน่ะ” คนเป็นป้าพูดขณะมือยังคงทำงานอย่างคล่องแคล้ว “ป้าไม่รู้ว่าจะทำงานได้อีกนานแค่ไหน ช่วงนี้รู้สึกปวดแขนบ่อย ๆ ดูอย่างวันก่อนสินิ้วมือยังไม่ยอมงอ พอไปหาหมอก็บอกว่าต้องผ่าตัดเอาพังผืดออก แล้วถ้าต้องทำอย่างนั้นเราคงได้อดตายกันพอดี”

คนเป็นหลานสาวเห็นด้วยกับหมอถ้าการผ่าตัดจะช่วยให้ป้าหายเจ็บปวด และไม่ได้รู้สึกเป็นภาระหากต้องรับผิดชอบร้านเพียงผู้เดียว เมื่อไม่นานมานี้ป้าของเธอก็เพิ่งตรวจพบไขมันในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติซึ่งเสี่ยงจะเป็นโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด แต่โชคดีที่ได้ทราบและรักษาแต่เนิน ๆ มีลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายสมุนไพรไทยนำเม็ดมะรุมแห้งบดบรรจุแคปซูลมาให้ พร้อมกำชับให้รับประทานคู่กับยาลดไขมันในเส้นเลือดที่หมอให้มา

พุดน้ำบุศย์รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เจ้าต้นมะรุมที่ป้าลูกไว้หลังบ้านจะมีสรรพคุณทางตัวยาสามารถช่วยรักษาโรคได้หลายชนิด หญิงสาวไม่ชอบทานมันเพราะมีรสออกขมนิด ๆ ในความรู้สึกของเธอ

“เตยเป็นห่วงสุขภาพของป้านะคะ ถ้าเป็นไปได้เตยอยากให้ป้าพักให้หายปวดก่อนค่อยทำงาน ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการปวดเรื้อรังถ้ากล้ามเนื้ออักเสบมีหวังป้าได้พักยาว”

“จ้า...แม่หมอใหญ่” คนเป็นป้าบอกเสียงประชด “ฉันว่าเลิกเป็นช่างตัดผมแล้วไปเรียนต่อนิติศาสตร์หรือไม่ก็แพทย์ศาสตร์ดีไหม”

คนฟังหัวเราะเสียงใส ขณะตักเศษผมใส่ถังขยะซึ่งตั้งอยู่ภายในร้านอย่างบรรจงเพราะกลัวว่าเศษผมจะหกออกมาทำให้เสียเวลากวาดอีกหลายครั้ง

“เสร็จงานเสียทีสำหรับวันนี้” หญิงสาวพูดเสียงดัง น้ำเสียงสดใส “ไปเถอะค่ะป้า ได้เวลาที่เราต้องพักผ่อนเพื่อจะได้มีแรงต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ต่อไป เดี๋ยวเข้าไปนี่เตยจะผสมน้ำอุ่นให้ป้าแช่เท้านะคะ เดินมาทั้งวันเลือดจะได้สูบฉีดสะดวก”

“ป้าสงสารคุณวิรัชจัง ถ้าแกรู้เรื่องที่เมียมาอาระวาดกับเราคงต้องมาขอโทษที่ทำให้เราต้องเดือดร้อน”

พุดน้ำบุศย์ทรุดตัวนั่งใกล้คนเป็นป้า ก่อนจับมือคนเป็นป้ามากุมไว้ พูดเสียงนุ่มให้กำลังใจ “ลุงแกใจดีค่ะ เตยไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอกับเมียของแกตัวเป็น ๆ แถมมายืนด่าเราสาดเสียเทเสียแบบไม่ไว้หน้าสามีซึ่งเป็นใหญ่เป็นโต ยังมองไม่ออกเลยนะคะว่าเวลาลุงแกอยู่ที่บ้านจะเจอกับอะไรบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นเตยอยู่เคียงข้างป้าเสมอค่ะ”

เมื่อเห็นคนเป็นป้าน้ำตาคลอ หญิงสาวจึงรีบชี้แจง “เตยพูดจริง ๆ นะเพราะป้าไม่เพียงเป็นป้าเท่านั้น ป้ายังเหมือนแม่ของเตยกับตอง ถ้าไม่มีป้าพวกเราสองคนก็ไม่มีวันนี้เหมือนกัน”

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” คนเป็นป้าบอกเสียงขมขื่น “แล้วถ้าฉันไม่ดูแลพวกแก เวลาตายไปจะมีหน้าที่ไหนไปพบพ่อกับแม่ของพวกแก ไตรเทพกับจีรวรรณอายุน้อยเหลือเกินเมื่อตอนจากพวกเราไป”

หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตากระชับอ้อมแขนแน่ขึ้น หัวใจดวงน้อยปวดหนึบเมื่อนึกถึงความทรงจำสมัยเมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ว พ่อของเธอและแม่มีอาชีพเป็นไกด์ของบริษัททำทัวร์ต่างประเทศแห่งหนึ่ง ท่านทั้งสองจบชีวิตลงที่ประเทศตุรกีด้วยเหตุอันสุดวิสัยเพราะรถยนต์ที่คณะทัวร์ได้จัดให้ลูกค้าใช้เดินทางประสบอุบัติเหตุเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง ช่วงเวลานั้นพุดน้ำบุศย์กับน้องสาวถูกนำมาฝากไว้ที่ร้านเสริมสวยแห่งนี้ซึ่งเจ้าของร้านเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของพ่อ

พุดน้ำบุศย์กลืนก้อนน้ำลงคออย่างยากเย็น ช่วงเวลาในวัยเด็กที่ต้องประสบกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทำให้เธอเข้มแข็งและต้องอดทน แม้จะโหยหาความรักจากพ่อกับแม่มากเพียงไหนเธอต้องพยายามเก็บซ้อนมันไว้เพราะถ้าเธอแสดงความอ่อนแอออกมามันจะทำให้คนเป็นป้าไม่สบายใจและต้องเป็นภาระของท่านเพิ่มมากขึ้น

************************************************

พุดน้ำบุศย์มองโทรศัพท์เครื่องจิ๋วรุ่นที่เคยใหม่เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วค่อย ๆระบายออกมันเคยเป็นวิธีที่ได้ผลในเวลาที่เธอพยายามเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงให้กลับคืนมา

เมื่อตะกี้นี้โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้เธอและน้องสาวฝาแฝดได้พูดคุยกันคลายความคิดถึง เพราะวันนี้เธอรู้สึกวุ่นวายหัวใจอย่างประหลาด พยายามถามตัวเองหลายครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีความรู้สึกอย่างนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่สามารถอธิบายได้

พุดพิญชา เป็นน้องสาวฝาแฝดที่เกิดห่างจากเธอเพียงห้านาที หากมองแบบผิวเผินไม่มีใครสามารถแยกเธอและน้องสาวออกจากกันได้ เพราะความที่เกิดจากไข่ใบเดียวกันทำให้เธอและพุดพิญชาคล้ายคน ๆ เดียวกัน

ป้าแน่งน้อยมักเอ็ดเอาบ่อย ๆ ว่าเธอเป็นคนหัวแข็งไม่เหมือนพุดพิญชาที่ว่านอนสอนง่าย หากป้าต้องการให้เธอไปทางซ้ายท่านมันจะบอกว่าให้ไปทางขวาเพราะรู้ว่ายังไงเธอมักแหกกฎ อย่างเรื่องช่วยงานที่ร้านก็เหมือนกันป้าตั้งความหวังว่าเธอและน้องสาวจะต้องเรียนมหาวิทยาลัยในคณะดี ๆ แต่มันไม่ได้มีอยู่ในความคิดของเธอเลย

พุดน้ำบุศย์ตัดสินใจเลือกเรียนสายอาชีพ ในขณะที่พุดพิญชาเลือกเรียนในคณะสหเวชศาสตร์ สาขากายภาพบำบัด ดังนั้นวิถีชีวิตของทั้งสองจึงออกห่างกันเรื่อย ๆ จนกระทั้งเมื่อสองปีที่แล้วน้องสาวของเธอเรียนจบและเปิดร้านสปาร่วมกับเพื่อนที่เป็นลูกสาวเจ้าของรีสอร์ททางภาคตะวันออก ในขณะที่ตัวเธอเองรับหน้าที่ช่วยงานที่ร้านเมื่อตอนเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงจากวิทยาลัยของรัฐบาลในสาขาการบัญชี ใครจะไปคาดคิดว่าเรียนจบบัญชีมาแต่กลับกลายมาเป็นช่างตัดผม

หญิงสาวสะบัดศีรษะผุดลุกจากเตียง เดินออกไปด้านนอกพบว่าคนเป็นป้าเพิ่งออกมาจากห้องพระ ท่านคงไปสวดมนต์เหมือนทุกวันที่เธอเคยเห็นจนชินตา

“ป้าดื่มนมอุ่นก่อนนอนสักแก้วนะคะ เดี๋ยวเตยไปเอาให้” พุดน้ำบุศย์เสนอน้ำเสียงห่วงใย เมื่อเห็นคนเป็นป้าพยักหน้าทรุดตัวบนโซฟาในห้องโถงเอนกประสงค์ที่ใช้เป็นห้องรับแขกและห้องพักผ่อน

“ป้าคิดว่าเราหลับแล้วเสียอีกเห็นหายเข้าไปตั้งนาน” แน่งน้อยร้องถามหลานสาวเมื่อเดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมนมแก้วโต “นี่เราดื่มแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง”

“เตยเป็นคนทำอะไรเร็ว ๆ ใครจะเหมือนตองหลานสาวคนโปรดของป้าเล่า รายนั้นต้วมเตี้ยมเป็นเต่าคลาน” หญิงสาวบอกเล่าน้ำเสียงไม่จริงจัง ก่อนทรุดตัวนั่งข้างคนเป็นป้า “เมื่อตะกี้เพิ่งโทรศัพท์ไปหา น้ำเสียงเหมือนปกปิดอะไรสักอย่าง ฟังดูไม่ค่อยสบายใจ”

“คิดมากไปหรือเปล่าแม่ทนาย เมื่อวันก่อนใบเตยโทรศัพท์มาหาป้ายังบอกว่าสบายดี” คนเป็นป้าบอก เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่จึงพูดต่อ “ถ้าใบเตยอยากไปหายายใบตองป้าก็ว่าดีเหมือนกัน น้องไม่ได้กลับบ้านมาหลายเดือนแล้ว เห็นว่างานที่ร้านยุ่ง ถ้าจะมีเรื่องกังวลก็คงเป็นเรื่องคนงานที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุมาทำงานที่ร้านไม่ได้ ยายใบตองเลยต้องทำเอง เห็นว่าเพิ่งจะนวดลูกค้าต่างชาติเล่นเอาจับไข้ไปหลายวัน”

รอยยิ้มระบายบนใบหน้าสวย พูดน้ำเสียงใสไม่มีแววความกังวล “ถ้าเป็นอย่างนั้นค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ เพราะเตยเป็นห่วงน้องจริง ๆ ยายตองมันใจเสาะไม่ค่อยสู้คน”

“ใครจะเก่งกล้าเหมือนหล่อนเล่าแม่ใบเตย หนามแหลม” คนเป็นป้าพูดเหน็บติดตลก “ว่าแต่เรื่องเรียนเราไปถึงไหนแล้ว อีกกี่ปีจะจบ”

“เทอมเดียวค่ะ เหลืออีกแค่สี่เดือนก็จบแล้ว เตยเก่งไหมทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยแต่ไม่เคยเอาสิ่งที่เรียนมาใช้ในชีวิตจริงเลย”

“งั้นถ้าจบแล้วก็ไปหางานทำตามบริษัท หรือว่าจะไปสอบเข้ารับราชการตามที่เขาประกาศรับ ไม่ต้องมาเป็นช่างตัดผมต๊อกต๊อยเหมือนทุกวันนี้”

คนฟังสะบัดศีรษะแรง ทำให้ผมยาวที่ถูกขมวดไว้ตกลงเต็มใบหน้าและลำคอระหง “ใครว่าต๊อกต๊อย เตยเถียงหัวชนฝาเลย คนเราทุกคนมีศักดิ์ศรีของความเป็นคนเท่าเทียมกันจะมาแบ่งความรวยจนหรือหน้าที่การงานที่ทำอยู่ไม่ได้ ป้าก็เคยเห็นมีถมไปใส่สูทแล้วโกงกินประเทศชาติไม่มีใครเอาผิดได้ แต่พอคนที่มีฐานะค่อนข้างขัดสนตัดสินใจทำผิดครั้งเดียวกลับโดนจับเข้าซังเต”

“ไปเป็นทนายความไหมป้าส่งเอง” คนเป็นป้าถามเสียงประชด “เป็นทนายก็ดีนะเอาไว้แก้ต่างความผิดให้คนอื่นทำดำให้ขาว ทำขาวให้ดำได้”

หญิงสาวส่ายหน้า พูดเสียงติดตลก “เป็นนักหนังสือพิมพ์ดีกว่าค่ะ รับรองร้านป้าถูกขู่วางระเบิดทุกวันเพราะเตยจะเขียนเหน็บแนมพวกใหญ่ ๆ โต ๆ แบบไม่เกรงอิทธิพลเลย

“ก็ถึงให้เป็นช่างตัดผมนี่ไง จะได้ไม่ต้องยุ่งเรื่องชาวบ้านมาก” คนเป็นป้าบอก “ไม่ต้องยุ่งใครแต่ก็มีเรื่องมาให้ยุ่งอยู่เรื่อย พรุ่งนี้คงได้ตอนรับคุณวิรัชแน่ ถ้าเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”

“จะไปสนใจทำไมค่ะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ถ้าลุงวิรัชมาเตยจะบอกท่านเองว่าเราไม่ติดใจอะไร ความสัมพันธ์ฉันท์ลูกค้ากับผู้ให้บริการยังคงอยู่ต่อไป ลุงแกใจดีมาทีไรมักมีของติดไม้ติดมือมาฝากตลอด”

“คุณวิรัชใจดีตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมียแกก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้แม้จะไม่เคยมาทำผมที่ร้านก็เถอะแต่ป้าก็เคยเห็น เคยมาเมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว แต่ช่วงหลัง ๆ ไม่ได้มาด้วย” แน่งน้อยบอกหลานสาว “ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อไป เธอจะเลิกราความคิดไม่เข้าท่าเมื่อไหร่ แต่ป้าไม่อยากให้ร้านเราต้องมาเสียเพราะเรื่องนี้ ป้าเปิดร้านมายี่สิบกว่าปีแล้วไม่อยากเสียชื่อจริง ๆ อีกอย่างคนวัยอย่างป้าต้องเข้าวัดเข้าวาเตรียมตัวไปพบพระพุทธเจ้าได้แล้ว ไม่ใช่มานั่งคิดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ”

“นอนเถอะค่ะป้า อย่าเอาสมองที่มีค่าของเรามาคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องดีกว่า เราทำอะไรย่อมรู้อยู่แก่ใจ อีกไม่นานทุกอย่างก็จะค่อย ๆ ผ่านไปแล้วถึงเวลานั้นเมื่อเรากลับมามองเราจะพบว่ามันเป็นเพียงเรื่องขี้ประติ๋วเท่านั้น” พุดน้ำบุศย์พูดน้ำเสียงห่วงใย “พรุ่งนี้ยังมีงานใหญ่รออยู่ข้างหน้า อย่าไปใส่ใจกับสิ่งที่ไม่มีส่วนขับเคลื่อนให้ชีวิตเราดีขึ้นเลยค่ะ”

“เอางั้นรึ” คนเป็นป้าถาม “แล้วฉันต้องทำตามไหมเรื่องเข้านอนนี่ เพราะฉันเริ่มง่วงเสียแล้ว คนเริ่มแก่ก็แบบนี้นอนเร็วตื่นเร็ว ว่าแต่พักนี้ไม่ค่อยเห็นพนายมาที่ร้านเลย งานยุ่งเหรอหรือว่ายุ่งเรื่องยายตั้งโอ๋”

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เพราะพักนี้ไม่ได้เจอกันเลย” หญิงสาวบอกน้ำเสียงเนือย ๆ แล้วว่าต่อ “พรุ่งนี้เตยว่าจะไปดูต้นไม้มาตกแต่งร้านคงได้แวะเข้าไปที่ร้านของพี่นายเดี๋ยวเตยจะบอกให้นะคะว่าป้าคิดถึง”

คนเป็นป้าค้อนควับ เอ็ดเสียงเบาเดินเข้าห้องนอนซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ก่อนที่ท่านจะปิดประตูก็ร้องบอก “ถ้าชอบพนายก็บอกไปเถอะ เห็นควงกันไปควงกันมาหรือว่าเรารังเกียจที่เขามีลูกแล้ว”

คนเป็นป้าวางระเบิดเวลาไว้ หญิงสาวนั่งนิ่งถามตัวเองว่ารู้สึกอย่างไรกับชายหนุ่มนามว่าพนาย หรือที่เธอมักเรียกติดปากว่า พี่นาย ไม่มีคำตอบอะไรนอกเสียจากความว่างเปล่าแม้จะไปไหนมาไหนด้วยกันเมื่อมีเวลาแต่เขาก็คือรุ่นพี่ที่โรงเรียนและไม่ได้รู้สึกเกินเลยกับเธอมากไปกว่าน้องสาว เพราะหัวใจของพี่เขาได้ยกให้กับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่อย่างตั้งโอ๋ไปหมดแล้ว





Create Date : 16 มกราคม 2555
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2555 9:07:30 น. 3 comments
Counter : 737 Pageviews.

 
ใบตองหนักใจเรื่องอะไรหนอ แล้วเรื่องนี้จะมีกี่คู่กันนะ กำลังพยายามนับนิ้ว หรือว่าจะมีพระเอกให้น้องพวงชมพูแล้ว อิๆ


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:4:12:14 น.  

 
เพียงเอือมมือ //

.............................

บรรยายกระชับดีจังค่ะ ต้องฝึกแบบนี้บ้างแล้วล่ะ^^


โดย: พิญาดา IP: 103.1.164.22 วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:18:36:19 น.  

 
แอบสังเกตคุณพีท ชอบน้องพวงชมพูเป็นพิเศษนะคะ หรือว่าริปองยังเขียนนางเอกเด่นสู้ไม่ได้()

ขอบคุณคุณพิญาดาสำหรับการตรวจคำผิดให้ และขอบคุณสำหรับคำชมเรื่องบรรยายกระชับ(จะพยายามรักษามาตรฐานไว้ให้ดีที่สุดค่ะ)


โดย: ริปอง (ริปอง ) วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:11:56:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ริปอง
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ผู้หมั่นเสมอย่อมสำเร็จ

งานเขียนทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีขึ้นในเวบนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของริปองแต่เพียงผู้เดียว ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

Friends' blogs
[Add ริปอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.