ค่าเข้าชมคนละ 30 บาทนะคะ หลังจากซื้อบัตรแล้วจะมีเจ้าหน้าที่
ของคุ้มวงศ์บุรี พาไปเดินชมตามจุดต่างๆ ของบ้านพร้อมเล่า
ที่ไปที่มาแหล่งของเก่านั้นๆ แต่ก็ไม่ได้เกาะติดนักท่องเที่ยวตลอดเวลานะคะ เพราะหลังจากที่ได้เล่าเรื่องราวความเป็นมาแล้วก็จะปล่อยให้เรา
เดินเก็บภาพมุมต่างๆ ได้ตามสะดวก
.................... เจ้าหน้าที่จะพาเดินขึ้นมายังชั้น 2 ของบ้าน
และจุดแรกที่จะแนะนำให้รู้จักกันก่อนคือ
"เจ้าบัวถา" เจ้าของบ้านหลังนี้ในยุคแรก
พร้อมทั้งข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
สมัยรัชกาลที่ 5 เก็บรักษาไว้อย่างดี
(ภาพเขียนรูปเหมือนเจ้าบัวถา)
กำปั่นใบนี้ เชื่อว่าเป็นของพระยาบุรีรัตน์
ที่ได้รับพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 5
เนื่องจากมีพระราชลัญจกรประทับอยู่
__________________________
และใบนี้เห็นกันจะจะสมัย 115 ปีก่อนนะคะ
เป็นใบสั่งทำทอง เงิน และสร้อยเพชร
โดยทองสมัยนั้นอยู่บาทละ 23 บาท (แอบปาดเหงื่อ _ _")
และเพชร 10 เม็ดราคา 153 บาท (พระเจ้าช่วยผ่านไปร้อยปีนี่นะ)
ด้านตรงข้ามกันของภาพเหมือนเจ้าบัวถาจะเป็นห้องรับแขก คือ ภาพนี้
ภายในตู้โชว์ต่างๆ เราสามารถเข้าไปดูและถ่ายรูปกันได้เลยนะคะ แต่บางตู้ก็จะมีป้ายบอกห้ามถ่ายรูปด้วย แต่ก็ยังมีคนแอบถ่ายมา (อ้าวซวยแระ)
และเริ่มตอนนี้กันแล้วล่ะ เสียงเพลงดนตรีโบราณ ๆ เปิดคลอมาเบาๆ
ปัดโถ่เอ้ย !! เพื่อให้ได้บรรยากาศหรือไงอะ เรานี่นะ เดินชมไปด้วย หันซ้ายหันขวาเสียวสันหลังไปกับเสียงเพลง นั้นด้วย
ยังไม่พอนะคะ ด้านข้าง ๆ จะมีกระจกเงาไว้อีกต่างหาก
เจ้าหน้าที่ก็ให้จัดท่าแบบนี้ บอกว่านี่แหละ
มุมมหาชนล่ะนะ และให้มองในกระจกโน่น เค้าก็ถ่ายรูปให้
ปล. รูปนี้ เราเองนะไม่ใช่แรงเงาที่ไหน 555
ห้องนอนห้องหนึ่งฝั่งซ้ายมือของบ้านจะเป็นห้องนอนที่ยังคงสภาพเดิมไว้ทุกชิ้น แต่ก็มีเชือกกั้นเขตไว้ไม่ให้จับต้องได้ ดูแต่ตาก็พอว่างั้นเหอะ ในภาพเจ้าหน้าที่กำลังบรรยายให้น้องๆ นักเรียนถึงประวัติของบ้านหลังนี้ โดยเจ้าหน้าที่นั้นจะแต่งตัวด้วยเสื้อหม้อฮ่อม อันเป็นสัญลักษณ์ของชาว เมืองแพร่ ที่ทุกคนต่างรู้จักกันดี ~
เก็บภาพ แต่ละมุมของบ้านหลังนี้มาให้ชมกันนะคะ ของเก่าแต่ละชิ้น ประมาณราคาไม่ได้ บางจุดก็ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เนื่องจากเป็นของที่มีราคาค่อนข้างสูง อย่างเช่นเครื่องครัวในตู้โชว์ ทุกชิ้นล้วนทำจากเงินแท้ทั้งนั้น และก็มีจุดหนึ่ง ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาดนั่นคือ
ห้องเก็บอาวุธโบราณ ซึ่งเราได้แต่มองผ่านเพราะว่ามันน่ากลัวมาก ๆ อ่ะ ลองนึกภาพเอาเหอะ ระหว่างชมห้องเก็บอาวุธนั้นในขณะที่เพลงโบราณ ก็ยังดีดซึงก้องเบาๆ อยู่อย่างนั้น _ _"
และสิ่งที่เราอยากเล่า อยากบอก อยากให้ทุกคนได้มาเห็นกันจังๆ คือภาพต้องห้ามนี้แหละคะ เราไปเสาะหาในอินเตอร์เน็ตแทบพลิกแผ่นดินที่คิดว่า ต้องมีใครแอบถ่ายออกมาได้ละน่า คือในห้องนี้ห้ามถ่ายจริงๆนะ เราก็ถ่ายมาแต่ถ่ายมุมไกลๆ ไม่ได้เจาะจงขนาดนี้ >"<
"สัญญาซื้อขายทาส"
ซึ่งเราอ่านสัญญาการขายตัวเองเมื่อสมัยร้อยปีแล้ว ได้แต่สังเวช ขายตัวเองให้กับเจ้าของบ้านหลังนี้ ในราคา 25 บาท ถึง 150 บาท ค่าตัวเรามีค่าเพียงแค่นี้หรือ?
ที่เห็นโชว์ไม่ได้มีฉบับเดียวนะคะ แต่มีหลายฉบับมาก และมันทำให้เราหดหู่เพิ่มขึ้น เมื่อได้ไปเห็น
"ห้องคุมขังทาส"
ภาพห้องคุมขังทาสนี้ถ่ายจากคุ้มเจ้าหลวงใกล้ๆกันค่ะ ซึ่งทำให้เราหลับตาย้อนคิดถึงอดีตก่อนเลิกทาสนั้น คงทรมานกันมาก
ภาพขวามือมุมบนเป็นห้องนอนของเจ้าบัวถา
เจ้าของบ้านรุ่นแรกของคุ้มวงศ์บุรีค่ะ
จะเห็นภาพถ่ายมุมขวา
ก็มีสัญลักษณ์ห้ามถ่ายภาพด้วย
เนื่องจากเป็นภาพจริงๆ
แต่เราก็ถ่ายมาด้วยนะ
ก่อนถ่ายก็ยกมือไหว้ขออนุญาตกันก่อน
เดี๋ยวมีตามมาเอาเรื่องกันทีหลังละก็แย่แน่ๆ
ก่อนกลับออกมาจากคุ้มวงศ์บุรีหลังนี้ บล็อกเกอร์ชื่อดังแห่งยุคก็ได้ลงชื่อในสมุดเยี่ยมชมบ้านหลังนี้เป็นที่เรียบร้อย ต้องขอขอบคุณคุ้มวงศ์บุรี
ที่ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราว ได้เห็น ได้สัมผัส ได้รู้สึกว่า อาการขนลุกในระหว่างเดินชมบ้านเป็นอย่างไร