No. 394 ความแตกต่าง ที่ลงตัว @ Myanmar
บล๊อกประจำวัน จันทร์ / ศุกร์ | เดินทางไปเมียนม่าร์ ครั้งที่ผ่านมา ไปแบบติดดินไม่ได้อาศัยไกด์แต่อย่างใด และเห็นความแตกต่าง หลายอย่าง ของคนทั้งสองชาติ และมีบางอย่างเหมือนกันก็มี | ไทย กับ พม่า เหมือนกันที่ส่วนใหญ่พลเมือง นับถือศาสนาพุทธ | แต่ที่ไม่เหมือนกัน พระภิกษุพม่า ไม่โกนคิ้ว น่าจะป้องกันมิให้เหงื่อหยดไหลลงนัยตา | แต่ภิกษุไทย โกนเกลี้ยง น่าจะ ป้องกันมิให้ สตรีเพศสนใจ คือ มิให้ภิกษุหล่อ | อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ คงต้องมีที่บัญญัติเพื่อปฏิบัติอยู่ | | ที่แตกต่างกันเด่นชัด มีอีกส่วน พระพุทธรูป ของไทย ใบหน้าจะ มีใบหน้างดงาม | จมูกเป็นสัน โอษฐ์หรือปาก แย้มยิ้ม แสดงความเมตตา | เรานั่งหรือ ยืนดู มีความสุข สงบ | | พระพุทธรูปของ เมียนม่าร์หรือพม่า เป็นใบหน้าคนธรรมดา พระโอษฐ์หรือ ปาก | สีแดง เป็นส่วนใหญ่ แย้มยิ้มสวย คิ้วโก่ง จมูกโด่งยาว | | | | | | ก่อนไปเมียนม่าร์ อยากจะรู้ อยากจะเห็น ว่า ภิกษุพม่า หรือ คนธรรมดา | เน้นพิธีการทางศาสนา หรือ เน้นด้านปฏิบัติธรรม ถ้าพูดแบบคนที่ทำสมาธิด้วยกัน | หมายถึง เดินจงกรมเพื่อ เรียบเรียงจิตให้นิ่ง พอได้ที่(พูดแบบธรรมดา) ก็นั่งลง | ทำสมาธิโดยหลับตา บริกรรม เช่น พุทโธ หรือ อะไรก็ได้ | ไม่เกิน 3 พยางค์ การบริกรรมไม่เปล่งเสียงนะครับ | บริกรรมถี่ ๆ ไปเรื่อย ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างจะหาย ไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง และที่สำคัญ | คือ คำบริกรรมหายไป | จิตจะดิ่งเข้าสมาธิ.... | เพื่อน ๆ คงสงสัยว่า เข้าสมาธิทำไม.. | เป็นการ เพิ่มพลังจิต ให้เข้มแข็ง | อันนี้ผมยืนยันได้และเป็นไปตามที่พระอาจารย์กล่าวไว้เลย | | ไปเมียนม่าร์ 3 เมืองคือ ย่างกุ้ง เมืองทะเลสาปอินเล เมืองพุกาม เห็นการปฏิบัติธรรม | อยู่บ้างแต่ไม่มากนัก คือเห็นน้อยกว่าที่คาดไว้ | แต่..นะครับ เราคนต่างถิ่นไม่รู้จะถามใคร เลยไม่ค่อยพบเห็น อาจจะมีมากก็ได้ แต่ที่ Rangon นี้ | เยอะหน่อย เช่นที่วัดใกล้ พระทันใจ | | ข้างบนเป็น ผู้ที่ นั่งสมาธิ โดย หลบไปอยู่ในที่ สงบ ส่วนหนึ่งของ วิหาร ในวัด ภาพข้างล่าง เป็นสถานที่เดียวกัน มีคนเยอะมาก ผมยืนเข้าคิวรอเข้านมัสการ พระธาตุของ พระพุทธเจ้า ที่นั่นค่อนข้างแคบ จะมีทางเดินแคบ แล้วมีช่องแบบนี้ อยู่รอบ พระธาตุ ฝั่งตรงกันข้าม เป็นสถานที่คนไปเยอะ... น่าจะไม่ใช่ศาสนาพุทธ พูดถึงการ ทำสมาธิ ไม่ว่าการเดินจงกรม เพื่อทำสมาธิตึ้น หรือ การนั่งสมาธิ พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านห้ามพวกผม และลูกศิษย์เลยว่า ควรงด ทำสมาธิในที่ไม่ควร เช่นศูนย์การค้า หรือ ที่ไม่สงบ หรือทำเพื่อโอ้อวด ไปที่เมียนม่าร์คราวนี้ เจอคนที่ นั่งนิ่งตามภาพข้างล่าง เพ่งมองดวงอาทิตย์ สังเกต ดวงตาน่าจะบอดไปแล้ว หนึ่งในความตั้งใจที่ไปเมียนม่าร์ รวมทั้งคนอื่นอีกหลายคนคือ จะไป กราบ ชม เจดีย์ชเวดากอง เลยถ่ายภาพรวม ครอบครัวกันหน่อย หัวเถิกไปเยอะ 555 พวกเราไปอยู่ที่นั่นหลาย ช.ม. ไม่ได้เสียดาย เงินค่าเข้าคนละ 8 U$ เป็นเงินไทย 270 กว่า บาทต่อคนนะครับ...เพราะที่นี่กว้างใหญ่ สวยงาม เจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ และได้ดูในส่วนที่คนไม่ค่อยเห็น เช่นภาพข้างล่างนี้ จากมุมมองข้างบนลงล่าง ....... ทองทั้งนั้น มี เพชร พลอย...คณานับ ....... ....... บนเจดีย์ และ ส่วนอื่น มีสิ่งของ ประดับมากมาย ....... ผู้คนที่ไป เยอะมาก แต่ไม่ได้แออัด เดินสบาย ๆ ....... ... ...... ... สังเกตเห็นความยิ่งใหญ่ ของเจดีย์ชเวดากอง มาจาก เจดีย์องค์เล็ก มากมาย ที่อยู่รอบ ๆ องค์ใหญ่ จึงทำให้มีจุดเด่น เปรียบเสมือน มีบริวารมากมาย ห้อมล้อม จึงดูงามสง่า องค์เจดีย์ ระยะที่ไป อยู่ระหว่างกับซ่อมแซมปรับปรุง ส่วนที่กำลังปรับปรุง เขาใช้ ไม้ไผ่สานขัดแตะ ทาสีทอง ปิดไว้ ไม่ต้องสังเกตก็เห็น ดูภาพข้างล่างจะเห็น ระหว่างนั้น เห็นหญิงชายหลายกลุ่ม กำลังกวาดลานกว้าง ๆ ที่คนเดินไปมา มีเสื้อกั๊กทับด้วย ลองสอบถาม... ปรากฏว่า ไม่ใช่เจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เป็น จิตอาสา พากันกวาด เช็ดถูพื้น เป็นการทำบุญกุศล น่าชื่นชม มีหลายชุดด้วย .... ในส่วนอื่นรอบนอก ก็มี บางกลุ่มผมว่าไม่ต่ำกว่า 50 คน คนอื่นเขาเดินดูอะไรไปเรื่อย ส่วนผม ก็ ส่องกล้องไปเรื่อย ๆ ที่นี่สบายใจอยู่อย่าง ไม่ต้องเกรงใจ ใครในการ ถ่ายภาพ เพราะต่างคนต่างถ่าย และแล้วก็เห็นภาพนี่้ สมกับที่ตั้งใจแต่แรก ใช่แล้ว คนไปปฏิบัติธรรม โดยการไปนั่งสวด อีกกลุ่ม อายุเยอะขึ้น กลุุ่มหนุ่ม นี้ นั่งทำสมาธิ ตะวันลดแสงลง หลับทิวไม้ ไม่นานวัด เริ่มเปิดไฟ ไม่มาก แต่แสงสะท้อนองค์เจดีย์สีทอง สว่างไสว สวยมาก ไม่ห่างจากที่ พระสวดมนต์ องค์เดียวตลอดเวลา โดย ผลัดกันสวดครั้งละองค์ ใกล้ทางเดินเข้า สู่เจดีย์ จะมีลานกว้างอยู่ เริ่มมี หนุ่มสาว มาเป็นกลุ่มใหญ่ ทรุดตัวนั่งลง สวดมนต์ ดูแล้วน่าจะเป็น นักศึกษา น่าจะเป็นประเพณี มาแต่โบราณ ว่าจะนั่งสวดมนต์กลางแจ้งกัน ผมเข้าไปดูภาพโบราณ คือภาพข้าง ล่างนี้ ที่ศาลาเล็ก ๆ ใกล้ ๆ กับทางเข้า ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจ เป็นภาพเก่า สถานที่เดียวกับภาพหนุ่มนักศึกษา ต่างเข้ามา กราบ และสวดมนต์กัน พวกเรา 5 คนอยู่ที่นี่นาน เริ่มหิว เลยลงลีฟท์ไป ที่ลานจอดรถ เรียกแท๊กซี่ไป กินอาหารที่โรงแรม รสชาดอาหารใช้ได้ ราคาคบได้..... มีอยู่วันหนึ่ง เราเดินเที่ยวซะ ตี..เอ้ย เท้าแป เลยเรียก แท๊กซี่ไป กินอาหารเย็น ที่ร้อน ๆ 555 เป็นภัตตาคารจีน ไม่ไกลจากที่พักเท่าใด แต่ไกลเกินกว่าจะเดิน ใช่แล้วครับไปร้าน GOLDEN DUCK ขายอาหารจีน เขาว่าอร่อย ต้องลองดู รถแท๊กซี่ พาไป เป็นบึงใหญ่ ดูร้านขายอาหารที่สวนลุมพินี ที่ กท.สมัยก่อนนะครับ ใครเกิดทันบ้าง ร้านนี้ ใหญ่พอประมาณ คนเยอะ โต๊ะไม่ค่อยว่าง เลยสั่งอาหารมากิน ....... ....... พอเคี้ยวผัก กับได้ลิ้มรส น้ำปรุงรส ใช่เลย อาหารจีน จานนี้ดูซิครับว่าอะไร ดันหันมาทางผมด้วย น่ากลัว... มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ พวก สเน็ก ๆ งู ๆ นี่แหละครับ ผมเดาเอานะครับว่าเป็น ปลาช่อน หรือไม่ก็ปลา ชะโด แต่หัวมันไม่ใช่ มันทู่ ๆ พิกล... รสชาดเหรอ อร่อยมาก ๆ ครับ ร้านนี้กิน อาหารจีน เป็น อาหารจีน จริงครับ 555 ถ้าเป็นที่อื่น มันไม่ใช่ ที่ริมทะเลสาป อินเล กินอาหารไทย ต้มยำกุ้ง... ยังไงก็ไม่ใช่ ก่อนกลับไปนอนด้วยความอิ่มและ เปรมปรีย์ ชักรูปกันหน่อย ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ end 530,824 visit บล๊อก 529,278 st =1,546 งานเขียนประเภท Diarist
Create Date : 22 มิถุนายน 2558 |
Last Update : 26 มิถุนายน 2558 4:44:31 น. |
|
33 comments
|
Counter : 2303 Pageviews. |
|
|
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ ดีดี นะคะ
นับถือศาสนาเดียวกัน แต่ ก้อ มี สิ่ง ที่ ไม่เหมือนกัน
แต่ ก้อ อยู่ สังคมเดียวกันได้ดี