No. 571 บล๊อกประจำวัน จันทร์ - พฤหัสบดี |
|
ตะพาบตอน จะไม่กลัวอะไรอีกแล้ว |
|
เห็นหัวข้อของตะพาบคราวนี้ นั่งนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ แล้ว เขียนได้เลย แต่ |
ขอดูหลัง ดูหน้า ดูข้างก่อน |
เปล่ากลัวนี่นา ได้แต่ เจี๋ยว หัวจะแบะเอา 555 คือกลัวหลายอย่าง |
|
เพื่อน ๆ คงคิดว่า เกลียมัว ใช่เปล่า ...ไม่มีทางหรอก ตัวติ๊ดเดียวเอง น่ารักออกจริง ๆ |
|
ครั้งที่ เข้าทำงาน แถวสามแยก ถ้าใครเลยไปตรงนั้น จะมีสำนักงานใหญ่ของ |
ธนาคารเมืองเก่า ตั้งอยู่ตรงหัวหมุมแหลม เยื้องเป็น โรงแรมเอ็มไพร์ |
ตรงข้ามเป็นโรงหนังเฉลิมบุรี |
|
ผมทำงานอยู่ชั้นบนเป็นบริษัทในเครือ ของธนาคาร เป็นตึกเก่าทึม ๆ สีเขียว แม้แต่กระจก |
ยังเคลือบสีเขียวจาง ๆ ลดแสงจ้า
|
แถวนั้น ก๊วยเตี๋ยวจีนแคะ ใส่เต้าหู้ทอดแข็งผ่า |
กลางใส่หมูสับเคล้าไข่ขาว ปลาหมึกแห้งเป็นเส้น นำไปนึ่ง แป๊ะใช้ตะเกียบคีบใส่ 2 ชิ้น |
หมูบะช่อปั้นแบนหนา 1 ชิ้น กระดูกซี่โครงหมู 2 ชิ้น เส้นหมี่ฮุ้ง ตักน้ำซุบร้อน ๆ ลาด |
คน ๆ ชิม น้ำอร่อยมาก... ยิ่งกัดเต้าหู้ที่ว่า ข้างบน หอมหมูสับ เคี้ยวปลาหมึกแห้งแท้ |
เหนียวหอม ซดน้ำร้อน ๆ อร่อย น้ำลายไหลเลย 555 |
|
ไม่พอ... เดินเลยตรงข้ามธนาคารเอเซีย ตรงสามแยกอีกแหละ มี ร้านขายเนื้อเปื่อย หอมฟุ้ง |
คนแน่นมากตอนเที่ยง ต้องไปตอน 11 โมง.. สังเนื้อเปื่อย คนขายจะยกเนื้อลูกมะพร้าว |
คือเนื้อส่วนหนอกของวัว ก้อนใหญ่จากหม้อตุ๋นไอร้อน ลงมาเฉือนเป็นแผ่นหนา 2 |
แผ่นโตสับ เป็นสี่เหลี่ยมพอคำ หยิบใบคื่นฉ่ายโปรย ใบหอมซอยติ๊ด |
ตักน้ำราด ยกมาให้ |
ตักชิมน้ำ ฮือ..หอมเค็มนิด หวานจากน้ำเนื้อตุ๋น คีบเนื้อตุ๋นเปื่อยเคี้ยว โอ นุ่มหอมความหวาน |
จากน้ำที่แทรกในเนื้ออร่อยสุด ๆ ยกชามข้าวพุ้ยด้วยตะเกียบ |
บอกตรง สุดยอด... ตอนพิมพ์เล่า นี้ อยากกินอีก |
|
ปกติธนาคารจะเป็นอาคารสูง ผมกลัวความสูง เป็นคนบ้านนอกนี่นา แต่ต้องขึ้นลิฟท์แบบโบราณ |
ปิดแล้วกดลีฟท์ขึ้นชั้นบนเลยไม่ค่อยกลัวอะไร |
ระยะนั้น มีเพื่อนที่เรียนบัญชีห้องเดียวกัน เป็นนักเขียนการ์ตูนในหนังสือพิมพ์ที่ดังมาก ปัจจุบันก็ยังวาดอยู่ |
ทำอยู่ที่ธนาคารเดียวกันแต่อยู่ ข้างล่าง ก็ไปกินข้าวกันบ้าง เพราะเบื่ออาหารที่ธนาคารเลี้ยงตอน
กลางวัน พวกข้าวต้ม ถั่วคั่ว ยำไชโป๊ ยำกุ้งแห้ง
เมื่อก่อน จนท.ธนาคาร กับ จนท.บริษัทในเครือ จะกินข้าวเที่ยงในห้องเดียวกัน เพียงแต่แยกโต๊ะ ก่อนย้ายไปอยู่สถานที่ใหม่
ธนาคาร กับบริษัท ปรับเป็นเบี้ยเลี้ยงชีพแทน เลี้ยงอาหาร ใครใคร่กินอะไร ไปหากินเอง
ย้อนกลับไปครั้งที่เป็นนักฉีกฉา ติ๊ดหนึ่ง
|
เพื่อนที่เรียนด้วยกัน เป็น เพื่อน ๆ หญิงมากกว่าชาย หาผู้ชายเรียนบัญชีมีน้อยมาก วันหนึ่ง |
เพื่อนสนิทเป็นหญิง 2 คน มาบอกว่า ธิดา มีผู้ชาย มาดักเฝ้าหน้าบ้าน |
ที่บ้านซอยกลาง เดินตามขึ้นรถเมล์ด้วย ติดตามบ่อยมากเ ธิดากลัว ขอให้ผมช่วยไปรับส่งทุกวันด้วยได้เปล่า
|
|
เอาซิ เราต้องคุ้มครองเพื่อนหน่อย สวยด้วย แต่ให้ตายซิ...ผมไปรับส่งนานจนกระทั่งเรียนจบแต่ไม่เคย |
เห็นมีใครมาวอแว เธอเลย
|
ผมนี่โง่..ซะ 555 ก็ผมคนซื่อนี่นา
พอต่างคนต่างสำเร็จการศึกษาก็แยกย้ายกันไปทำงาน อยู่มาวันหนึ่ง
|
เธอคนนี้ จะมาเยี่ยม ที่ทำงาน ผมบอกว่า ได้เลย เราจะพาไปกินข้าว |
แถวโรงหนังเฉลิมบุรี หรือไป ร้านแถวเยาวราช ผมแนะนำบางอย่างแก่ ธิดา
บอกให้ยืนตรงข้างล่างนี้ ระยะนั้นในธนาคารค่อนข้างแคบ ไม่สดวก
|
|
วันนั้นพาไปกิน ข้าวแถว เจ็ดชั้น แล้วแวะมากินลอดช่องสิงคโปร์ |
เราสองคนดีใจที่ได้พบกัน เธอมีแฟนแล้วครับตอนนั้น แต่เรายังเป็นเพื่อนที่ดีกันเสมอ |
ก่อนจากกัน |
เราจะไม่มาหา นายอีกแล้ว |
เกลียดเราแล้วเหรอ |
เปล่า เรายัง อืม..เหมือนเดิม แต่เราเกลียด...... ฮึ |
อะไร |
เรายืนรอ นาย ฝั่งตรงข้ามธนาคาร ตาแป๊ะ แก่ ๆ ฟันหลอฟันที่เหลือก็เหลือง อ๋อย เดินมาชิด มันถามว่า |
ยี่เจ่ย
(เท่าไหร่) |
555 ผมอดหัวเราะไม่ได้ เกือบถูกเธอตบเอา เห็นเธอถือถุงกระดาษมาด้วยเลยรีบพูด
เราบอกว่าอย่าถือถุงกระดาษมา |
เราถือถุงกระดาษ เซ็นทรัล สวยด้วย ก็ไม่รู้นี่
|
ตาแป๊ะมันแยกไม่ออกหรอก... แถว สามแยก เจ็ดชั้นผู้หญิงถือถุงกระดาษโชคดี ใคร ๆ ก็รู้ว่า |
ทำมาหากิน กับของที่แม่ให้มา 555 |
|
ทำงานที่ชั้น 3 ของตึกธนาคารเมืองเก่านานเหมือนกัน จนกระทั่งธนาคารย้ายสำนักงานใหญ่ |
ไปอยู่ สี่แยกเพลินจิต... ผมก็ถูกย้ายไปอยู่ที่ใหม่ด้วย อยู่สูงชั้นที่ 8
|
โห สูงลิบ บริษัทให้นั่งติดด้านหลัง เป็นกระจกใส มองลงไปเห็นสถานทูตอยู่มีหญ้าเขียว |
ต้นก้ามปูใหญ่แผ่กิ่ง ใบร่มครึ้ม มีสระน้ำ สวยมาก |
นาน ๆ ผมจะมองไปบ้าง แต่บอกตรง เสียว.. เลยขอให้บริษัทติดมู่ลี่ บอกว่า |
แดดมันส่อง แสงจ้า ว่าเข้านั่น.. บริษัทก็ตามใจ.. |
|
จำเนียรเวลาผ่านไป เอะ ไม่เอาสำนวนโบ..มาก.. เวลาผ่านไปนานมาก ผมสนใจได้ไปเข้า |
ปฏิบัติธรรม 7 คืน 8 วันที่วัดอินทร์วิหาร คืออยากรู้อยากเห็น
|
พระอาจารย์ และ อาจารย์คนธรรมดามิได้บวช เช่นคุณกรรณิการ์ ธรรมเกษร กับอีกหลายท่าน |
อุตส่าห์สอนให้ แต่มีอาจารย์อยู่ท่านหนึ่งว่า พวกเราปฏิบัติธรรม มิได้ทำบาปเลย เป็นคน |
มีบุญ พวกวิญญานเร่ร่อน มักจะวนเวียนแถวที่พวกเราอยู่ เพื่อขอรับส่วนบุญ |
แต่ไม่ต้องกลัวนะ เขามาดี แผ่บุญกุศล เขาก็จะไป |
|
คืนที่ 4 หลังปฏิบัติธรรม ดึกมากแล้วประมาณ 5 ทุ่มผมนั่งคนเดียวระเบียงชั้น 4 ของวัด มองลงไปข้างล่าง |
นั่งอยู่นาน มาก... มีความรู้สึก ได้ยินเสียงแว่ว ๆ |
โดด ลงไปเลย ๆ ๆ
|
ใจผมคล้อยตาม แต่ กลัวความสูง จิตเริ่มต่อต้าน ไม่เอา ไม่โดด เลย รีบแผ่เมตตาให้ |
แล้วยืนขึ้นถอยหลัง สงบนิ่ง แล้วเดินกลับไปนอน.. |
|
ตั้งแต่นั้นมา ผมจะไม่ยืนหรือเดินใกล้ ที่อันตรายอยู่ระยะหนึ่ง เลยเข้าศึกษา
ด้านสมาธิอย่างจริงจัง เช่น ร่มอารามธรรมสถาน
วัดพระราม 9
สำนักสงฆ์เขาพระครู อ.ศรีราชา ที่เดียวกับที่คุณ มินตรา (มิลเม) บล๊อกเกอร์เคยไป เลยอาศัยนำภาพนี้มาเลย
|
|
และแน่นอนเรียนสมาธิที่ วัดธรรมมงคล ภาคทฤษฏี ปฏิบัติ เรียนทุกวันตอนเย็น ครึ่งปี สอบข้อเขียน ปฏิบัติผ่าน
แล้วจึงมีสิทธิ์ สอบภาคสนาม เดินธุดงค์ ที่ ดอยอินทนนท์ กินนอน อาบน้ำที่นั่น
|
ปัจจุบัน ผมไม่กลัวผีอะไรอีกแล้ว แล้วอย่างอื่น ไม่ว่าการงานที่ยาก งานที่ต้องติดต่อ |
ประสานงาน ไม่กลัวเฉย ๆ ถ้าพบว่าจะเสียหายเสียเงิน ก็คิดว่าไม่เป็นไร เราเสียแค่นี้ |
ไม่มากค่อยหาใหม่
ที่ไม่ค่อยกลัวอะไร เพราะการเรียนด้านสมาธิ ทำให้จิตใจเข้มแข็ง เพิ่มขึ้นทุกวันเพราะทำสมาธิบ่อย
ทำให้มีสติ ความรู้สึกดี สามารถแยกแยะอะไรออกได้ง่าย ทำให้ตัดสินใจทำงาน หรือตกลงทำอะไรได้ถูกหรือเหมาะสม
ข้างบนนี่เรื่องจริงนะครับ
|
แต่ แหะ ๆ อย่ามายืมตังค์ผมนะครับ ลูกสาวแม่ยาย ยังให้ใช้วันละ 30 บาทเอง |
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ
end 797,106
st.visit 794,660
2,546 คน
งานเขียนประเภท Diarist |