No. 366 บล๊อกประจำวัน จันทร์/ ศุกร์ |
|
ก่อนไปเมียนม่า กะจะไป ดูวัด 555 อย่าเพิ่ง |
เบือนหรือคลิ๊กหนีนะครับ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะไปดู จริงแล้วอยากจะเห็น |
บ้านเมืองของเมียนม่า คาดว่าจะคล้ายกับเมืองเชียงใหม่ เมื่อ 30 ปีก่อน |
|
อีกทั้งดูภาพที่เพื่อน ๆ เคยไปมาแล้ว มีเมืองเก่าที่ ชนอังกฤษเข้าไป |
อยู่อาศัยและครอบครัว มีสิทธิ์มีเสียงในการปกครอง ได้หลายอย่าง และที่ |
แน่นอนคือ อาคารที่ก่อสร้างไว้ คงจะสวยงาม มีเอกลักษณ์ |
|
ตอนเที่ยง กับตอนบ่าย แก่ แหะ ๆ คำนี้ไม่อยากจะพิมพ์เลย |
กลัวไปกระทบกระเทือนจิตของคนอื่น แต่ช่างเถอะเนาะ เราเดินกันเมื่อย |
น่อง เท้าระบม แต่ได้เห็นบ้านเมืองของเขา คุ้มนะผมว่า |
|
หลังจากนั่งแท๊กซี่กลับโรงแรม เปิดแอร์เย็นฉ่ำ อาบน้ำเย็น สระหัวก็ |
นอนหลับพักผ่อน หลับไปพักใหญ่ ตื่นขึ้นมาดูละคร |
|
เจอละครพม่า คล้าย ๆ กับไทยสมัยก่อน ชนิดมี คนรับใช้ยืนมือกุมเป้า |
5 คน แล้วถูกนายด่า แบบละครเวที แสดงสีหน้าเวอร์สุด ๆ ส่วนคนรับใช้ |
ก็พยักหน้า กันลับหลังนายด่า ไงงั้นแหละ |
เอ.. หรือว่า เหมือนละครไทยสมัยปัจจุบัน ช่องไหนไม่บอก... |
|
|
พวกเราลงมา เข้าไปห้องทานอาหารโรงแรม และเห็นพ้องกันว่า |
จะกินที่นี่กันก่อน คงจะอร่อยกว่า ก่อนเดินเที่ยวเมืองเก่า คือ รอให้แดดร่มลง |
อากาศจะได้เย็น อีกอย่างไม่ค่อยแน่ใจอาหาร ข้างนอก เพื่อน ๆ ที่ไปเที่ยว |
เคยเตือนว่า ไม่อร่อย... |
|
........ |
......... |
ไม่แพงเลย 19,000 จ๊าดคิดเป็นเงินได้ 500 กว่าบาท |
รสชาติพอไหวครับ ราคานั้น รวม โค๊ก 2 กระป๋อง และน้ำดื่ม 1 ขวดนะครับ |
|
ออกจากโรงแรม มีรถแท๊กซี่มาพอดี เรียกไปส่ง เมืองเก่าของเมียนม่า |
ราคาไม่แพงครับ หมายถึงค่าแท๊กซี่นะ 2 พันกว่าจ๊าด ไม่ถึง |
100 บาทไทย... คันไหนคันนั้น ไม่โก่งราคาเหมือนพี่ไทย ระหว่างที่นั่ง |
รถ มากมายเต็มถนน รอไฟเขียวบางที่ 90 วินาที |
พอไฟเขียว ก็ได้ขยับไป 30 เมตรจอดอีกแหละ ก็ต้องสองขยักจึงผ่าน |
สี่แยกได้ |
|
ใช้ค่าแท๊กซี่ให้คุ้ม เลยได้รู้จากปากแท๊กซี่ว่า ส่วนใหญ่ใช้แก๊ส |
LPG เป็นเชื้อเพลง ตกลิตรละ 30 บาทไทย โอ..แม่เจ้า |
แก๊สแพงกว่าไทย เท่าตัว แต่แท๊กซี่ ไม่เอาเปรียบลูกค้าเหมือน พี่ไทย |
|
นั่งถ่ายรูปบนแท๊กซี่ไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็ถึง ย่านเมืองเก่า |
|
|
|
|
ข้างล่างนี้ ยังไม่ได้รีโนเวท หรือปรับปรุง คงอีกไม่นานที่จะต้องใช้ |
ย่านนี้เป็นย่าน ธุรกิจ เป็นส่วนใหญ่ บ้านคนไม่ค่อยมี ที่ดินคงแพงมาก ๆ |
ชาวต่างชาติ รวมทั้งไทย มักจะไปเยือนแห่งนี้ |
|
ลักษณะอาคาร หรือบ้านจะหลังโตมาก ๆ ที่ชาวอังกฤษก่อสร้างไว้ใช้ใน |
กิจการ และที่พักอาศัยในสมัยก่อนที่พวกเราจะเกิด |
|
เราเดินดู ถ่ายรูปไป จนเมื่อยขา เห็นเจดีย์สีเหลืองทองอร่ามในยามเย็น |
ดูสะดุดตา สวย เลยแวะเข้าไปสักการะซะหน่อย จริงแล้วบอกตรง ๆ |
อยากเห็นเจดีย์หรือวัด 555 |
|
|
|
ก่อนเข้าเราเดินดูรอบ ๆ วัด ซูเล่ จะมีร้านค้าเล็ก ๆ พวก ขายนาฬิกา |
กล้องถ่ายรูปโบราณ ของใหม่ ขายหมากพลู อ้าวนั่น มีขายมือถือด้วย |
ต้องบอกก่อนว่า ระบบโทรศัพท์ในพม่า เอเลนอร์ ยึดครอง |
เพื่อน ๆ งง..ใช่เปล่า มีเครื่องหมายใบพัดเรือหางยาว ของ ดีแทก เต็ม |
ไปหมดทั้งเมืองก็ว่าได้ |
|
ชาวเมียนม่า ใช้แอนดรอย ปัด ๆ จิ้ม ๆ กันทุกที่ ขนาดคนปั่น |
สามล้อยังใช้ ดีนะ...ไวน์ไม่นำซัมซุงที่ใช้ประจำราคา 470 บาทติดตัวไป |
ไม่งั้น ขายหน้าเขาแย่ |
|
วกเข้าวัดซูเล่ ดีกว่า ทางเข้าวัดมีหลายทาง แต่ทุกทาง เขาเก็บเงิน |
คนต่างประเทศ รวมทั้งคนไทยด้วยคนละ 3 US เกือบ 100 บาทไทย |
พอจ่ายเงินเสร็จก็มี สติกเกอร์แปะติดออก |
|
|
|
ส่วนรองเท้า นำไปวางไว้ที่ชั้น.... คงไม่หายนะ |
|
ข้างในมีเจดีย์สีทองตั้งอยู่ จะมีคนเมียนม่าเดินไปดูไม่น้อยเลย |
ไปวันแรกเห็น หญิงชาวพม่า หุ่นบาง สวย น่ารักเป็นส่วนใหญ่ ส่วนชาย |
เมียนม่า รูปร่างไม่ใหญ่ ค่อนข้างผอม ไม่ค่อยหล่อ แถมไม่พอ คนหนุ่ม ๆ |
เคี้ยวหมากสีแดง เยอะมาก |
|
......... จะว่า เจดีย์ซูเล่ เล็กก็ไม่ได้ ถ้าจำไม่ผิดคำว่า ซูเล่ หมายถึงใหญ่ เดินรอบ ๆ ไหว้พระ ถ่ายรูป เมื่อย ก็นั่งพักกัน ....... |
เราเดินดู กับไหว้พระ ไม่นานครับ เพราะวัดแห่งนี้ไม่กว้างเท่าใด |
เรียกว่า ไม่คุ้ม แหะ ๆ จริงนะครับ |
|
ไวน์เดินลงมา ถ่ายภาพข้างล่าง รอทีมเที่ยว ตรงที่วางรองเท้า |
คนที่ไปเที่ยวทั้งเมียนม่า คนจีนใต้หวัน ฝรั่งอั้งม้อ หัวแดง ผมดำถักเปีย |
ทั้งหัว ต่างลงมาเลือกรองเท้าของตนเองใส่แล้วเดินจากไป |
|
เจ้าหน้าที่หญิง 2 คนนั่งมองเฉย ๆ คือไม่มีการแจกเบอร์ฝากนะครับ |
ครู่เดียว เสียงหญิงที่นั่งอยู่ โวยวาย แล้วเดินมาที่เด็กหญิง |
น่าจะ 11 - 12 ขวบตัวดำผอม ให้ถอดรองเท้าออก |
|
พอจับใจความได้ เด็กหญิงคนนี้ ไม่ได้ใส่รองเท้ามา น่าจะเดินเข้าไป |
แล้วกลับมาข้างล่าง คงจะเหล่ รองเท้าคีบสีชมภู ว่าสวย |
เลยหยิบมาใส่ กะจะเดินออกไป เพราะความอยากได้ |
|
พอถูกจับได้ เลยถอดรองเท้า เดินออกไปอย่างรวดเร็ว หายไป |
เฮ้อ... |
ย้อนกลับมาดู เจ้าหน้าที่หญิงที่เฝ้ารองเท้า เขายังมีเมตตา ให้ | เด็กหญิงถอดรองเท้าไว้ แล้วปล่อยไป เพราะพม่าหรือ เมียนม่า ก็เป็น | เมืองพุทธ เช่นไทย...ครับ | |
เดินดูรอบ ๆ วัดนี้ต่อ วันนี้นำมาให้ดูบางส่วนนะครับ เมืองเก่านี้กว้าง เราต้องไปดู กันสองวันในวันรุ่งขึ้น |
|
...... |
ข้างล่าง เขาเรียกว่า ซิตี้ฮอลล์ ยังใช้ทำงานอยู่ |
|
..... |
|
|
..... |
|
|
บางถนน ร่มรื่น เดินสบายหน่อย หมายถึง บนฟุตบาทนะครับ แต่อย่างไปเดินเฉียดข้าง ถนนเลย เสียว |
|
โชว์รูปตัวเองซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่า ไวน์ไปถ่ายชาวเมียนม่าแถวมหาชัยมา |
|
สังเกต ชายชาวเมียนม่านุ่งโสร่ง จะเห็นเหน็บมือถือไว้ตรงเอว บางคนเหน็บ 2 เครื่องเลย.. |
|
เดินจนเมื่อย แสงเริ่มหมด ไฟจากร้านค้า ถนนส่องสว่าง ได้เวลากลับ เรียกแท๊กซี่กลับที่พัก ไม่แพงครับ แต่ขอบอกก่อน คนขับแท๊กซี่ ตอนโพล้เพล้..มักจะผิวดำ คล้ายแขกอินเดียว เรียกราคา 4,000 จ๊าด เราไม่เอาหรอก เรียกอีกคันได้ราคา 2,500 จ๊าดเป็นเงินไทยประมาณ 80 บาทไทย ไปถึงหน้าโรงแรมมืดมาก คือถนนเขาไม่ค่อยติดไฟเท่าใด ลองดูซิครับ |
การตักบาตร ที่ หลวงพระบาง เค้า จะ ใส่ เป็น ข้าวเหนียว และ พวกขนม ค่ะ เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยว แต่ ถ้า ไป ใส่ ที่วัด ก้อ จะ มีการ จัด เหมือนบ้านเรา ค่ะ
จากที่ ขวัญ เคย ไป เที่ยว มา ทั้ง หลวงพระบางและ เชียงคาน การตักบาตร เค้า จะตักบาตร เหมือนๆกัน ค่ะ
พอ เราตักบาตรเสร็จ บางคน จะเอากับข้าวไปถวายที่วัดต่อค่ะ
ที่หลวงพระบาง พระ และ เณร จะเดินเร็วมาก ใส่แทบไม่ทันเลยค่ะ
พม่า ดู น่าสนใจ ที่ไปเที่ยวดีนะคะ
เมืองเค้า น่าอยู่มั้ยค้ะ และอาหารการกินเหมือนบ้านเรา มั้ยค้ะ