We don't know future. What we don't know exactly always contains risk. When we take risk, we bet. Therefore, investment is a calculated bet. Just bet wisely.
Group Blog
เศรษฐกิจ/ การเงิน/ การลงทุน
คอมพิวเตอร์/ วิทยาศาสตร์/ เทคโนโลยี
ข่าวสารบ้านเมือง/ กีฬา/ บันเทิง
ท่องเที่ยว
บันทึกประสบการณ์การลงทุน
บันทึกส่วนตัว
<<
ธันวาคม 2552
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
25 ธันวาคม 2552
เลือกอะไรดีระหว่าง LTF กับ RMF ?
All Blogs
ซื้อหุ้น P/E ต่ำดีกว่าหุ้น P/E สูง จริงหรือ?
หลักเกณฑ์การลงทุนหุ้นปันผล
Richard Rhodes' Trading Rules
Interview with Jim Leitner
อ่านบทวิเคราะห์: ว่าด้วยเรื่องมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม
เลือกอะไรดีระหว่าง LTF กับ RMF ?
เล่นหุ้นในภาวะวิกฤต (บทสัมภาษณ์ ดร. นิเวศน์)
วางแผนการลงทุน LTF/RMF
ทำไมการทำเงินจากตลาดหุ้นถึงได้ยากนัก
คิดอะไรไม่ออก ... ซื้อหุ้น
พอร์ตโบรกเอาเปรียบรายย่อยจริง หรือเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดๆ ??
เทคนิคการเล่นหุ้นปั่นโดยไม่ให้เสียเปรียบนักปั่นหุ้น
เทคนิคการลงทุนหุ้นเติบโตสูง
การลงทุนแบบปัจจัยพื้นฐานและการเก็งกำไร ความเหมือนที่แตกต่าง
ลงทุนแบบไหนดีที่สุด
เรียนรู้ 3 สิ่งเพื่อการเป็นนักลงทุนที่ดี
กฎเหล็กของการลงทุน
การลงทุนที่ควรหลีกเลี่ยง
เงินไม่ใช่ทุกสิ่ง
เลือกอะไรดีระหว่าง LTF กับ RMF ?
สมมตินะครับว่าคุณมีเงินอยู่จำกัด เพราะในเดือนๆหนึ่งเราต้องเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อมาซื้อกองทุนรวมเพื่อลดภาษี ถ้าสมมติว่าคุณมีเงินไม่พอที่จะซื้อทั้งคู่ ทั้ง LTF และ RMF และคุณเป็นคนที่กลัวการขาดทุน คุณเพียงอยากได้ผลประโยชน์ด้านภาษีเท่านั้น คุณควรจะซื้ออะไรดี?
ใช่ครับหลายคนคิดถึง RMF เพราะว่า keyword ของคำถามคือ กลัวการขาดทุน ดังนั้นนักลงทุนหลายคนจึงโฟกัสไปที่ RMF และเลือกการลงทุนในกองทุนประเภทตราสารหนี้ แต่คำตอบของผมคือLTF ครับ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?.
สมมติว่าคุณเป็นนักลงทุนอายุ 30 ปี และฐานภาษี 30% ถ้าคุณซื้อ RMF วันนี้ คุณจะต้องรอจนถึงอายุ 55 ปี คุณถึงจะขายกองทุนและได้เงินคืน ซึ่งหมายความว่าเงินลงทุนของคุณจะถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลา 25 ปี ในระหว่างนี้จะถอนมาใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่คุณจะไม่ต้องกลัวความเสี่ยงเรื่องการขาดทุน แต่ถ้าเป็นผมถ้าต้องเลือกแค่อย่างใดอย่างหนึ่งผมเลือก LTF เพราะในปีแรกที่คุณซื้อ LTF คุณได้เงินสดกลับมาทันที 30% เมื่อคุณถือครบ 5 ปี คุณก็สามารถทำการขายและนำเงินที่ได้คืนมานั้นไปซื้อ LTF ของปีที่ 5 ในการซื้อครั้งนี้คุณจะได้เงินคืนกลับมาอีก 30% หลังจากที่คุณทำครบสามครั้ง นั่นคือในปีที่ 9 คุณจะได้เงินคืนภาษีครั้งที่ 3 จำนวน 30% รวมเงินคืนภาษีสามครั้งได้คืนรวมเท่ากับ 90% และเนื่องจากตลาดหุ้นจ่ายปันผลปีละประมาณ 3% รวม 9 ปีจะได้ปันผลเท่ากับ 27% ดังนั้นรวมเบ็ดเสร็จแล้วคุณได้เงินคืนกลับมาเท่ากับ 90+27%= 117% ซึ่งมากกว่าที่คุณได้ลงทุนไป(ลงทุนไป 100บาท ได้มา 117 บาท) ดังนั้นไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงคุณก็ไม่ขาดทุนในเงินที่คุณลงทุนไปแล้ว เห็นมั้ยครับ เพียงแค่ 9 ปีเท่านั้น LTF ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า RMF แล้ว
และถ้าเราทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนครบ 25 ปี ซึ่งเท่ากับระยะเวลาที่เราจะขาย RMF พอดีเราจะได้ผลตอบแทนดังนี้ครับ เนื่องจากกระแสเงินสดไหลเข้ามาคนละปีกัน เราจะใช้วิธีคำนวณแบบ IRR ซึ่งวิธี LTF จะพบว่าเงินลงทุนครั้งแรกครั้งเดียวนั้นให้ผลตอบแทน IRR=9.33% (โดยยังไม่นับเงินปันผล และสมมติว่าขายหุ้นคืนได้ที่ราคาเดิม) ในขณะที่ RMF ให้ผลตอบแทน IRR= 1.5% เท่านั้น(โดยยังไม่นับดอกเบี้ยจากกองทุนตราสารหนี้) นอกจากนั้นผมกล้าฟันธงได้อีกว่าในอนาคตอีก 25 ปีข้างหน้านั้น ราคาหุ้นก็คงจะปรับตัวสูงกว่าในปัจจุบันมากนัก ซึ่งจะยิ่งทำให้ผลตอบแทนของ LTF สูงขึ้นไปอีก เห็นมั้ยครับว่าการลงทุนแบบไหนดีกว่ากัน แม้ว่าคุณจะกลัวการขาดทุนก็ตาม
ในกรณีฐานภาษี 20% นั้น ก็ยังให้ผลตอบแทน IRR สูงถึง 5.74% ซึ่งกลายเป็นว่าในระยะยาวแล้ว ฐานภาษี 20% ถ้าลงทุนใน LTF กลับให้ผลตอบแทนสูงกว่า ฐานภาษี 30% แต่ลงทุนใน RMF (ประเภทตราสารหนี้) !!
ดังนั้นถ้าผมต้องเลือกระหว่างกองทุน LTF กับ RMF แล้วล่ะก็ ผมเลือกซื้อ LTF ก่อนครับ แต่ว่าถ้าคุณมีเงินเก็บมากพอที่จะซื้อได้ทั้งสองประเภท ผมแนะนำให้ซื้อทั้งคู่ครับ นอกจากประหยัดภาษีแล้ว การลงทุนก็เป็นเรื่องที่ดี จริงมั้ยครับ ^_^
Create Date : 25 ธันวาคม 2552
Last Update : 18 มิถุนายน 2558 6:51:38 น.
7 comments
Counter : 1829 Pageviews.
Share
Tweet
ใกล้ปีใหม่นี้ขอให้คนดี
มีร่างกายที่ล้นเปี่ยมพลังมากมาย
ไม่มีโรคร้ายใดใดกวน
ที่ผ่านมาถือว่าฟาดเคราะห์เสียงดังเปราะให้จงหาย
ต้อไปนี้ทรัพย์ที่มีจะเพิ้มขึ้นอีกมากมาย
ไม่มีภัยอันตรายมาเยี่ยมเยียน
ที่เคยรักจะพานพบกับคนแท้จริง
ให้ได้อิงเอียงแอบแนบชิดใจ
โดย:
chabori
วันที่: 25 ธันวาคม 2552 เวลา:18:26:52 น.
ขอบคุณมากครับ
Merry X's mas และ Happy new year เช่นกันครับ : )
โดย:
Rhythm of Love
วันที่: 26 ธันวาคม 2552 เวลา:10:55:50 น.
มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณมากครับ
โดย: Wave Rider IP: 115.67.66.81 วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:22:47:44 น.
แต่ได้ยินมาว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ LTF จะได้ถึงแค่ปี 2559 ไม่ใช่หรือครับ ถ้างั้น เราก็คงทำตามวิธีนี้ได้อีกแค่ 6 ปี
โดย: Dr.TON IP: 114.128.47.247 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:35:03 น.
ผมก็เคยวิเคราะห์เรื่องนี้ครับ แน่นอนว่า LTF เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ดีกว่าRMF แต่ติดที่ว่าความเสี่ยงที่สูงกว่าเช่นกันเนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น ดังนั้นเราสามารถลดความเสี่ยงนี้ได้จากการซื้อ LTF ที่มีการ Short Derivative ไว้ครับ เท่าที่รู้มีของ บลจ.วรรณ กับ กสิกรไทย แตลองพิจารณารายละเอียดให้ดีนะครัยว่าการ short ของเค้า Cover การลงทุนกี่เปอร์เซ็นของพอร์ต
โดย:
yagle
วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:15:06:13 น.
ใช่ครับ หมดปี 2559 ผมเองก็ลืมเรื่องนี้ไปในตอนแรกๆที่เขียนครับ
โดย:
Rhythm of Love
วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:21:17:04 น.
เห็นด้วยกับคุณ yagle ครับ
โดย:
Rhythm of Love
วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:21:18:38 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Rhythm of Love
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
Reuters
New Comments
Live Traffic Stats
Friends' blogs
yagle
Webmaster - BlogGang
[Add Rhythm of Love's blog to your web]
Links
Reuters
Bloomberg
นสพ ผู้จัดการออนไลน์
นสพ ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
นสพ กรุงเทพธุรกิจ
CNN
CNBC
Money Channel
ตลาดหลักทรัพย์
SETTRADE
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
มีร่างกายที่ล้นเปี่ยมพลังมากมาย
ไม่มีโรคร้ายใดใดกวน
ที่ผ่านมาถือว่าฟาดเคราะห์เสียงดังเปราะให้จงหาย
ต้อไปนี้ทรัพย์ที่มีจะเพิ้มขึ้นอีกมากมาย
ไม่มีภัยอันตรายมาเยี่ยมเยียน
ที่เคยรักจะพานพบกับคนแท้จริง
ให้ได้อิงเอียงแอบแนบชิดใจ