Step up & Save The Last Dance ( 2006 & 2001 )
" บำเพ็ญประโยชน์ให้กับโรงเรียนนี้ เป็นเวลา 200 ชั่วโมง " คือบทลงโทษที่ ไทเลอร์ เกจ ( Channing Tatum ) ได้รับ หลังจากเขาเข้าไปทำลายข้าวของอย่างคึกคะนองในโรงเรียนศิลปะประจำรัฐแมรี่แลนด์ และถูกพี่ยามรักษาการณ์คว้าตัวไว้ได้ ส่วน แมค คาร์เตอร์ ( Damaine Radcliff ) และ สกินนี่ คาร์เตอร์ ( De'Shawn Washington ) น้องชายของแมค ต่างก็รอดพ้นการจับกุม ในคลาสบัลเล่ต์ นอร่า คลาร์ค ( Jenna Dewan ) กำลังเฟ้นหาคู่เต้นชายคนใหม่ สำหรับการแสดงวันจบปีการศึกษา เนื่องจากคู่เต้นคนเก่าเกิดข้อเท้าแพลง คัดไปก็หลายคนแต่ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถรับน้ำหนักตัวเธอได้เมื่อถึงท่าที่เธอต้องกระโจน---กระโดดเข้าหาคู่เต้นและต้องยกตัวเธอขึ้นเหนือไหล่ให้ได้ด้วย จึงเป็นการคัดเลือกที่ทุลักทุเลทีเดียวเชียว ไทเลอร์ เห็นแล้วนึกขำอยู่ในใจขณะที่เขาก็กำลังทำความสะอาดเช็ดกระจกอยู่ในห้องนี้เหมือนกัน เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว เขาจึงอาสาจะลองเป็นคู่ซ้อมให้เธอ นอร่า มอง ไทเลอร์แบบ " ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างนายรู้จักบัลเล่ต์ด้วยเหรอ " ในทีแรก และประมาณว่า " เด็กแรปโย่เจ้าปัญหาอย่างนายเรอะจะมาช่วยอะไรชั้นด๊าย " แต่ เมื่อเธอยอมให้โอกาส ( ทั้งตัวเองและ ) เขา ได้ลองรับตัวเธอขณะกระโจนเข้าหา ตามท่วงท่าการเต้นนั้น ปรากฏว่า
.. หมดห่วงไป เพราะ ไทเลอร์ สามารถค่ะ แค่นี้สบายมาก จิ๊บ จิ๊บ ( ก็แหมร่างกายกำยำขนาดนั้นนี่ ) นอร่า จึงไปขออนุญาตอาจารย์ กอร์ดอน ผู้อำนวยการโรงเรียน ( Rachel Griffiths ) ว่าให้ ไทเลอร์ ช่วยมาเป็นคู่ซ้อมในระหว่างรอคู่เต้นตัวจริงพักรักษาข้อเท้า
เมื่อไทเลอร์ได้มีโอกาสทำความรู้จัก " การแสดงออกในการเต้นด้วยวิธีอื่น " อันที่เขาและเพื่อนเคยมองว่าการเต้นบัลเล่ต์นั้นเป็นเรื่องของกลุ่มลูกคนมีอันจะกินเค๊าเรียนกันแล้ว เขาเริ่มรู้สึก รัก ตั้งใจ ใส่ใจกับมันเป็นพิเศษ จนถึงขั้นทำให้เขาได้รู้จักกับความหมายของคำว่า " ชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย " เลยทีเดียว เขาอยากเรียนต่อที่โรงเรียนแห่งนี้ ยิ่งเมื่อ นอร่า ยอมรับฟังความคิดเห็นของเขาในการพลิกแพลงท่าเต้นด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งทุ่มเทจนแทบจะไม่สามารถหาเวลาและปลีกตัวไปเจอเพื่อนร่วมก๊วนเลย ฝ่าย แมค เพื่อน(เคย)ซี้ เมื่อเห็นไทเลอร์มาเฝ้าหญิงและแถมยังมาเรียนเต้นอะไรแบบนี้อีก เขาเลยตัด ไทเลอร์ ออกจากกลุ่ม (กลุ่มที่มีกัน 3 คนนั่นแหละ! ) กว่าที่ทั้ง ไทเลอร์ และ นอร่า จะได้พบกับความแช่มชื่น ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก และ การเต้น ระหว่างทางก็อุดมไปด้วยอุปสรรคนานามาพิสูจน์
ตามสูตรAnne Fletcher เป็นทั้งผู้กำกับและเป็นนักสอนท่าเต้นของหนังเรื่องนี้ หนังเกี่ยวกับการเต้นบัลเล่ต์ในอารมณ์คล้ายๆเรื่องนี้ หลายคนคงจะนึกไปถึง Save The Last Dance ที่ จูเลีย สไตล์ ได้แสดงเอาไว้เมื่อปี 2001 ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่โครงสร้างของหนัง การดำเนินเรื่อง หรือ จุดเปลี่ยนของตัวละครของทั้งสองเรื่องจะคล้ายๆกัน เพราะ ทั้ง Step up และ Save The Last Dance เป็นฝีมือการเขียนบทของ Duane Adler นั่นเอง แต่
.ถ้าจะดูกันจริงๆแล้วถึงแม้สองเรื่องนี้จะมีอะไรที่เต้นๆเหมือนกัน มีการผสมผสานระหว่างท่าเต้นของฮิป-ฮอปและบัลเล่ต์ เหมือนกัน ตัวละครมีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน ( เรียนต่อในสถาบันสอนเต้นชื่อดัง) แต่ สำหรับผู้ชมที่ต้องการความเป็นดราม่า Save The Last Dance คงเป็นคำตอบที่ออกเสียงได้ดังฟังชัดกว่า Step up แน่นอน ทั้งเนื้อหาที่หนักแน่นกว่า จริงจังกว่า เพราะมีเรื่องความแตกต่าง(ที่สร้างความแตกแยก)ในเรื่องสีผิว และตัวละครเอกมีปมหลังฝังอยู่ จึงเกิดความขัดแย้งในตัวเองด้วย หนังเลยออกมาหม่นกว่า Step up อย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ทั้งนั้น ใครว่าจะเสียดายเงิน 100 บาท หากต้องเสียไปเพราะดู Step up ล่ะก้อ สุดแท้แต่ ( เพราะเพื่อนมันยี้แขวะและค่อนขอดอยู่เนืองๆ ) แต่ว่า จขบ.ล่ะปลื้มกับหนังเรื่องนี้อย่างออกหน้าออกตา และลำเอียงชนิดกระเท่เร่เลยล่ะค่ะ ชอบทั้งเพลงที่แสนจะเร้าใจทำเอาหัวใจเต้นตั่บๆ ๆๆ ราวกับว่ามันกำลังกระโดดจั๊มยังไงยังงั้น แถมยังท่าเต้นเข้าจังหวะแบบเด็กแร็ปโย่เค๊าเต้นกันนั้นอีก
. ยิ้มมันทั้งเรื่องเลยงานนี้ หุ หุ ( ปอลอ เต้นได้ ก็เต้นไปแว้วววว )
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2549
11 comments
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2549 21:36:31 น.
Counter : 1626 Pageviews.
โดย: unwell 30 พฤศจิกายน 2549 17:30:42 น.
โดย: wa IP: 124.120.25.20 6 กุมภาพันธ์ 2551 21:27:54 น.
.Just wait until night
then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
flashdance กับ footloose ด้วย