AN INCONVENIENT TRUTH :: a global warning ( 2006)
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ที่มีขึ้นในคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 นั้น จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้รับการประกาศว่าสามารถเอาชนะ อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ ( เป็นรองประธานาธิบดีของนายบิล คลินตัน ) คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตไปได้ นาย Albert Gore หรือมักเรียกกันสั้นๆว่า อัล กอร์ หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนั้น เขาก็ได้ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย และในระหว่างนั้น เขาสนใจใส่ใจและเริ่มศึกษาเรื่อง มลภาวะและสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อโลก รวมทั้งมนุษย์และชาติพันธุ์อย่างจริงจัง และได้เดินทางไปในหลายๆประเทศในเวลา 6-7 ปีที่ผ่านมา บ้างก็ตามนักวิทยาศาสตร์ไป เพื่อเก็บภาพและข้อมูลต่างๆ จนวันนี้ ได้เกิดสารคดีเรื่อง AN INCONVENIENT TRUTH ขึ้นมา และได้รับรับรางวัลพิเศษ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2549 ที่ผ่านมา จากรางวัล Humanitas Prize ** โดยรางวัลดังกล่าวระบุว่าบทสารคดีเรื่องนี้มีนัยยะสำคัญ ที่กระตุ้นให้ผู้คนในสังคมโลกได้ตระหนักถึงผลกระทบจากอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น ตัวสารคดีเรื่องนี้ เริ่มเรื่องด้วยเสียงบรรยาย (over voice) ของอัล กอร์ พร้อมกับภาพของต้นไม้ริมลำธารเล็กๆ แห่งหนึ่ง ใบไม้กำลังพริ้วสะบัดล้อลมเอื่อยๆ ประกอบกับแสงนวลตาของดวงอาทิตย์ส่องลอดผ่านใบไม้ ตกกระทบสู่ผิวน้ำ และเกิดแสงระยิบระยับ ชวนฝันทีเดียว แต่บรรยากาศอย่างนี้ ... อาจจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว หากมนุษย์เรายังเพิกเฉยและละเลย ต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่นับวันจะยิ่งร่อยหรอลงไป และหากทุกวันนี้เรามองยังไม่เห็นและยังรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัวล่ะก็ คิดผิดถนัด
. และคิดผิดอย่างไรนั้น นายอัล กอร์ ที่ครั้งนี้ เป็นวิทยากรพิเศษ ขออาสาเป็นผู้ชี้แจง
การนำเสนอข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวถึงภาวะที่โลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย คลื่นความร้อน ที่ส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิต กระแสน้ำเย็นน้ำอุ่น ที่แปรเปลี่ยน เฮอริเคน ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และนับวันมีแต่จะขยายขนาดใหญ่ขึ้น รุนแรงขึ้น การปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ แหล่งน้ำลดหาย หรือกระทั่ง การเพิ่มประชากรของมนุษย์ ชนิดก้าวกระโดด ทั้งหมดนี้ (และมากกว่านี้ ) ถูกนำเสนอโดยการใช้สื่อทางดิจิตอลทั้งที่ฉายให้เห็นเป็นภาพถ่าย ทั้งเป็นอนิเมชั่นเรื่องสั้น แผนภูมิสถิติ ที่เป็นกราฟฟิค จึงทำให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เราคาดว่าน่าจะหนักอึ้งนั้น กลับรับรู้ได้ง่ายไม่ยากเกินตามทัน และสนุก ไม่เบื่อ และ คงเพราะด้วยการมีวาทะศิลป์ในการพูด ขณะเล่าเนื้อหาเป็นชุดๆนั้น นายอัล กอร์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินเรื่องเพียงคนเดียวเหมือนเดี่ยวไมโครโฟนนั้น ก็มักมีมุขตลกขำขัน เรียกเสียงหัวเราะเล็กๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ดึงดูดทั้งผู้รับฟังการบรรยาย (ในหนัง) และผู้ชมในโรงให้สนใจใคร่ติดตามได้จนจบ ลองดูภาพบางส่วนที่นำมาเปรียบเทียบระหว่างอดีตกับปัจจุบัน
**
วันนี้ เมื่อเรารับรู้ถึงมหันตภัยครั้งใหญ่ของโลก ที่กำลังคืบคลานเข้าใกล้ตัวเราขนาดนี้แล้วยังนึกภาพไม่ออกว่า เราจะได้รับผลกระทบจากภาวะนี้อย่างไรล่ะก้อ ขอให้ลองนึกในวงแคบลงว่า ก่อนหน้านี้เคยมีไหมที่น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ ก่อนหน้านี้เคยมีไหมที่ฝนตกหนักติดกันหลายวันถนนขาดและดินถล่ม ดินไหล หรือ ก่อนหน้านี้เคยมีไหมที่น้ำหลากพัดพาบ้านเรือนเสียหายเป็นร้อยเป็นพันหลังคาเรือนขนาดนั้น หรือราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นชนิดไม่มีเพดานให้ติด ต่างๆเหล่านี้ ต่างเป็นผลกระทบชนิดลูกโซ่ที่พ่วงมาจากเราทั้งหลายทั้งก่อนหน้านี้และปัจจุบันได้ร่วมกันใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างบ้าคลั่งนั่นแลและวันนี้ เรา
มนุษย์ตัวเล็กๆ หนึ่งในแสนแสนล้านคนบนโลกใบนี้ สามารถชลอและช่วยแก้ปัญหาระบบนิเวศน์และภาวะโลกร้อนได้ อย่างไม่เหนือบ่ากว่าแรง คือการเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดไฟ ใช้หลอดประหยัด ใช้น้ำมันรถชนิดที่ไม่ก่อมลภาวะ ถ้าไปไหนไม่ไกลให้ใช้วิธีเดินหรือจักรยาน
ซื้อหนังสือเล่มสองเล่มก็ไม่ต้องใส่ถุงพลาสติค (อันนี้บอกเอง ^_^ ) และอีกหลายประการ ที่ตอนท้ายของหนัง จะบอกเรามาเป็นชุด เมื่อเราตระหนัก ได้อย่างนั้นจริงและเริ่มลงมือช่วยกันเสียแต่วันนี้ ผลดีและคุณประโยชน์ย่อมค่อยๆก่อขึ้นและเห็นผลในอีกหลายสิบปีข้างหน้า อย่างแน่นอน มันอาจจะดูเป็นเวลาที่ยาวนานนักสำหรับผู้ที่รอ จะเห็นผล ก็ขอให้นึกเสียว่าคนรุ่นต่อๆไปและต่อๆไป หรือลูกหลานจะได้ไม่ประสบภาวะแร้งแค้นอย่างที่เราๆท่านๆเผชิญอยู่ก็แล้วกัน อยากให้ทุกคนได้ดูนะ ถึงแม้เราเองไม่ได้มาจากองค์กรพิทักษ์โลกหรือ กรีนพีซ แต่ก็ยังอยากเชิญชวนให้ทุกท่านได้ไปดู อย่างน้อยก็เพื่อไปรับรู้ความจริงว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่หลังจากนั้นแล้ว หากจะคิดจะทำประการใด ก็สุดแท้แต่ค่ะ
** Humanitas Prize เป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้เขียนผลงานด้านภาพยนต์หรือโทรทัศน์ ที่พูดถึงความเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่า มีศักดิ์ศรีที่สง่างามกับคุณค่าของชีวิต โดยเริ่มจัดตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1974 ในปี 2005, Hotel Rwanda ได้รับรางวัลนี้ไปในส่วนของ feature film และ ด้านโทรทัศน์ตกเป็นของ The West Wing Format :: @ Scala
Create Date : 03 กันยายน 2549
19 comments
Last Update : 3 กันยายน 2549 19:43:02 น.
Counter : 1396 Pageviews.
โดย: keyzer 3 กันยายน 2549 18:25:09 น.
โดย: unwell 4 กันยายน 2549 7:24:13 น.
โดย: kimprite 4 กันยายน 2549 11:10:53 น.
โดย: kimprite 4 กันยายน 2549 11:13:08 น.
โดย: unwell 5 กันยายน 2549 19:44:47 น.
โดย: Wanga IP: 202.133.176.208 6 กันยายน 2549 11:19:52 น.
โดย: unwell 7 กันยายน 2549 8:20:21 น.
โดย: คนขับช้า IP: 203.146.63.187 12 พฤศจิกายน 2549 23:36:20 น.
โดย: Oakyman 21 พฤศจิกายน 2549 15:00:03 น.
.Just wait until night
then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
แต่ไปดูแน่นอนค่ะ
ไหนๆก็เป็นสมาชิกกรีนพีซอยู่แล้ว