: The International (2009) Tom Tykwer + เป็นการ ตามล่าเอาความยุติธรรมอันเป็น นามธรรม ระหว่างคนเล็กกับองค์กรใหญ่ที่สนุกดี เสียดายขมวดจบรวบรัดไปหน่อย งานด้านภาพและโลเคชั่นก็สวยประทับใจ
: Kouzelný most (Magical Bridge,2008) Jan Chramosta + หนังสั้นขาว-ดำจาก เชค เล่าถึงความอัศจรรย์ที่เกิดกับคู่หนุ่มสาวขณะเดินข้ามสะพาน ทั้งบาทหลวงสวดอวยพร ดนตรีดีดสีตีเป่า ได้รับกระทั่งแหวนแต่งงาน แม้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็ทำให้ทั้งสองที่ยังลังเลในความสัมพันธ์ได้มั่นใจในอะไรขึ้นบ้าง
: La Libertad (2001) Lisandro Alonso + (ปฐมบทของหนังไตรภาค) หนังก็แค่เสนอเรื่องราวชีวิตของชายตัดไม้เท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นจริงๆ แต่...ทำออกมาได้มีเสน่ห์เหลือเกิน ลูกเล่นของแก (ผกก.) คือการค่อยๆ ขยายพฤติกรรมของตัวละครทีละน้อยไปเรื่อยจนเห็นว่าสโคปทั้งหมดมันคืออะไร เชื่อว่าถ้าได้ดูเรื่องนี้ก่อน Los muertos คงมีอาการจี๊ดใจหนักกว่านี้ เพราะเผอิญได้ภูมิต้านทานจากบางฉากมาไว้บ้างแล้ว (อ่าน: บทที่ 2 ของหนังไตรภาค)
: Fantasma (2006) Lisandro Alonso + (หนังส่งท้ายไตรภาค) หนังเล่าถึงว่าหนังเรื่อง Los muertos เป็นหนังฉายที่โรงแล้วดารานำถูกนัดหมายให้มาด้วย พล็อตที่น่าหยิกคือตัวเอกจากหนังเรื่อง La Libertad ก็มาในงานนี้ด้วยในฐานะคนดู และที่น่าสนใจคือทั้งหมดนั้นเดินหลงทางในโรงหนังราวตกอยู่ในวังวนของเมืองใหญ่ ประมาณนั้น (คนจากป่าทั้ง 2 เข้ากรุง) เสน่ห์ของหนังในการดึงดูดใจคนดูทางบ้านอย่างเราก็ยังมีมากอย่างเคย (ยกให้ติดโผ 1 ใน 10 ผู้กำกับฯ ในดวงใจไปเลย)
: Liverpool (2008) Lisandro Alonso
: 24 season 7
: Le locataire diabolique (The Devilish Tenant, 1909) Georges Méliès
: Prison Break : Season 4
: Mi guo ( Lost Indulgence,2008) Yibai Zhang
: Avaze gonjeshk-ha (The Song of Sparrows, 2008) Majid Majidi ++ ในยามที่ชีวิตมีมรสุม เรามักมองหาความหวังครั้งใหม่อีกอัน (ประตูสีน้ำเงินบานนั้น) มาช่วยปะบาดแผลและเชื่อว่าหน้าที่ของมันคือพยุงให้เราลุกขึ้นยืนได้ ... แต่อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่กฏตายตัว มาจิด มาจิดี เล่าหนังเรื่องนี้ได้อบอุ่น กินใจและได้คิด ในพาร์ทของผู้ใหญ่ หนังเล่าไว้อย่างกว้างๆว่าการมีอะไรบางอย่างมากเกินไปใช่จะดีและรากเหง้าที่เติบโตมานั่นแหละคือ ชีวิต ที่แท้จริง ส่วนในพาร์ทของเด็กๆ สถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นบางตอนแม้ยากแก่การจะทำใจให้พวกเขายอมรับ แต่เด็กเหล่านี้ก็เรียนรู้ที่เข้าใจและข้ามผ่านความเศร้านั้นไปได้ในที่สุด
: Nick and Norah's Infinite Playlist (2008) Peter Sollett
: Dag opa (Dear Granddad,2005) Jeroen Dumoulein - short ++ หลานชายเป็นห่วงสุขภาพปู่จึงอยากให้ท่านเลิกสูบซิการ์ แต่วิธีการตักเตือนของหลานและปู่ตกอยู่ในสถานการณ์ประมาณ ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย และอย่างไม่รู้ตัวว่าทั้งสองกำลังเดิมพันกันด้วย ชีวิต
: The Boy in the Striped Pyjamas (2008) Mark Herman ++ แสงแดดที่อบอุ่น ต้นไม้สีใบเขียวสด อีกทั้งเรื่องยังถูกเห่กล่อมด้วยเสียงเปียโน หากบอกว่าเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเยอรมันและค่ายกักกันชาวยิว บรรยากาศที่บอกไว้ข้างต้นอาจจะดูผิดฟอร์มไปหน่อย แต่ในเมื่อตัวละครหลักเป็นเด็กและหนังจบลงอย่าง...ทำร้ายจิตใจกันสุดๆ (ถ้าคนแถวบ้านดูถึงช่วงนี้ก็จะอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า..ไม่นะ...ไม่นะ...) แล้วล่ะก็ ให้ยินดีเถิดที่ได้ยินเสียงเปียโนขับกล่อมและได้สดชื่นเถิดที่ได้เห็นแดดรำไร ต้นไม้ใบหญ้าตุนไว้แต่เนิ่น
: Wer früher stirbt, ist länger tot (2006) Marcus H. Rosenmüller ++ เด็ก ก็เป็นเหมือนฟองน้ำที่สามารถซึมซับเอาคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ไปคิดไปทำ คำสอนที่ดีก็ดีไปแต่หากเอาคำพูดแบบคะนองปากไปกรอกหูเด็กมันก็จะได้ผลลัพท์อีกแบบหนึ่ง หนังโชว์ความซื่อเดียงสาของเด็กชายที่ขาดแม่และตกอยู่ในวงล้อมกิจวัตรของผู้ใหญ่ ให้อารมณ์น่ารักแกมขันขื่น
: Bodas de sangre (Blood Wedding,1981) Carlos Saura ++ เป็นหนึ่งในสามเรื่องของหนังไตรภาค "Carlos Saura's Flamenco Trilogy " โดยเนื้อเรื่องเรื่องนี้เล่าถึงว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวในงานวิวาห์ที่กำลังจะเกิด แต่ฝ่ายชายจับได้ว่าสาวเจ้านั้นคบชู้สู่ชาย จับได้คาหนังคาเขาเลยเกิดการต่อสู้ขึ้นจนเกิดเป็นวิวาห์เลือด หนังเก๋มากๆโดยที่ทั้งเรื่องนั้นเกิดขึ้นที่ห้องเรียนการสอนเต้น flamenco ballet โดยมีครูสอนและนักเรียนทั้งหลายแสดงเป็นตัวละครจากเรื่อง วิวาห์เลือด ทั้งนี้นี่เป็นการแสดงของวันซ้อมใหญ่ก่อนที่จะขึ้นแสดงจริงบนเวที...เป็นหนังที่สนุกมาก โดยเฉพาะจะเพลิดเพลินกับการแสดงและการเต้นที่เข้ากับอารมณ์ต่างๆแถมยังคงความเข้มข้นได้แม้ไม่ต้องใช้บทพูดใดๆมาช่วย ก่อนหน้านี้นานแล้วเคยได้ดูหนังเรื่อง Séptimo día, El (The 7th Day,2004) ที่ออกแนวแค้นฆ่าล้างตระกูลประมาณโรมิโอกับจูเลียต ซึ่งหนังเข้มหนักหน่วงและหดหู่ใช้ได้..พึ่งจะรู้ว่าเป็น ผกก.คนเดียวกับเรื่องวิวาห์เลือดนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ
: The X-File: I Want to Believe (Chris Carter, 2008) ++ ยังเป็นความบันเทิงแบบเดิมๆ หนังใหญ่เวอร์ชั่นเดี่ยวๆของ The X-File ครั้งนี้มีพล็อตเป็นเพียงแค่หนังทริลเลอร์ธรรมดาที่เห็นและคุ้นกันมามากแล้ว ขาดเสน่ห์ของความเป็นคดีพิศวงอันเป็นจุดขายหลัก ไม่น่าแปลกใจที่หนังไม่ฮือฮาเท่าที่ควร
: The Orchestra (Zbigniew Rybczynski,1990) ++ ใช้เอฟเฟคได้เทพมากๆ ไอเดียเจ๋งมาก อัศจรรย์ใจมากจน..ไม่รู้จะอธิบายยังไง หาในยูทิว์บก็ไม่มี เลยเอาตัวอย่างแนวทางการกำกับของผกก.คนนี้มาให้ชม จากเรื่อง Keep Your Eye On Me ชมตัวอย่างได้ ที่นี่
: The Thing Called Love (Peter Bogdanovich,1993) ++ 2 ฝัน 2 หัวใจที่ตามไล่กว่าจะรวมเป็นหนึ่ง...ดูครั้งแรกเกือบ 10 ปีผ่านมาแล้ว ดูอีกครั้งวันนี้ก็ยังประทับลงในใจได้เหมือนเคย
: You Don't Mess with the Zohan (Dennis Dugan, 2008) ++ อยากดูหนังตลก ฮาๆ ก็สมใจอยาก (แต่ฮาจริงๆจังๆก็ตอนดูตัวอย่างหนัง) นักรบที่ใฝ่ฝันอยากเป็นช่างตัดผม...55 แค่นี้ก็เหลือแหล่แล้วกับการจูงบทบาทตีเรื่องราวให้มีลูกฮา เพิ่มความทะลึ่งตึงตังกับความเป้าตุง อันนี้ถ้าไม่มีอาจจะโอกว่านี้ ก็อาจจะกลายเป็นหนังตลกล้อเลียนเชื้อชาติอิสราเอลและเลบานอนกันอย่างน่ารัก คลีน คลีน ชอบหนังตรงที่"การพิสูจน์"เรื่องทำความฝันให้เป็นความจริงสุดท้ายคนใกล้ชิดก็เข้าใจ ขำสุดคือช่วงท้ายๆที่โซฮานเรียกดูข้อมูลศัตรูจากแว่นตา เรื่องความเกลียดของแก 55 แกเกลียดหมดเลยทุกอย่าง ยกเว้นหนังของเมล กิบสัน 555...
: Fine Dead Girls(Dalibor Matanic,2002) ++ จี๊ดมาก ปกติจะดูหนังหญิงรักหญิงไม่ได้ แต่เมื่อเรื่องนี้ออกแนวทริลเลอร์และฆาตกรรม ก็เลยสนุกและ....จี๊ดดดดดดดด
: The Most Distant Course (Jing-Jie Lin, 2007) ++ ใสใสกับความหวังและเรื่องของชะตาฟ้าลิขิต สนุกดี เรียบง่าย กินใจ
The Happening (M. Night Shyamalan, 2008) ++ หากพูดถึงความบันเทิงของหนังเรื่องนี้ ส่วนตัวมองว่ามีอยู่น้อยมาก แต่ชอบไอเดียที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่และจำนวนคน ตามาโนชแวะมีตีหัวคนดูเหมือนที่เคยทำไว้ใน The Village (2004) อย่างเคย
: Nightmare Detective (Shinya Tsukamoto,2006) ++ หนังพูดถึงการฆ่าตัวตายที่ยังเป็นรสนิยมที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในญี่ปุ่นแต่มาในรูปแบบการถูกฆาตกรรม นักสืบสาวต้องการไขคดีพิศวงนี้เลยหาผู้มีความสามารถพิเศษ(พระเอก)มาช่วย หนังมีเลือดสาดนิดๆ แฟนตาซี เซอร์เรียลหน่อยๆบวกหลอนๆ สำหรับเราเลยเป็นหนังที่น่าจดจำมากกว่า Sneak of June ขอผกก.คนเดียวกันนี้
: The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford (Andrew Dominik,2007) ++ " You wanna be like me or you wanna be me ? " ... เจสซี่ เจมส์ (พิทท์) กล่าวกับ โรเบิร์ท ฟอร์ด (เคซี่ อัฟเฟลค) :: ขอดูอีกรอบก่อนนะแล้วเดี๋ยวมาสรุปอีกที ^_^
: The Lost Room(TV mini-series,2006) ++ หนังน่าติดตามตรงที่การเอาอุปกรณ์เครื่องใช้บ้านๆมาเป็นคีย์และให้ความหมายกับความพิเศษแก่มัน ทั้งยังพาข้ามมิติไปไหนต่อไหน แต่เราว่าหนังมันดูได้เรื่อยๆ ไม่มีลุ้นอะไรมาก