★ After End Credit ...



: The International (2009) Tom Tykwer + เป็นการ “ตามล่าเอาความยุติธรรมอันเป็น นามธรรม” ระหว่างคนเล็กกับองค์กรใหญ่ที่สนุกดี เสียดายขมวดจบรวบรัดไปหน่อย งานด้านภาพและโลเคชั่นก็สวยประทับใจ



: Kouzelný most (Magical Bridge,2008) Jan Chramosta + หนังสั้นขาว-ดำจาก เชค เล่าถึงความอัศจรรย์ที่เกิดกับคู่หนุ่มสาวขณะเดินข้ามสะพาน ทั้งบาทหลวงสวดอวยพร ดนตรีดีดสีตีเป่า ได้รับกระทั่งแหวนแต่งงาน แม้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็ทำให้ทั้งสองที่ยังลังเลในความสัมพันธ์ได้มั่นใจในอะไรขึ้นบ้าง



: La Libertad (2001) Lisandro Alonso + (ปฐมบทของหนังไตรภาค) หนังก็แค่เสนอเรื่องราวชีวิตของชายตัดไม้เท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นจริงๆ แต่...ทำออกมาได้มีเสน่ห์เหลือเกิน ลูกเล่นของแก (ผกก.) คือการค่อยๆ ขยายพฤติกรรมของตัวละครทีละน้อยไปเรื่อยจนเห็นว่าสโคปทั้งหมดมันคืออะไร เชื่อว่าถ้าได้ดูเรื่องนี้ก่อน Los muertos คงมีอาการจี๊ดใจหนักกว่านี้ เพราะเผอิญได้ภูมิต้านทานจากบางฉากมาไว้บ้างแล้ว (อ่าน: บทที่ 2 ของหนังไตรภาค)



: Fantasma (2006) Lisandro Alonso + (หนังส่งท้ายไตรภาค) หนังเล่าถึงว่าหนังเรื่อง Los muertos เป็นหนังฉายที่โรงแล้วดารานำถูกนัดหมายให้มาด้วย พล็อตที่น่าหยิกคือตัวเอกจากหนังเรื่อง La Libertad ก็มาในงานนี้ด้วยในฐานะคนดู และที่น่าสนใจคือทั้งหมดนั้นเดินหลงทางในโรงหนังราวตกอยู่ในวังวนของเมืองใหญ่ ประมาณนั้น (คนจากป่าทั้ง 2 เข้ากรุง) เสน่ห์ของหนังในการดึงดูดใจคนดูทางบ้านอย่างเราก็ยังมีมากอย่างเคย (ยกให้ติดโผ 1 ใน 10 ผู้กำกับฯ ในดวงใจไปเลย)





: Liverpool (2008) Lisandro Alonso



: 24 season 7



: Le locataire diabolique (The Devilish Tenant, 1909) Georges Méliès



: Prison Break : Season 4



: Mi guo ( Lost Indulgence,2008) Yibai Zhang





: Avaze gonjeshk-ha (The Song of Sparrows, 2008) Majid Majidi ++ ในยามที่ชีวิตมีมรสุม เรามักมองหาความหวังครั้งใหม่อีกอัน (ประตูสีน้ำเงินบานนั้น) มาช่วยปะบาดแผลและเชื่อว่าหน้าที่ของมันคือพยุงให้เราลุกขึ้นยืนได้ ... แต่อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่กฏตายตัว มาจิด มาจิดี เล่าหนังเรื่องนี้ได้อบอุ่น กินใจและได้คิด ในพาร์ทของผู้ใหญ่ หนังเล่าไว้อย่างกว้างๆว่าการมีอะไรบางอย่างมากเกินไปใช่จะดีและรากเหง้าที่เติบโตมานั่นแหละคือ “ชีวิต” ที่แท้จริง ส่วนในพาร์ทของเด็กๆ สถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นบางตอนแม้ยากแก่การจะทำใจให้พวกเขายอมรับ แต่เด็กเหล่านี้ก็เรียนรู้ที่เข้าใจและข้ามผ่านความเศร้านั้นไปได้ในที่สุด



: Maradona by Kusturica (2008) Emir Kusturica ++ ไม่ใช่หนังสารคดีที่เต็มไปด้วยเรื่องฟุตบอล แต่ฟุตเตจของการทำประตูระดับเทพแต่ละลูกของ มาราโดน่า ก็มีเยอะทีเดียว หนึ่งความน่าสนใจในการได้เห็นเขานำชัยชนะให้แก่ทีมชาติอาร์เจนติน่านัดที่คู่แข่งคือทีมชาติอังกฤษเมื่อฟุตบอลโลกปี 1986 นั้นมันมีนัยยะมากกว่าแค่อาร์เจนติน่า “ชนะ” หรือได้แชมป์ แต่ยังหมายถึงทางเดียวที่จะช่วยปลดแอกใจให้กับเขาเองและเพื่อนร่วมชาติก็คือต้องเอาชนะเหนือประเทศใหญ่มหาอำนาจนี้ให้ได้ แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับกรณีสงครามเกาะฟอล์คแลนด์ หนังจึงแทรกความหรรษาด้วยภาพอนิเมชั่นของนางมากาเรต แทชเชอร์, เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์, โทนี่ แบลร์ และขาดไม่ได้คือ จอร์ช ดับเบิ้ลยู บุช ถูกล้อเลียนล้อเล่นเป็นตัวตลกร้ายขำๆ



: Entre les murs (The Class, 2008) Laurent Cantet




: Nick and Norah's Infinite Playlist (2008) Peter Sollett



: Dag opa (Dear Granddad,2005) Jeroen Dumoulein - short ++ หลานชายเป็นห่วงสุขภาพปู่จึงอยากให้ท่านเลิกสูบซิการ์ แต่วิธีการตักเตือนของหลานและปู่ตกอยู่ในสถานการณ์ประมาณ “ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย” และอย่างไม่รู้ตัวว่าทั้งสองกำลังเดิมพันกันด้วย “ชีวิต”



: The Boy in the Striped Pyjamas (2008) Mark Herman ++ แสงแดดที่อบอุ่น ต้นไม้สีใบเขียวสด อีกทั้งเรื่องยังถูกเห่กล่อมด้วยเสียงเปียโน หากบอกว่าเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเยอรมันและค่ายกักกันชาวยิว บรรยากาศที่บอกไว้ข้างต้นอาจจะดูผิดฟอร์มไปหน่อย แต่ในเมื่อตัวละครหลักเป็นเด็กและหนังจบลงอย่าง...ทำร้ายจิตใจกันสุดๆ (ถ้าคนแถวบ้านดูถึงช่วงนี้ก็จะอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า..ไม่นะ...ไม่นะ...) แล้วล่ะก็ ให้ยินดีเถิดที่ได้ยินเสียงเปียโนขับกล่อมและได้สดชื่นเถิดที่ได้เห็นแดดรำไร ต้นไม้ใบหญ้าตุนไว้แต่เนิ่น



: Blindness (2008) Fernando Meirelles ++ ราวกับเป็นโลกจำลองของโลกใบนี้อีกใบแต่อยู่ในเวอร์ชั่นที่ทุกคนตาบอด เพราะไม่ว่าจากการอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนก่อตัวรวมกันได้เป็นชุมชนแล้วเริ่มแบ่งฝักฝ่าย ตั้งตนเป็นคนคุมและออกกฏ จนไปสุดที่การทำลายล้างและเป็นหายนะได้ในเวลาไม่กี่วัน...นี่หนา ธาตุแท้ของ “มนุษย์”



: Wendy and Lucy (Kelly Reichardt,2008) ++ อลาสก้า เมืองที่ใช่ว่าจะเดินทางไปได้สะดวกนักหากใช้รถยนต์ แต่เวนดี้ก็เลือกมันเป็นหมุดหมายปลายทาง แต่แล้วกลับต้องมาติดแหง็กระหว่างทางเพราะรถยนต์อาการไม่ดีและ ลูซี่ หมาเพื่อนทุกข์เพื่อนยากของเธอก็หายตัวไป...ที่ที่จากมา- ไม่รู้ และที่ที่จะไปของเวนดี้แม้ชัดเจนแต่ยังน่าเคลือบแคลง ส่วน ณ. ปัจจุบันก็เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทุกอย่างที่เกิดล้วนแล้วแต่เกินควบคุม ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือพยายามประคบประคองชีวิตไม่ให้ล้มครืนยืนหยัดและมีความหวัง(ทำเพื่อตัวเอง) หนังมองโลกในแง่ดีโดยผ่านตัวละครที่แสนทุกข์ตรม เพราะเมื่อท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะ“ทำให้ผู้อื่น” มีความสุขมากกว่าจะนึกถึงตัวเอง



: Overlord (Stuart Cooper, 1975) ++ เป็นหนังสงครามมองผ่านสายตาและความคิดของ ทอม เด็กหนุ่มอังกฤษคนหนึ่งที่มองสงครามและสนามรบไม่ต่างจากสถานที่อื่นๆ(เช้าวันที่ต้องเดินทางเข้าค่ายทหารทอมวิ่งกลับไปที่ฟาร์มเพื่อเอาหนังสือของเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ ติดตัวไปด้วย) หากเปรียบเทียบกับเพื่อนทหารร่วมกองเขาคือคนที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นทหารที่ดีได้(ฝึกภาคสนามก็รั้งท้าย ไม่มีวินัยในอารมณ์ ปล่อยขำขณะที่คนอื่นตึงเครียด) แต่... “สงคราม” เคยปราณีใครซะที่ไหนเพราะเก่งไม่เก่ง ดีไม่ดีทุกชีวิตล้วนแต่มีเปอร์เซนต์รอดหรือตายอย่างละครึ่งเท่ากัน



: Boogie (Radu Muntean, 2008)
++ หนังมีพล็อตหลักอยู่ที่ปัญหาของความเข้าใจระหว่างสามี-ภรรยาที่คิดและมีความต้องการต่างกัน พล็อตรองพูดถึงเรื่องปัญหาปากท้องของพลเมืองโรมาเนียและดำเนินเรื่องภายในบ่ายวันหนึ่งจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเท่านั้น หนังเรียบธรรมดาๆไปเรื่อยๆแต่ชอบที่มันดูแล้วเหมือนชีวิตประจำวัน ไม่มีปรุงแต่งรสชาติอะไรมากมายแต่ได้ความรู้สึกดีดี ...



: Gomorra (Matteo Garrone ,2008)
++ หนังเล่าถึงโครงสร้างของวงการมาเฟียในอิตาลี ทั้งค้ายาและอาวุธที่ดูจะขยายวงกว้างไปเรื่อย กวาดกว้านคนให้เข้าไปอยู่ในวังวนได้แม้กระทั่งเด็กๆ อันตรายหมายชีวิต/ คดโกงหักหลังมีเกิดขึ้นอยู่รอบด้านและการอาบน้ำร้อนมาก่อนของผู้ใหญ่ถือเอาเป็นการได้เปรียบที่จะหลอกใช้พวกเด็กๆ หนังให้ภาพที่จริงจัง รุนแรง (เห็นบ่อยแต่ก็ไม่เคยชิน) จนท้ายสุดหนังก็ฝากอุธาหรณ์ไว้ให้อย่างน่าหดหู่ - และการรู้ว่าหนังสร้างมาจากเรื่องจริงยิ่งต้องน่าเศร้าใจหนัก



: Wer früher stirbt, ist länger tot (2006) Marcus H. Rosenmüller
++ เด็ก ก็เป็นเหมือนฟองน้ำที่สามารถซึมซับเอาคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ไปคิดไปทำ คำสอนที่ดีก็ดีไปแต่หากเอาคำพูดแบบคะนองปากไปกรอกหูเด็กมันก็จะได้ผลลัพท์อีกแบบหนึ่ง หนังโชว์ความซื่อเดียงสาของเด็กชายที่ขาดแม่และตกอยู่ในวงล้อมกิจวัตรของผู้ใหญ่ ให้อารมณ์น่ารักแกมขันขื่น



: Bodas de sangre (Blood Wedding,1981) Carlos Saura
++ เป็นหนึ่งในสามเรื่องของหนังไตรภาค "Carlos Saura's Flamenco Trilogy " โดยเนื้อเรื่องเรื่องนี้เล่าถึงว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวในงานวิวาห์ที่กำลังจะเกิด แต่ฝ่ายชายจับได้ว่าสาวเจ้านั้นคบชู้สู่ชาย จับได้คาหนังคาเขาเลยเกิดการต่อสู้ขึ้นจนเกิดเป็นวิวาห์เลือด หนังเก๋มากๆโดยที่ทั้งเรื่องนั้นเกิดขึ้นที่ห้องเรียนการสอนเต้น flamenco ballet โดยมีครูสอนและนักเรียนทั้งหลายแสดงเป็นตัวละครจากเรื่อง วิวาห์เลือด ทั้งนี้นี่เป็นการแสดงของวันซ้อมใหญ่ก่อนที่จะขึ้นแสดงจริงบนเวที...เป็นหนังที่สนุกมาก โดยเฉพาะจะเพลิดเพลินกับการแสดงและการเต้นที่เข้ากับอารมณ์ต่างๆแถมยังคงความเข้มข้นได้แม้ไม่ต้องใช้บทพูดใดๆมาช่วย ก่อนหน้านี้นานแล้วเคยได้ดูหนังเรื่อง Séptimo día, El (The 7th Day,2004) ที่ออกแนวแค้นฆ่าล้างตระกูลประมาณโรมิโอกับจูเลียต ซึ่งหนังเข้มหนักหน่วงและหดหู่ใช้ได้..พึ่งจะรู้ว่าเป็น ผกก.คนเดียวกับเรื่องวิวาห์เลือดนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ



: Crónica de una fuga (Buenos Aires 1977,2006) Adrián Caetano
++ ฝันร้ายของหนุ่มผู้รักษาประตูของทีมฟุตบอลเล็กๆคนหนึ่งมาถึง เมื่อจู่ๆก็มีคนมาจับตัวไปขัง ทรมานร่างกายร่วม 4 เดือน เพื่อให้สารภาพและคายความลับอะไรบางอย่างออกมา คนดูไม่รู้ว่าตัวเอกรู้อะไรหรือเปล่า เลยต้องสงสัยและหดหู่ใจไปทั้งเรื่อง ทั้งอิดหนาระอาใจกับวิธีการ "ซัดทอด" เพื่อรักษาชีวิตตนของชายหนุ่มอีกหลายสิบที่โดนจับมาเค้นเหมือนกัน หนังเข้มข้น จริงจัง สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในบัวโนส ไอเรส, อาร์เจนิน่า ช่วงปี 1977 ซึ่งในยุค 70 นี้ อาร์เจนติน่าถูกเรียกว่าเป็นยุค "สงครามโสมม (Dirty War)" เนื่องเพราะพิษการเมืองและเศรษฐกิจ




: Vier Minuten (Chris Kraus, 2006)
++ "พ่ออยากให้ลูกชนะนะ เจนนี่" "แต่หนูอยากให้พ่อตาย!" 2 ประโยคที่อธิบายความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในหนังได้เป็นอย่างดี เจนนี่ฝังพรสวรรค์ในการเล่นเปียโนของเธอและใช้ชีวิตอยู่ในคุกชนิดอันธพาลเรียกพี่ แต่ในทีสุดก็มีคนเห็นความสามารถของเธอ พยายามผลักดันให้เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันเปียโน เวลา4 นาทีบนเวทีเป็นเครื่องพิสูจน์ หนังมีกลิ่นอายสูตรสำเร็จอยู่บ้างแต่นางเอกที่เล่นได้แรงช่วยทำให้หนังมีพลังและดึงสู่จุดพีคได้เยี่ยม



: Boy A (John Crowley, 2007)
++ ดำเนินเรื่องได้น่าสนใจ เล่าเรื่องปัจจุบันและย้อนกลับไปในอดีต เรียบๆง่ายๆแต่ขยักปมไว้ทีละนิด ปล่อยมาทีละหน่อย จากต้นเรื่องที่สงสัยว่าน้องฆ่าใครจริงหรือเปล่า คำตอบก็มาเฉลยอยู่ท้ายเรื่อง...สนุกดี



: Do pivnice (Jan Svankmajer,1983)
++ หนังสั้น 15 นาทีของ ผกก.เจ้าพ่อเซอร์เรียล เป็นการผสมผสานระหว่างคนแสดงกับวัตถุที่ถ่ายทำแบบสต็อป โมชั่น (หรือ frame-by-frame) เล่าเรื่องของเด็กหญิงที่ลงไปห้องใต้ดินเพื่อหยิบหัวมันฝรั่ง แต่เจ้ามันฝรั่งก็ดิ้นรนหาทางพาตัวเองออกจากตะกร้าแล้วกลับไปที่ห้องใต้ดินเหมือนเดิม หนังน่ารักดีแต่ก็มีฉากประชดชีวิตอยู่เยอะเช่น เอาหิน ดินลงหม้อค้างไฟ ตอกไข่ใส่ ปั้นเป็นก้อนขนมและเอาดินโรยหน้า หรือฉากเกลี่ยๆถ่านหินแล้วลงไปนอนแล้วก็โกยถ่านหินมาห่ม ! สุดแต่จะตีความ



: Traitor (Jeffrey Nachmanoff, 2008)
++ FBI มักตามหลังผู้ก่อการร้ายอยู่หนึ่งก้าวเสมอ...หนังช่วยขยายให้เห็นแผนผังโยงใยของการระเบิดพลีชีพที่เกิดขึ้นตามเมืองใหญ่ๆของยุโรป แต่ให้น้ำหนักไปที่ ดอน ชีเดล ที่ติดอยู่ระหว่าง คำสอนของศาสดา-หน้าที่และจิตใต้สำนึก



: Prison Break - Season4 e01-14
++ ใกล้จบซีซั่นละ...เริ่มมีอะไรให้กังวลขึ้นมาบ้างละ



: The Fall (Tarsem Singh, 2006)
++ ยังเป็นภาพทรงจำที่ติดตากับโลเคชั่นถ่ายทำด้วยเรื่องราวที่ล้ำจากเรื่อง The Cell (2000) และกับ The Fall นี้เป็นเรื่องถัดมาที่ Tarsem Singh กลับมากำกับฯหลังจากหายไปนาน เป็นความประทับใจอย่างยิ่งยวดกับความเป็นหนังแฟนตาซี-เหนือจริง-ดราม่าที่ผสมกลมกลืนกันได้อย่างงดงาม เรียกความตื่นตาจากมุมกล้อง การจัดวาง เสื้อผ้าหน้าผมและโลเคชั่นได้เยอะมาก และได้ความซาบซึ้งอันมหาศาลของความผูกพันระหว่างเด็กหญิงอเลกซานเดรียและหนุ่มสตั๊นท์แมน รอย...รอให้เข้าฉายในโรง แล้วจะไปดู เห็นมีโปรแกรมฉายที่ เฮ้าส์ เร็วๆนี้..(อ่ะเข้าฉายแล้ว ไปดูมาแล้วก็ยังประทับใจเหมือนเคย เพียงแต่ความซึ้งรันทดจิตใจนั้นมันไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว มันคงเกิดได้แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวตอนดูรอบแรก T_T)



: Long Way Round (David Alexanian,Russ Malkin, 2004)
++ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์พี่ชาย ยวน ไปรอบโลก...สนุกดี ได้เห็นสถานที่ห่างไกลที่เราเองคงไม่มีโอกาสได้ไปเห็นเองด้วยตา เห็นไมตรีและน้ำใจที่ได้รับจาก “คนอื่น” (แต่เราเป็นมนุษย์ร่วมโลกกันนี่นา) ตลอดระยะทางกว่าสองพันไมล์ 2 คนคลั่งมอเตอร์ไซค์ขับร่วมผจญภัยออกเดินทางเพื่อเห็นโลกกว้างอีกฟากหนึ่ง 1 คนดูเห็นความผูกพัน เห็นคำว่า “เพื่อนแท้” เขาเป็นกันอย่างไร



: Prison Break Season 4: Episode 1-3 (TV-Series)
++ ผู้กำกับฯมีเหตุผลมากมายที่จะเขียนจะดึงตัวละครไปโน่นมานี่ ติดตรงนั้นถูกขังตรงนี้ ไอเดียแกล้นเหลือกันจริงๆ ยังสนุกเหมือนเดิมครับท่านผู้ชม..



: The X-File: I Want to Believe (Chris Carter, 2008)
++ ยังเป็นความบันเทิงแบบเดิมๆ หนังใหญ่เวอร์ชั่นเดี่ยวๆของ The X-File ครั้งนี้มีพล็อตเป็นเพียงแค่หนังทริลเลอร์ธรรมดาที่เห็นและคุ้นกันมามากแล้ว ขาดเสน่ห์ของความเป็นคดีพิศวงอันเป็นจุดขายหลัก ไม่น่าแปลกใจที่หนังไม่ฮือฮาเท่าที่ควร



: The Orchestra (Zbigniew Rybczynski,1990)
++ ใช้เอฟเฟคได้เทพมากๆ ไอเดียเจ๋งมาก อัศจรรย์ใจมากจน..ไม่รู้จะอธิบายยังไง หาในยูทิว์บก็ไม่มี เลยเอาตัวอย่างแนวทางการกำกับของผกก.คนนี้มาให้ชม จากเรื่อง Keep Your Eye On Me ชมตัวอย่างได้ ที่นี่



: The Thing Called Love (Peter Bogdanovich,1993)
++ 2 ฝัน 2 หัวใจที่ตามไล่กว่าจะรวมเป็นหนึ่ง...ดูครั้งแรกเกือบ 10 ปีผ่านมาแล้ว ดูอีกครั้งวันนี้ก็ยังประทับลงในใจได้เหมือนเคย




: You Don't Mess with the Zohan (Dennis Dugan, 2008)
++ อยากดูหนังตลก ฮาๆ ก็สมใจอยาก (แต่ฮาจริงๆจังๆก็ตอนดูตัวอย่างหนัง) นักรบที่ใฝ่ฝันอยากเป็นช่างตัดผม...55 แค่นี้ก็เหลือแหล่แล้วกับการจูงบทบาทตีเรื่องราวให้มีลูกฮา เพิ่มความทะลึ่งตึงตังกับความเป้าตุง อันนี้ถ้าไม่มีอาจจะโอกว่านี้ ก็อาจจะกลายเป็นหนังตลกล้อเลียนเชื้อชาติอิสราเอลและเลบานอนกันอย่างน่ารัก คลีน คลีน ชอบหนังตรงที่"การพิสูจน์"เรื่องทำความฝันให้เป็นความจริงสุดท้ายคนใกล้ชิดก็เข้าใจ ขำสุดคือช่วงท้ายๆที่โซฮานเรียกดูข้อมูลศัตรูจากแว่นตา เรื่องความเกลียดของแก 55 แกเกลียดหมดเลยทุกอย่าง ยกเว้นหนังของเมล กิบสัน 555...



: Bangkok Dangerous (Oxide & Danny Pang, 2008)
++ "การเป็นนักฆ่ากับการมีคนรัก ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง" โจ ของ นิค เคจ นั้น ดูเหนื่อยหน่ายกับชีวิต ไม่ดุและขรึมพอที่จะเป็นคนเลือดเย็น ความลังเลในเหยื่อคนที่ 4 ดูไม่เป็นมืออาชีพ แต่ความเป็นแหล่งรวมสถานที่อโคจรของกรุงเทพฯนั้น สมจริง 55 สรุปว่า เราดูแล้วสนุกและใช้ได้แค่พอประมาณ



: Death Race (Paul W.S. Anderson, 2008)
++ จะเอาอะไรกับความบ้าคลั่งของคน โจน อัลเลน เยี่ยมในการเป็นผู้หญิงที่น่ากลัว อันตราย น่าขยะแขยงกว่าพวกนักโทษหลายรอยคนในคุกนั้นรวมกัน พี่เจสัน ก็ยังดุดัน ไม่พูดมากเหมือนเดิม ความสมเหตุสมผล อารมณ์ดราม่าไม่ต้อง ลุยทำลายอย่างเดียว...สรุปว่า งั้นๆ..



: บุญชู ไอ- เลิฟ- สระ-อู (บัณฑิต ฤทธิ์ถกล, 2551)
++ ออกตัวนิดนึงว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมสืบสานในความเป็นบุญชูมาแต่ไหนแต่ไร แต่แค่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงขอพูดถึงเฉพาะภาคนี้...ชอบบรรยากาศรวมๆนะ ความผูกพันฉันท์มิตร ความมีน้ำใจของเพื่อนทำให้หนังดูอบอุ่นน่ารักสนุกสนาน แต่บางอย่างเช่นการสั่งอาหาร กวนทีนไปมื้อๆนั้นก็ออกจะน่ารำคาญและมีบ่อย เสียรสชาติความหรรษา ฉากที่เด็กๆวิ่งไล่กันก็นานเกิน คติสอนใจเตือนสติอย่างโจ่งแจ้งก็มีให้คิด ประทับใจ จินตรา เก่งและสวย ชอบตัวละครของตาบ็อบบี้โบ๋เต๋ (ขออภัย จำชื่อแกไม่ได้) เป็นตัวละครที่หลุดและเซอร์แตกมาก 55 ชอบๆๆ บ้าดี สรุปว่า..ดูแล้วก็โอระดับหนึ่ง



: โลงต่อตาย (เอกชัย เอื้อครองธรรม, 2551)
++ นี่สิ บ้า ของจริง....อะไรกัน..ทำอะไรกัน..หนังดำเนินเรื่องด้วยชีวิตคู่ของ 2 คู่ ตัดสลับไปมา สับขาหลอกจนมั่วไม่เข้าท่า อารมณ์หลอนเซอร์เรียลน่าสนใจแต่มันดูไม่เข้าที่เข้าทางและวางผิดตำแหน่งยังไงไม่รู้..สรุปว่า เป็นหนังที่ใช้ความอดทนในการพยายามที่จะเข้าใจสูงมาก..น่าอึดอัดและชวนเบื่อหน่าย



: Barton Fink (Joel Coen, 1991)
++ เป็นหนังที่มีเสน่ห์เหลือล้นจากการแสดงของทั้งสองจอห์น หนึ่งจอห์น เทอร์เทอโร สอง จอห์น กู๊ดแมน และบทหนังที่มีลูกเล่นแสดงถึงการคิดมาอย่างพอดี ไม่เยอะไม่วุ่นวายไม่ซับซ้อนให้ยุ่งขิงเหมือนเรื่องอื่นๆของผู้กำกับฯเจ้าเดียวกันนี้....หนังสนุกจริงๆ



: Fine Dead Girls(Dalibor Matanic,2002)
++ จี๊ดมาก ปกติจะดูหนังหญิงรักหญิงไม่ได้ แต่เมื่อเรื่องนี้ออกแนวทริลเลอร์และฆาตกรรม ก็เลยสนุกและ....จี๊ดดดดดดดด




: The Most Distant Course (Jing-Jie Lin, 2007)
++ ใสใสกับความหวังและเรื่องของชะตาฟ้าลิขิต สนุกดี เรียบง่าย กินใจ




: Be Kind Rewind (Michel Gondry,2008)
++ เลื่อมใสในความคิดสร้างสรรค์ของกอนดรี้แกจริงๆ และหนังยังทั้งสนุก+อิ่มเอิบเบิกบานฤทัยอีกต่างหาก แจ็ค แบล็ค เหมาะที่สุดแล้วกับบทในเรื่องนี้




: Funny Games U.S. (Michael Haneke,2007)
++ หากเคยดูเวอร์ชั่นต้นฉบับแล้ว ใน Funny Games เวอร์ชั่นอเมริกา ก็ไม่มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจอีกแล้ว นักแสดงฝั่งฮอลลีวู๊ดมารับบทหนักทั้งนาโอมิ วัตต์และทิม ร็อธ ซึ่งเชื่อกินขนมได้กับการสวมบทบาทเป็นผู้ตั้งรับ(เหยื่อ) ส่วน พิทท์ ก็ยังจิตได้ใจเหมือนเดิม แต่หากจะขอเปรียบเทียบ บท พอล ในเวอร์ชั่นต้นฉบับนั้น ดูมีเสน่ห์ ขี้เล่นและน่าหมั่นไส้กว่า รอดูหนังใหม่ของแกว่าจะออกมาเป็นไง Weiße Band, Das (2009) - อยู่ในขั้นตอนกำลังถ่ายทำ



: Pathology (Marc Schoelermann,2008)
++ (นานนานจะได้ดูหนังที่เกี่ยวกับการชำแหละศพแบบถูกกฏหมายซะที) หนังเล่าถึงนักเรียนหมอกลุ่มหนึ่งในวิชากาผ่าศพเพื่อชันสูตร และด้วยความหมั่นไส้เพื่อนใหม่ที่เก่งกว่าจึงหาวิธีทดสอบและพยายามตะล่อมให้เข้ากลุ่มกับตนโดยมีเกมให้เล่นคือการ "ทายซิว่าศพนี้ตายเพราะอะไร" ที่น่าหนักใจกว่าคือแต่ละศพนั้นพวกเขาเป็นคน "หา" มาเอง ฉากน่าสะอิดสะเอียนก็พอมีแต่ไม่โลดโผน หนังน่าประทับใจตรงที่ตัวเอกมีจุดยืนที่หนักแน่นมาก แต่...



: Tropa de Elite (José Padilha,2007) ++ รุนแรง เลวร้าย สมจริง เป็นอารมณ์ของหนัง กดดัน หืดจับ หายใจไม่ทั่วท้อง เป็นอารมณ์ของคนดูที่ได้ขณะดู และสมใจคนชอบหนังแนวนี้อย่างเรา หุหุ



: Klopka (Srdan Golubovic,2007)
++ การที่พ่อต้องทำอะไรที่เสี่ยงและมิชอบเพื่อลูกที่ป่วย ดูจะเป็นพล็อตที่ส่งกลิ่นอยู่สักหน่อย แต่หนังก็ทำออกมาได้น่าติดตาม น่าสนใจ มีอาการคาดไม่ถึงอยู่บางตอน ทำให้ดึงเราไว้ได้เรื่อยจนจบ ไม่ผิดหวังที่อยากดู- imdb



: Hadersfild (Ivan Zivkovic, 2007)
++ หนังมากด้วยบทสนทนาที่สะท้อนถึงตัวตนคนพูด และจบด้วยสุภาษิตที่ว่า "ปลาหมอตายเพราะปาก" - imdb



: Death at a Funeral (Frank Oz,2007)
++ ตลก ฮา ขำๆ สนุกกับมุกกระปุกยาที่สุด งานนี้คงเป็นงานศพที่โกลาหลที่สุดแล้วล่ะ



: Cassandra's Dream (Woody Allen,2007)
++ ดูแล้วนึกถึงหนังเรื่อง Before the Devil Knows You're Dead (Sidney Lumet,2007) ที่พล็อตจะคล้ายกัน สองพี่น้อง (หน้าไม่เหมือน 55) ของ Allen (ยวน แมคเกรเกอร์และโคลิน ฟาเรล)จะอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อยๆคับขันและค่อยๆร้ายแรงและค่อยๆพัง ตามสไตล์ของลุงอัลเลนที่ไม่หวือหวา แต่สองพี่น้อง (หน้าไม่เหมือน )ของ Lumet จะเร้าใจและชวนกระวนกระวายยิ่ง แต่การปิดท้ายและลงเอยในหนังของลุงอัลเลนน่าสนใจกว่า


:Yella (Christian Petzold, 2007) ++ หนังดูได้เรื่อยๆ และหักหลังคนดูตอนจบได้อย่างชนิดที่ว่า..อ้าว! เหรอ..และยังไม่น่าเชื่ออีกว่านางเอกเรื่องนี้เป็นคนคนเดียวกับที่เล่น The White Massai (Hermine Huntgeburth,2005) เธอแก่ลงไปเยอะมากกกก



Kung Fu Panda (Mark Osborne, John Stevenson -2008) ++ เอนิเมชั่นเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "ทุกอย่างอยู่ที่ใจ"


: Wanted (Timur Bekmambetov ,2008) ++ เจมส์ แมคเอวอย กับบทหนุ่มนักบัญชีแล้วชีวิตผกผันกลายไปเป็นนักฆ่ามืออาชีพที่ซ่อนสัญชาติญาณไว้ซะลึกในเรื่องนี้ทำเอาแปลกตาแปลกหู(สำเนียงอเมริกัน)ไปเยอะพอสมควร แต่ด้วยการกำกับของ ผกก. Night Watch: Nochnoi Dozor (2004) ที่เคยทำฉากแอ็คชั่นหรือการประมือห้ำหั่นของสองฝ่ายคู่ตรงข้ามให้มากด้วยลีลาเหลือร้ายดีไซน์เจ๋งมาแล้วนั้น ได้ช่วยเสริมและผลักให้บทนักฆ่าของแมคเอวอยดูดีน่าสนใจขึ้นได้เยอะทีเดียว

หรือว่านี่เราจะได้พระเอกจอมพะบู๊คนใหม่ประดับแวดวงฮอลลีวู๊ดกัน?
(แอบนึกไปถึงแคแรคเตอร์เจสัน บอร์น ของแมท เดมอน นิดหน่อย)

แต่พล็อตหักมุมขององค์กร(อีกแล้ว)แบบนี้นั้น มันน่าเบื่อ เฝือและซ้ำซากจริงๆ แถมบทตัวแม่หน้าเดิมๆขององค์กรแสดงโดยคนเดิมๆ มอร์แกน ฟรีแมน ก็ไม่มีอะไรใหม่ให้ลุ้นเลย


: สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ (ยุทธนา มุกดาสนิท, ละครเวที-2551)++ ครั้งแรกของการดูละครเวที ต้องบอกว่าประทับใจจริงๆ โดยเฉพาะบทนำ ดอน กิโฮเต้ ของ เจมส์ เรืองศักดิ์ การแสดงยอด เสียงร้องทรงพลังเยี่ยม จะมีขอตินิดหน่อยกับการร้องของ เมย์-ภัทรวรินทร์ ที่ฟังไปด้วยก็หวั่นใจไปด้วยว่าจะรอดหรือเปล่า แต่ส่วนด้านการแสดงของเธอนั้น ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว น้าหง่าว-ยุทธนา มุกดาสนิท ยอดเยี่ยมในการนำเรื่องที่ออกจะสลับซับซ้อนมาคลี่คลายให้เข้าใจได้ง่าย ประทับใจจริงๆ



:สะบายดี หลวงพระบาง(ศักดิ์ชาย ดีนานม, อนุสอน สิริสักดา,2008) ++ หนังรักโรแมนติคกับบรรยากาศสบายๆสงบๆของประเทศลาวเรื่องนี้ มีความลงตัวและความพอดีที่จะเล่าถึงความรักที่เกิดจากความใกล้ชิดสนิทสนมอย่างไม่ฟูมฟายและเป็นธรรมชาติทั้งการแสดงของอนันดาและนางเอกคำลี่ ฉากหลังเป็นสถานที่สำคัญต่างๆของเมืองใหญ่ๆในลาวก็สร้างความประทับใจด้วยความที่ธรรมชาติยังไม่โดนทำลายเหมือนประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง การพูดจาก็น่าฟัง อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวประเทศลาวก็ว่าได้...ประทับใจจริงๆ


:Sex and the City (Michael Patrick King,2008) ++ หนังสนุก กระชับ และซึมลึกกับเรื่องความผูกพันระหว่างเพื่อน, คนรักและคู่รัก แม้ว่า 4 สาวแต่ละคนนี้หน้าตาจะล่วงเลยไปตามวัยที่มากขึ้น แต่บทบาทหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็มากขึ้นด้วย ต่างจากตอนเป็นซีรี่ย์ ประมาณเป็นขั้น advance ... "เมื่อความรักและคนรักอยู่กับเราแล้ว แล้วเราจะรักษาความรู้สึกดีดีนั้นไว้ได้หรือไม่..อย่างไร" ซึ่งทั้ง 4 สาวก็มีคำตอบและวิธีที่แตกต่างกันไป



:The Incredible Hulk (Louis Leterrier, 2008) ++ ยักษ์ตัวเขียวของ ผกก.Transporter 2 (2005) ก็สนุกดี แต่พูดก็พูดเถอะ เราชักไม่สนุกกับการเห็นระเบิดตูมตาม เฮลิคอปเตอร์บินว่อนและกองพันเอาแต่ใจแบบนี้แล้ว




The Happening (M. Night Shyamalan, 2008)
++ หากพูดถึงความบันเทิงของหนังเรื่องนี้ ส่วนตัวมองว่ามีอยู่น้อยมาก แต่ชอบไอเดียที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่และจำนวนคน ตามาโนชแวะมีตีหัวคนดูเหมือนที่เคยทำไว้ใน The Village (2004) อย่างเคย



: Rails&Ties (Alison Eastwood, 2007)
++ ลงมือกำกับเรื่องแรกก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว สำหรับผู้กำกับหญิง Alison Eastwood ลูก
สาวของปู่คลิ้นท์ หนังเล่าถึง "ความสูญเสีย" ทั้งที่เกิดขึ้นไปแล้วทั้งกำลังจะเกิด แล้วตบท้ายด้วยความสุขแบบขื่นๆ เควิน เบคอน และ มาเซีย เกย์ ฮาร์เดน สุดยอดในการแสดงอย่างไม่ต้องห่วง



: Juno ( Jason Reitman, 2007)
++ บ้างก็ว่าน่ารำคาญที่เด็ก 16 ปี คิดและพูดเหมือนผู้ใหญ่ แต่เราว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กอเมริกันอีกดาดดื่นจากหนังเรื่องอื่นๆ แก่แดดแก่ลมทั้งคำพูดและการกระทำ เอเลน เพจ แสดงความอวดฉลาดได้น่าชัง อย่างน้อยหนังก็ให้เธอรู้ว่าเธอไม่พร้อม แล้วต้องหาทางออก อย่างน้อยเธอก็รู้ว่า การที่เด็กจะได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุด


:We Own the Night (James Gray, 2007)++ ตำรวจ+มาเฟีย+หักหลัง+กลับลำ+ความผูกพันแบบครอบครัว=สนุกดี เคยๆ เดิมๆ



:The 11th Hour (Nadia Conners,Leila Conners Petersen2007)++ ข้อมูลจัดมาก ผู้เชี่ยวชาญต่างๆนานามาร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อควรคำนึงในรูปแบบสารคดีเน้นวิชาการ 100% เทียบกับ An Inconvenient Truth (2006) แล้วเรื่องหลังเข้าใจง่ายกว่า สนุก บันเทิงกว่าและหลวมกว่า


//www.bloggang.com/data/renton/picture/1214195564.jpg> : 21 (Robert Luketic, 2008) ++ ก็สนุกดี



: Nightmare Detective (Shinya Tsukamoto,2006)
++ หนังพูดถึงการฆ่าตัวตายที่ยังเป็นรสนิยมที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในญี่ปุ่นแต่มาในรูปแบบการถูกฆาตกรรม นักสืบสาวต้องการไขคดีพิศวงนี้เลยหาผู้มีความสามารถพิเศษ(พระเอก)มาช่วย หนังมีเลือดสาดนิดๆ แฟนตาซี เซอร์เรียลหน่อยๆบวกหลอนๆ สำหรับเราเลยเป็นหนังที่น่าจดจำมากกว่า Sneak of June ขอผกก.คนเดียวกันนี้


: The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford (Andrew Dominik,2007)
++ " You wanna be like me or you wanna be me ? " ... เจสซี่ เจมส์ (พิทท์) กล่าวกับ โรเบิร์ท ฟอร์ด (เคซี่ อัฟเฟลค) :: ขอดูอีกรอบก่อนนะแล้วเดี๋ยวมาสรุปอีกที ^_^


: The Lost Room(TV mini-series,2006)
++ หนังน่าติดตามตรงที่การเอาอุปกรณ์เครื่องใช้บ้านๆมาเป็นคีย์และให้ความหมายกับความพิเศษแก่มัน ทั้งยังพาข้ามมิติไปไหนต่อไหน แต่เราว่าหนังมันดูได้เรื่อยๆ ไม่มีลุ้นอะไรมาก


: Prison Break-Season1-3 (TV series,2005-200x)
++ สนุก ลุ้นระทึกทุกขณะจิต พระเอกมีไหวพริบ เอาความรู้ที่เรียนมามาใช้ประโยชน์และช่วยให้เอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันได้เป็นอย่างดี หนังเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพระเอกและตีแผ่ "นิสัยถาวร" ของมนุษย์(ตัวละครทั้งหลาย) ขอคาระวะคนเขียนบทที่สามารถย่อยสลายความยุ่งเหยิงยิบย่อยอันพันพัวให้ตกตะกอนเป็นระบบระเบียบได้เหลือเกินจริงๆ ประทับใจมากและจี๊ดสุดตรงเรื่องความผูกพันของไมเคิลและซาร่า...


: Shutter( Masayuki Ochiai,2008)
++ ถ้ามองที่ความน่ากลัว ของไทยเรานี่ขนลุกขนพองสยองกว่า ย้ายมาเกิดที่ญี่ปุ่นแล้วพี่พี่ตะวันตกน่าจะพอซึมซับรับไปได้ รวมๆแล้วก็โอ


: NaPolA (Dennis Gansel,2004)
++ หนังเล่าชีวิตของนักเรียนประจำในโรงเรียนของพรรคนาซีที่ต้องอยู่และต่อสู้กับระบบเผด็จการ ในยุคที่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นผู้นำแห่งเยอรมนี หนังเข้มข้นมากๆ...ชอบๆๆๆ


: Breakout ( Mike Eschmann,2007)
++ เห็นเป็นหนังมาจากสวิซเซอร์แลนด์ มีเต้นแบบบีบอย คิดว่าน่าจะได้มุมมองอะไรใหม่ๆ แต่ก็ไม่เลย แถมเรื่องราวหลักๆอยู่ที่การแก้แค้นที่มีต่อแก็งค์ป่วนเมืองเท่านั้นเอง เรื่องเต้นที่เอามาประกอบและดวลกันในท้ายเรื่องก็..ขำ..ขำที่พี่ทั้งสองโมโหโกรธากันอยู่ดีๆ ก็กลับเต้นประชันกันซะงั้น


: Adaptation. (Spike Jonze,2002)
++ ได้ดูอีกครั้งก็ยังชอบอยู่ หนังเหมือนกระจก..ที่สะท้อนอะไรหลายอย่างให้ได้คิด (โดยเฉพาะเวลาตัวเองจิตตก ช่วยได้ดีนักแล)


: Eros (2004)
++ ประกอบไปด้วยหนัง 3 เรื่อง 3 ผกก. ชอบตอน " The Hand" ของเฮียหว่องคาไว เพราะอีก 2 เรื่องนั้นดูแล้วไม่เก็ท 555


: Shrooms (Paddy Breathnach, 2006)
++ เรื่องนี้เคยจองตั๋วตอนเทศกาลหนัง แต่เค๊ายกเลิกซะงั้น..ได้มาดูจากแผ่นก็..ดีแล้วล่ะที่ต้องจ่ายค่าดูไม่แพง 555+ หนังทำบรรยากาศออกมาหลอนและน่าผวาได้ดี แต่เนื้อหาและการลำดับเรื่องนั้นน่าปวดหัวและไม่รู้เรื่อง หนังมีดีอีกอย่าง..มี โรเบิร์ต ฮอฟแมน พระเอก Step Up 2 ร่วมแสดง ^_^


:10,000 B.C.(Roland Emmerich,2008)
++ ผู้หญิงข้า ใครอย่าแตะ..เวอร์ชั่นก่อนคริสตกาล ชอบโปรดัคชั่นของเซตเทพเจ้าช่วงท้ายเรื่อง สวยดี เรือก็สวย


: Sleuth (Kenneth Branagh,2007)
++ ยอดเยี่ยมทั้งบทที่แพรวพราว เต็มไปด้วยไหวพริบและการหักมุมอีก 38 ตลบ บวกกับได้ 2 ดารามากฝีมือมาประชันเชือดเฉือน เลยทำให้หนังที่เล่นกันอยู่แค่ 3 คน(?) ก็ยังดูสนุกได้ตลอด


: Step Up 2 the streets (Jon Chu,2008) ++ หนังมีพล็อตเรื่องที่หาน้ำหนักให้เชื่อถือไม่ได้ ตัวละครก็ราบแบนไร้มิติ แต่หากรู้ตัวว่ายอมเสียสตางค์ไปดูเพราะรู้ว่าต้องการอะไรจากหนังแล้วล่ะก้อ...ไม่ผิดหวังแน่ ^_^ เอาเป็นว่าเรายิ้มทั้งเรื่องเลยล่ะ


: The Kite Runner (Marc Forster,2007)++ หนังทำได้ไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ในเหตุการณ์ของจุดเปลี่ยนหรือปมที่จะทำให้ตัวละครฝังใจ และรวมๆแล้วหนังออกจะดูไปได้เรื่อยๆเสียมากกว่า..


: Once (John Carney,2006)++ ช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิตที่...มีความหมาย ชอบที่หนังไม่เป็นอย่างที่คิด ชอบประโยคที่พระเอกบอกว่า.."ขอบคุณที่มาในเวลาที่ต้องการ"..เพลงเพราะ...นานแล้วที่ไม่ได้ดูหนังแล้วน้ำตาซึม


: What time is it there? (Ming-liang Tsai,2001) ++ ไฉ้หมิงเลี่ยง ยังยอดเยี่ยมในอารมณ์เดียวดาย เหงา หม่นและโรแมนติค ดูจบแล้วรู้สึกอ้างว้าง


: Inland Empire(David Lynch,2006)++ ครั้งแรกดูไปราวครึ่งนึง ครั้งที่สองดูใหม่ตั้งกะต้นจนจบ หลายอย่างยังหลอนและติดค้างล้างไม่ออก มึน..ไม่เคยดูไม่รู้จักกระต่าย..ไม่เข้าใจ..แต่หนังมีเสน่ห์ชะมัด..


: Trapped Ashes (Sean S. Cunningham,2006)++ 5 ผกก.แบ่งกันกำกับคนละตอน ตัวละคร 5 ตัวหลักผลัดกันเล่าเรื่องสยองขวัญสุดๆที่ตนเองเคยเจอเพื่อแลกกับการมีชีวิตต่อ..เห็นโปรยบนปกว่าถูกคัดเลือกเสนอไปฉายที่คานส์ เลยอยากรู้ว่าหนังไปโดนจริตตรงไหน สรุปว่าหนังบ้าบอ ไม่เอาอ่าว แต่ปิ๊งไอเดีย หัวนมกินคน 555


: Critters (Stephen Herek,1986)++ จำผิด..คิดว่า ลีโอนาโด ดิคาปริโอ เล่นในภาคนี้ จริงๆแล้วแกเล่นในภาค 3 ต่างหากเล่า...แต่หนังก็สนุกดีนะ ถ้านึกภาพว่านี่มันตั้ง 20 กว่าปีมาแล้ว..โอกาสต่อไปจะหาภาค 3 มาดู อิอิ


: Persepolis (Marjane Satrapi,2007)
++ Persepolis เป็นอนิเมชั่นที่อยู่ในอารมณ์หม่น หนังพาคนดูไปพบกับชีวิตต้องสู้ของเธอ (ผกก.หญิง มาร์จาน ซาตราปี) โดยฉากหลังคือประวัติศาสตร์และความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของอิหร่าน งานภาพ 98 % เป็นขาว-ดำ ลายเส้นที่หนักแน่นบวกกับเรื่องราวที่จริงจัง
แต่หนังไม่ทำให้คนดูรู้สึกอึดอัดหรือหดหู่ เพราะหลายจังหวะที่หนังแทรกอารมณ์ขันน่ารักๆได้ทันท่วงที รวมทั้งงานสร้างสรรค์ด้านเทคนิคต่างๆก็ออกแบบให้ดูเข้าใจง่าย ดูแล้วสนุกสนาน



I'd like to hear your voice.

ขอเชิญ ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นต่อหนังหลากเรื่องหลายแนว ทั้งชนโรง ทั้งหนังแผ่น ได้ที่ //vreview.yarisme.com ค่ะ และเรายังมีกิจกรรมให้ทุกท่านมีสิทธิลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท ฟรี!!!! จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน
.
.









Create Date : 05 พฤษภาคม 2551
Last Update : 10 กันยายน 2552 14:05:21 น. 7 comments
Counter : 1967 Pageviews.

 
เห็นกนังที่ จขบ. ได้ดูแล้ว อยากจะบอกว่าเยอะมากเลยครับ ผมเองยังไม่มีโอกาสได้ดูหนังเยอะขนาดนี้เลย เท่าที่จำได้และดูจากที่จขบ. ได้ดูมามี 2 เรื่องเองครับ คือ Step Up 2 และ Once


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:05:46 น.  

 
ยังไม่กล้าเปิด Inland Empire ซะที (กลัวใจตัวเอง...)

ปล. นั่งดู Metropolis ของ Friz Lang ไปสามคืนแล้ว ยังไม่จบซะที (ไม่ได้น่าเบื่อ แต่มันเหนื่อย...) คืนนี้ต้องเอาให้จบล่ะ


โดย: BloodyMonday วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:04:18 น.  

 
ทั้งหมดทั้งปวงในหน้านี้
ข้าพเจ้า ได้ชมเพียง 1 เท่านั้นเอง

*ที่หายไปสงสัย ดูสะสม เป็นร้อยเลยกระมัง


โดย: haro_haro วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:36:59 น.  

 
+ เอ๋! ทำไมหน้านี้โผล่มาตรงนี้แฮะ เง็งๆ ... อ้ายที่อยู่ข้างๆ จริงๆ เลยเหลืออยู่นิดเดียวเองอ่าครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:53:22 น.  

 
บางเรื่องดูแล้ว
บางเรื่องยังไม่ได้ดู
บางเรื่องไม่รู้จะได้ดูมั้ย
บางเรื่องก็น่าจะน่าดูนะ


โดย: getterTu วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:15:19 น.  

 




โดย: BloodyMonday วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:26:57 น.  

 
Inland Empire ชอบมาก ดุแล้วสมองช้ำดี


โดย: merveillesxx วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:09:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

renton-renton
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket.Just wait until night then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ “เด็ก” ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add renton-renton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.