dtredwing
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
6 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add dtredwing's blog to your web]
Links
 

 
เรื่อง....(ไม่...) น่าเล่า.....

พอดีมีหลายคนถามครับว่า.......ทำไมอยู่ดีๆถึง...มาเริ่มเข้าวัด......อ่านเรื่องนี้ขอเตือนก่อนนะครับว่าเป็นความคิดเห็นและสิ่งที่พบเจอส่วนบุคคล คิดว่าอ่านเล่น....ละกันนะครับ ส่วนใครที่คิดว่าไม่อยากรู้...จะหยุดอยู่ตรงนี้ก็ไม่ว่ากันครับ


ตอบคำถามข้างบนนะครับ...ไหนๆก็เล่าแล้วขอเล่าเท้าความเลยละกัน....หลายคนบอกว่าจะปฏิบัติธรรมต้องรอมีทุกข์หนักๆก่อน แต่...ของผมไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ ผมนั่งสมาธิตั้งแต่....ม.ปลายแล้ว...โดยจำๆมาจากชั่วโมงพุทธศาสนา ม.ต้น ครับ นั่งเกือบทุกวัน.......สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ.........วันที่นั่งสมาธิแล้ว...สงบ...จะสบายทั้งวัน....มีความสุขครับ..ไม่โกรธ....ไม่หงุดหงิด...ไม่ค่อยชั่ว.....แล้วก็อยากอยู่คนเดียวครับ....ก็มันมีความสุขกับตัวเอง แต่......ถ้าวันไหนนั่งแล้ว....ไม่สงบ......โดนอะไรกระทบนิดกระทบหน่อยก็จะหงุดหงิด....ใครพูดอะไรนิดๆหน่อยๆ....ก็....ทนไม่ได้แล้ว เป็นไปอย่างนี้ซักพัก ก็เริ่มโทษว่าตัวเอง ปฏิบัติ...แย่....ซึมเศร้า....แล้วก็เลิกไป ไปอยู่บ้าๆบอๆกับโลกตามปกติ ซักพักเริ่มวุ่นวายใหม่ ก็กลับมานั่งใหม่ ทำไปทำมาอย่างนี้ 10 กว่าปีจนเป็นนิสัย........เพื่อนที่รู้จัก...จะรู้ว่าบางวันดูเป็นคนดี....บางวันมันชั่วจริงๆ....(เหอะๆๆ วันที่เป็นคนดีก็วันที่นั่งแล้วได้สงบแหละครับ วันที่ชั่วๆหน่อยก็ตอนที่ไม่สงบหรือปล่อยไปเลย ) ก็ได้แต่บอกมันไปว่า.....ผมก็เป็นของผมอย่างนี้......

จนได้มาเรียนต่อ....ป.โทครับ มีเพื่อนที่สมัยเรียนป.ตรีคนหนึ่ง...มันเพิ่งสึกมาครับ.....อยู่ดีๆมันก็มาคุยเรื่องปฏิบัติธรรม ไอ้ผมก็ได้แต่...งง.... แล้วถามว่า......อ้าว....ก็บวชมาแล้วเค้าสอนว่าไงบ้างล่ะ.... คำตอบก็คือ...ท่านให้ปฏิบัติเองส่วนใหญ่ แล้วพระท่านที่วัดก็มีกิจมาก สึกมาแล้วก็เลยอยากรู้ว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไรบ้าง....
ผมตอบไปว่า....ไม่ก็ไม่รู้....ผมก็นั่งเพ่งๆลมหายใจไปอย่างนั้นเอง
คุณเพื่อนก็ยังไม่ลดละความพยายามนะครับ....หมั่นเอาหนังสือธรรมะมาให้
เล่มแรก.....เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ....อ่านเล่มนี้จบก็ตามด้วย...
เล่มที่ 2 ....มีชีวิตที่คิดไม่ถึง...........อ่าน 2 เล่มแรกก็ไม่ได้รู้สึกหวือหวาอะไรนะครับ เพียงแต่รู้สึกว่าได้ความรู้อะไรที่ยังพิสูจน์ไม่ได้......แต่ในใจเรา......เชื่อ....ครับ
เล่มสุดท้ายที่คุณเพื่อนให้มา.....คือ 7 เดือนบรรลุธรรมครับ......
ทั้ง 3 เล่มคนแต่งคือ...คุณดังตฤณ....ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านเรื่อง...ทางนฤพาน...ของท่านมาแล้ว....เป็นนิยายครับสนุกดี...ทางนฤพาน...เป็นนิยาย...ปนธรรมะ แต่นิยายซัก 70% ธรรมะซัก 30% มั้งครับ อันนี้ผมกะๆเอาเอง แต่....7 เดือนบรรลุธรรม ก็กึ่งๆนิยายนะครับ แต่เป็นนิยายซัก 30% เป็นธรรมะซัก 70% พระเอกในนิยายตั้งใจจะปฏิบัติธรรมครับ...เลยเปลี่ยนเวลานอน...คือ...นอนเร็วขึ้น 1 ชม. ตื่นเร็วขึ้น 1 ชม.มาปฏิบัติธรรม และตั้งใจว่าจะไม่เลิกครับ....แต่ละเดือนก็จะบรรยายครับว่า.....เค้าทำอะไรแล้วเจออะไรบ้าง.

..เหอะๆๆๆ....อ่านไป 3 เดือนก็เลิกอ่านแล้วครับ (3 เดือนในหนังสือนะครับ) เพราะ.....อ่านต่อไม่รู้เรื่องแล้ว....ปัญญามีครับ...แต่น้อย.......แต่สิ่งที่ได้มาก็คือ...การเปลี่ยนเวลานอนกับเวลาตื่นครับ......อีกอย่างที่สำคัญนะครับคือ.....ไม่เลิก....ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่เลิก เรื่องการเปลี่ยนเวลานอนอันนี้อ่านแล้ว....ในใจหยามเลยครับว่า เด็กๆ...เพราะที่ผ่านมาก็ทำบ้างอยู่แล้ว......แต่ขอ 30 นาทีละกัน....เหอะๆๆ

วันหนึ่ง อยู่ดีๆ (หรืออยู่ไม่ดีก็ไม่รู้) ก็มีรุ่นพี่ที่ภาคซึ่งได้ยินว่าพี่คนนี้ปฏิบัติธรรมมาครับแต่ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ พี่เค้ามาทักครับว่า.....ผมเป็นอะไรรึเปล่า ไอ้เราก็ได้แต่..งงๆครับ ตอบไปตามปกติว่า... “ไม่ได้เป็นอะไรนิพี่ ผมก็นิ่งๆของผมอย่างนี้” พี่เค้ายังพูดต่ออีกว่า.... “มีอะไรก็มาคุยกันได้นะ” อึม.....ไอ้เราก็ยิ่งงงไปกันใหญ่


ผลจากการที่ทำอย่างนั้นก็คือ.......ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ...ลงช่องเดิม.....ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง......แต่...ซักประมาณเดือนที่ 3 ตื่นเช้ามานั่งสมาธิครับ.....วันนี้รู้สึกทำไมมันนิ่งๆ...ชอบกล....นั่งๆ เพ่งลม....เพ่งไปเพ่งมา...อ้าว.....ลมหาย......อ้าว!!!????....หาลมหายใจไม่เจอครับ......ทำไงดี!!!!.....ไหนลองขยับแขนขยับขาซิ......อ้าว....เฮ้ย!!!!........ขยับไม่ได้.......ท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วลองจิตนาการเองละกันนะครับ ว่าถ้าหลับตาแล้ว.....ยังรู้สึกตัว.....แต่......บังคับร่างกายไม่ได้.....จะเป็นอย่างไร.........ผมกลัวสุดหัวใจเลยครับ........นั่งแล้วออกจากสมาธิไม่ได้..........ยังเช้าอยู่.....ยังไม่มีใครตื่น....ถึงตื่นแล้ว...ก็เรียกให้มาช่วยไม่ได้......เพราะอ้าปากไม่ได้.......ได้แต่นั่งกลัวครับ.........(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ) จนซักพัก.....มีมอเตอร์ไซค์.....ประเภทที่เอาไส้กรองเสียงออกขับผ่านมาครับ....เสียงดังมา.....ก็เลยจับเสียง....แล้วซักพักก็รู้สึกที่หู.....ถึงจะมารู้สึกที่ร่างกาย...แล้วลืมตาได้ ยอมรับแบบ....ลูกผู้ชายแมนๆ......เลยครับว่า กลัว....แทบจะร้องไห้!!!!!!......


หลังจากนั้น...ก็เริ่ม...เอะใจว่าที่ทำมาต้องมีอะไรที่ไม่ใช่..... .แต่ตั้งปฏิญาณไว้แล้วว่าจะไม่เลิก...ทำไงดีๆ ครูบาอาจารย์ที่ไหนก็ไม่รู้จัก..นึกมาได้ครับว่า......เคยอ่านหนังสือชื่อ......ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้.....ของคุณบัณฑิต (ที่ท่านเป็นวาทยกร อันดับ 1 ของโลกครับ) มีบทหนึ่งท่านเขียนเรื่อง....อธิษฐานไว้ครับ บทนั้นท่านบอกว่า...ท่านเขียนว่าท่านต้องการได้ผู้หญิงแบบไหนมาเป็นภรรยา...ท่าน list มาได้ซัก 3 หน้ามั้งครับ......แล้วท่านก็อธิษฐานทุกวัน....จนถึงวันนี้ท่านบอกว่าภรรยาของท่านคนนี้เป็นไปตามที่ท่านอธิษฐาน อันนี้ผมก็ไม่รู้นะครับว่าจริงมั้ยจริงใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ช่าง.......มันพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้......แต่ผมลองครับ....คนมันไม่มีอะไรจะเสีย....ลองดูก็ไม่เสียตังค์....ไม่ได้อธิษฐานในเรื่องไม่ดีด้วย

หลังจากวันนั้นทุกครั้งหลังแผ่เมตตาผมจะตั้งจิตอธิฐานว่า....ถ้าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดผิดทางขอให้ได้เจอครูบาอาจารย์ผู้ชี้ทางด้วย.....


ไม่กี่สัปดาห์ถัดมาครับ.....ขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านก็เปิดฟังเพลงตามปกติ พอดีมีโฆษณาก็เลย ลองเปลี่ยนแบบ Random ดู ... ดันไปเจอคลื่นธรรมะครับ (ในใจคิด...ใช่แน่ๆ ใช่แน่ๆ ที่ขอไว้แน่ๆ โฮะๆๆ) คลื่นนี้เป็นคลื่นธรรมะ 24 ชม.ครับ แต่ละวันแต่ละช่วงจะมีพระมาเทศน์ ต่างๆกันไป ฟังครับ ฟังทุกครั้งที่ขึ้นรถ ท่านแรกเทศน์.....กำหนดลมหายใจเอาแค่ที่ปลายจมูกไม่ต้องเข้าไปลึก..... ท่านต่อมาเทศน์....เดินจงกรม ให้กำหนด ยก ....ย่าง...เหยียบ..เดินช้าๆ วันถัดมา.....ท่านต่อมาบอก....ดูลมให้หาจุดกระทบ....ให้ตามเข้าไปลึกๆ จากนั้นอีกท่านก็มาบอกว่า.....เดินจงกรมให้เดินตามปกติ นอกจากนี้ยังได้เจอกับเพื่อนที่ปฏิบัติธรรมครับ เค้าแนะนำว่า..ลมหายใจเข้า...ออก เปลี่ยนไปหนึ่งรอบ ให้กำหนดเป็นรูปพระพุทธรูปสีแดง อีกรอบเป็นสีเขียว รอบสุดท้ายกลับเป็นสีเหลือง วนไปเรื่อยๆ


ตอนเช้าก็ยังคงนั่งสมาธิเหมือนเดิมครับ.....แต่............ไม่เหมือนเดิม.....เดี๋ยวลมมาอยู่ที่ปลายจมูกบ้าง....เดี๋ยวลมเข้าไปลึกๆบ้าง.....เดี๋ยวมีรูปพระพุทธเป็นสีๆบ้าง....เป็นไปตามคำพูดต่างๆที่เข้ามาในหัวตอนนั้นครับ แทบบ้าแล้วครับ.....ไม่ไหวแล้ว...... นึกถึงพี่ที่ภาคครับที่บอกว่า.... “มีอะไรก็มาคุยกันนะ” เหอะๆๆๆ....มีแล้วครับเพียบเลย... เข้าไปคุยกับพี่เค้าครับแล้วก็เล่าทุกอย่างให้ฟังทั้งหมด พี่เค้าก็ยิ้มๆ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ถ้าเชื่อพี่นะหยุดทุกอย่าง...แล้วไป Load mp3 ที่ web หนึ่งมาฟัง ลองปฏิบัติตามถ้า 3 เดือนแล้วไม่ดี ให้เลิกแสดงว่า จริตเราไม่ใช่ทางนี้ รู้ว่า.....ไม่ใช่แล้วค่อยหาทางใหม่” หลังจากฟังไม่ต้อง 3 เดือนหรอกครับ แค่เดือนเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว เลยกลับมาคุยกับพี่ใหม่ว่า..... “พี่ครับ...แล้วทำไมไม่บอกผมตั้งแต่ตอนที่เข้ามาคุยวันนั้น” พี่เค้าตอบครับว่า “ถ้าบอกตอนนั้นแล้วเราจะฟังเหรอ” เหอะๆๆ กลับไปคิดแล้ว......ไม่มีทางครับ.... ใครจะไปเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำมา 10 ปีผิด.... สมมตินะครับว่า.....เรากินน้ำจากบ่อหนึ่งมา 10 ปี...แล้วอยู่ดีๆมีคนมาบอกว่าน้ำบ่อนี้เน่า......ใครจะไปเชื่อครับ.....จะรู้ตัวอีกทีก็ตอนหมอตรวจแล้วบอกว่า.....คุณเป็นโรคไปแล้ว.......


จะเล่านิดๆสิ่งที่ท่านสอนให้ฟังนะครับ ไม่กล้าเล่าเยอะ เพราะกลัวบิดเบือน อ่านๆไปก็ให้รู้ด้วยนะครับว่าเป็นประโยคที่ผมเรียบเรียงเอง อาจจะมีเพี้ยนบ้าง ที่โดนๆนะครับ.....ท่านบอกว่า คนไทยส่วนใหญ่ไร้ศาสนา...พุทธศาสนามีอยู่แค่ในบัตรประชาชน...มาลองคิดๆดูนะครับว่า คนไทยจริงๆเข้าวัดไปทำบุญกันซักกี่คน......แล้วในกลุ่มที่เข้าวัดมาทำบุญ....มีกี่คนที่รู้ว่าศาสนาพุทธสอนอะไร.....ไม่ใช่ว่าทำบุญไม่ดีนะครับ...ยังไงก็ดีครับ....แต่แก่นของศาสนาพุทธ ไม่ได้อยู่ที่การทำบุญ ท่านสอนต่อให้รู้กายรู้ใจ....มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นให้รู้ รู้แล้วไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่ยินดียินร้าย......เห็นทุกสิ่งผ่านมาแล้วผ่านไป ......คนส่วนใหญ่ไม่เคยตื่น......อยู่แบบหลงๆไปวันๆ


ผมสมมติ( ย้ำ.....ผมนะครับ )จากคำสอนของท่านนะครับ....ขณะเรากำลังเดินไปกินข้าวกลางวัน.....เรารู้ตัวว่าเดินซักกี่ก้าว ใจเราจะไปคิดถึง....งานเมื่อเช้าบ้าง....โดนเจ้านายหรืออาจารย์ด่าก็จะเก็บมาคิดว่า....เค้าไม่น่าทำอย่างนั้นกับเราเลยพาลโกรธต่อ หรือไม่ก็ไปถึงโรงอาหารแล้วจะกินอะไรดีนะ ร้านนี้น่าจะมีไอ้นี่ร้านนั้นน่าจะมีไอ้นั่น ใจไม่เคยอยู่กับตัว การฝึกเจริญสติก็คือ......กำลังเดินไปกินข้าว...รู้ว่ากำลังเดิน เดินไปซักพักคิดถึงเรื่องที่โดนด่าแล้วโกรธ....รู้ว่าโกรธ เดินไปอีกซักพัก....คิดไปถึงอาหารแล้วอยากกิน....รู้ว่าอยากกิน เดินไปถึงร้านไม่มีไอ้ที่ชอบผิดหวัง.....รู้ว่าผิดหวัง

รู้แล้วมีประโยชน์ยังไง......สำหรับตัวผมเองนะครับ...อาทิตย์แรกที่ลองฝึก......กำลังทำงานอยู่แล้วโดนด่าความโกรธมันรุนแรงขนาดกำลังร้อนขึ้นหน้าแล้ว....นี่ถ้าไม่ใช่เป็นผู้ใหญ่กว่า...ด่าสวนกลับไปแล้วครับ มี....สติ.....ปุ๊บ.......รู้ว่าโกรธ.....มันกำลังร้อนขึ้นหน้า ตั้งใจเลยครับ....ดูโกรธ.....ดูซิว่ามันจะอยู่นานแค่ไหน จับเวลาเลยครับ ทำงานต่อไปเผลอคุยกับเพื่อนบ้าง ทำงานบ้าง ผ่านไป 15 นาที กลับมาดูใหม่ อ้าว......มันไม่ร้อนขึ้นหน้าแล้วครับ....มันเหลือแค่ขุ่นๆอยู่กลางอก.......ครึ่งชม.ผ่านไป กลับมาดูอีกที....มันหายไปแล้ว ดูบ่อยๆไปซัก 1 เดือน โดนด่าใหม่ครับ คราวนี้แค่มันขุ่นๆกลางอกก็รู้แล้ว....ยังไม่ทันร้อนขึ้นหน้าเลย ผมว่า....ได้แค่นี้ชีวิตผมก็มีความสุขขึ้นมากแล้วครับ เพราะถูกความโกรธครอบงำน้อยลง...แต่ยังมี.....โกรธอยู่นะครับ

ที่เล่ามานี่ไม่ได้หมายความว่าผมปฏิบัติเป็นแล้วนะครับ.......ของผมนี่ยังถือว่า.....ยังไม่ได้เรื่องเลย.....เพราะติดเพ่งอยู่ อาจจะงงกับศัพท์บางคำนะครับ เพราะมันอธิบายให้เข้าใจไม่ได้ด้วยการอ่าน แต่....มันต้องรู้สึกเอาเอง เหมือนกับคนขี่จักรยานครับ....ให้อธิบายการทรงตัวอยู่บนจักรยาน กับคนที่ไม่เคยขี่หรือขี่ไม่เป็น พูดยังไงเค้าก็ไม่เข้าใจ....ต้องให้เค้ามาลองเองครับ ตอนนี้รู้แล้วครับว่าไอ้ที่ทำๆเองมาทั้งหมดเค้าก็มีศัพท์ เทคนิคที่เรียกว่า..... “มิจฉาสมาธิ”…..ครับ....เหอะๆๆๆ ถ้าอยากได้ความรู้ผิดๆก็มาเลยครับ...เดี๋ยว....ผมสอนให้.... อิๆๆๆ โง่หลาย.....โง่หลาย...

หลายครั้งที่ฟังท่านเทศน์แล้ว เชื่อมั่นและศรัทธา แรงกล้า...แต่ก่อนเทศน์จบท่านกลับบอกว่า...ไม่ได้สอนให้ศรัทธานะ ...แต่ท้าให้ลอง....ถ้าทำแล้ว 3 เดือนไม่ดีก็เลิกไปเลย.......อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว...ท่านผู้อ่านรับคำท้ามั้ยครับ....ถ้าท่านไหนรับคำท้าแล้ว....อยากได้ CD ไปฟัง mail ชื่อและที่อยู่มาที่ redwing7724@hotmail.com ได้นะครับ....ส่งให้ฟรี....พร้อมกับ...แถม....ความยินดีไปด้วย

ปล.ยังมีเรื่องเล่าอะไรอีกมากแต่พักไว้ก่อนดีกว่า .....เดี๋ยวจะไม่มีอะไรไป post เข้าป่า......เหอะๆๆ

6 มิย. 51



Create Date : 06 มิถุนายน 2551
Last Update : 6 มิถุนายน 2551 21:13:46 น. 7 comments
Counter : 480 Pageviews.

 
อืม...มีที่มา
จริงๆรู้สึกว่าเวลาที่ธรรมะจะเข้าสู่ใครซักคน ทุกอย่างมันจะดูเหมือนบังเอิญพอดีไปหมด(จริงๆไม่มีบังเอิญ) ไม่รู้ว่าคิดไปเองคนเดียวรึป่าว แต่สำหรับเราแล้วทุกอย่างช่างเหมาะเจาะลงตัวจริงๆ


โดย: crossbite IP: 202.28.181.11 วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:22:11:10 น.  

 
เคยได้ยินคำนี้ไม๊..."ธรรมะจัดสรร", "บุญจัดสรร"
ก็..ขออนุโมทนาด้วยแล้วกัน ^.^


โดย: หลังบ้าน IP: 118.174.47.235 วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:20:53:47 น.  

 
ผมเคยเป็นแบบที่คุณเล่าเลย กลัวมากจนเลิกปฏิบัติไปพักหนึ่งเลย

เมื่อศึกษาและลองปฏิบัติก็ไม่เป็นอีกเลย อาจเป็นเพราะจิตไม่นิ่งมากก็ได้ ก็เลยไม่เจอ แต่ถ้าเจอคิดว่ารู้แล้วเพราะศึกษามาบ้างแล้ว

ตอนนี้ผมเองก็ศึกษาตามแนวดูจิตของ อ.ปราโมทย์อยู่ การนั่งสมาธิก็ไม่ใช่เป้าหมายเลย เมื่อก่อนก็ดีใจเสียใจเวลานั่งดีไม่ดีเหมือนกัน เป้าหมายคือการทำให้ใจมีกำลังแค่นั้นเอง

ยินดีที่มีสนใจปฏิบัติเช่นเดียวกันครับ

อิกคิว

ปล.ผมก็มีบล็อกอยู่ในนี้เหมือนกัน แวะไปอ่านเรื่องได้ครับ


โดย: วนารักษ์ IP: 118.173.250.232 วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:15:36:22 น.  

 
แหมดีใจจังเลยที่รู่ว่าสนใจด้านธรรมะด้วย อนุโมทนาด้วยนะคะ
แล้วเคยลองไปเข้า course ปฏิบัติธรรมที่ไหนบ้างรึปล่าวเอ่ย ถ้าไม่ค่อยมีเวลาก็แนะนำให้ไปวัดสังฆทาน อยู่จ.นนทบุรีเองล่ะ ที่นี่ดีมากเลยนะมีสอนทุกวันเลยล่ะ จุ๊บก็ไปเป็นประจำถ้าพอมีเวลา (แต่วันส.-อา.คนเยอะมากๆๆ)
อ้อ! นี่ก็กำลังจะสมัครcourse ปฏิบัติธรรมที่วัดยานนาวาล่ะ ปีนี้เค้าจัดตั้ง 2 รอบ (มี30 สค.-5กย.,27 ธค-2มค.)ถ้าสนใจก็ โทร/mail มาถามได้น้า...


โดย: jub-joop IP: 58.9.155.4 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:21:55:10 น.  

 
readv2


โดย: harzmen IP: 158.108.239.163 วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:21:01:15 น.  

 
น่ากลัวจิงๆ


โดย: 321 IP: 203.144.180.66 วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:0:50:41 น.  

 
สาธุ ยินดีในหมอ


โดย: yosita IP: 101.51.14.228 วันที่: 14 ตุลาคม 2554 เวลา:21:09:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.