ทริปยุโรปกับกล้องอัตโนมัติ
จัดบ้านเมื่อต้นเดือนมีนาคม จนไปเจออัลบั้มภาพที่เคยไปเที่ยวยุโรปมาเมื่อสิบปีก่อน ดูไปก็ยิ้มไป อ้อ เราตอนนั้นเป็นอย่างนี้นะ แต่งตัวตอนนั้นดูเชยจัง กล้าใส่ไปได้ยังไง แต่รูปนี่สีมันชักจะซีดจาง เกรงว่าอัลบั้มรูปนี้มันจะกลายเป็นความว่างเปล่าบนแผ่นกระดาษในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จึงต้องมองหาฟิล์มเพื่อไปเขียนลงแผ่นจะได้เก็บไว้ดูได้นานๆ แต่กาลเวลาก็พรากพาความสมบูรณ์บนแผ่นฟิล์มไป ทุกม้วนมีรอยด่าง บางม้วนก็ลอกเป็นจุดขาวๆ แล้วก็เอาไปไรท์ เมื่อได้แผ่นมาปุ๊ปก็รีบเปิดดู หลายรูปมีรอยด่าง แต่ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ที่ยังดูได้และสามารถเก็บไว้เพื่อจะได้ดูในอนาคตพูดถึงการท่องเที่ยว ตอนนั้นก็เที่ยวไปวันๆ ไม่ได้สนใจเก็บรายละเอียดว่าไปไหนมาบ้าง งานเทศกาลอะไร ยังนึกในใจถ้ารู้จักบันทึกเรื่องราวไว้คงจะมีประโยชน์ไม่น้อย อย่างน้อยๆเวลาใครถามก็ยังตอบถูกว่าไปที่ไหนมา ไปดูบล็อคคนอื่นเค้าสวยๆ มีนู่นนี่เยอะแยะ แต่เราก็ขี้เกียจ พอดีมีคนมาทักเข้าจนเกิดความละอาย เราจะเอาอะไรมาอัพล่ะ ก็เลยเอารูปจากแผ่นมาปรับแต่งใน photoshop ด้วยความรู้อันน้อยนิด เพื่อให้รูปชัดเจนขึ้น ตอนนั้นก็ถือแต่กล้องอัตโนมัติตัวเล็กแต่อ้วนๆ หอบฟิล์มกับแบตเตอรี่ไปจากเมืองไทย เพราะที่โน่นแพงแน่ๆ จะถ่ายแต่ละทีก็ระมัดระวัง เพราะเสียแล้วเสียเลย เปลืองฟิล์มอีก วันเวลาผ่านไปเดี๋ยวนี้ถ่ายไปเถอะเสียก็ลบได้ สะดวกดีเนอะล่องคลองเมือง Brugge กิจกรรมสุดฮิตของนักท่องเที่ยวดอกไม้สวยๆหน้าบ้านแม่ชี ที่ Brugge อีกเหมือนกันรูปนี้จำได้ ไปที่คอกม้า วิวสวย ม้าน่ารักมากๆในรูปนี้ ได้ขี่ม้ากับเค้าด้วย ตอนแรกก็มีคนจูง ต่อมาพอคุ้นเคยเค้าก็ปล่อยให้เราขี่ม้าเยื้องย่างไปมา พอโดนปล่อยเดี่ยวก็กลัวน่ะสิ ขาเลยหนีบซะแน่น และ และ และ การบีบขาเข้าสีข้างม้าแน่นๆเนี่ย มันเป็นการเร่งให้มันวิ่งเร็วขึ้น ความซวยบังเกิดเลย ผ่านนาทีนั้นมาได้ หน้าซีด ขาสั่น เหงื่อตก เป็นอย่างงี้นี่เอง
ยุโรปนี่กี่ปีผ่านไปก็ดูไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่ ไม่เหมือนเมืองไทย ถนนไหนที่ไม่ได้ผ่านไปพักเดียว พอไปอีกทีจำไม่ได้ซะแล้ว สะพาน ป้าย อะไรขึ้นกันเต็มไปหมด
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมที่บล็อกนะคะ..