ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
6 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-เปี๊ยกคนขับรถยนต์

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกรรมเปิดสาขาใหม่
ที่ต้องมีการต้อนรับแขกเหรื่อและลูกค้ารายใหญ่ ลูกค้ารายใหม่
สภาพความวุ่นวายชุลมุนในวันเปิดกิจการใหม่
เมื่อสิ้นสุดลงแล้วทุกอย่างก็เริ่มกิจวัตรประจำวัน
ตามสภาพปกติของมนุษย์เงินเดือนทั่วไป

เปี๊ยกทำหน้าที่หลักคือ ขับรถยนต์กะบะสาขาตอนเดียว
ยี่ห้อมิตซูแค็ป สีน้ำเงินมีหลังคาครอบสีขาวด้านหลัง
เส้นทางหลักคือ จากปาดังเบซาร์ไปกลับหาดใหญ่
เพื่อทำหน้าที่รับส่งเอกสาร เช็คเคลียริ่ง และเงินสด
บางวันก็พ่วงสินค้าชายแดนที่มีคนฝากซื้อไปบ้างเล็กน้อย
ปาดังเบซาร์ในยุคนั้น นอกจากสินค้าชายแดนที่ซื้อขายกันอย่างคึกคัก
แล้วมีการทะยอยส่งโดยกองทัพมดเข้ามาหาดใหญ่

ยังมีธุรกิจหลักคือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา
ธุรกิจนี้มีปริมาณการซื้อขายแต่ละวันมากในสมัยนั้น
ช่วงทั่วไปเฉลี่ยวันละ สิบถึงสิบห้าล้านบาท
ช่วงก่อนไทยมีวิกฤติการณ์เศรษฐกิจปี 2540
ที่มหาโจรโซรอสโจมตีค่าเงินบาท
มีปริมาณเงินสดที่หายไปจากประเทศไทย
มากกว่าวันละ สี่สิบถึงห้าสิบล้านบาทต่อวัน
เป็นระยะเวลาร่วมเดือน ช่วงนั้นต้องมีการขนเงินสด
วันละไม่ตำ่กว่า 2-3 ครั้งเลยทีเดียว
โดยพ่อค้าแม่ขายจะนำเงินสดจากฝั่งไทย
ใส่ในกระเป๋าเสื้อผ้ากางเกงยัดใส่แบบเหมือนของเล่น
มากันครั้งสองถึงสามคนไม่ผู้หญิงก็ผู้ชาย
แล้วเดินเข้าทางเข้าไปในฝั่งมาเลย์ด้วยรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซด์
จากนั้นเงินสดที่เคยสอบถามจะไปสิ้นสุดที่สิงคโปร์
ก่อนจะหมุนกลับเข้าประเทศไทยหรือไปโผล่ประเทศเพื่อนบ้าน

ปัญหาที่เกิดขึ้นและน่าจะเป็นวิกฤติของสาขาก็คือ
ธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงินสดที่ลูกค้าขอเบิกไม่ได้
ทำให้การสำรองเงินสดของธนาคารผันผวนมาก
จนต้องมีการเจรจาขอร้องและตกลงกับคนฝากเงิน
ที่มีอาชีพรับแลกเปลี่ยนเงินตราว่า
ให้แจ้งล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันว่าจะเบิกเงินสดเท่าไร่

เพราะในยุคนั้นการเบิกเงินสดจำนวนมาก
นอกจากจะไปรับเงินสดที่สาขาหาดใหญ่
แล้วยังสามารถไปรับเงินสดที่ธนาคารชาติ
ที่มีสำนักงานสาขาอยู่ที่หาดใหญ่
ในยุคนั้นธนาคารชาติทำหน้าที่บริหารเงินสด
ด้วยการที่ทุกธนาคารต้องส่งเงินสดคงเหลือ
กลับไปยังธนาคารชาติเพื่อตรวจสอบ/ตรวจคัด/ตรวจนับ
ก่อนที่จะส่งคือธนาคารเพื่อให้ไปหมุนเวียนในท้องตลาดอีกครั้ง

เงินปลอมที่ธนาคารตรวจไม่พบแล้วผ่านเข้าธนาคารชาติ
จะมีโทษปรับธนาคารที่ส่งเงินปลอมไปให้ธนาคารชาติ
จำอัตราไม่ได้แล้วเพราะเคยร่วมกับพนักงานอีกคนหนึ่ง
(ในช่วงนั้นยังเป็นพนักงานทดรองงานทั้งสองคน)
ตรวจนับเงินสดแล้วผ่านแคชเชียร์ส่งไปยังธนาคารชาติ
ปรากฎว่ามีการแจ้งจากธนาคารชาติมาว่าเป็นเงินปลอม
จึงถูกธนาคารชาติยึดไว้เป็นตัวอย่าง
แล้วเรียกปรับจากธนาคารอีกต่อหนึ่ง

จำได้ว่าเคยเดินเข้าไปในห้องเงินสดของธนาคารชาติหาดใหญ่
(พอดีสนิทกับหัวหน้าฝ่ายเงินสดที่นั่งดื่มสุราร่วมก้นหลายครั้ง
เลยอนุญาตแบบไม่เป็นทางการให้เข้าไปเยี่ยมชมได้)
กองเงินสดที่อยู่บนโต๊ะทำงานขนาดยาวหนึ่งเมตรยี่สิบถึงเมตรห้าสิบ
วางเป็นมัด ๆ กองเต็มบนโต๊ะสูงเกือบครึ่งเมตรเห็นแล้วจำนวนมหาศาล
แต่กลิ่นธนบัตรรุนแรงมาก สารพัดกลิ่น อบอวลไปหมด
พนักงานที่ทำงานภายในจึงต้องใส่ที่ปิดปากปิดจมูก
แต่ตอนที่ผมกับเพื่อนเดินเข้าไปไม่ได้ใส่
เลยได้รับกลิ่นแบบนี้เต็ม ๆ เข้าปอดไป

เงินสดที่ส่งเข้าห้องเงินสดนี้จะผ่านการระบุจำนวนเงิน
ที่รับมาจากธนาคารมีแหนบระบุรายชื่อธนาคารไว้
ไม่มีการรวมจากธนาคารอื่นเข้ามาด้วย
(เพื่อตรวจสอบว่าธนบัตรปลอมมาจากธนาคารใดก่อน)
เงินสดที่พนักงานธนาคารชาติตรวจนับกับมือก่อน 1 คน
เพื่อแยกแยะคัดธนบัตรใหม่ ธนบัตรเก่า ธนบัตรชำรุด
แล้วจึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นจำนวนเงินกองนี้จะส่งไปให้พนักงานอีก 1 คน
ทำการตรวจนับเงินสดตามสภาพใหม่ และเก่า
ก่อนลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
แล้วจึงส่งมาตรวจนับกับเครื่องนับธนบัตรอีก 1 คน
แล้วจึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
ก่อนที่จะมีการลงนามร่วมกันส่งยอดเงินสดรวมเข้าคลัง
เพื่อที่จะแจกจ่ายให้กับธนาคารที่มาเบิกเงินสดต่อไป

หมายเหตุ
การตรวจสอบสาขาโดยผู้ตรวจสอบสาขา
หรือผู้ตรวจสอบของธนาคารชาติ
ก่อนเริ่มทำการตรวจสอบเป็นธรรมเนียม/
ประเพณีนิยมคือต้องตรวจนับเงินสด
นับจำนวนเงินสด(นับแหนบ)ในรายการระบุว่าครบหรือไม่
อาจจะมีการสุ่มนับตรวจเงินสดในแหนบบางครั้ง
ถ้าเงินสดไม่ครบหรือขาดจำนวน
สันนิษฐานได้เบื้องต้น มีการทุจริตเกิดขึ้นแล้ว

ส่วนธนบัตรชำรุดหรือเสื่อมสภาพมากแล้ว
จะมีการลงทะเบียนหมายเลขธนบัตร
แล้วตัดหั่นธนบัตรเฉียงครึ่งใบเป็นสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
ก่อนจะเจาะรูไว้หลาย ๆ รู แล้วเก็บเข้าคลัง
รอการตั้งกรรมการเพื่อทำการเผาธนบัตรชำรุด
แต่เดิมมีเตาเผาธนบัตรตั้งอยู่ใกล้โรงเรียน ญว.
โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยของหาดใหญ่
ตัวย่อไม่กล้าใช้ ห.ว. เพราะผู้ปกครองบอกอุบาทว์
ถ้าใช้ตัวย่อนี้จะไม่ให้ลูกหลานเข้าเรียนโดยเด็ดขาด
ส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ชุมทางหาดใหญ่
จะใช้ชื่อตัวย่อว่า ห.ใ. เพราะคุณนายรถไฟเคืองมาก
ที่ลูกน้องเจ้านายมักจะเรียกแกว่า คุณนาย หญ.
จึงต้องเปลี่ยนให้ฟังแล้วอุบาทว์น้อยลง

เตาเผาธนบัตรชำรุดของธนาคารชาติ
แต่เดิมปล่องไฟเตี้ยมากจึงมีปัญหา
เวลาเผาธนบัตรกลิ่นควันรบกวนการเรียนนักเรียน
จึงมีการประท้วงกันมากเรื่องนี้
สุดท้ายจึงต้องมีการสร้างปล่องไฟให้สูงกว่าเดิมมาก
เพื่อให้กลิ่นควันลอยขึ้นสูง ลมจะได้พัดไปไกล ๆ
ไม่ไหลลงมารบกวนการเรียนของนักเรียน
เพราะราชการต้องทำงานทำการในวันเวลาราชการ
ห้ามทำงานในวันหยุดราชการหรือวันนักขัตฤกษ์
จึงมีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นประจำ

ขี้เถ้าจากการเผาธนบัตรชำรุด
มักจะมีคนขอไปไว้ที่บ้าน
เพราะเชื่อว่าเป็นมงคลทำให้ร่ำรวย
มีวัดบางวัดขอขี้เถ้าจากการเผาธนบัตรธนาคารชาติ
ไปผสมกับเนื้อดินสีออกดำ ๆ ให้เช่าบูชา
ผมยังสะสมไว้หนึ่งองค์ แต่ยังหาไม่เจอว่าวางไว้ไหน

หลังจากการเปลี่ยนผ่านผู้ว่าการธนาคารชาติในยุคหนึ่ง
จึงมีการยกเลิกหน่วยงานเงินสดของธนาคารชาติ
ให้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งไปบริหารจัดการกันเอง
โดยธนาคารชาติทำหน้าที่กำกับตรวจสอบเท่านั้น
และยังทำหน้าที่พิมพ์ธนบัตรกับทำลายธนบัตรชำรุดเหมือนเดิม

หมายเหตุ
เรื่องกลิ่นควันที่ไม่พึงประสงค์
ยังจำได้สมัยนอนที่หอพักซีมะโด่งสามย่าน
มีการเผาศพที่วัดหัวลำโพง
บางวันอากาศนิ่ง ๆ หรือลมพัดมาทางหอพัก
ยังได้กลิ่นเผาศพคล้ายกลิ่นคนทอดปลาเค็ม
ถามรุ่นพี่บอกเออนั่นแหละกลิ่นเผาศพ
แต่ปีหนึ่งจะได้กลิ่นไม่มากนักเพียงครั้งสองครั้งไม่นานมาก

ยังจำได้ถึงตอนที่ไปขนเงินสดกับเปี๊ยก
เงินสดจำนวนสิบกว่าล้านจะนำใส่ถุงทะเลสีเขียว
แล้วใส่ตรงแค็ปที่นั่งด้านหลังคนขับกับคนนั่ง
รถยนต์กะบะที่ขับก็ไม่ใช่รถนิรภัย
ไม่มีตำรวจนั่งไปด้วยหรือพกปืนในรถยนต์แต่อย่างใด
เปี๊ยกจะขับรถยนต์อย่างรวดเร็วเพื่อกลับธนาคาร
ผมคนนั่งก็ภาวนาว่าอย่าเกิดอุบัติเหตุ
พร้อมกับวิตกจริตว่าจะมีการปล้นหรือไม่
หรือจะมีการสบคมคิดกับเปี๊ยกปล้นกลางทางหรือไม่

แม้ว่าจะมีคำสั่งว่าถ้าถูกปล้นเงินสด
ให้ยอมอย่างเดียวอย่าขัดขืนแต่อย่างใด
เพราะธนาคารได้ทำประกันภัยการขนเงินสดไว้แล้ว
(แต่ไม่ประกันชีวิตเพิ่มให้กับพนักงาน
เพราะถือตามกรมธรรม์ประกันรวมรายปี)

แต่ถ้าเกิดเหตุจริงรอดชีวิตไม่ตายในการปล้นครั้งนั้น
กว่าเรื่องเงินสดถูกปล้นจะจบเรื่องลงมาได้
คนที่นั่งไปด้วยกับคนขับรถยนต์
คงจะต้องถูกตำรวจสงสัยแล้วสอบสวนอีกนาน
กว่าจะยืนยันว่าบริสุทธิ์ได้คงอ่วมอรทัย

จำได้ว่านั่งไปขนเงินสดกับเปี๊ยกหลายครั้ง
บางครั้งผู้ช่วยสมุหบัญชีสาขาไป
หรือบางวันผู้จัดการสาขาขนมาจากหาดใหญ่
โดยรถยนต์ส่วนตัวของตนเองตามลำพัง
มักจะเป็นวันจันทร์ที่แกกลับบ้านสงขลา
แล้วตอนเช้ามาทำงานก็ขนเงินสดเข้ามา

เรื่องการขนเงินสดจำนวนมากของสาขา
เป็นประเด็นเผ็ดร้อนทั้งของสาขาและสำนักงานใหญ่
ตลอดจนธนาคารชาติในยุคนั้น
เพราะเป็นปัญหาที่ไม่มีทางออกที่ชัดเจน
จนสุดท้ายธนาคารไทยแห่งแรก
จึงต้องมีการตั้งรถขนเงินสด (หรือเรียกว่า ศูนย์การเงิน)
แต่ลงทุนแบบโหลยโถ่ยมากถ้าคิดถึงในตอนนี้
คือใช้รถยนต์ตู้ใส่ตู้นิรภัยไว้กลางรถยนต์
แล้วให้ตำรวจนั่งไปเป็นเพื่อนหนึ่งราย
มีพนักงานขับรถยนต์หนึ่งคนกับหัวหน้าศูนย์การเงินนั่งไปด้วย
ทำหน้าที่รับ/ส่งเงินสดไปตามสาขาต่าง ๆ ในสงขลา
บางครั้งก็พ่วงเอกสารภายในสาขาและสินค้าชายแดนไปด้วย
ก่อนที่จะมีการพัฒนามาเป็นรถนิรภัยของบริษัทในเครือปัจจุบัน

จำได้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนมัธยม
ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าศูนย์การเงินสักพัก
ก่อนที่ป๊ะกับม๊ะให้ลาออกจากการเป็นพนักงาน
เพราะกลัวเกรงภยันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกชาย
จากการทำหน้าที่ดังกล่าวในรถยนต์ตู้ดังกล่าว
เพราะเงินสดใช้ที่ไหนก็ได้ ไปไหนก็พกพาได้
ไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่มีใครจดหมายเลขไว้แต่อย่างใด
ยกเว้นแต่เงินสดที่ผลิตออกมาจากธนาคารชาติเป็นชุด ๆ
ก่อนที่จะกระจัดกระจายไปตามทุกถิ่นฐาน

หลังจากที่ผมย้ายมาอยู่ที่สำนักงานเขตที่หาดใหญ่แล้ว
ยังเจอเปี๊ยกสม่ำเสมอแต่น้อยลง
เพราะเวลาคลาดเคลื่อนกันต้องลงไปที่สาขาชั้นล่าง
บางทีก็ไม่เจอเพราะเปี๊ยกออกไปกินข้าวแล้ว
แต่ถ้าเจอแกมักจะไปกินข้าวด้วยกันเสมอ
กับบางครั้งไปช่วยงานที่สาขาปาดังเบซาร์
มักจะเป็นช่วงสั้น ๆ ประมาณสัปดาห์สองสัปดาห์
ก็มักจะเดินทางไปไหนมาไหนร่วมกันเสมอ

ส่วนหนึ่งที่สนิทกับเปี๊ยกมาก
เพราะในช่วงที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานสินเชื่อ
ต้องเดินทางร่วมกับเปี๊ยกไปสำรวจหลักประกัน
มีครั้งหนึ่งเดินทางเข้าไปในป่ายาง
เพื่อดูหลักประกันสวนยางพาราของลูกค้า
ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นมีคนด่าเปี๊ยกกันอย่างมากมาย
แล้วมีการหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เพราะรถยนต์ตู้ของธนาคารสภาพเหมือนสีเหมือนกับรถศุลกากร
ทำให้บรรดากองทัพมดที่แอบซุ่มซ่อนสินค้าชายแดนแถวนั้น
ต่างพากันแตกตื่นวิ่งหนีหาที่หลบซ่อนข้าวของกันชุลมุน
พอเปี๊ยกกับผมเดินออกมาสำรวจหลักประกัน
จึงรู้ว่าไม่ใช้เจ้าหน้าที่/นายด่านแต่อย่างไร
พวกตื่นกลัวหรือหวาดระแวงศุลกากรจึงวางใจ
แล้ววิถีชีวิตกองทัพมดก็กลับไปแบบเดิม

มีอีกเรื่องหนึ่งในยุคในสมัยนั้น
เช็คเคลียริ่งของธนาคารมูลค่าเงินจำนวนมาก
แต่บางธนาคารมีความมักง่ายหรือไม่คิดว่าจะมีเหตุร้าย
มักจะฝากให้กับพนักงานที่บ้านอยู่หาดใหญ่
นำขึ้นรถแท็กซี่หรือรถประจำทางกลับหาดใหญ่
แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยนำเช็คคืนกลับมาที่สาขาอีกครั้ง
ทั้งที่มูลค่าเงินในหน้าเช็คเผลอ ๆ มากกว่าเงินสด
เกิดสูญหายหรือถูกลักขโมยไปเป็นเรื่องแน่นอน

ภายหลังจึงมีการตกลงกับธนาคารบัวหลวงที่สะเดา
ผลัดกันวิ่งเคลียริ่งเช็คธนาคารละหนึ่งสัปดาห์
ต้องนำส่งที่สาขาหาดใหญ่แต่ละธนาคารช้าสุด
ไม่เกินบ่ายโมงในแต่ละวันแล้วรอรับกลับได้
ประมาณไม่เกินสามโมงเย็นของแต่ละวัน
หลังจากนำเช็คทั้งหมดไปทำการเคลียริ่งที่ศูนย์เคลียริ่งแล้ว
ส่วนเงินสดของธนาคารไทยธนาคารมัน

เรื่องการพูลเช็คเคลียริ่งของธนาคารในสะเดาในยุคนั้น
ปรากฏว่ามีสามธนาคารไม่ยอมพูลด้วย
มีธนาคารออมสิน (เช็คเคลียริ่งแทบไม่มีหรือน้อยมาก)
ธนาคารมหานคร ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการ
สองธนาคารหลังบอกไม่จำเป็นเพราะมีเช็คน้อย
และใช้วิธีการฝากผู้จัดการสาขาหรือพนักงาน
ที่ต้องไปกลับหาดใหญ่ให้นำเช็คไปเคลียริ่งแบบข้ามวัน
เพราะลูกค้าตกลงยินยอมในเรื่องนี้จึงทำได้
แม้ว่าจะทำให้ได้รับเงินสดหมุนเวียนช้าลงหนึ่งวันก็ตาม

ในสมัยนั้นตอนเย็นพอเช็คเคลียริ่งคืนสาขาแล้ว
เช็คที่ลูกค้านำเข้าบัญชีถ้าปรากฏว่าเป็นเช็คคืน
เปี๊ยกจะต้องนำเช็คคืนไปส่งให้กับลูกค้าที่บ้าน
บางธนาคารลูกค้าต้องมารับคืนเองที่ธนาคาร
ถ้าระยะทางใกล้ ๆ ก็เดินไปแต่ถ้าไกลหน่อย
เปี๊ยกมักจะขับรถยนต์กะบะไปส่งให้ถึงบ้าน

ดังนั้นเวลาตอนเย็นเวลาเปี๊ยกไปจอดรถยนต์
ใกล้กับบ้านของใครในปาดังเบซาร์
เจ้าของบ้านกับคนข้างเคียงก็รู้ว่า
เจอเช็คเด้งอีกแล้วในวันนี้
ถึงกลับบางบ้านเวลาเปี๊ยกจะเดินลงไป
ต้องรีบโบกมือไล่หรือพูดเล่นว่า อย่าเข้ามา ๆ
เพราะเช็คที่นำเข้าฝากบัญชีเด้งอีกแล้ว

เรื่องเช็คเด้งในปาดังเบซาร์
เหล้าขาวเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทมาก
เคยด่าว่า คนบางคนที่ตีเช็คให้มานั้น
ต่อให้มันมีเช็คสลักหลังหรืออาวัล(สลักหน้า)
โดย ผู้ว่าการแบ้งค์ชาติ หรือรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง
ยังเด้งแน่นอนเลย แล้วจะให้กล้ารับเช็คมันได้อย่างไร


Create Date : 06 ธันวาคม 2557
Last Update : 6 ธันวาคม 2557 21:32:13 น. 0 comments
Counter : 823 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.