ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
27 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
ชีวิตชาวบ้านคลองหวะ-เลี้ยงผึ้ง (ปฐมบท)

หลายสิบปีก่อนทางโรงเรียนกิตติวิทย์
ได้เชิญปรมาจารย์เลี้ยงผึ้งของภาคใต้
คือ อาจารย์ประดับ  แจ่มแสง
ที่มาจากจังหวัดชุมพร
มาสอนและแนะนำการเลี้ยงผึ้งให้กับ
ลุงลัภย์ หนูประดิษฐ์ และเพื่อน ๆ ร่วมยี่สิบคน
โดยเริ่มช่วงแรกที่ภายในโรงเรียนกิตติวิทย์
(ไม่แน่ใจว่าที่ทักษิณคดีศึกษา เกาะยอ หรือไม่)

มีการสอนภาคทฤษฏีทั่วไปเกี่ยวกับ
การหาน้ำผึ้งของผึ้งงานจากเกสรดอกไม้
คุณภาพและสีของน้ำผึ้งจะขึ้นกับเกสรดอกไม้
และประเภทดอกไม้ที่ผึ่งไปหามา เช่น
เกสรจาก  มะพร้าว พวงชมพู ไมยราบ สาบเสือ  ขี้ไก่ ดอกดาหลา ดอกประดู่ เป็นต้น
ดอกยางพารา  มะพร้าว น้ำผึ้งจะออกสีดำ
ดอกลำไย น้ำผึ้งจะออกสีเหลือง
ดอกจากต้นเสม็ด จะมีรสเผ็ด
ดอกจากต้นสะเดา จะมีรสขม
ดอกผสมหลากหลายพันธุ์จะออกเป็นสีดำคล้ำ  เป็นต้น

มีที่แปลกอีกอย่างหนึ่งที่ลุงลัภย์เล่าให้ฟังคือ
น้ำผึ้งจากโรงงานโคล่า (บมจ.หาดทิพย์)
จะหากินจากน้ำตาล/น้ำหวานในโรงงาน
ทำให้น้ำผึ้งมีสีแปลก ๆ เช่น ส้ม เขียว ดำ
ตามประเภทน้ำหวานที่กินมา
ลุงลัภย์  เคยนำมานางพญาผึ้งกับผึ้งงาน
มาเลี้ยงไว้เพื่อหาน้ำผึงแต่แล้วแต่ไม่รอด
เพราะหาน้ำหวานอย่างอื่นไม่เป็นเลย
ต้องเอาน้ำตาลหรือน้ำหวานมาวางให้กินอย่างเดียว
รวมทั้งการป้องกันตนเองจากมดหรือแมลงอื่น ๆ ก็ไม่เป็นเลย
อาจจะเป็นเพราะสูญเสียพันธุกรรมในการหากินไปแล้ว

ในตลาดหาดใหญ่บางเจ้า
ที่เคยเจอกับตนเองเป็นโกดังน้ำตาล
จะมีผึ้งงานไปตอมน้ำตาล(ไม่กัดแต่อย่างใด)
หรือจากกล้วยหอมที่ชาวบ้านวางให้นกกิน
เพื่อนำน้ำหวานไปให้รังพญานางผึ้งเช่นกัน

การเลี้ยงผึ้งต้องทำรังขึ้นมาก่อน
โดยการหาไม้ฝากระดานบ้าน
ยิ่งเก่ายิ่งดียิ่งน้ำท่วมฝนสาดแดดส่องแผดเผายิ่งดี
เพราะจะเป็นกลิ่นแบบธรรมชาติธรรมดา
ทำเป็นกล่องไม้สี่เหลี่ยม มีฝาเปิดด้านบน
มีรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งนิ้ว
เจาะที่ด้านกว้างไว้หนึ่งรู
ให้เป็นช่องทางที่ผึ้งงานเข้าออก
เวลานำน้ำหวานมาใส่ในรังผึ้ง
และเป็นช่องทางหามศพผึ้งตายไปทิ้ง
โดยมากมักจะนำไปทิ้งไกล ๆ ไม่ใกล้รัง
เพราะจะกลายเป็นการชี้ช่องให้กับศัตรู
ว่ามีอาหารการกินแบบบุฟเฟ่อยู่ละแวกนี้แล้ว



ศัตรูหลักของผึ้งคือ มด
ที่จะพยายามบุกเข้าไปกินน้ำผึ้งกับตัวอ่อนของผึ้ง
จึงต้องมีการหล่อน้ำไว้ที่รังเลี้ยงผึ้ง
หรือทาพวกน้ำมันเครื่องจารบีที่ฐานรองรังเลี้ยงผึ้ง
รองลงมาคือ นกฉาบคา
ที่บินได้โฉบเฉี่ยวและว่องไวมาก
ที่มักจะดักรอกินผึ้งงานที่บินออกไปหากิน
แถวน้ำน้อยสมัยก่อนจะมีนกฉาบคามาก
ทำให้การเลี้ยงผึ้งแถวนี้ได้ผลค่อนข้างน้อย

ที่ร้ายที่สุด คือ  ผีปะขาว
ถ้าเข้าไปในรังผึ้งได้แล้ว
จะวางไข่ในรังของผึ้ง
ตัวอ่อนออกมาช่วงแรก ๆ จะเหมือนตัวอ่อนผึ้ง
แต่มันจะเคลื่อนไหวได้ไปมาในรังผึ้ง
แล้วเที่ยวเลือกกัดกินตัวอ่อนผึ้งไปเรื่อย ๆ
จนทำให้รังผึ้งร้างหรือย้ายรังหนีในที่สุด
ส่วนศัตรูผึ้งอื่น ๆ เช่น แมงมุม คางคก กบ กิ้งก่า หมี
พวกนี้ไม่ค่อยมีผลมากกับผึ้งเลี้ยง

การวางรังผึ้งต้องหันช่องรูเข้าออก
ไปทางทิศตะวันออกเสมอ
เพราะเมื่อมีแสงสว่างแล้ว
ผึ้งงานจะรีบออกไปทำงานทันทีเลย

การวางรังผึ้งต้องวางบนที่สูง
เช่นบนกิ่งไม้ หรือทำเป็นเสาวางรองรับรัง
ด้านล่างต้องชโลมน้ำมันเครื่อง/จารบีหรือสารเคมี
ที่กันไม่ให้มดคลานขึ้นไปทำลายตัวอ่อน
หรือกัดกินน้ำหวานจากรังผึ้งได้

เมื่อนางพญาผึ้งเข้ามาอยู่แล้ว
จะมีการขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นอีก
เรียกว่า ยิ่งเลี้ยง ยิ่งมาก
ถ้าไม่มีอะไรมารบกวนผึ้ง
กับมีแหล่งน้ำหวานเหลือเฟือแล้ว
ผึ้งจะขยายรังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เตรียมทำรังผึ้งไว้รอได้เลย



สัญชาติญาณและข้อดีของผึ้งอย่างหนึ่งคือ
เมื่อนางพญาผึ้งเห็นสมควรว่าจะมีการขยายรังได้
ก็จะออกไข่เพื่อให้เป็นตัวนางพญาผึ้ง
พร้อม ๆ กับการออกไข่เพื่อให้มีผึ้งตัวผู้จำนวนหนึ่ง
ในช่วงนี้ผึ้งงานจะประคบประหงมกลุ่มใหม่นี้เป็นอย่างดี

เมื่อได้เวลาแล้ว นางพญาผึ้งตัวใหม่พร้อมจะผสมพันธุ์
จะบินไปบนท้องฟ้าให้สูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้
ฝูงผึ้งตัวผู้จะบินกรูตามขึ้นไปเพื่อจะได้ผสมพันธุ์
หนึ่งเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ผสมพันธุ์ได้ครั้งเดียวในชีวิต
ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่พื้นดินพร้อมกับตัวผู้ตัวอื่น ๆ

ผึ้งตัวผู้ที่ได้ผสมพันธุ์กับนางพญาผึ้งแล้ว
รวมทั้งตัวที่ไม่มีโอกาสหรือไร้สิทธิ์ที่ได้แต่บินเหิด
(อาการแหงนมองเหมือนสุนัขมองอาหารในมือเจ้าของ)
จะบินลงมาหรือร่วงหล่นตกลงมาบนพื้นดิน
เป็นอาหารของศัตรูผึ้งหรือเป็นปุ๋ยธรรมชาติต่อไป
ส่วนมากแล้วมักจะอดตายหรือตายไปในที่สุด
เพราะผึ้งงานประเภททหารเฝ้ารังผึ้ง
จะไม่ให้กลับเข้ารังอีกหรือไล่ไม่ให้เข้าใกล้รัง
ถือว่าเป็นประเภทเลี้ยงเสียข้าวสุก เปลืองข้าวสุก
ทำมาหากินอะไรไม่เป็นผสมพันธุ์เป็นอย่างเดียว
ผสมพันธ์ไม่สำเร็จก็ไปทำหน้าที่อย่างอื่นไม่ได้แล้ว
เช่น การหาน้ำผึ้ง การเป็นทหารผึ้ง การเลี้ยงดูลูกอ่อนผึ้ง  สัปเหร่อผึ้ง เป็นต้น

ส่วนผึ้งตัวเมียจะกลับเข้ารังผึ้งเดิมได้
และเริ่มขยายพันธุ์ด้วยการวางไข่
เพื่อออกลูกอ่อนประเภทต่าง ๆ
สำหรับครอบครัวของผึ้งฝูงใหม่
ในช่วงเริ่มก่อสร้างร่างตัว
นางพญาผึ้งเดิมจะมอบหมายให้ผึ้งส่วนหนึ่ง
ให้ในการหาน้ำผึ้งและเลี้ยงดูลูกอ่อนไปก่อน
ภายในสัดส่วนรังผึ้งที่นางพญาผึ้งเดิมแบ่งพื้นที่ให้
เมื่อมีปริมาณผึ้งในครอบครองพอสมควรแล้ว
และ start up  ครอบครัวผึ้งใหม่ได้แล้ว

นางพญาผึ้งตัวเก่าจะเริ่มย้ายรังหนี
พร้อมกับฝูงผึ้งในครอบครัวเดิมที่จะย้ายตามไปด้วย
เพื่อให้รังเดิมเป็นของนางพญาผึ้งตัวใหม่
ไม่ค่อยพบว่านางพญาผึ้งตัวใหม่จะย้ายรังหนี
เพราะเกี่ยวกับน้ำหวานที่จะมาเลี้ยงดู
และการสร้างรังให้พร้อมกับการอยู่อาศัย

ก่อนจะย้ายรังผึ้งของนางพญาผึ้งตัวเดิม
จะส่งหน่วยสำรวจ survey สถานที่และที่ตั้งรังใหม่
ถ้ามีการสร้างรังผึ้งไว้ใกล้ ๆ จะยิ่งดีมาก
ส่วนมากในรังผึ้งจะฉาบเสน่ห์นางพญาผึ้งทิ้งไว้
เมื่อได้ดมกลิ่นเสน่ห์นางพญาผึ้งแล้ว
และบินเข้าไปสำรวจรังผึ้งที่สร้างรอไว้แล้ว
เห็นว่าเหมาะสมและดีพร้อมกับการสร้างรังใหม่

หน่วยสำรวจจะบินไปบอกครอบครัวเดิมของนางพญาผึ้งให้ทราบ
เพื่อบินย้ายไปตั้งหลักแหล่งในการทำมาหากินใหม่
จากนั้นนางพญาผึ้งจะถูกห่อหุ้มอยู่ภายใน
ด้วยกลุ่มผึ้งงาน ผึ้งทหาร ผึ้งเลี้ยงดูลูกอ่อน ผึ้งสัปเหร่อ
เพราะตัวนางพญาผึ้งแทบจะบินไม่ได้แล้ว
มาจากน้ำหนักอ้วนอุ้ยอ้ายและตัวโตกว่าผึ้งอื่น ๆ
ฝูงผึ้งจะเกาะกลุ่มบินตามกันไป
กลุ่มหนึ่งจะล้อมรอบนางพญาผึ้งไว้
เคล็ดลับดังกล่าวทำให้นักมายากล
หรือคนที่แสดงโชว์ว่ามีผึ้งล้อมรอบตัว
จะต้องหาทางจับตัวนางพญาผึ้งไว้
หรือล่อให้นางพญาผึ้งเกาะตัวไว้
กลุ่มผึ้งจะมาล้อมรอบตัวนางพญาผึ้งไว้
ทำให้ปกคลุมหน้าตาของนักแสดง
พอสะบัดนางพญาผึ้งออกไป
กลุ่มฝูงผึ้งจะบินตามกันออกไปทันที

มีอีกวิธีการหนึ่งในการย้ายรังผึ้ง
คือวิธีการบังคับให้นางพญาผึ้งต้องย้ายรัง
ด้วยการจับนางพญาผึ้งมาขังไว้ในกล่อง
ขนาดกล่องไม้ขีดไฟตราพญานาค
ทำด้วยมุ้งกรงไก่ขนาดเล็ก
หรือลวดมัดล้อมรอบตัวนางพญาผึ้งไว้
จับมาปล่อยในรังผึ้งรังใหม่
ให้นานเกินกว่าสัปดาห์ขึ้นไป
ช่วงนี้บรรดาผึ้งงาน ผึ้งทหาร ผึ้งอนุบาลตัวอ่อน
จะรีบช่วยกันทำรังขณะล้อมรอบนางพญาผึ้งไว้
เพื่อเตรียมที่ทางและรังให้นางพญาผึ้งออกมาวางไข่
เป็นการเริ่มสร้างรังใหม่อีกรังหนึ่ง
จึงค่อยปล่อยตัวประกัน/เชลยออกจากที่กักขัง

เขียนขึ้นจากความทรงจำร่วมกันกับลุงลัภย์
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนรวงผึ้ง/รังผึ้งในเมืองใหญ่

หมายเหตุ  ภาพประกอบรังผึ้งของลุงลัภย์ยังหาไม่เจอจะไปถ่ายมาใหม่



clip การเลี้ยงผึ้งของชาวต่างด้าวต่างแดน





Create Date : 27 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 27 มกราคม 2557 19:56:58 น. 7 comments
Counter : 2113 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ


โดย: หนูซายูริ วันที่: 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา:8:10:14 น.  

 
เพื่อนเคยเลี้ยงค่ะ

ถึงเวลาก็ย้ายรังไปตั้งในสวนที่อยากได้น้ำหวานเช่นสวนลำใย ไปกันถึงเชียงใหม่ลำพูนเลยนะคะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:31:37 น.  

 
ขอ email ติดต่อผู้เขียนหน่อยนะครับจะขอสอบถามข้อมูลหน่อยครับ


martw199@gmail.com


โดย: Mart IP: 58.137.12.74 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:34:57 น.  

 
สอบถามหลังไมค์ของ Pantip ได้ครับ


โดย: ravio วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:9:54:39 น.  

 
ชาวเขื่อน ได้อ่านค่ะและชอบด้วย และเคยได้ไปเขื่อนกิ่วลมที่ลำปางด้วยค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:21:53:52 น.  

 
นกฉาบคาชื่อแปลกมาก ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ
เรื่องรัง ต้องหันช่องเข้าออกไปทางทิศตะวันออก
รายละเอียดอื่นๆ ล้วนมีเหตุผล มีที่มาที่ไป ต้องใส่ใจในการเลี้ยงมากนะคะ
ขอบคุณคุณ ravio ที่บันทึกจากความทรงจำไว้เป็นลายลักษณ์อักษรให้อ่านค่ะ

นอนหลับฝันดีคืนนี้
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 2 ธันวาคม 2555 เวลา:21:54:26 น.  

 


ขอบคุณที่แวะเยี่ยมนะคะคุณ ravio
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 3 ธันวาคม 2555 เวลา:21:56:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.