ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
ชีวิตชาวบ้านคลองหวะ-หนูนา

ชีวิตชาวบ้านคลองหวะ-หนูนา

ในการทำนาข้าวนั้น
ถ้าผลผลิตหรือข้าวได้น้อย
ชาวบ้านก็มักจะบอกว่าเจ้าที่นาไม่ช่วย
โดยก่อนจะทำนาจะมีการเซ่นบวงสรวง
ด้วยไก่ หมู ขนมโค ข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ขนมแดง ของหวาน
ปลามีหัวมีหาง หมายถึงปลาที่สมบูรณ์ทุกส่วน
(ไม่จำกัดว่าน้ำจืดหรือปลาทะเล)
โดยวางบนใบหางตอง (ปลายใบกล้วย)
จุดธูปเทียนไหว้ ที่บริเวณหัวคันนา
ไม่มีการตั้งศาลไว้ประจำแต่อย่างใด
เมื่อไหว้เสร็จแล้วก็จะนำข้าวปลาอาหารบางส่วน
วางทิ้งไว้บนใบหางตองเล็กน้อยเป็นพิธี
ส่วนกับข้าวส่วนมากก็จะนำกลับบ้านเรือน
ไปกินกันตามปกติหรือเลี้ยงดูกันระหว่างเพื่อนฝูง

การไถนาพรวนดินทำนาสมัยก่อน
ถ้าเป็นนาปรังก็จะใช้ควายมาเดินเวียน
โดยจะมีแม่ใหญ่ของควายเดินนำฝูงควาย
ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่มาเดินย่ำเข้าออก
เรียกว่าเดิมเวียนตามกันทั้งฝู'
จนกระทั่งถึงชายนาที่ต้องการ
เรียกว่าเป็นอะไรที่ควายรู้เรื่องและเข้าใจงานที่ทำ
เจ้าของแทบไม่ต้องบอกหรือสั่งว่าทำอะไรบ้างเลย

ส่วนนาดอนจะใช้ควายเทียมเดี่ยว
วัวเทียมคู่ในการไถนา
ดังนั้นเวลามีการฆ่าวัวควายกินกัน
ซึ่งส่วนมากมักจะซื้อมาจากแหล่งอื่น
ไม่จำกัดว่าเพศผู้เพศเมียในสมัยนั้น
จึงเป็นอะไรที่น่าสงสารจังในเรื่องนี้

หลังจากข้าวเริ่มตั้งต้นเป็นคอข้าว
คือยอดอ่อนเป็นเส้นตรง
ก่อนจะเริ่มผลิดอกออกรวง
มักจะเจอหนูนามากัดกิน
เพราะเป็นยอดอ่อนและหวานมัน
แม้แต่ชาวนาหรือเด็ก ๆ ก็ชอบกัดกินเล่นเช่นกัน
กัดกินทีเป็นไร่ ๆ เสียหายหมด
แล้วแต่มันจะชวนกันไปกัดกินไร่ไหนบ้าง
เพราะหนูมักจะมีเพื่อนมีพ้องมาก
มักจะชวนกันไปทำอะไรสนุก ๆ
หรือทำลายต้นข้าวชาวนา
บางทีก็กัดกินเป็นแปลงเว้นแปลง
นาปรังมักจะไม่มีเพราะน้ำท่วมขังอยู่

ชาวบ้านที่ถือเคล็ดถือลาง
จะไม่พูดคำหยาบหรือด่าทอแต่อย่างใด
มักจะบอกว่า ตัวอะไรไม่รู้ กินข้าวหมดแล้ว
น่ากลัววัวพระอินทร์มากินข้าว
ยังไงก็ช่วยหลีกไปให้พ้นที่อื่น ๆ บ้าง

แล้วลางเจ้าก็จะนำใบเต่าร้าง
ลงยันต์คาถามีไม้เสียบไว้
ไปปักตามหัวมุมนาสี่ทิศสี่มุมไว้
เป็นการบอกกล่าวหรือไล่หนูนา

แต่ถ้ามาก ๆ แล้วหรือบางรายเหลืออด
ก็จะทำพิธีกรรมบอกกล่าว
พ่อเฒ่าหนู หรือทวดหนู หรือพญาหนูนา
ขอร้องว่า ขอขจัดปัดเป่าหนูพวกนี้
ที่คงไม่ใช่ลูกหลานของท่าน
เพราะถ้าเป็นของท่านคงจะเชื่อฟังไม่ทำอย่างนี้

จากนั้นก็เริ่มจัดการค้นหาตามต้นไม้
โดยมักจะเริ่มต้นกันตอนเช้าถึงกลางวัน
ส่วนมากมักจะอยู่ตามจอมปลวก
หรือตามดินดอนในทุ่งนา
ก็จะช่วยกันไล่ทุบ ไล่ตี
ตัวหนูนา ขนาดจะเท่ากับหรือใหญ่กว่ากระรอก
แต่คนละสายพันธุ์หรือคล้ายคลึงกัน
ชาวบ้านมักจะเรียกว่า หนูนาท้องขาว

ส่วนมากชาวบ้านมักจะนำมาย่างกินกัน
ที่นามาผัดเผ็ดกินไม่มากนัก
นำมาแกล้มกับหวาก
ทำจากน้ำตาลโตนด หมักให้ขึ้นฟอง
บางรายจะใส่ไม้เคี่ยม
ให้มีรสขมเหมือนหญ้าฮอปส์ที่ใส่เบียร์ให้ขม
ตัวหนูจะมีขนาดสามถึงสี่ตัว
จะมีน้ำหนักประมาณหนึ่งกิโลกรัม
หนูนาจะมีท้องขาว ตัวสะอาด
ไม่เหมือนหนูตามบ้านเรือนในเมือง
ที่ตัวใหญ่สีดำสกปรก ดูน่ากลัว กว่า น่ากิน

เขียนขึ้นจากความทรงจำร่วมกัน
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนการทำทุ่งนาในหาดใหญ่

ในคราวต่อไปจะเขียนเกี่ยวกับ นกกินข้าว


Create Date : 15 กรกฎาคม 2554
Last Update : 3 สิงหาคม 2554 15:51:58 น. 8 comments
Counter : 854 Pageviews.

 
ไม่ว่าอย่างไร หนูนาก็มีกลิ่นสาบของมันค่ะ

ดาวรับไม่ด้าย ......


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 15 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:57:13 น.  

 

เมื่อหัวค่ำไปเวียนเทียนมา
พระท่านเทศนาว่า
ถ้าเราใช้ธรรมะเป็นเครื่องนำทางชีวิต
จะสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
เอาบุญมาฝากค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรที่ส่งมาทางหลังไมค์ค่ะ
ป.ล. อาหารอย่างอื่นทานได้
แต่หนูนาเนี่ยสี...ทนรับทานไม่ได้ค่ะ
ทานไม่เป็นเลยล่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 16 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:44:58 น.  

 
ขอให้สุขสดใส อิ่มบุญ ในทุก ๆ วันค่ะ



… ถึงคราวชื่นตื่นรับกับพรรษา

รอบอาณาแล้งร้อนกลายผ่อนผัน

สัมผัสเยือกเย็นชุ่มปกคลุมพลัน

พร้อมสีสันสดใสในสิ่งปวง ...

.
.
.


โดย: ploythana วันที่: 16 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:42:28 น.  

 
หนูนาชื่อน่ารักดี แต่ถ้าให้กินก็ต้องขอบายค่ะ พาลจะนึกถึงหนูบ้านทุกที ยิ่งช่วงนี้ที่บ้านหนูชุมมากเลยค่ะ กรงดักได้ทุกวัน แต่ก็เอาไปปล่อยนะคะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 16 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:24:05 น.  

 
สวัสดีวันเข้าพรรษาค่ะพี่ravio ทานข้าวเย็นให้อร่อยนะคะ



* เข้าพรรษา *


เข้าพรรษาเทศน์ถ้อย...............ถึงธรรม
คืนค่ำบำเพ็ญนำ......................เนื่องน้อม
จารโอวาทจดจำ........................จากจิต
เพ็ญพร่างกำหนดพร้อม...........พากย์พร้องคุณหวน

นัยมวลปาติโมกข์เน้น...............นึกสอน
ละชั่วเย็นกมลพร.......................เพริศฟ้า
ทำดีกร่ำขจายขจร.......................จรดทั่ว สกลเฮย
ผ่านพิภพวางวุ่นว้า......................หว่างไหว้อธิษฐาน

พานบัวหอมธูปน้อม.....................เนืองโพยม
อรหังสัมมาประโคม.....................เคลื่อนแจ้ว
นะโมตัสสะโหม...........................เหินกระจ่าง
สงฆ์หยุดกรายจรแล้ว...................หล่อสร้างสัตย์ศีล

สิ้นอบายมุขพร้อม..........................พัดพาน
จิตแจ่มเกิดสำราญ..........................ร่วมรู้
สงฆ์ไม่ห่างวัดสาน..........................สงบสุข
ฝนพักเดินทางสู้..............................สวดซ้ำคำสอน


โดย: ญามี่ วันที่: 16 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:32:14 น.  

 
สวัสดีวันหยุดที่ฝนตกค่ะพี่ravio ทานข้าวเย็นให้อร่อยนะคะ






* เรื้อร้าย *

เดี่ยวมาอ้อยส้อยโธ่.............................ธานินทร์
วิเวกในนครอินทร์..............................เอี่ยมฟ้า
อารมณ์คั่งกระแสสินธุ์........................สอนป่วน
เวียนกรอบกาลกรอหล้า......................หลับล้อมล้ำหลง

ดงเปล่าเปลี่ยวเปิดเอื้อ.........................อ่านมนต์
ทรวงทุกข์ท่วมทัณฑ์ทน......................เทิดไว้
รัถยากำหนดหน...................................หาหน่วง
วอดหวั่นเปิดทางใกล้...........................กร่ำถ้อยหยามหยัน

สรรสำเหนียกเพรียกแพ้.......................เพิ่มแผล
สร้อยโศกมาเหลือบแล.........................ลูบเนื้อ
ตระหนกครุ่นครางกระแส....................เสริมเหยียด เย้ยแล
อาภัพอาเพศเอื้อ....................................อาบม้วยอวลอหัง

ฟังฟ้าทอส่องคล้อย...............................คลาขบวน
ร้ายเร่าอำนวยจวน................................จ่อมห้อม
ยินแววเห่หันหวน.................................เหิมล่วง หทัยเฮย
กรองมาศกรึงจิตพร้อม.........................พลาดอะคร้าวเหือดเห็น

เร้นเข็ญเรื้อร้ายรุก.....................................รวิวรรณ
พากย์พจน์แสดงรำพัน..............................พอกรั้ง
แนบคะนึงสู่ในขวัญ..................................ขังขื่น
ตรมตื่นตามติดตั้ง......................................แต่งแต้มกำสรวล


โดย: ญามี่ วันที่: 17 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:45:27 น.  

 
ขอให้มีความสุขสดใสเสมอค่ะ




แก้วโกสุม ...


บรรณเหล่าวรรณะอุปมา..................สรรค์สรีรา

ดำรงวงศาสืบสาย


ต้องกระมลแผ้วผกาย.....................ยิ่งล้ำพรรณราย

จากห้วงนิมิตจิตคนึง
.
.
.


โดย: ploythana วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:09:25 น.  

 
ขอให้มีความสุขสดใสทุก ๆ วันค่ะ



จักมิสิ้นแสงสุดท้าย ...


… ตื่นแล้วต้องตระการตาแสงฟ้าแจ้ง

ฉากแฉกแพร่งทางผสานภพฉานฉาย

เส้นขอบฟ้าคลาคาดแนวพาดพราย

ริ้วประกายล้ำลอดทอทอดใจ ...



... มิแปลกที่ทุกวี่วันนั้นเพริศแพร้ว

หากวี่แววปลอบปลุกพร้อมรุกไล่

ทุกสัมผัสชัดละมุนด้วยอุ่นไอ

อาบแสงใสฤกษ์รางกระจ่างรับ ...

.
.
.


โดย: ploythana วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:32:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.