ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
9 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
ชีวิตบ้านคลองหวะ-สะพานไม้มีหลังคา

ชีวิตบ้านคลองหวะ-สะพานไม้มีหลังคา

ในสมัยก่อนการเข้าออกหมู่บ้านคลองหวะ
ถ้าจะเข้าเมืองหาดใหญ่หรือมาจากหาดใหญ่
จะต้องข้ามลำคลองสองสายคือ
สายคลองเตยกับสายคลองหวะ
สายคลองเตยช่วงสุดสายสาม
แถว ๆ หลังถนนศรีภูวนารถปัจจุบัน
กับสายคลองหวะในปัจจุบัน
ถ้าไม่อยากเดินข้ามคลองทั้งสองเส้น
ต้องเดินเลียบทางรถไฟ
แล้วเดินบนสะพานรางรถไฟ
จึงจะเข้าเมืองหาดใหญ่ได้

แต่การเดินบนรางรถไฟ
ถ้าเดินกันจริง ๆ แล้วไม่ค่อยสนุกเท่าไรนัก
เพราะก้อนหินแข็งบาดเท้าส่วนหนึ่ง
กับรางรถไฟมักจะลื่นเพราะคาบน้ำ
กับการเสียดสีของรถไฟที่วิ่งไปมา
ทั้งยังต้องระมัดระวังรถไฟที่สัญจรไปมาด้วย

สายคลองเตยที่เห็นเป็นคลองคอนกรีต
ในปัจจุบันสร้างขึ้นมาในภายหลัง
สมัยนายกเคร่ง ทำขึ้นมาเพื่อเป็นคลองระบายน้ำท่วม
ให้ไหลลงคลองหวะออกสู่คลองอู่ตะเภาได้เร็วขึ้น
แต่เดิมเป็นลำรางเล็ก ๆ มีน้ำไหลมากในช่วงหน้าฝน
แต่พอหน้าแล้งจะพอทำนาหรือปลูกพืชล้มรุกได้บ้าง
หรือบางจุดก็มีสภาพเป็นปลักเป็นหย่อม ๆ

ต่อมากำนันวร ทวีรัตน์
ได้ขอไม้จากเถ้าแก่และคนจีนในหาดใหญ่
เพื่อนำมาสร้างสะพานให้ชาวบ้านสร้าง
กำนันเป็นนักเลงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในสมัยก่อน
เป็นที่นับหน้าถือตาและชาวบ้านให้ความเคารพเชื่อฟังมาก
เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่อง กำนันวร ทวีรัตน์
ไว้สามเรื่องแล้วอยู่ในคลังกระทู้

ส่วนแรงงานในการสร้างสะพาน
ตลอดจนข้าวปลาอาหารก็เกณฑ์จากชาวบ้าน
ซึ่งชาวบ้านต่างยินดีให้การช่วยเหลือ
เพราะเป็นประโยชน์กับชาวบ้านเองในการเดินทางสัญจร
รวมทั้งในสมัยก่อนแรงงานมีเหลือเฟือ
กับเป็นการช่วยเหลือชุมชนด้วยกัน
มักจะไม่มีการนำเรื่องเงินทองค่าจ้างมาเป็นแรงจูงใจ
เป็นเรื่องของน้ำจิตน้ำใจที่มีต่อกันมากกว่า

สะพานจุดที่มีหลังคาคือ เส้นข้ามคลองหวะ
สมัยนั้นสะพานในภาคใต้
มักจะสร้างหลังคาไว้
ให้เป็นที่หลบฝนของชาวบ้านที่เดินทางไปมา
เพราะภาคใต้ฝน มักจะตกชุกเป็นประจำ
เป็นเรื่องของน้ำจิตน้ำใจที่มีให้แก่กัน
กับเป็นที่นั่งเล่นคุยเล่นกันของชาวบ้านละแวกนั้น
ในยามที่เสร็จจากงานประจำวันแล้ว

จำได้ว่า ผู้เขียนเองก็เคยไปนั่งหลบฝน
เพราะขับจักรยานไปเก็บลูกยาง
ที่สวนยางพาราเต๊อะหยาง (ชื่อเรียกสมัยนั้น)
เก็บไปเรื่อย ๆ ปรากฏว่าฝนตกหนัก
เลยต้องไปหลบฝนที่สะพานแห่งนี้
ตรงทิศตะวันออกของทางเข้าสะพานด้านซ้ายมือ
ถ้าหันหน้าลงทิศใต้ของสะพาน
จะมีม้านั่งยาวให้ชาวบ้านนั่งหลบฝนได้
แต่ถ้าฝนตกหนัก ๆ ก็เปียกปอนเหมือนกัน
เพราะฝนมักจะสาดใส่ทางด้านข้าง

ในสมัยนั้นที่ยังจำได้แม่นคือ
ไม่ได้เดินทางเข้าไปในหมู่บ้าน
เพราะสภาพข้างทางยังเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ๆ
ดูน่ากลัวและมืดทึบกับเงียบสงบ
สองข้างทางก็ยังเป็นป่ายางพารากับป่าเสม็ด
คลองหวะในฤดูน้ำหลาก
ก็ดูน่ากลัว น้ำไหลเชี่ยวแรงมาก

ก่อนเข้าหมู่บ้านสมัยนั้นจะผ่าน หน้าศพ
เป็นหลุมศพที่ใหญ่โตกว้างขวางมาก
คือ ที่ฝังศพของ คุณพ่อขุนนิพัทธ์จีนนคร
ชาวบ้านมักจะรู้กันว่า ถ้าไปหน้าศพ
มีสองความหมายคือ เข้าเมือง
กับไปเลี้ยงวัวแถวหน้าศพ
เพราะเป็นลานโล่งมีพื้นที่ราบกว้างขวาง
มีหญ้าขึ้นจำนวนมากและประปราย
จึงเป็นที่เลี้ยงวัวของชาวบ้านคลองหวะสมัยนั้น

ปัจจุบันมีการย้ายสุสานดังกล่าวแล้ว
ไปทำการฝังใหม่ที่แถวตำบลน้ำน้อยในปัจจุบัน
พร้อมกับศพของขุนนิพัทธ์จีนนคร

เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนสะพานไม้มีหลังคาในอดีต

ภาพสะพานไม้มีหลังคา ใกล้เคียงกับสมัยอดีตครับ
เป็นภาพถ่ายที่ประเทศลาว จาก link นี้ครับ


//www.pixgang.com/webboard/showthread.php?t=2141






ส่วนนี้คือ ภาพประกอบลูกยางพารา

//www.lesla.com/board/gen.php?id=10571&mode_id=4



สมัยเด็กก็ชอบเอาลูกยางพาราสองลูก
มาประกันด้านที่ลื่น ๆ ไม่ใช่ด้านมีเส้นสัน
ประกบเสร็จก็เอามือทุบ(ด้านสันมือ)
หรือเรียกว่า มาตอกกัน สนุกดี
ลูกยางพาราลูกไหนแข็งมาก
มักจะสีออกทองแดง หรือออกขาวเหลือง

บางคนจะแอบเอาเทียนไข
หลอมละลายค่อย ๆ หยดเข้าไปในรูที่ยางจะงอกออกมา
โดยแคะเอาไส้ยาง(เมล็ดภายในที่จะงอกออกมาเป็นต้น)
แงะออกมาให้หมด เหลือแต่ข้างในกลวง
แล้วหาอะไรยาให้เหมือนของธรรมชาติ
มักจะคลุกกับดินโคลนและใบไม้ให้ดูเก่า ๆ
เอามาตอกของเพื่อนให้แตกไปเลย
แต่ถ้าจับได้จะแพ้ฟาล์ว หรือเพื่อนด่าเอา
เป็นการเล่นที่ผิดกฎกติกาสากล

อีกวิธีคือ เล่นขบวนรถไฟ
มียางพาราลูกหนึ่งเป็นหัวรถจักรรถไฟ
ที่เหลือคือหางยาวเหมือนขบวนตู้รถไฟ(โบกี้)
ทอยด้วยลูกยางพาราหนึ่งลูกในระยะที่ตกลงกันไว้
ทอยได้หัว(โยนถูกหัวขบวนกระเด็นออกไป)
ก็กินหางขบวนทั้งหมด
ถ้าทอยตรงกลางก็ได้แค่หางขบวน
ที่อยู่ตามหลังลูกยางพาราที่กระเด็นออกไป
เจอคนทอยเก่ง ๆ จ๋อยเหมือนกันครับ




Create Date : 09 มิถุนายน 2554
Last Update : 3 สิงหาคม 2554 15:56:41 น. 7 comments
Counter : 2210 Pageviews.

 
มาร่วมรำลึกด้วยค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:15:12:42 น.  

 

เป็นความทรงจำที่ไม่น่าจดจำเลยนะคะ
แต่คุณจำแม่นเลยนะเนี่ย



โดย: อุ้มสี วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:21:13:56 น.  

 
สมัยเด็ก ๆ ไม่มีของเล่น ก็จะหาเอาของรอบ ๆ ตัวมาเล่นได้หมดเลย
มีหญ้ามาถักให้เป็นรังจิ๊กกุ่ง

เอาเพลง Both Side oF The Tweed มาให้ัฟังค่ะ





โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 10 มิถุนายน 2554 เวลา:13:33:56 น.  

 
สมัยเด็กๆเนี่ย ชอบเก็บลูกยางไปตอกเล่นประจำ มีเก็บไว้เป็นถุงๆเลย


โดย: babyL' วันที่: 10 มิถุนายน 2554 เวลา:16:49:39 น.  

 
ขอให้มีความสุขมาก ๆ ในวันหยุดนะคะ




กระแสใจ ...
................


• ... ห้วงอาวรณ์ร้อนเย็นหลากเป็นสาย

เมื่อนัยหมายท่วมท้นจนเกินกัก

ล่องไปตามกระแสใจพริ้วไหวนัก

แล้วตวงตักทบทวนจากส่วนลึก ...
.
.
.


โดย: ploythana วันที่: 11 มิถุนายน 2554 เวลา:15:18:49 น.  

 
สะพานไม้นั้น อยู่ในความทรงจำของเราแน่นอน
เพราะเราเป็นคนที่นั่น ขอบคุณบทความดีๆให้รำลึกถึง


โดย: Anyamanee IP: 182.53.186.245 วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:55:02 น.  

 
ขอขอบพระคุณมากที่มีภาพสะพานไม้มาให้ดูระลึกถึง
ความหลังสมัยเด็ก ๆ เวลาไปโรงเรียนก็ต้องเดินข้าม
สะพานไม้นี้ภาพสวยมากหาดูไม่ได้อีกแล้ว
เด็กคลองหวะ


โดย: Nuansiri Cochsiri IP: 223.206.156.187 วันที่: 8 ธันวาคม 2554 เวลา:23:44:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.