ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
14 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
ชายชราชาวจีน คนที่สาม

ชายชราคนที่สาม

ที่ี่โรงแรมชั้นสี่แห่งหนึ่งของหาดใหญ่ ถนนสายสาม
มีชายชาวจีนไหหลำคนหนึ่งจะอยู่เฝ้าเป็นประจำ
กินอยู่และหลับนอนอยู่ภายในโรงแรมแห่งนี้ตลอด
แกชอบใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินและเสื้อยืดคอกลมสีขาว
อยู่มานานเข้าจึงรู้ว่าแกชื่อ โกหย่ง
เป็นคนจีนถือใบต่างด้าวจากประเทศจีน มาอยู่ทำงานที่
โรงแรมแห่งนี้กว่าสี่สิบปีแล้ว และไม่รู้หนังสือไทยเลย
พูดภาษาไทยได้บ้าง แต่ที่พูดได้ถนัดคือภาษาจีนไหหลำ
รายการเอกสารราชการหรือหนังสือที่เป็นภาษาไทย
ก็ต้องให้ลูกหลานเจ้าของโรงแรมหรือคนงานที่รู้หนังสือไทย
ช่วยอ่านให้ฟังหรือกรอกรายการเอกสารราชการที่กำหนดมาให้
ทราบแต่ว่า แกติดตามเถ้าแก่เดิมมาทำงานที่เมืองไทยนานแล้ว
ชีวิตก็วนเวียนอยู่กับข้างบนโรงแรมและข้างล่างโรงแรม
ซึ่งเป็นร้านอาหารและร้านกาแฟตั้งอยู่ที่ถนนสายสาม
และที่ทราบก็คือ แกไม่เคยเดินทางไปไกลที่ไหนอีกเลย
การท่องเที่ยวที่ได้ไปไกลที่สุดคือ
สถานที่ท่องเที่ยวในโทรทัศน์เท่านั้น
นี่คือชีวิตหนึ่งของชายชราชาวจีนที่พบเจอ

แต่อีกแห่งหนึ่งเป็นร้านอาหารจีนไหหลำ
จะมีชายชราชาวจีนอีกคนหนึ่งชือ โกหย่ง เหมือนกัน
แต่เป็นกุ๊กชาวจีนไหหลำที่มีฝีมือเด่นมาก
ในเรื่องการนำเนื้อแพะมาปรุงอาหารน้ำแดง (แพะน้ำแดง)
ทุก ๆ ปีแกจะได้รับเชิญให้ไปทำการฝากฝีมือเรื่องเนื้อแพะ
ไว้เป็นอาหารหลักและสำคัญมากที่สุด
ที่สมาคมไหหลำหาดใหญ่ ในงานฉลองเฉลิมศาลเจ้าประจำปี
และเป็นการนัดพบปะสังสรรค์ระหว่างลูกหลานคนจีนไหหลำในหาดใหญ่
โกหย่ง คนนี้จะเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดเพราะมีรายได้จากร้านอาหาร
แต่ตอนนี้แกวางมือแล้ว หรือล้างดาบในอ่างทองคำ
คือให้ลูกสาวกับลูกเขยทำร้านอาหารแทน ที่แถวจันทร์นิเวศน์
การอยู่กันสองคนตายายที่ร้านอาหารแห่งนี้
ทำให้ร้านแห่งนี้เปิดบ้างปิดบ้างตามใจของแกกับภริยา
ที่บ้างครั้งก็ต้องไปโรงพยาบาลหรือไปเที่ยวกันสองคนตายาย
ทำให้ลูกสาวกับลูกเขยแกก็ต้องปิดร้านตามไปโดยปริยาย
เพราะต้องไปดูแลแกที่โรงพยาบาลหรือติดตามแกไปเที่ยว

ข่าวท้ายสุดของโกหย่งที่โรงแรมชั้นสี่คือ
แกได้ออกไปเที่ยวนอกโรงแรมแล้วและไม่ต้องนอนที่โรงแรมอีกแล้ว
เป็นการออกเดินทางไกลและอยู่นอกโรงแรมที่ยาวนานครั้งหนึ่งในชีวิต
คือแกต้องไปที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อรักษาโรคเบาหวาน
ทำให้สุดท้ายแกต้องถูกตัดขาข้างขวาไป ต้องนั่งอยู่บนรถเข็น
แล้วย้ายที่อยู่ไปอยู่ในห้องนอนห้องหนึ่งที่กั้นขึ้นมาใหม่
ที่บ้านพักตึกแถวสามชั้น สองคูหาติดกัน
เป็นตึกแถวของเจ้าของโรงแรมชั้นสี่ แถวถนนละม้ายสงเคราะห์
สองชั้นบนมีฝาผนังกั้นระหว่างสองคูหา บันไดแต่ละห้องแยกต่างหาก
ทำเป็นที่พักให้คนงานร้านอาหารของโรงแรมที่ยังไม่มีสถานที่พัก
ให้มาพักรวมกันแห่งนี้ เพื่อความสะดวกในการติดตามตัวคนงาน
และเป็นสวัสดิการส่วนหนึ่งให้คนงาน
ที่ห้องพักแห่งนี้ โกหย่งก็ได้เดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง
จากสถานีโทรทัศน์จอสีสิบสี่นิ้วเพียงลำพัง
โดยลูกหลานของเถ้าแก่ก็ยังให้แกอยู่และเลี้ยงดูตามสภาพ

แต่วันหนึ่งช่วงหัวค่ำ มีโจรผู้ชายสองคนเอาผ้าสีดำคลุมหัวและใบหน้า
บุกเข้ามาในห้องนอนของแก แล้วยกทีวีสีแกออกไป
แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายแกแต่อย่างใด
ลำพังแต่ตัวแกเองก็ไม่สามารถป้องกันอะไรได้
เพราะนั่งอยู่บนรถเข็นและเหลือเพียงเท้าเดียว
แกนั่งร้องไห้อยู่นาน และร้องขอความช่วยเหลือจากคนงานก็ไม่มีใครรู้
จนกระทั่งสองทุ่มเศษจึงมีคนรู้ว่าเกิดเหตุร้ายขึ้น
เพราะในช่วงเกิดเหตุยังไม่มีใครกลับมาพักที่บ้านพักในช่วงนั้น
เมื่อลูกหลานเถ้าแก่ทราบก็เลยต้องซื้อทีวีสีเครื่องใหม่ให้แกอีกเครื่อง
และกำชับให้แกปิดประตูให้เรียบร้อยด้วยเวลาอยู่เพียงลำพัง
ในช่วงที่คนงานส่วนใหญ่ยังไม่กลับจากที่ทำงาน
หลังจากนั้นไม่นาน โรคเบาหวานก็กำเริบอีก
ก็ต้องส่งแกไปโรงพยาบาลหาดใหญ่อีกครั้ง
แต่แกก็หมดสภาพแล้วและคงตรอมใจเลยจากโลกแห่งนี้ไป
พร้อมกับเถ้าอังคารที่ลอยน้ำทะเล
ให้ส่งสายใยและความคิดถึงไปยังเกาะไหหลำ
บ้านเกิดเมืองนอนที่จากมาไกลแสนไกล
และไม่เคยได้กลับไปอีกเลย
หลังย้ายมาทำมาหากินที่เมืองไทย

นี่คือชายชราชาวจีนอีกคนหนึ่งที่พอรู้จัก
ที่อยากจะมาบุกเบิกสร้างความร่ำรวยในประเทศไทย
และกลับไปเยี่ยมญาติมิตรที่บ้านเกิดเมืองจีน
เพื่ออวดหรือบอกฐานะของตน แต่ก็ไม่สำเร็จตามความต้องการ
แต่แกก็ยังได้อีกอย่างคือ ได้ฝากผีฝากไข้กับลูกหลานของเถ้าแก่เดิม

ก็คงเหมือนกับป้ายหลุมศพคนจีนคนหนึ่ง
ที่สุสานจีน วัดดอน ยานนาวา
ที่มีคนแปลจากภาษาจีนว่า
จำได้เลา ๆ ว่า

เคยล่องผ่านน้ำดำ
เคยกินน้ำขม
หวังอยากร่ำรวย
มาเป็นเจ้าสัวที่เมืองไทย
แต่สุดท้ายฝังอยู่ที่
งี่ซัวเต็ง (ป่าช้าวัดดอน)

เขียนจากความทรงจำก่อนที่จะเลือนหายไป



Create Date : 14 เมษายน 2552
Last Update : 5 สิงหาคม 2552 0:19:26 น. 3 comments
Counter : 1228 Pageviews.

 


โดย: gluhp วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:10:33:55 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ
เห็นภาพชัดเจน... แต่เศร้าจัง
คิดถึงก๋งมาก
ท่านก็ไม่ได้กลับเช่นกัน
.............................................................
เถ้าอังคารที่ลอยน้ำทะเล
ให้ส่งสายใยและความคิดถึงไปยังเกาะไหหลำ
บ้านเกิดเมืองนอนที่จากมาไกลแสนไกล
และไม่เคยได้กลับไปอีกเลย


โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:0:20:30 น.  

 
ปู่ก็เป็นคนไหหลำค่ะ แต่ท่านเสียตั้งแต่คุณพ่อยังเด็ก


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:11:08:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.