ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มกราคม 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 มกราคม 2559
 
All Blogs
 
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า อัฏฐะบท

วันแดงเดือดยิ่งกว่าศึกวันทรงชัย

ชกกันแบบมวยปล้า Hard Core
ไม่ยอมแพ้ไม่เลิกเด็ดขาด
มีกรรมการแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี
อธิบดีกรมโรงเหล้า  กระทรวงเงินทอง กระทรวงโรงงาน
เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกคนเข้าประมูล

เงือนไขที่วางไว้แรกสุด

1. ต้องเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเหล้าหรือเบียร์

2. ต้องมีกำลังการผลิตไม่น้อยกว่า 100,000 ลิตรต่อวัน

3. ต้องมีเงินค้ำประกันซองไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านไพ
    หรือมีธนาคารพาณิชย์สยมกุ๊ก ๆ ค้ำประกันเต็มวงเงิน

4. สัมปทานมีอายุ 15 ปี มากกว่าเดิม

5.  ผู้ให้ราคาสุงสุดได้รับสัมปทาน
เงินค่าซื้อซองประมูลราคาครั้งนี้ 1 ล้านไพ ไม่มีการคืนเงินให้

ในยุคนั้นมาตรวัดเทียบกับปัตยุตบัน
ทองคำบาทละ 3,000 ไพ
เงินเดือนปริญญาตรีธนาคารเริ่มต้นที่ 2,700 ไพ
ก้วยเตี๋ยวชามละไม่เกินกว่า 20 ไพ น้ำแข็งเปล่าแก้วละ 1 ไพ
เพราะฉะนั้นเงินจำนวนนี้จัดว่ามหาศาลทีเดียว
พอ ๆ กับเงินประมูลคลื่นความถึ่ 4 G 3 G ในยุคนี้

เปรียบเทียบขุมกำลังที่จะเข้าประมูลแน่นอนแล้ว

กลุ่มแรก  โรงเบียร์เก่า
ผู้หนุนหลัง  ธนาคารทิดพาไน  กับ พรรคพวก
ผู้บริหาร  โลเล ปอดแหก ในบางครั้ง
ประสพการณ์เรื่องเหล้า  ยังไมมี
เงินทุน  ไม่อั้น
การตลาด  ผูกขาด  ไม่แบ่งกันกิน

กลุ่มที่ 2  โรงงานเหล้าแม่ของชุดเดิม
ผู้หนุนหลัง  ธนาคารสรนครี กับ ตระกูลแตั ลูกหนี้ตระกูลแต้
ผู้บริหาร  มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส
ประสพการณ์  โอเค
เงินทุน  ต้องอ้นเพราะถูกรัฐควบคุม
การตลาด  ข่องทางจำหน่ายเดิม  เริ่มแบ่งปัน

กลุ่มที่ 3  โรงงานเหล้าแสงจันทร์
ผู้หนุนหลัง  ธนาคารกรุงเทพฯการค้ากิจการ  พรรคพวกพ่อตาเริญ ยี่ปั้ว ซาปั้ว
ผู้บริหาร  มือใหม่ไฟแรง
ประสบการณ์  โอเค
เงินทุน  ไม่อั้น  มีผู้ถือหุ้นยี่ปั่วขายเหล้า
การตลาด ข่องทางจำหน่ายเดิม มีการแบ่งปัน




ก่อนเริ่มการประมูลมีทั้งข่าวจริงข่าวลือข่าวลวง
ปลิวว่อนสะพัดกันไปหมดทั้งวงการ
เสียงว่ามีการจ่ายเงินให้กรรมการหลักล้านไพ
แม้ว่าจะมีการเปิดประมูลอย่างเป็นทางการ

ฝ่ายโรงเหล้าเดิมได้เสนอจ่ายเงินก้อนเดียว
ให้โรงเหล้าแสงจันทร์ถอนตัวออกจากการประมูล
หรือยอมฮั้วในการประมูลครั้งนี้เป็นตัวเลขไม่ต่ำกว่า 9 หลัก
โดยจะทะยอยจ่ายให้หมดภายในสองปี
แต่ทางฝ่ายเริญไม่รับพิจารณาบอกพร้อมชักธงรบ

เพราะได้เตรียมตัวมาอย่างดี
อุดช่องว่างตามเงื่อนไขที่ทางการเปิดมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน
กับมีธนาคารของตนเองหนุนหลังแล้วไม่ต้องห่วง
ที่ปรึกษาที่ตั้งมาก็ทำงานให้เต็มที่
แม้ว่าจะอยู่หลังฉากแต่ก็มีบทบาท
และมีอิทธิพลในการจูงใจให้ผู้มีอำนาจรัฐคล้อยตาม




การประมูลครั้งนี้เป็นที่สนใจกันทั่วประเทศ
จากเดิมคิดว่าจะเป็นการยื่นซองลับ
กลับกลายเป็นว่าเป็นการประมูลทางวาจา
ยิ่งทำให้เชื่อดเฉือนกันมากขึ้น
แบบไม่มีใครยอมกันง่าย ๆ
ใครไม่ทันเป็นคนล้มตาย

ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 ล้านไพทันที
ก่อนไล่ราคาไปที่ 15,000 ล้านไพ
ต้องขอพักรบหนึ่งชั่วโมง
เพราะต่างฝ่ายต่างเครียด
ทั้งกรรมการกับคนประมูล

คนเข้าประมูลพาคนเข้าร่วม
ในการประมูลได้สามคน
แต่เคาะราคาได้เพียงคนเดียว
ไม่รวมทีมงานที่อยู่ด้านนอก
ไว้เตรียมข้อมูลต่าง ๆ
กับเป็นกองเชียร์ส่งเสียง
แบบการประชุมชี้แจงในรัฐสภาทีเดียว

สถานีโทรทัศน์ก็ยังถ่ายทอดสด
ส่วนหนังสือพิมพ์รอพิมพ์รายงานข่าว
สรุปว่าใครจะชนะการประมูลครั้งนี้

ราคาประมูลเริ่มต่อที่ 17,000 ล้านไพแล้ว
กลุ่มโรงเบียร์ ถอดใจ ทิ้งไพ่ ถอนทวน
เหลือสองกลุ่มจ้องตา
จ้องหน้ากันแบบไม่กระพริบ

สายตาฝ่ายแต้เสี่ยวป้อ ประกอบด้วย
แต้เสี่ยวป้อ  ผู้จัดการธนาคารสรนครี
กับภริยาวัยรุ่นคนที่ 15 ของแต้เสี่ยวป้อ
ส่งมาแบบพร้อมจะเข่นฆ่าอีกฝ่าย

แต่กลุ่มเริญกลับนิ่งเฉยมาก
โดยเฉพาะโอวมักกุ้ย
นิ่งไม่กระพริบตาไร้ความรู้สึกรู้สา
พ่อตามีอาการเครียดแบบคนชรา
ส่วนเริญยังสงบเสงี่ยมสุภาพ

ทั้งสองฝ่ายขอพักรบก่อนหนึ่งชั่วโมง
คณะกรรมการตกลงตามนี้
เพราะสูงกว่าราคากลาง
ที่ตั้งมา 10,000 ล้านไพ

นัดต่อไปเริ่มในเวลาต่อมา
เริ่มต้นกลุ่มโรงเหล้าแสงจันทร์ยิงนำ
20,000 ล้านไพ ทันที
เรียกเสียงฮือฮาเพราะมากกว่าเท่าตัว

หมอบ  คือ คำตอบของ
กลู่มโรงเหล้าแม่น้ำของ
เสียงไชโยโห่ร้องดังลั่น
พร้อมการประกาศข่าวยืนยันทั่วไป

เริญ พ่อตา โอวมักกุ้ย
เดินออกจากห้องประชุมทางช่องลับ
เพื่อหลบหลีกนักข่าวที่รอสัมภาษณ์
แล้วขึ้นรถตู้กลับไปที่บ้านพ่อตาทันที

ทางเข้าบ้านเริญ
มีการผูกริ้วธงสีเหลืองเต็มไปหมด
เมียและลูก  แม่ยาย รวมทั้งแม่เริญ
คนงานในบ้าน คนงานในโรงงาน
ต่างออกมายืนต้อนรับทั้งสามคน
ชัยชนะครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก
เพราะรอคอยมานานแล้ว

จากลูกจ้างเป็นเจ้าของกิจการ
สัมปทานระดับชาติที่ทุกคนใฝ่หา
มีการจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ในบ้าน
ไม่มีการดื่มเหล้าดื่มเบียร์
มีแต่การดื่มน้ำชาฉลองชัยชนะ
เพราะงานใหญ่เบื้องหน้ายังรออยู๋

ส่วนผู้แพ้เดินคอตกออกไปจากสถานที่ประชุม
ปิดปากเงียบไม่มีการให้สัมภาษณ์ใด ๆ
ไม่ต่างกับไก่ชนที่ชนแพ้ในสังเวียน
หรือวัวชนที่ถูกไล่ขวิดจนวิ่งหนีหันหลังให้




ข่าวชัยชนะของเริญดังไปทั่วประเทศ
ผู้จัดการฝ่ายผลิตโรงเบียร์
เดินไปบอกผู้จัดการใหญ่

" พีจำได้ไหม  ไอ้เริญโรงเบียร์
ที่เป็นตัวตลกเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ไหม

มันมีชัยชนะประมูลโรงเหล้า
ไม่รู้มันยังแค้นพวกเราหรือเปล่า "

" เฮ่ย ไม่หรอก
พวกเราค้าขายคนละแบบ
ของมันขายพวกคนจน
กินขวดเดียวก็เมากลิ้งแล้ว
ของเรามันต้องกินทีครึ่งโหล
ตลาดคนละประเภทกัน

ธุรกิจในเครือมัน
ขายขวดเบียร์ให้เรา
ก็ยังต้องพึ่งเราเจ้าเดียว
รายอื่นจิ๊บจ้อยน้อยนิด
คิงอย่าคิดมากเดี่ยวปวดตับ "

ผู้จัดการใหญ่สรุปตัดบท

" ขอบคุณพี่ "

ผู้จัดการฝ่ายผลิตโรงเบียร์
กล่าวแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป




กว่ากลุ่มเริญจะเข้าไปบริหารงานได้
ต้องฟันฝ่าพวกใช้วิชามารในการยื้อเวลา
ด้วยข้ออ้างทางกฎหมายต่าง ๆ มากมาย
สะกัดกั้นกลุ่มเริญเข้าไปบริหารงานโรงเหล้า
มีทั้งการฟ้องร้อง การข่มขู่ การขอความเห็นใจ
มีการจ้างสื่อมวลชนเป็นพรรคพวก
ออกข่าวโจมตีกลุ่มเริญอย่างหนัก

จนได้ข้อสรุปสุดท้ายอีกสองเดือนให้หลัง
ด้วยคำสั่งของศาลที่ฝ่ายเริญยื่นคำร้อง
ขอพิจารณาฉุกเฉินจนมีคำสั่งชี้ขาดออกมา

วันที่ 8 เดือน 8 ในปีนั้น
ที่โรงงานผลิตเหล้าแม่ของ
มีการประชุมครั้งใหญ่ในโรงงาน
มีการแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่
ปลดคนของตระกูลแต้ออกทั้งหมด

คนมาแทนเป็นมือใหม่ของโรงงาน
แต่เป็นมือเก่าของโรงงานเหล้าแสงจันทร์
พร้อมกับนำทีมงานจากโรงงานเดิมมาอีกหลายคน

ส่วนผู้จัดการโรงเหล้าแสงจันทร์
ก็ดันรองผู้จัดการใหญ่ขึ้นแทน
แล้วหาคนมาร่วมทีมใหม่ได้ตามที่ต้องการ

การทำแบบนี้จะทำให้คนในองค์การ
มีการขยับเป็นละลอก ๆ
เรียกว่าแฮ้บปี้กันมากทุกคน

เหมือนกับที่ชอบพูดกันเล่น ๆ ว่า
สาธุขอให้อธิบดีกรมดูแลพื้นที่สยมกุก
ลองตายสักคน จะดีใจอีกหลายคน
เพราะรองอธิบดีขยับขึ้น ผู้ว่าได้ขยับขึ้น
ปลัดจังหวัดก็ได้ขยับขึ้น นายอำเภอก็ได้ขยับขึ้น
ปลัดอำเภอก็ได้ขยับขึ้น เจ้าหน้าที่ปกครองก็ได้ขยับขึ้น
ลูกจ้างก็จะได้บรรจุ  มีการจ้างลูกจ้างรายใหม่
ไล่ตามกันเป็นละลอก ๆ ทีเดียว

ส่วนเริญ โอวมักกุ้ย พ่อตา
เหมือนเดิม คือ ดูแลภาพรวมองค์การทั้งหมด
เป็นคณะกรรมการบริหารสูงสุด
ไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
หรือเป็นลายลักษณ์อักษรตามกฎหมาย

เพราะตามกฎหมายศยมกุก
กรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนนิติบุคคล
ต้องรับผิดชอบทางแพ่งทางอาญาทั้งปวง
ที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดนิติบุคคล

ส่วนโรงเหล้าทั้งสองแห่งมีนโยบาย
ห้ามควบรวมกันโดยเด็ดขาด
ให้มีการแข่งขันกันด้านการผลิตการตลาด

เพื่อไม่ให้คนทำงานเฉื่อยชาหรือเฉื่อยแฉะ
รวมทั้งสำรองไว้เผื่ออนาคตแบบรวมกันตี
แยกกันถอย คอยสะกัดกั้น ทุบฝ่ายตรงข้ามแล้วหนี
เพื่อบรรลุชัยชนะในบั้นปลายที่ต้องการ

แบบแว่นตารายใหญ่ของเมืองสยาม
ที่แยกเป็นสองเจ้าเปิดแข่งขันกันในที่ต่าง ๆ
แต่เจ้าของเป็นคนเดียวกัน

หลังศึกประมูลโรงเหล้าจบลง
เส้นทางการเสี่ยโรงเหล้าก็ราบเรียบ
อดีตอธิบกรมโรงเหล้าก็มาทำงาน
รับเป็นที่ปรึกษากินเงินเดือน ๆ ละ 2 แสนไพ
จนเป็นตัวอย่างและแบบอย่าง
ทำดีได้ดี  ได้มีชีวิตอยู่ดีกินดีอีกตลอดชีวี

ทำให้มีโรงงานของเริญทั้งสองแห่ง
มีอดีตอธิบดีกรมโรงเหล้าทำงานมากที่สุด
ทำให้เห็นช่องทางช่องโหว่ทางกฎหมาย
ที่จะมีชัยเหนือรายอื่นในการค้าเหล้า
จะมีมากกว่าและเร็วกว่ารายอื่น ๆ

แตกต่างกับบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ทั่วประเทศ
ที่จ้างคนที่ทำคุณประโยชน์ให้เพียง 3 ปีสูงสุด 5 ปี
แล้วก็ทำตนไม่รู้จักไม่สนใจต่อไป
ปล่อยให้ไหลไป ๆ ไหลไปลงทะเลแห่งหายไป



ส่วน  เริญ โอวมักกุ้ย  พ่อตา
ยังมีศึกครั้งหน้าอีกครั้งรออยู่
คือ วางแผนว่าจะก่อตั้งโรงงานเบียร์
เพื่อแย่งชิงอาณาจักรและส่วนแบ่งการตลาด
เป็นการกินรวบตลาดน้ำเมาให้ครบวงจร

แต่งานนี้เป็นการล้างอายล้างแค้นของเริญ
ที่สาสมและสะใจที่สุดในประวัติศาสตร์

เป็นมหากาพย์ตำนานระดับโลก
ที่มีการเรียนการสอน Case Study
ที่มีตัวละคร กลยุทธ์ กลวิธี
ที่เรียกว่าอีกฝ่าย ร้องไม่ออก ร้ำไห้มิได้
จะตายก็ยังไม่ตาย  จะอยู่ก็แทบไม่รอด

ขอรวบรวมความทรงจำและเรียบเรียงก่อน




Create Date : 07 มกราคม 2559
Last Update : 1 มีนาคม 2559 21:58:38 น. 0 comments
Counter : 876 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.