ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-ศาลเจ้าเอนกประสงค์

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์ - ศาลเจ้าอเนกประสงค์

เมื่อไปทำงานใหม่ ๆ ที่ปาดังเบซาร์
ก็เห็นมีอะไรที่ค่อนข้างแปลกจากเมืองหาดใหญ่
คือ ที่ศาลเจ้าฮกเต็ก (แป๊ะกง) ที่ปาดังเบซาร์
เป็นศาลเจ้าจีนของที่นั่น แต่เดิมอยู่ระหว่างรอยต่อ
เขตประเทศไทยและมาเลย์
ในเขตพื้นที่ No Main Land
ยังไม่แน่ชัดว่าอยู่ฝั่งไหนกันแน่

มีช่วงหนึ่งคนไทยมุสลิมจากปัตตานี
ขุดดินเพื่อปลูกสร้างบ้านก็เจอหลักไม้สีเขียวฝังอยู่ใต้ดิน
ทางการมาเลย์รู้ข่าวก็มาดูพร้อมกับไทย
ก็ทราบว่าเป็นจุดสังเกตแนวเขตแดนไทย-มาเลย์
ที่มีการปักปันเขตสมัยอังกฤษปกครองมาเลย์
ราว ๆ รัชกาลที่ 5 ของประเทศไทย
ดังนั้นมาเลย์เลยฮุบที่ดินบริเวณนั้นเป็นของมาเลย์ทั้งหมด
(เคยถ่ายภาพมาเป็นไม้แก่นยาวราวเมตรเศษ ๆ
ทาสีเขียวเข้มวางอยู่ในหลุม หาภาพนั้นไม่เจอแล้ว)

ต่อมาบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ใน No Main Land เดิม
ก็ถูกทางการมาเลย์สั่งรื้อออกให้หมด เพราะเป็นของมาเลย์แล้ว
สมัยก่อนร้านค้าและบ่อนการพนันที่ปลูกสร้างในเขต No Main Land
การเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดจะทำได้ยากที่สุด
ต้องมีตำรวจสองประเทศเข้าร่วมจับกุม
จับกุมแล้วก็ต้องเลือกเอาว่าจะฟ้องที่ฝั่งไหน
จึงเป็นดินแดนกึ่ง ๆ ปลอดภาษีและอำนาจรัฐ
เพราะไม่แน่ชัดว่าจะอยู่กับฝั่งไหน
ภายในก็จะมีการค้าสินค้าชายแดนหรือมีบ่อนการพนันแฝงตัวอยู่จำนวนมาก
ที่รู้ว่ามากเพราะมีครั้งหนึ่งไฟไหม้ปาดังเบซาร์ฝั่งไทย
เห็นคนกรูออกมาจากเขต No Main Land จำนวนร่วมหมื่นคนทีเดียว

หลังจากปักปันเขตแดนเสร็จแล้ว
ปรากฎว่าศาลเจ้าแป๊ะกงอยู่ในเขตมาเลย์
ทางการมาเลย์เลยล้อมรั้วไม่ให้เข้าไปทำพิธีง่าย ๆ
คนฝั่งไทยก็ไม่ยอมมีการประท้วงและงัดแงะเข้าไปในศาลเจ้า
มีการทะเลาะกับเจ้าหน้าที่มาเลย์และไทยหลายครั้ง
ทะเลาะกันที่ไรก็จะปิดพรมแดนเข้าออกไทย-มาเลย์ตรงด่านปาดังเบซาร์
ทำให้เดือดร้อนกับพ่อค้าแม่ขายและประชาชนทั้งสองฝั่ง
ในการเดินทางมาติดต่อเยี่ยมญาติหรือค้าขาย
จนสุดท้ายต้องพบกันครึ่งทาง
ให้ศาลเจ้าแห่งนี้สามารถเข้าไปทำพิธีได้ตามสบาย
แต่รับรู้กันว่าอยู่ในเขตดินแดนของมาเลย์




แก้ไขเพิ่มเติม ภาพจาก google.com
จะเห็นว่าตอนนี้ศาลเจ้าอยู่ใเขตประเทศไทยแล้ว
น่าจะมีการปักปันชายแดนไทย-มาเลย์เสร็จแล้ว






ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ จะมีการเล่นงิ้วจีนทุก ๆ ปีตอนวันเกิดแป๊ะกง
เคยถามเหล้าขาวว่า ไม่เห็นมีคนดูเท่าไร และเล่นเป็นภาษาจีน
คนฟังรู้เรื่องคงจะมีไม่กี่คนหรอก
เหล้าขาวเลยตอบว่า งิ้วเล่นให้แป๊ะกงดู ไม่ใช่เล่นให้เธอดู

เลยถามเหล้าขาวต่อไปว่า
ชาวบ้านที่นี่ไม่ถือบ้างหรือไง หรือรู้สึกว่าแปลก ๆ ไหม
ที่มีการจัดงานวันแต่งงาน กับงานศพในศาลเจ้าที่เดียวกัน
จานชามช้อนซ่อมโต๊ะเก้าอี้ก็เป็นของแป๊ะกงเป็นส่วนมาก
เหล้าขาวตอบว่า ธรรมเนียมของจีนแล้ว
ฤกษ์งามยามดีวันแต่งงานกับวันออกศพไปฝังจะวันเดียวกัน
ดังนั้นพิธีแต่งงานหรือพิธีศพถือว่าเป็นงานมงคลเช่นกัน

การที่ศาลเจ้าแป๊ะกงที่นี่ใช้ได้เอนกประสงค์
เพราะแต่เดิมปาดังเบซาร์ยังไม่มีวัดอย่างหนึ่ง
โรงแรมขนาดใหญ่ที่จัดงานได้ก็ยังไม่มี
สถานที่สะดวกที่สุดในการจัดงานก็คือที่แป๊ะกง
เว้นแต่บ้านของคนรวยจริง ๆในปาดังเบซาร์
ทำให้ทุกคนเวลามีงานพิธีต่าง ๆ ต้องมาใช้พื้นที่แห่งนี้
พร้อมกับใช้อุปกรณ์เครื่องครัว โต๊ะเก้าอี้
ที่มีคนบริจาคไว้ให้ใช้ประโยชน์ได้จากศาลเจ้าแห่งนี้






เลยถามเหล้าขาวต่อไปว่า
แล้วโอกาสงานซ้อนกันมีบ้างหรือไม่
เหล้าขาวบอกงานแบบเดียวกันไม่เป็นไร
แต่ถ้าต่างงานกันก็ต้องรออีกฝ่ายให้เสร็จงานก่อน
จึงจะเข้ามาใช้ศาลเจ้าได้
ถ้ารอไม่ได้ก็จัดงานที่บ้านไปเลย
แต่จะยุ่งยากลำบากในการหาอุปกรณ์เครื่องครัว โต๊ะเก้าอี้
เพราะที่ศาลเจ้าแป๊ะกงจะสะดวกกว่า

เหล้าขาวเล่าต่อไปว่า
ที่ปาดังเบซาร์จะพิสูจน์กันได้ว่า
ใครมีเพื่อนฝูงญาติพี่น้องมากกว่ากัน
ใครเป็นคนที่มีคนรู้จักรักใคร่มากกว่ากัน
เลยถามเหล้าขาวว่าดูที่คนมาร่วมงานศพใช่ไหม
หรือจากเงินที่มาร่วมทำบุณย์งานศพ
เหล้าขาวบอกไม่ใช่สักอย่างหนึ่งที่ตอบมา

เหล้าขาวเลยเฉลยให้ฟังว่า
ให้ดูที่คนแบกโลงศพคนตาย
ที่เป็นธรรมเนียมว่าต้องเดินผ่านถนนสายหลักในปาดังเบซาร์
ก่อนที่จะไปฝังที่ฮวงจุ๊ยที่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร
ถ้าจ้างให้คนแบกโลงศพ ถือว่า ไม่เข้าขั้น
แต่ถ้ามีคนแย่งกันแบกโลงศพให้ฟรี ถือว่า ชั้นหนึ่งทีเดียว

(การแบกโลงศพจะใช้ไม้ขนาดใหญ่
คอนสองข้างโลงศพด้วยเชือกมนิลาขนาดใหญ่
แล้วยกโลงศพขึ้นห้ามแตะพื้นดินอีกจนกว่าจะไปวางหน้าหลุมศพ
การแบกแต่ละครั้งต้องใช้คนไม่ต่ำกว่าสี่คนขึ้นไป
แต่ส่วนมากอยู่ระหว่างหกถึงแปดคนแล้วแต่ขนาดน้ำหนักของโลงศพ)

เลยบอกว่า มิน่าเห็นคนแบกโลงศพผ่านหน้าที่ทำงาน
ก็เห็นว่าแปลก ๆ เพราะที่หาดใหญ่ไม่เคยเห็นนานมากแล้ว
แต่ที่นี่ยังเห็นแบกโลงศพบนถนนสายหลักในปาดังเบซาร์อยู่
แต่บางครั้งเห็นเป็นพวกคนแขกทมิฬแบกโลงศพ
เหล้าขาวเลยบอกว่า
นั่นแสดงว่ามีเพื่อนฝูงญาติพี่น้องน้อยมาก
หรือเป็นคนที่ไม่ค่อยคบเพื่อนเท่าไร
จึงต้องจ้างคนแขกทมิฬแบกโลงศพไปฝังที่ฮวงจุ๊ย

จุดสีเขียวคือ ศาลเจ้าฮกเต็ก-แป๊ะกง
ตอนนี้อยู่ฝั้งไทยแล้ว









 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2552
4 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 13:28:29 น.
Counter : 1559 Pageviews.

 

เพิ่งเข้ามาเจอนะครับ เรื่องราวน่าสนใจดีจังเลยนะครับ จะหาโอกาสมาแวะอ่านเรื่องอื่นๆต่ออ่ะครับ

 

โดย: sak (psak28 ) 2 กรกฎาคม 2552 10:22:56 น.  

 

แวะเข้ามาอ่านคะ

 

โดย: mook (haiti ) 2 กรกฎาคม 2552 10:33:19 น.  

 

แปลกดีนะ ชอบจัง
มีคนรักมาก ไม่ต้องแบกโลงศพ

สัจธรรม ที่ลืมนึกถึง

อ่านครั้งใด ได้ข้อคิดใหม่ๆเรื่อย

ขอบคุณค่ะ
ที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่าน


 

โดย: หมุยจุ๋ย 7 กรกฎาคม 2552 16:27:56 น.  

 

มาอ่านเนี่ยวันก่อนก็คุยกับเพื่อนเรื่อง พิธีศพของจีนเฉยเลย มันเข้าหัวได้เฉยเลยค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 24 สิงหาคม 2552 14:27:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.