หลายคนคงรู้ดีว่าเนื้อปลาที่ เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวันนั้น ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากขนาดไหน เพราะนอกจากจะมีสารอาหารจำพวกโปรตีนที่ย่อยง่ายแล้ว ยังช่วยทำให้ระบบการทำงานของร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย 

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเนื้อปลาสด แช่แข็งธรรมดาให้มีความหลากหลาย ยิ่งขึ้น โดยการนำปลาแพนกาเซียส ดอร์รี่ มาแปรรูปเป็นเนื้อปลาแช่แข็งแบบติดหนัง ซึ่งมีเอกลักษณ์พิเศษ คือ เนื้อแน่น ไม่เละลุ่ย และไม่มีกลิ่นคาว เพราะผ่านการเลี้ยงในระบบฟาร์มที่ได้มาตรฐานแบบยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ปลาแพนกาเซียส ดอร์รี่ (Pegasus hypothalamus) หรือ ปลาจา ในภาษาเวียดนาม จัดเป็นปลาน้ำจืดในประเภทปลาหนัง ไม่มีเกล็ด เนื้อนุ่ม ซึ่งเป็นปลาในตระกูลเดียวกันกับปลาสวาย แต่เป็นสายพันธุ์ที่ถูก พัฒนาขึ้นมาเพื่อเลี้ยงในอุตสาหกรรมปลาเพื่อการบริโภค 

วิธีการเลี้ยง เป็นกระบวนการที่ปลอดจากสารเคมีในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่แข็งแรง แล้วนำมาผสมเทียม จนได้ลูกปลาที่แข็งแรง 

จากนั้นจะปล่อยลงสู่บ่อเลี้ยงระบบปิดที่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งน้ำที่ใช้เลี้ยงก็จะต้องผ่านการกรองหลายขั้นตอน รวมไปถึงผ่านลำแสง UV เพื่อให้ได้น้ำมีคุณภาพดี 

ส่วนอาหารที่ใช้ในการเลี้ยงก็มาจากวัตถุดิบคุณภาพสูงจากโรงงาน ที่ทันสมัย ซึ่งการให้อาหารจะมีการปรับ ส่วนผสมให้เหมาะสมกับในแต่ละช่วงเวลานั้น ทำให้ปลาทุกตัวได้รับอาหารอย่างเพียงพอ

หลังจากที่ปลาโตขึ้นจนมีน้ำหนักตัว ที่เหมาะสม  จะทำการจับและส่งไปยังโรงงานแปรรูปที่ทันสมัย ทำให้ได้เนื้อปลา ที่สด คุณภาพดี อีกทั้งก่อนจะบรรจุในหีบห่อจะต้องผ่านการทดสอบในห้องแล็บเพื่อยืนยันคุณภาพก่อนส่งไปจำหน่าย ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะได้รับประทานเนื้อปลาที่มีคุณภาพดี

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทานปลาเป็นประจำอยู่แล้ว  สามารถทานเนื้อปลาแพนกาเซียส ดอร์รี่ ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยอาจจะนำไปทำเป็นเมนูพิเศษอย่างเช่น  แกงเหลือง ปลาดอร์รี่ ซึ่งมีวิธีทำที่ง่ายมากๆ เพียงตั้งหม้อน้ำซุปให้เดือด จากนั้นใส่พริกแกงเหลืองลงไป พอได้กลิ่นหอมๆให้ใส่เนื้อปลาดอร์รี่หั่นชิ้น พอคำ หน่อไม้ดอง และมะขามแขก พอเนื้อปลาสุกให้ใส่ใบมะกรูด ปิดท้ายด้วยน้ำปลาและน้ำตาลเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ 

ส่วนใครที่รักสุขภาพก็สามารถนำไปทำเป็น ปลาดอร์รี่ทอดสมุนไพรซอสมะขาม ปลาดอร์รี่ผัดซอสเลมอนกระเทียม และข้าวผัดปลาดอร์รี่อบกระเทียมก็ได้เช่นกัน เพราะนอกจากจะได้รับสารอาหารจำพวกโปรตีนแล้ว ยังได้รับวิตามินบี 12 วิตามิน D  และโอเมก้า 3 ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ขอบคุณภาพ pinterest.com