ศาลเจ้าพ่อขี้หมา
ข้างทางบริเวณนั้นเป็นลานโล่ง เจ้าของที่เขาอุทิศเป็นสาธารณะ ไม่หาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าสักแดงเดียว บางวันก็มีตลาดนัด บางคืนก็มีหนังมาฉาย ใครจัดงานบวชงานบุญจะเอามหรสพมาสมโภชน์ก็มาขอใช้

ครั้นอยู่มาก็มีหมาตัวหนึ่ง ผ่าไปขี้ไว้ใต้ต้นฉำฉา ข้างลานสาธารณะนั่นเอง

ใครคนหนึ่งผ่านมาเห็นเอา แกกลัวว่าจะมีคนเดินทะเล่อทะล่ามาจะเหยียบกับระเบิดขี้หมาเข้า เลยหักกิ่งไม้แถวนั้นมาปิด พอเป็นจุดสะดุดสายตา ไม่ให้ใครเผลอเหยียบ

คนหลังเดินมาเห็นว่ากิ่งไม้มาอยู่อะไรตรงนี้ พอเข้าใกล้ก็เห็นว่ามันวางทับขี้หมาอยู่ เห็นขี้รำไรๆ ก็รู้สึกมวนท้องมวนไส้ แกเลยไปรานเอากิ่งไม้มากำใหญ่ โปะๆ ลงไปให้มิด




กิ่งไม้ที่รานเอามาครั้งหลังนี้ ติดดอกมามากกว่าใบไปหน่อย แม่ค้าแถวนั้นเห็นเข้าก็นึกว่า คงมีคนเอาดอกไม้ไปไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ขอให้ทำมาค้าคล่อง ตนเองก็ค้าขายอยู่จะไม่ไหว้เจ้าที่ก็ท่าจะไม่ได้การ เลยรีบเด็ดเอาดอกไม้แถวนั้นไปวาง แล้วก็อธิษฐาน คนอื่นๆ เห็นเจ้าแรกทำ ก็พากันตามอย่าง จนกระทั่งดอกไม้สุมเป็นกองใหญ่

จากดอกไม้อย่างเดียวก็เริ่มมีพวงมาลัย ธูปเทียน เครื่องเซ่นจำพวกของหวานของคาว น้ำเขียวน้ำแดง และก็เริ่มลือกันว่าเจ้าพ่อใต้ต้นฉำฉาท่านศักดิ์สิทธิ์นัก ขออะไรเป็นเห็นผลในสามวันเจ็ดวัน

ชาวบ้านที่รู้ข่าว ก็แห่มาขอโชคขอลาภกันใหญ่ บางคนกลับไปถูกหวยก็ว่าเจ้าพ่อท่านขลัง บางคนถูกกินก็ว่าโชคยังไม่ถึงรอบตัวเอง ต้องหาของไปไหว้บ่อยๆ

นานเข้าก็มีคนเห็นว่า เอาดอกไม้มากองสุม เอาเครื่องเซ่นมาวางพื้นอย่างนี้ ดูไม่สมกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพบูชา ควรจะสร้างศาลให้เป็นกิจจะลักษณะเสียที จึงเรี่ยรายเงินกันมาได้ก้อนหนึ่ง แล้วว่าจ้างช่างให้สร้างศาลขึ้น ตัวศาลก่ออิฐโบกปูนและตกแต่งเสียสวยงาม มองดูขลังกว่ากองดอกไม้เป็นไหนๆ ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาก็ต้องยกมือขึ้นจบไหว้และให้ความยำเกรง

ฝ่ายเจ้าหมาซึ่งแต่เดิมเคยขี้ไว้ตรงนั้น ก็ยึดเอาศาลนี้เองเป็นที่อยู่และที่กิน ใครไปใครมาก็จะเห็นว่ามันนอนหลับปุ๋ยอยู่บริเวณใดบริเวณหนึ่งในศาลนั่นเอง


หมายเหตุท้ายเรื่อง : ทราบข้อมูลผู้แสดงความคิดเห็นที่ใช้ชื่อว่า "คนเคยอ่าน" ว่า เค้าเรื่องนี้ มาจากนิตยสาร ต่วยตูน (ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบข้อมูล และยังค้นไม่เจอว่าอยู่ฉบับใด ปีไหน หากมีท่านใดให้ข้อมูล ฉบับ และผู้เขียนเรื่อง จะกรุณามากครับ). ข้อเขียนนี้ได้เขียนขึ้นจากความทรงจำที่ได้รับการบอกเล่าจากหลวงพ่อ สมัยที่ยังบวชเป็นเณรอยู่ต่างจังหวัด เมื่อ 24 ปีก่อน แต่เมื่อเค้าโครงเรื่องมีที่มาชัดเจน ต้องขอแสดงความเคารพเจ้าของเค้าโครงนั้น และขอแสดงความนอบน้อมมา ณ ที่นี้ครับ




Create Date : 11 มกราคม 2558
Last Update : 14 มกราคม 2558 13:39:27 น.
Counter : 1581 Pageviews.

2 comments
  
เรื่องนี้ต้นเค้าเดิมมาจากนิตยสาร ต่วยตูน พ็อกเก็ตแมกาซีน นานมากแล้ว
น่าจะให้เครดิตที่มาของเรื่องด้วยนะ
โดย: คนเคยอ่าน IP: 171.98.37.23 วันที่: 12 มกราคม 2558 เวลา:17:10:44 น.
  
ขอบคุณคุณคนเคยอ่าน มากครับ เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ดีมาก ผมเคยฟังเรื่องนี้จากหลวงพ่อก้าน วัดศรีโพนแท่น อ.เชียงคาน จ.เลย สมัยที่เคยบวชเณรอยู่กับท่านเมื่อ 24 ปีก่อน
แสดงว่าเรื่องนี้น่าจะเผยแพร่ในต่วยตูนก่อนหน้านี้แล้ว ผมพยามค้นหาข้อมูลที่มาของเรื่องแต่ไม่เจอ เพราะน่าพิมพ์มานานร่วม 30 ปี ถ้าคุณคนเคยอ่าน จะให้ข้อมูลเพิ่ม จะกรุณามากเลยครับ

ส่วนข้อเขียนนี้ผมเขียนขึ้นจากความทรงจำและจินตนาการเพิ่มจากที่ได้รับฟังจากการบอกเล่าจากหลวงพ่อก้าน จ.เลย ครับ
โดย: รวี_ตาวัน วันที่: 14 มกราคม 2558 เวลา:13:29:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รวี_ตาวัน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



มกราคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31