คืนอันเป็นนิรันดร์
เมื่อคืนไปดูดอกไม้ไฟกับใครครับ...
ความจริงแล้วแสงสวยงามอย่างนั้น ดูคนเดียวก็คงจะไม่ทำให้เหงาใจนัก แต่ผมไปดูกับคนพิเศษ ๆ บรรยากาศพิเศษ ๆ แสงสวยงามเพียงพริบตานั้น ก็เลยสวยงามขึ้นอีกเยอะ
เมื่อคืนเป็นคืนปลอดแฟนครับ (สำหรับคนอื่นนะ ไม่ใช่ผม ผมปลอดตลอดอยู่ละ ^^) มีแต่เพื่อน ๆ กันไปร่วมเคานท์ดาวน์กันมา ต่างคนที่แยกย้ายกันไปเรียนในต่างภูมิภาค ก็ได้กลับมาเจอกัน กาลเวลาและสิ่งรอบตัวทำให้สิ่งที่เห็นทางกายภาพดูมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง แย่ลงบ้าง(อันนี้ผมเอง) แต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะและมิตรภาพที่เราเคยมีให้กัน มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหน แต่เราก็ต่อกันติดได้ทุกครั้ง
พวกเราไปร่วมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ที่หาดป่าตอง ร่วมกับผู้คนอีกร้อยพ่อพันแม่ หลากหลายเชื้อชาติ และที่มา บรรยากาศยิ่งเสริมสร้างความคึกคักมากยิ่งขึ้น พวกเราไปร่วมปล่อยโคม มีฝรั่งคนนึง ปล่อยโคมสิริรวมแล้ว 5 โคม ที่ต้องปล่อยถึง 5 โคมก็เพราะว่า โคมโดนเผาจนไหม้ก่อนจะได้ปล่อยตลอด เรานับถือในความพยายามของคุณจริง ๆ ส่วนโคมของพวกเรานั้นกว่าจะได้ปล่อยขึ้นฟ้าไปได้ ก็ใช้เวลานานพอสมควรเช่นกัน เพราะลมที่ดันมาพัดแรงในช่วงนั้น แต่ในที่สุดโคมของเราก็ได้ลอยขึ้นไปประดับอยู่บนฟ้า ระหว่างนั้นก็มีการจุดดอกไม้ไฟอยู่ตลอดเวลา พร้อมด้วยเสียงโห่ร้องเวลาที่มีดอกไม้ไฟสวย ๆ ถูกจุดขึ้นไป
เวลานับถอยหลังมาถึง 5 4 3 2 1 "สวัสดีปีใหม่" คือคำแรกที่พวกเราพูดต่อกันหลังจากสิ้นการเปล่งเสียงตัวเลขตัวสุดท้าย แต่เราก็พูดได้แค่นั้น ... เสียงจุดดอกไม้ไฟจำนวนมากก็ดังขึ้นกลบเสียงของพวกเรา พลันสายตาของเราก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า "สวยจังเลยนะ" คือคำที่เราพูดออกมาคล้าย ๆ กัน
ยืนดูพลุกันอยู่ซักพัก เราก็พยายามคิดกันว่า จะไปต่อกันดีไหม แต่สุดท้ายผลสรุปของทุกคนคือกลับบ้านดีกว่า เรายังมีคนพิเศษที่รอเราอยู่ที่บ้าน รอการกลับไปร่วมฉลองการมาถึงของปีใหม่ เราจึงแบ่งกันไปส่งเพื่อน ๆ ตามบ้าน ผมทำหน้าที่สารถีไปส่งสาว ๆ ถึงบ้าน แล้วจึงค่อยพาตัวเองกลับไปสู่บ้านสึชมพูอันอบอุ่น
พ่อกับแม่และน้องอยู่ที่บ้านนั่งอยู่หน้าทีวี (ผมรู้สึกผิดเล็กน้อย) โผล่หน้าเข้าไป พ่อกับแม่ถามว่าที่ป่าตองเป็นอย่างไรบ้าง ผมไม่ได้ตอบท่าน แต่เข้าไปยกมือไหว้ สวัสดีปีใหม่ กับพ่อและแม่ และท่านก็อวยพรสิ่งดี ๆ ให้กับผม ผมไปสวัสดีปีใหม่น้อง และอวยพรให้มันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ และผมก็ลาไปนอนที่บ้านตากับยาย สวัสดีปีใหม่ตากับยายให้ท่านอวยพรสิ่งดีดีให้ ...
ฤดูกาลแห่งดอกไม้ไฟผ่านมาปีแล้วปีเล่า หลาย ๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต บางปีแสงจากดอกไม้ไฟไล้อาบร่างเราที่มีใครบางคนยืนอยู่ข้าง ๆ ให้คอยกุมมือกันข้ามผ่านปีไปให้ใจอุ่น ๆ บางปีแสงจากดอกไม้ไฟส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอาบไล้เราขณะที่เรานั่งรับไออุ่นรอบ ๆ กายกับครอบครัว บางปีแสงจากดอกไม้ไฟอาบไล้ร่างเราเพียงลำพัง แสงนั้นคอยเป็นกำลังใจอยู่เพียงชั่วคราว แต่อย่างน้อยก็คอยเป็นเพื่อนข้ามผ่านเวลาให้พอคลายเหงา
ฤดูกาลแห่งดอกไม้ไฟ ฤดูกาลของแสงระยิบระยับที่เพียงพริบตาก็พร่างพรายหายไป แต่ความทรงจำในฤดูกาลแห่งนั้น ไม่ได้หายไปตามแสงสวยงามนั้น...
ถึงใครคนนั้น...มันอาจจะนานมากแล้ว สำหรับค่ำคืนอย่างนี้...แต่ผมยังจำมันได้ทุกความรู้สึก...เหมือนแสงดอกไม้ไฟ...ยังไม่ได้จางหายไปกับท้องฟ้าในคืนนั้น...และดูเหมือน...มันจะยังคงอยู่เป็นนิรันดร์
ศ02012552 วันศุกร์ สีฟ้า พร่าพราย
เพียงประกายวูบเดียวพลันเลือนลับ ไม่อาจจับเอาเจ้ามาเป็นเจ้าของ ทิ้งเอาไว้เพียงแค่ควันให้เหลือมอง ก่อนแสงทองวับวาบลางเลือนไป
แสงที่ทอเพียงลับตาหยอกล้อฟ้า ภูมิปัญญาของมนุษย์สรรค์สร้างไว้ หวังจะได้ส่องประชันดาราไกล ก็พอใจแม้จะได้เพียงชั่วคราว
ดอกไม้ไฟยามเจ้าวาวประดับฟ้า ใจนั้นหนาคิดอะไรในคืนหนาว หรือเจ้าเพลินชมแสงของหมู่ดาว ลืมแสงพราวเพียงพริบตาของตัวเอง
ไฟประดับฟ้าให้งามยามไร้เดือน เหมือนจะเตือนว่าอย่ามัวหลงบรรเลง ดอกไม้ไฟงามจับตาพลันวังเวง ตัวมันเองทำหน้าที่เต็มราคา
แสงของเจ้าสร้างเวลาแห่งความสุข เตือนให้ฉุกคิดว่าสุขนั้นสั้นหนา สุขแล้วทุกข์อาจจะพลันตามกันมา ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่ได้มี
ปล.ไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ santika ด้วยครับ
Create Date : 02 มกราคม 2552 |
Last Update : 3 มกราคม 2552 2:19:14 น. |
|
13 comments
|
Counter : 983 Pageviews. |
|
|