ผมมีโอกาสเดินทางมาเกาะในฝันของใครหลายๆคนซึ่งเป็นเกาะที่ได้ชื่อว่าสวรรค์ของคนรักทะเล และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้เดินทางมาที่นี่ ประเทศมัลดีฟประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่จำนวนมาก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดียทางตอนใต้ของศรีลังกา การเดินทางเข้าประเทศมัลดีฟสะดวกมากๆครับ ไม่ต้องขอวีซา (ถ้าอยู่ไม่เกิน 30 วัน) และมีไฟล์ทตรงจากสุวรรณภูมิโดยสายการบิน Bangkok Airway ซึ่งใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง 

ส่วนรีสอร์ทที่ผมเข้าพักในครั้งเป็นรีสอร์ทเดิมที่ผมเข้าพักในการเดินทางมาที่นี่ครั้งแรก แต่เป็นชื่อใหม่ Gili Langkanfushi ได้ชื่อว่าเป็นรีสอร์ทที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในมัลดีฟ วิลลาทุกหลังอยู่ในทะเลที่น้ำทะเลใส สามารถชมปลาสวยงาม ปะการังจากรอบๆวิลลาได้เลย นอกจากนี้ภายในวิลลาถูกออกแบบได้สวยงาม กลมกลืนกับธรรมชาติ วิลลาทุกหลังมีพื้นที่กว้าง มีมุมพักผ่อนหลายๆมุมที่ทำให้การพักผ่อนในวิลลาสะดวกสบาย จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างของที่นี่คือทำเลของรีสอร์ทอยู่ไม่ไกลจากสนามบินครับ ทำให้การเดินทางสะดวก พอลงจากเครื่อง ก็ต่อเรือของรีสอร์ทอีกประมาณ 15 นาทีก็ถึงเลย ไม่ต้องค้างคืนเพื่อรอต่อเครื่องบินน้ำที่มาเล่  

ภายในรีสอร์ทแห่งนี้เงียบสงบ มีชายหาดที่ทรายขาว สะอาด เหมาะกับการพีกผ่อน เดินเล่นริมทะเล จุดเด่นหลายๆอย่างของ Gili Lankanfushi ที่ได้กล่าวมานี้ก็ต้องแลกด้วยราคาห้องพักที่นี่ก็สูงกว่าที่อื่นครับ ลองมาชมภาพความประทับใจจากการเดินทางมายังที่นี่เป็นครั้งที่สองของผม  ผมขอวางแผงนิตยสาร online ฉบับที่น่าประทับใจมากที่สุดฉบับหนึ่งของผม ซึ่งเป็นฉบับที่ 125 ประจำเดือนมีนาคม กับการเดินทางไปไปยังเกาะสวรรค์ที่หาดทรายขาว น้ำทะเลใส และวิลลาในทะเลที่ Gili Langkanfushi Maldives




ผมขอเกริ่นนำเกี่ยวกับรีสอร์ทนี้ซักนิดครับ ภายในรีสอร์ทมีหาดทรายที่ขาวสะอาดที่สามารถเดินเท้าเปล่าได้ทั่วรีสอร์ท


วิลลาทุกหลังอยู่กลางน้ำ ทำให้ใกล้ชิดธรรมชาติ 

วิลลาถูกออกแบบเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ  การดูแลรักษาอาจจะยาก แต่บรรยากาศดีครับ


ที่สำคัญสามารถดำผิวน้ำชมปลาสวยงาม และปะการังรอบๆวิลลาห้องพักได้เลย ไม่ต้องออกไปไหนไกล


มาย้อนรอยการเดินทางของผมในทริปนี้กันนะครับ เริ่มจากการเดินทางจากสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบิน Bangkok Airway ที่ยังคงเป็นสายการบินเดียวในขณะนี้ที่บินตรงไปยังมัลดีฟ


ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง ในรูปคาดว่ากำลังบินผ่านประเทศศรีลังกา จากรูปเมฆจะลอยอยู่บนพื้นดินต่างจากพื้นน้ำที่ไม่มีเมฆเลย แปลกดีครับ


พอใกล้ถึง จะเริ่มเห็นหมู่เกาะเล็กๆแบบนี้ 


มาถึงแล้วครับ สนามบินนานาชาติ Ibrahim Nasir ในเมืองมาเล่ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมัลดีฟ ที่นี่เป็นสนามบินเล็กๆ 


เครื่องบินชื่อ พนมเปญ ของ Bangkok Airway ลำนี้ที่พาผมมายังเกาะสวรรค์มัลดีฟ

จากนั้นจะมีพนักงานของโรงแรมมารออยู่ พาไปขึ้นเรือที่อยู่ใกล้ๆเพื่อเดินทางตรงไปยังรีสอร์ท แค่เห็นสีน้ำทะเลก็ใจละลายแล้วครับ


มาถึงรีสอร์ทก็เกือบเย็น ได้เวลาออกมาถ่ายรูปพอดี


บรรยากาศยามเย็นในรีสอร์ท กับหาดทรายที่ขาวสะอาด


บรรยากาศที่ชายหาดมุมเล็กๆมุมหนึ่งในรีสอร์ท


แค่เพิ่งมาถึงวันแรกก็ประทับสุดๆแล้วครับ


สะพานทางเดินไปยังท่าเรือของรีสอร์ท


แสงแดดยามเย็นกับบรรยากาศที่น่าพักผ่อน


ต่อไปผมจะพาไปชมภายในวิลลาที่ผมเข้าพัก


ห้องพักแบบนี้เป็นห้องพักแบบ Villa Suite ซึ่งเป็นห้องพักส่วนใหญ่ของที่นี่ ข้างในกว้างขวาง


ภายในห้องนั่งเล่นที่เห็นวิวสวยๆ วิลลาหลังนี้เป็น Villa Suite #10 บน Jetty 1 ครับ 


โต๊ะทำงานภายในห้องนอน จากที่เป็นวิลลากลางน้ำทำให้ทุกๆส่วนในวิลลาเห็นวิวทะเลที่สวยงาม


เตียงนอนที่นุ่มสบาย ในส่วนของห้องนอนจะเป็นส่วนเดียวที่เป็นห้องปรับอากาศครับ


มาชมวิวสวยๆจากห้องนั่งเล่นภายในวิลลา


มุมที่ชอบมากที่สุดมุมหนึ่งภายในวิลลาคือจุดนี้เลยครับ ชอบมานอนเล่นตอนกลางคืนดูดาว


มาชมในส่วนห้องน้ำบ้างครับ ห้องน้ำที่นี่กว้างมากๆ


อ่างแช่น้ำบรรยากาศดี 


ทางเดินไปยังห้องอาบน้ำ ออกแบบได้สวยมากๆ


ห้องน้ำเป็นส่วนที่ผมชอบที่สุดจุดหนึ่งของวิลลาหลังนี้ สามารถลงไปแช่น้ำทะเลจากในห้องน้ำก็ได้ครับ


เป็นวิลลาที่อยู่แล้วไปอยากออกไปไหนเลย บรรยากาศน่าพักผ่อนจริงๆ


ทุกวิลลาจะมีจักรยานไว้ให้ปั่นไปยังจุดต่างๆในรีสอร์ท ชอบมากๆ


ในคืนที่ฟ้าเปิด สามารถมานับดาวเต็มฟ้าที่ terrace กลางทะเลของวิลลาแต่ละหลัง


โชคดีมากๆครับ ช่วงที่ผมไปเห็นดาวสวยๆแทบทุกคืน


บรรยากาศในคืนที่ดาวเต็มฟ้ากับวิลลาใน Jetty 1 


มองท้องฟ้าเห็นทะเลดาว มองไปในทะเลยังเห็นปะการัง กิจกรรมวันรุ่งขึ้นคงไม่ต้องไปไหนไกล


terrace พักผ่อนส่วนตัวของวิลลากับทะเลดาวตอนกลางคืน โรแมนติกมากๆครับ


ห้องพัก Villa Suite เป็นวิลลาที่มีสองชั้น น่าพักมากๆครับ


บรรยากาศตอนที่เปิดประตูออกมาจากวิลลาตอนเช้า สวยมากครับ


กลางคืนได้เห็นดาวเต็มฟ้า ตอนเช้ายังได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆอีก 


บรรยากาศสุดยอดมากๆครับ 


ตอนกลางวันอากาศยังดีสุดๆ โชคดีมากครับ ภาพจากบริเวณวิลลาที่ผมเข้าพัก


วิลลาจะอยู่บนน้ำทะเลที่ใส และมีปะการังอยู่ทั่วไป บรรยากาศดี


ถ้าต้องการไปจุดต่างๆในรีสอร์ท สามารถเรียกรถบั๊กกี้ให้ไปส่งได้ครับ หรือจะปั่นจักรยานไปเอง


ปะการังที่อยู่ใกล้ๆวิลลา ห้องพักบางห้องจะไม่มีปะการังรอบๆเช่นห้องพักบน Jetty 3 แต่จะอยู่บนน้ำทะเลใส ทรายใต้น้ำขาวสะอาด


อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรทำครับ  ช่วงน้ำขึ้นสามารถลงไปดูปะการัง ปลาสวยๆได้ทั้งวัน 


ชายหาดบริเวณนี้อยู่ใกล้ห้องอาหารของรีสอร์ท


ห้องอาหารกลางน้ำที่เปิดบริการเฉพาะมื้อเย็นของบางวัน บรรยากาศดีมากๆ


ทะเลของที่นี่สวยทุกจุด 


ชายหาดที่เป็นจุดไฮไลท์ของรีสอร์ท มองเห็นห้องพักแบบ Crusoe Residence ที่อยู่กลางน้ำ


ทรายขาวสะอาดตัดกับสีท้องฟ้าในวันฟ้าใส บรรยากาศสุดยอด


ช่วงเย็นๆสามารถมานอนเล่นที่เปลรับลมทะเล 


ห้องพักแบบ Crusoe Residence ไม่มีทางเดินเข้าไปครับ การเข้าออกวิลลาต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวสุดๆ


สีน้ำทะเลของที่นี่สวยมากๆ  


ช่วงที่นั่งเรือมายังรีสอร์ท พนักงานจะแนะนำให้ถอดรองเท้าเก็บไว้เพื่อเดินเท้าเปล่าตามคอนเซ็บ No News No Shoes แต่จะไม่ถอดก็ไม่เป็นไรครับ


บรรยากาศริมทะเลที่ดีมากๆ เรือลำเล็กๆที่เห็นสำหรับรับส่งแขกที่พักใน Crusoe Residence


ต้นมะพร้าวที่ลำต้นสวย แปลกตา ยิ่งสร้างบรรยากาศภายในรีสอร์ท


ช่วงฟ้าใสอย่างนี้ มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะ ไม่เบื่อเลยครับ


เปลนอนเล่นอีกมุมหนึ่ง ใกล้ๆห้องอาหาร


ต่อไปมาชมวิลลาตอนกลางวันบ้างครับ


บรรยากาศที่วิลลาช่วงตอนเย็นๆ ตอนกลางคืนคิดว่าสวยแล้ว ตอนกลางวันสวยไม่แพ้กันครับ


วิลลาอยู่กลางน้ำทะเลใส เห็นวิวสวยมากๆ 


terrace ที่ยื่นออกไปกลางน้ำ เป็นจุดชมวิว จุดพักผ่อนที่บรรยากาศดี มีทางลงไปเล่นน้ำในทะเล


วิวสวยๆจากมุมๆหนึ่งภายในวิลลา


อ่างอาบน้ำที่เห็นวิวทะเล 180 องศา บรรยากาศสุดยอด


ห้องพักทุกห้องจะมี terrace อย่างนี้ครับ เหมาะสำหรับห้องพักที่อยู่กลางทะเล


แทบจะทุกจุดในวิลลา สามารถเห็นวิวทะเลสวยๆ ชอบมากครับ


ภาพนี้จะเห็นได้ว่าวิลลาที่อยู่ติดกัน อยู่ห่างไปพอสมควร ทำให้แต่ละวิลลามีความเป็นส่วนตัว


ทางลงไปเล่นน้ำในทะเล น้ำทะเลบริเวณวิลลาไม่ลึกมากครับ ช่วงน้ำขึ้นยังลงไปเดินเล่นได้


ภาพนี้จากชั้นสองของวิลลา เห็นวิวมุมสูง สวยไปอีกแบบ


จากชั้นสองที่เห็นห้องอาบน้ำที่อยู่ชั้นล่าง และเห็นปะการังในทะเล


ห้องพักแบบ Villa Suite ที่ออกแบบโดยใช้วัสดุธรรมชาติ ที่น่าพักผ่อน  


บรรยากาศบริเวณชั้นสองที่เปิดโล่ง มีโต๊ะอาหาร และศาลาพักผ่อน


ศาลาแห่งนี้เป็นจุดอีกจุดหนึ่งในวิลลาที่บรรยากาศดี มานอนเล่นรับลมทะเลชมวิวสวยๆได้ทั้งวัน


มุมมองจากบนชั้นสอง ที่มองเห็นชายหาดของรีสอร์ท


ภาพจากบริเวณศาลาบนชั้นสอง เห็นวิวมุมสูงที่สวยมากๆ


กลับมาที่ชั้นล่างต่อครับ 


วิวสวยๆจากมุมเล็กๆอีกมุมหนึ่งในวิลลา

ปกติแล้วไม่ได้เจอฟ้าใสอย่างนี้บ่อยๆ  โชคดีมากครับที่วันนั้นฟ้าใสสุดๆ


มุมนี้ตอนกลางวันจะร้อนไปหน่อย แต่พอตอนเย็นและตอนกลางคืนที่ฟ้าเปิดจะเป็นมุมที่โรแมนติกมากครับ


ฟ้าใสอย่างนี้อยู่ไม่ติดที่เลยครับ ถ่ายรูปสนุกมากๆ


บรรยากาศที่บริเวณ Terrace ของวิลลา บรรยากาศดี


ภาพนี้เป็นวิวจากหน้าต่างในห้องนอน


ที่นอนเล่นบนตาข่ายกับวิวทะเลสวยๆ เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Gili Lankanfushi


ที่นี่เป็นห้องพักอีกแห่งหนึ่งที่อยู่แล้วไม่อยากออกไปไหนเลยครับ ทีวีก็แทบจะไม่ได้เปิด


ฟ้าใสๆกับบรรยากาศสวยๆ ของห้องพักบน Jetty 1 ต่อไปผมจะพาไปชมโลกใต้น้ำรอบวิลลาบ้างครับ


ภาพใต้น้ำทุกภาพภ่ายจากรอบๆวิลลาที่ผมเข้าพัก ไม่ต้องออกไปไหนไกลเลย


เจ้าปลาขาวดำเป็นปลาที่เจอเยอะที่สุด ช่วงอากาศดีๆ ถ่ายภาพใต้น้ำออกมาสีสันสดใส


มีปลาให้ดูเยอะมากครับ น้ำทะเลก็ใส 


ช่วงดูปลา จะต้องรอให้น้ำขึ้นก่อนครับ จะได้ลอยตัวเหนือปะการังได้


ปะการังที่นี่อาจจะไม่หลากหลาย ส่วนมากเป็นปะการังเขากวาง แต่ปลาสวยๆมีให้ดูเยอะ


ปลาขาวดำอีกซักภาพ ผมชอบเรียกเล่นๆว่าปลาม้าลาย 


ภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอใต้น้ำซักภาพ


บรรดาปลาสวยๆที่เห็น ผมชอบปลาชนิดนี้ที่สุด สีสวยเหมือนมีศิลปินมาระบายสีให้


ภาพใต้น้ำที่เห็นทั้งปลา ปะการัง และวิลลาเหนือน้ำ


ปลาสวยๆที่เห็นอยู่ทั่วไป เสาที่เห็นเป็นเสาของวิลลาห้องพักครับ


อยู่ที่นี่ถ่ายรูปสนุกทั้งบนบกและใต้น้ำ


กิจกรรมที่ปกติต้องเดินทางไปกลางทะเล แต่สำหรับที่นี่อยู่รอบๆวิลลาห้องพักเลยครับ


ดำผิวน้ำดูปะการังจนเหนื่อย แวะไปตากแอร์หาขนมทาน เล่น facebook แล้วกลับมาลงน้ำต่อ คงมีไม่กี่แห่งที่สามารถทำอย่างนี้ได้


ถ้าช่วงน้ำลง ไม่สามารถดำน้ำรอบวิลลาได้ สามารถไปดูปะการังบริเวณท่าเรือได้ครับ บริเวณนั้นน้ำจะลึกว่าที่วิลลา


ช่วงน้ำขึ้นดำน้ำเพลินไม่มีเบื่อ กลับมาตัวดำเลยครับ


ปลาตัวใหญ่ตัวนี้ว่ายผ่านมาใกล้ๆแบบไม่กลัวคน ถ้าอยู่ในเมืองไทยคงจะไม่รอด


ที่นี่ไม่เห็นปลานีโม่ แต่จะมีเพื่อนๆของเจ้านีโม่หลายตัว


ปลาตัวนี้ก็สีสวย นี่คือเสน่ห์ของมัลดีฟที่สามารถดำน้ำดูปลาสวยๆรอบห้องพักได้เลย


ลาภาพใต้น้ำไปด้วยภาพนี้นะครับ


ภาพนี้เป็นภาพครึ่งบกครึ่งน้ำ ทำให้เห็นว่าปะการังและปลาสวยๆ อยู่ใกล้ๆกับวิลลาห้องพัก


ดำน้ำจนเหนื่อย มาพักผ่อนในวิลลากันต่อ 


ตุ่มเล็กๆบรรจุน้ำสำหรับล้างทรายจากเท้า รายละเอียดเล็กๆภายในรีสอร์ท


พนักงานของรีสอร์ทก็ใช้จักรยาน 


บรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกบริเวณสะพานไปยังท่าเรือ


คุ้มค่ามากครับกับการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่ ได้เห็นบรรยากาศสวยๆของทุกช่วงเวลา


คืนนี้ดาวยังคงเต็มฟ้า 


ภาพนี้ถ่ายก่อนที่จะไปรับประทานอาหารเย็นๆ


ตื่นมาตอนเช้ามืดเพื่อรอแสงจังหวะนี้ครับ บรรยากาศห้องพักที่ Jetty 1 ซึ่งเป็น jetty ที่มีห้องพักมากที่สุด


ตื่นมาตอนเช้า อากาศเย็นๆ เห็นแสงนวลๆ บรรยากาศดีไปอีกแบบ


ก่อนจบรีวิว ผมพามาเที่ยว Jetty 3 ซักนิดครับ


ห้องพักบน Jetty นี้อยู่กลางน้ำทะเลที่ใสมากๆครับ แต่บริเวณนี้จะไม่ค่อยมีปะการัง


เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นน้ำทะเล 


บรรยากาศชายหาดทางไป Jetty 3 หาดทรายยังขาว น้ำทะเลใส 

ชอบบรรยากาศบริเวณชายหาดของที่นี่มากๆ สวย เป็นธรรมชาติและเงียบสงบ 


ทุกอย่างสวยลงตัว จนแทบไม่มีที่ติ สมกับเป็นสวรรค์บนดิน


ไม่ค่อยได้ลงรูปตากล้องและคนเขียนนิตยสาร  ขอลงซักภาพครับ 


ถึงเวลาต้องกลับแล้วครับ  ช่วงที่ผมเดินทางไปมัลดีฟ เวลาออกจากเมืองไทยและออกจากมัลดีฟ ของ Bangkok Airway  เป็นเวลาที่ดีมากครับ ออกจากเมืองไทยประมาณเก้าโมงเช้า ออกจากมัลดีฟขากลับประมาณเที่ยง ถึงเมืองไทยหัวค่ำพอดี 


ปิดท้ายด้วยภาพจากปก วิลลากลางทะเลที่มีปะการังและปลาสวยๆอยู่รอบ  บรรยากาศที่เงียบสงบ น่าพักผ่อนคือเสน่ห์ของ Gili Lankanfushi


คงต้องบอกว่า การเดินทางมายังมัลดีฟทั้งสองครั้งของผม เป็นทริปที่ประทับใจมากๆ และถึงแม้ผมจะเข้าพักที่รีสอร์ทเดิม ก็อดตื่นเต้นกับทะเลสีสวย น้ำทะเลใส และวิลลากลางน้ำไม่ได้ ซึ่งทำให้วันพักผ่อน 4 วัน 3 คืนที่อยู่ที่นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ได้ซึมซับกลิ่มไอของทะเล ได้ดำผิวน้ำ ดูปะการังปลาสวยๆ รอบๆวิลลา พอเหนื่อยก็ขึ้นมานอนตากแอร์ เล่น Facebook ซึ่งคงไม่บ่อยครั้งนักที่สามารถได้ทำอย่างนี้ ช่วงที่ผมไปเจอทั้งวันที่ฟ้าใส แดดดี ซึ่งทำให้สีน้ำทะเลสวยมากๆ แต่บางวันก็เจอพายุฝน แต่ก็ไม่ทำให้ความสุขลดน้อยลง การได้นั่งดูทะเลช่วงฝนตก ฟังเสียงฝนในวิลลา ก็เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งของการเที่ยวทะเล ใครที่ชอบทะเลสวยๆ ชอบการเดินเล่นชายหาดที่ขาวสะอาด หรือดำผิวน้ำดูปะการังสวยๆ ลองวางแผนมาเที่ยวมัลดีฟดูครับ ซึ่งที่นี่มีรีสอร์ทให้เลือกพักหลากหลาย การเดินทางก็สะดวกมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ และยังไม่ต้องไปขอวีซาสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ไม่เกิน 30วัน 

ลองมาดูสรุปจุดเด่นจุดด้อยของรีสอร์ทแห่งนี้ในมุมมองของผม

จุดเด่น
- ห้องพักได้รับการออกแบบอย่างดี กว้างสบาย มีหลายๆมุมในห้องให้เลือกพักผ่อน
- ห้องพักอยู่กลางทะเลที่น้ำใส ให้ความรู้สึกที่ใกล้ชิดทะเล มีความสงบและเป็นส่วนตัว
- สามารถดำผิวน้ำดูปะการัง และปลาสวยๆที่หน้าห้องพักได้เลย น้ำไม่ลึกและไม่มีหอยเม่น
- หาดทรายบริเวณรีสอร์ทขาวสะอาด น่าเดินเล่น น้ำทะเลสีสวย สามารถเดินเท้าเปล่าได้ทั่วทั้งรีสอร์ท
- พนักงานทุกๆคนมีใจบริการที่ดีมาก ให้บริการช่วยหลือด้วยความเต็มใจ  
- สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในบริเวณรีสอร์ท มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะครับ
- มีจักรยานให้กับแขกทุกคนเพื่อใช้เดินทางในรีสอร์ท สามารถปั่นชมวิวที่ jetty ต่างๆ
- รีสอร์ทอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ไม่ต้องค้างที่ male  ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 15 นาที

จุดด้อย

- บริเวณพื้นทรายใต้น้ำรอบๆวิลลาบางจุด มีเศษปะการัง ดูไม่ค่อยสวยงาม