กันยายน 2557

 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Vitamin Report ; วิตามินป้องกันแสงแดดอันร้อนแรง ( ตอนที่1 )
  เป็นที่รู้ซึ้งกันว่า แสงแดดเมืองไทยร้อนแรงขนาดไหน อยู่ท่ามกลางแสงแดดแค่ไม่ถึงชั่วโมงถึงแม้จะมีอุปกรณ์ครบทั้งร่ม หมวก ครีมกันแดด แสงอัลตราไวโอเลตก็หาได้ปราณีผิวอันบอบบางของเราไม่ อย่างที่รู้กัน แสงแดดทำลายเซลล์ผิวลึกถึง DNA เชียวนะคะ ไม่งั้นสีผิวจะเปลี่ยนแปลงจากขาวเป็นดำหมองคล้ำได้ขนาดนี้เชียวหรือ แป้งเคยมาแล้วค่ะ กว่าสีผิวจะกับคืนมาดังเดิม ใช้เวลาร่วมครึ่งปี แต่ถ้ากินวิตามินป้องกันแสงแดดเอาไว้ ไม่ว่าแดดแรงแค่ไหน ก็ยากที่จะทำอะไรผิวเราได้ ทั้งนี้ต้องทาครีมกันแดดทุก 2 ชั่วโมงด้วย กันเหนียวค่ะ

รังสียูวี เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อัลตราไวโอเลต เป็นคลื่นแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค สามารถทำลาย DNA ( รหัสพันธุกรรม ) มีที่มาจากดวงอาทิตย์เป็นหลัก ชั้นบรรยากาศได้ซึมซับรังสียูวีไปมากแล้ว เหลือเพียง 3% เท่านั้นที่ส่องมาถึงพื้นโลก สามารถแบ่งรังสียูวีออกได้เป็น 3 ประเภท

1.ยูวีเอ ( UVA ) รังสีนี้มีพลังงานในตัวน้อยกว่าใครจึงไม่แรงพอที่จะทำให้ผิวไหม้ ( sunburn ) แต่สามารถทำให้ผิวคล้ำลงเพราะกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสี ( melanocyte ) หลั่งเม็ดสีออกมามากขึ้น ส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระเข้าทำลาย DNA เซลล์ผิว คอลลาเจนในชั้นผิวจะถูกทำลาย เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย

2.ยูวีบี ( UVB ) เกือบทั้งหมดของรังสียูวีบนโลกเป็นรังสีชนิดนี้ ยูวีบีสามารถพุ่งเข้าทำลาย DNA ในเซลล์ได้ทันทีหากไม่ป้องกัน เป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง มีส่วนสำคัญในการสังเคราะห์วิตามินดี แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว แทบจะไม่มีใครได้รับวิตามินดีเพียงพอ เพราะผู้ที่ตากแดดเป็นประจำจนผิวคล้ำ จะมีสีผิวที่เข้มขึ้น จนไปยับยั้งการสร้างวิตามินดี การที่จะรู้ว่าร่างกายได้รับวิตามินดีเพียงพอหรือไม่ ต้องดูผลตรวจเลือดจากห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เท่านั้น

ยูวียังเป็นอันตรายต่อดวงตา โดยเฉพาะ UVB ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า arc eye คือรู้สึกเหมือนมีทรายเข้าตา หรือถ้ารุนแรงกว่านั้นอาจทำให้เป็นโรคต้อกระจก (cataract) ได้ โดยเฉพาะในหมู่ช่างเชื่อมโลหะ การป้องกันก็คือ สวมใส่แว่นป้องกัน หรือทาโลชั่นที่มีค่า SPF 50+

3.ยูวีซี ( UVC ) มีพลังงานสูงที่สุด รังสีชนิดนี้ส่องมาไม่ค่อยถึงพื้นโลก เนื่องจากชั้นบรรยากาศได้ซึมซับไว้หมดแล้ว พบได้จากหลอดไฟแสงยูวีฆ่าเชื้อโรคในเครื่องกรองน้ำดื่มแทบทุกยี่ห้อ นั่นแหละค่ะ

วิตามินป้องกันแสงแดด
1.ไลโคปีน ( lycopene) คือสารธรรมชาติที่มีสีแดงกลุ่มแคโรทินอยด์ จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกลำดับต้นๆ เหนือกว่าแคโรทินอยด์ทุกตัว อีกทั้งเหนือกว่าวิตามินอีและกลูต้าไทโอนหลายเท่า แคโรทินอยด์ คือสารธรรมชาติที่พบมากในผลไม้ที่มีสีส้ม เหลือง แดงและเขียว (ผลไม้ที่มีสีเขียวก็มีเบต้าแคโรทีนมากเช่นกันแต่ที่มีสีเขียว เนื่องจากถูกบดบังจากคลอโรฟิลด์ นั่นเอง) ละลายได้ดีในไขมัน พบมากในผักและผลไม้สีแดง เช่น มะเขือเทศ ,แตงโม ,grape fruit ,apricots,ฝรั่งสีชมพู,rose hip,red orange ป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม หลอดเลือดแดงแข็งตัว รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากการกินเข้าไปเท่านั้น

มีประโยชน์อย่างไร
1.ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งปอด,ช่องท้องและหลอดเลือดหัวใจ
2.ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายจากโครงสร้างของไลโคปีนที่แพร่เข้าเซลล์ต่อมลูกหมากได้ดี
3.ลดอัตราการเกิดสิว ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน สิวผดเม็ดเล็กๆจะหายไปจากใบหน้าด้วยคุณสมบัติของเบต้าแคโรทีนที่ช่วยลดการอุดตันรูขุมขน
4.ปรับผิวให้เนียนนุ่ม ส่องสว่าง กระจ่างใส แลดูสุขภาพดี
5.เพิ่มความทนต่อแสงแดดได้ดี ไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำง่าย

Zoe Diana Draelos แพทย์ผิวหนังผู้มีชื่อเสียง เป็นเจ้าของบทความเกี่ยวกับผิวหนัง 300 บทความ เขียนหนังสือมากกว่า 6 เล่ม กล่าวว่า หากใบหน้ารวมถึงร่างกายโดนแสงแดดเพียง 1 วันโดยไม่มีการป้องกัน( ทาครีมกันแดด) อาจทำให้เกิดความเสียหายระดับ DNA เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรและจุดด่างดำบนใบหน้า แขน ขา ซึ่งบ่งบอกถึงความเสื่อมระดับเซลล์ ที่เกิดจากรังสี UVA ,UVB

2.Beta- carotene เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จะเก็บสะสมไว้ที่ตับและเนื้อเยื่อไขมันต่างๆ ทำให้กำจัดออกจากร่างกายช้ากว่ากลุ่มวิตามินที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินบี ซี จึงเป็นสาเหตุที่วิตามินที่ละลายในไขมัน มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดพิษต่อร่างกายได้มากกว่าเมื่อรับประทานเกินขนาด แต่อย่าได้กลัวหรือรู้สึกกังวลไปเลยค่ะ เพราะหากร่างกายรับวิตามินเอมากเกินไป จะสังเกตได้ง่ายมากคือ ฝ่ามือและตัวเหลือง เหมือนตอนที่เรากินแครอทหรือมะละกอติดต่อกันเป็นอาทิตย์ วิธีแก้ง่ายๆคือ ให้หยุดกินวิตามิน 2 สัปดาห์ ฝ่ามือและตัวจะหายเหลืองทันที วิตามินเอ มีความจำเป็นต่อร่างกายในแง่ของผิวพรรณและความสมดุลของฮอร์โมน

วิตามินเอ มี 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าได้จากแหล่งใดของอาหาร 

1.ได้จากสัตว์ เช่น ตับ ไข่ นม เนย เรียกว่า free from vitamin a ที่จะดูดซึมในรูปของเรตินอล เวลาสกัดเป็นวิตามินจะเขียนข้างขวดว่า palmitate มักจะเป็นวิตามินสังเคราะห์

2.สกัดได้จากพืช เรียกว่า pro vitamin a เวลาสกัดเป็นวิตามินจะเขียนข้างขวดว่า beta-carotene เพราะเบต้าแคโรทีนเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ อธิบายได้ง่ายๆคือ เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอเหมือน L-cysteine ที่เป็นสารตั้งต้นของกลูต้าไทโอนนั่นเอง เบต้าแคโรทีนจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอและออกฤทธิ์ได้ดี แต่ lutein , zeaxanthin จะออกฤทธิ์ได้แค่ครึ่งหนึ่งของเบต้าแคโรทีนเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น หากมองหาวิตามินที่ดูแลสายตา ช่วยในการมองเห็น ต้องกิน เบต้าแคโรทีนดีกว่าพวก lutein,zeaxanthin เยอะเลยค่ะ

มีประโยชน์อย่างไร

1.ช่วยดูแลรักษาผิวพรรณ ช่วยให้ผิวไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ให้ผิวสดใส เรียบเนียน
2.ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง ช่วยลดอนุมูลอิสระมีผลเกี่ยวข้องกับมะเร็งเนื้อร้าย เบต้าแคโรทีนให้ผลกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายที่ชื่อ ที-เฮลเปอร์ให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง
3.ช่วยบำรุงสุขภาพของดวงตา ลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกได้อีกด้วย
4.ช่วยชะลอความแก่
5.ช่วยลดหน้ามัน จากการที่ต่อมไขมันทำงานน้อยลง
6.ส่งเสริมให้ผิวทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้น

3.3.PABA ( aminobenzoic ) จัดอยู่ในกลุ่มวิตามินบี กรดพาบาเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ส่วนเกินจะถูกเก็บไว้ที่ตับ พบได้ในกรดโฟลิก รวมถึงอาหารหลายประเภท เช่น ธัญพืช ไข่ นม เนื้อสัตว์

มีประโยชน์อย่างไร
1. ช่วยในการใช้ประโยชน์จากกรด pantothenic ( B5 )
2.เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับสุขภาพผิวและสีผม
3.ช่วยฟื้นคืนสีผมตามธรรมชาติ อาจเรียกคืนผมสีดำเมื่อรับประทานร่วมกับกรดโฟลิกและกรด pantothenic (วิตามิน B5) หรือเป็นสีเทาเนื่องจากความเครียดจากการขาดวิตามินบี
4.บรรเทาอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย
5.มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าอาจช่วยรักษาโรคด่างขาว
6.ช่วยป้องกันการสะสมของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ
7. ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
8.ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ในการเผาผลาญพลังงาน
9.ชะลอการเกิดริ้วรอย
10.ป้องกันผมร่วงเมื่อรับประทานคู่กับ B5
11.ช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดีและเนียนนุ่ม
12.ป้องกันผิวไหม้แดด จึงเป็นส่วนผสมลำดับต้นๆในครีมกันแดดแทบทุกยี่ห้อในโลก

Blog หน้าพบกับวิตามินป้องกันแสงแดดอีก 3 ตัวที่เหลือค่ะ
 



Create Date : 24 กันยายน 2557
Last Update : 24 กันยายน 2557 8:50:00 น.
Counter : 5715 Pageviews.

1 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แป้งปังปอนด์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 878 คน [?]



เริ่มเขียนblog 20ก.ค55
ปัจจุบัน ( 3 มี.ค 57 ) แป้งได้มีเพจแป้งปังปอนด์ สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์แชร์ข้อมูลจาก blog ให้ท่านที่สนใจได้ติดตามอ่านอย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเนื้อหาจาก blog ดังนั้นขออนุญาตงดตอบคำถามใดๆทางเพจและ facebook ค่ะ






หากท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับการกินวิตามินเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ รบกวนส่งคำถามไปยัง blog แป้งปังปอนด์ นานาสารพันปัญหา volume 5 อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ


ขออนุญาตฝากกด like เพจแป้งปังปอนด์ เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรค์สร้างผลงานด้วยมันสมองและสองมือพยาบาลสาวภูไท คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จบการศึกษา ปี พ.ศ 2539 จากที่ราบสูงคนนี้ด้วยนะคะ


สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการนำชื่อ " แป้งปังปอนด์ " ไปใช้เพื่ออ้างอิงหรือติดป้ายสินค้าในเวปไซด์หรือที่ใดๆหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน " Blog แป้งปังปอนด์ " แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยการเผยแพร่เพื่อการอ้างอิงหรือนำรูปภาพไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด




New Comments
MY VIP Friend