ช่วงก่อนพอมีเวลาเล็กน้อยเลยถือโอกาสไปเยื่อนถิ่นมรดกโลกอีกแห่งที่ไม่ไกลบ้านเรานัก คืออ่าวฮาลอง-มรดกโลกทางธรรมชาติในประเทศเวียดนาม อ่าวนี้มีภูเขาสูงกลางทะเลสลับซับซ้อนเหมือนเป็นเขาวงกต ตัวเมืองอยู่ห่างจากเมืองฮานอยโดยนั่งรถบัสช้าๆ ไปก็ประมาณสี่ชั่วโมง

ที่อ่าวฮาลองมีถ้ำขนาดใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งที่เรียกว่าถ้ำสวรรค์ ที่น่าประทับใจคือทางการเวียดนามจัดระเบียบไว้อย่างดีจนน่าประทับใจ มีการเล่นไฟส่องหลายๆ สีส่องข้างในถ้ำอย่างสวยงาม และ มีการทำทางเดินให้เดินชมถ้ำได้อย่างสะดวกสบาย ข้างในถ้ำขนาดใหญ่นี้ก็มีแหล่งน้ำจืดทั้งน้ำตกและน้ำพุ

บริเวณรอบๆ ถ้ำก็เป้นป่าเขียวๆ ที่ทำทางเดินอย่างดีให้เดินเรื่อยๆ เพื่อชมธรรมชาติได้อย่างน่าประทับใจ ตอนไปเที่ยวก็สะท้อนใจเล็กน้อยว่าประเทศไทยน่าจะดูแลสถานที่ท่องเที่ยวของเราที่ได้มรดกโลกให้ดีแบบนี้บ้าง เทียบกันแล้วตอนเที่ยวมรดกโลกเมืองไทยบ้านเรารู้สึกสะท้อนใจนัก

กลับจากฮาลองแล้วก็มาชมเมืองฮานอย สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ของเวียดนามจะคล้ายๆ ของจีนอย่างเห็นได้ชัด น่าเสียดายที่เวียดนามเคยมีสงครามหลายครั้งและผ่านการปกครองของฝรั่งเศส สิ่งก่อสร้างโบราณหลายๆ อย่างเลยถูกทำลายไป แต่ความฉลาดของเค้าคือใช้ตึกของฝรั่งเศสในยุคที่เป็นเมืองอาณานิคมให้เป็นประโยชน์ด้วยหลักการที่ว่าตึกนั้นสร้างจากภาษีประชาชน

คนเวียดนามใช้มอเตอร์ไซด์เยอะมากทีเดียว ภาพด้านบนเป็นภาพท้องถนนที่เต็มไปด้วยมอเตอร์ไซด์ขี่กันริมกำแพงโมเสคที่ยาวที่สุดในโลก กำแพงแห่งนี้ไม่ได้ทำเพียงเพื่อความสวยงามแต่ทำเพื่อเป็นเขื่อนกันน้ำท่วมด้วย ภาพด้านล่างคือภาพสะพานสายรุ้งที่ทอดเข้าไปในเกาะกลางทะเลสาบคืนดาบ

ตอนเย็นได้มีโอกาสไปดูการแสดงหุ่นกระบอกน้ำชื่อดังของเวียดนาม คณะนักแสดงบังคับหุ่นกันได้ดีทีเดียว ที่น่าประทับใจอีกอย่างคือดนตรีโบราณของเวียดนามรวมถึงนักร้องที่ร้องเพลงประกอบการแสดงหุ่นกระบอกน้ำได้อย่างน่าประทับใจมากๆ

อีกสิ่งที่ประทับใจในทริปนี้คือสุสานของคุณลุงโฮจิมินห์ ที่ห้ามถ่ายรูปด้านใน เข้าไปดูแล้วประทับใจกับการดูแลคุณลุงโฮให้อยู่ในสภาพดีของทางรัฐบาลเวียดนามมาก ภาพด้านล่างเป็นภาพสุสานจากด้านนอก บริเวณรอบๆ มีบ้านพักของคุณลุงโฮที่เรียบง่ายตามประวัติบันทึกไว้ว่าสร้างให้เหมือนที่พักของคุณลุงโฮตอนลี้ภัยฝรั่งเศสมาอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครพนมประเทศไทย ;)