-ไข้หวัด 2009 (Swine Flu/Deadly Virus)ช่วงนี้ออกมาลามหนัก สธ.แจ้งผลิตวัคซีนจะนำออกทดลองกับสัตว์ได้อีกประมาณ 2 เดือน(หลังนั้นจึงจะสามารถใช้กับคนได้) แป่ว..ถึงงัยก็เอาใจช่วยกันนะครับ. ++++ - TAKE TIME to WORK Is the PRICE of SUCCESS....สาธุ สธ. ++++ -Most Importantly, Take Time to LOVE & BELOVED. แน่ะ ยังอุตส่าห์มีอารมร์สุนทรีย์จนได้แม้ภัยมา!!!
คุ้นเคยกับการมีเขาเหลือเพียงเรา...กับความสับสนในใจ"
"ชีวิตหนึ่ง (ชีวิตหนึ่ง) กับความหวัง...ฉันก็ยัง..หวังในใจ
ซักวันหนึ่งสิ่งที่ฝัน...จะหวนคืนวันกลับเป็นดั่งกำลังใจ"
"ไม่เป็นไร (ไม่เป็นไร) มาเริ่มกันใหม่...จะไม่ยอม...ให้วันใด ปล่อยให้ใจฉันต้องขาดเธอ...จะผูกพัน..สองเราให้เป็นหนึ่งเดียว"
(กลับมาเป็น...เหมือนเคย กลับมาเลย....เพราะเรานั้นคู่กัน)
++++
ไร้นาม"...แต่คนเราก็ไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ ทุกๆ สิ่งก็มีกำหนดของมันที่จะต้องจากไปในวันใดวันหนึ่ง แต่สิ่งที่จะพิสูจน์คนเรานั้นก็คือว่าช่วงเวลาที่เคยมีโอกาสได้เบ่งบานนั้นได้สร้างคุณค่าเอาไว้ขนาดไหน..." ตรงนี้เยี่ยมมากครับ ชอบ ชอบมากๆ.
++++
แต่เก่าก่อน ไม่ค่อยสนใจเรื่องราว"ความว่างเปล่า"ของชีวิตเท่าใดนัก(ในมุมทางโลกีย์) แต่จะสนเฉพาะทางธรรมมากกว่าอ่ะครับ
โดยเฉพาะ"ความว่างเปล่า"ของท่านพุทธทาสฯนั้นให้มุมมองชีวิตที่เป็นแก่นสารดีเหลือเกินแต่แน่นอนก็อิงวิถีพุทธ.. ซึ่งสรุปได้ ๓ นิยาม คือ
(๑) "ความว่างทางวัตถุ" หมายถึงความว่างที่ไม่มีอะไรมารบกวน เป็นการเล็งถึงความว่างทางร่างกาย...อนัตตา.
(๒) "ความว่างทางจิต"หมายถึงจิตที่กำลังว่างจากความ นึกคิด ไม่รู้สึกอะไรและไม่ทำหน้าที่อะไรเลย...จิตว่างงัย.
(๓) "ความว่างทางวิญญาณ" หมายถึง ความว่างที่เกิดจากการรับรู้ (วิญญาณ) สัมผัสทางอายตนะทั้ง ๖ ด้วยอุเบกขา ถึงพร้อมด้วยสติปัญญา และความละวาง...
---เห็นรูป(แม้สวยมากๆๆๆ)ก็สักแต่ว่า"เห็น"ไม่ปรุงแต่งให้เกิดเป็นกิเลส...เป็นอาทิ.ดั่งนี้..เอวัง...
---ว่าแต่ว่าปุถุชนคนธรรมดาคงยากที่กระทำ(ปลง)ยาก!?! อิอิ.
++++
จริงๆ แล้วผมเข้ามาเม้นต์แรกนี้ก็เพราะอยากจะเผยมุมมองของชีวิตของตนว่า ปัจจุบันนี้มักจะเน้นเรื่องของ"อยู่ร่วมกันของสังคม"กันอย่างไรดีจึงจะเป็นสุข.
--ดังนั้น"ความว่างเปล่า"ในความหมายจึงแปลกจากคนอื่นไปบ้าง..จะเป็นแบบว่าคล้ายกับความบางตอนของไร้นามที่ยกมาแหละครับ.
--ฝันใฝ่ที่จะให้สังคมเราเติมเต็ม"ความว่างเปล่า"(หมายเอาความไม่เท่าเทียมกัน, ความอยุติธรรมที่น่าจะยังมีฯลฯ)
--สรุป..ส่วนตัวจึงมองอีกว่า"ผู้คนในบ้านเมืองเรา...นั้น.."มอง"ประเทศชาติ...,มองคนไทยด้วยกัน, มองความเจริญของประเทศชาติที่ด้อยลง!?! ..."ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า!!!...ทั้งๆที่อยากให้เต็ม"(หมายเอาควรต้องเปี่ยมด้วยความสมัครสมานสามัคคี...การขจัดความอยุติธรรมที่น่าจะยังมี?...ฯลฯ)
--แล้วหันมาช่วยกันจรรโลงความยุติธรรม,สร้างชาติในแนวทางที่ถูกต้อง.และเชื่อว่ายังไม่สายที่เราจะเติมเต็ม"ความว่างเปล่า"นี้อ่ะครับ.
--ทั้งหมดทั้งมวลเป็นมุมมองของผม...โดยเน้นที่ข้อ"สรุป"ข้างต้น...เป็นสำคัญสุดๆครับ.