จินตนาการจากความว่างเปล่า
Imagination from the emptiness
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
สะสมดอกไม้


ช่อคาร์เนชั่น: ถ่ายวันแรกที่ได้รับ


ดอกคาร์เนชั่น
แม้มันแบบบาง
ทำไมเจ้าช่าง
อยู่อย่างอดทน


สิ่งที่สะสมยากที่สุด ก็คือการสะสมดอกไม้ เวลาที่คุณได้รับดอกไม้สวยๆ มาสักช่อนึง หลายๆ ครั้งก็อยากจะเก็บมันไว้อย่างนั้นนานๆ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ จริงๆ แล้วสำหรับฉันเอง ฉันคิดว่าดอกไม้เปรียบเสมือนเป็นความรักหนุ่มสาวเลยนะ คือเป็นสิ่งบริสุทธิ์สวยงาม เบ่งบานได้อย่างน่าชม แต่ก็ไม่สามารถคงทน คงเป็นได้เพียงภาพประทับใจ ตรึงตราตรึงใจในยามหวนถึงเรื่องวันวาน และก็อยู่ที่คนที่เคยผ่านมันว่า คุณจะจำภาพยามที่มันสวยงามเอาไว้ หรือยามที่มันโรยรา ถ้าคนเราอยากอยู่อย่างมีความสุขในชีวิต ก็เลือกจำภาพยามที่มันเคยสวยงามเอาไว้เถิดว่าเป็นภาพหนึ่งในอดีตที่อย่างน้อยเราก็เคยได้ชื่นชม

ดอกไม้ที่ฉันชอบที่สุด คือดอกคาร์เนชั่นสีขาว ดอกไม้ในภาพชุดนี้เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ คือนิสิตที่สอนทั้งรุ่นไปช่วยกันซื้อมาให้ในวันปิด class พวกนิสิตเหมือนมาค้นข้อมูลที่โพสใน web ว่าฉันชอบดอกคาร์เนชั่นสีขาว เลยไปซื้อมาทำ surprise ในวันสุดท้ายให้เป็นช่อได้อย่างน่าประทับใจ ที่ชื่นใจนั้นไม่ใช่เพียงแค่ดอกไม้แต่เป็นความพยายามในการสืบหาว่าอะไรเป็นของที่ฉันชอบต่างหาก ความรู้สึกดีๆ ว่ามีคนอยากจะทำให้เรารู้สึกดีๆ นั้นมันมีค่ามากกว่าช่อดอกไม้เสียอีก ความตั้งใจของผู้ให้นั่นคือความทรงจำ ที่เก็บไว้ได้แม้ในวันที่ดอกไม้โรยรา


คาร์เนชั่นในแจกัน: ถ่ายเมื่อผ่านมาเกือบอาทิตย์


สาเหตุที่ฉันชอบดอกคาร์เนชั่นที่สุด เป็นเพราะว่าฉันเคยได้ดอกไม้มากมายมาครั้งหนึ่ง แล้วฉันก็จัดและเลี้ยงดอกไม้อยู่พักใหญ่ สิ่งที่พบคือดอกคาร์เนชั่นเป็นดอกไม้เรียบๆ ที่ไม่เตะตาแต่อยู่อย่างอดทน ดอกคาร์เนชั่นนั้นเป็นดอกไม้เรียบร้อย ก้านอ้วนๆ ของมันไม่ได้มีหนามแหลมคมแบบดอกกุหลาบ กลีบบางๆ ของมันไม่ได้มีกลินหอมละมุนแบบดอกมะลิ หรือลวดลายของมันไม่ได้งดงามตระการตาแบบดอกลิลลี่ แต่ความ "พยายามที่จะมีชีวิต" ให้ยาวนานที่สุดและอย่างสวยงามของมันนั้นเป็นสิ่งที่ฉันประทับใจ (จริงๆ แล้วชอบพอๆ กับดอกหญ้า ซึ่งก็มีมาให้ในช่อเดียวกันพอดี)

แต่คนเราก็ไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ ทุกๆ สิ่งก็มีกำหนดของมันที่จะต้องจากไปในวันใดวันหนึ่ง แต่สิ่งที่จะพิสูจน์คนเรานั้นก็คือว่าช่วงเวลาที่เคยมีโอกาสได้เบ่งบานนั้นได้สร้างคุณค่าเอาไว้ขนาดไหน ซึ่งถ้าจะเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับชีวิตของคนเรา การที่คนเราเกิดมานั้นมีชีวิตอยู่เพียงสั้นๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์กาลเวลาที่ได้ล่วงผ่านมาและกำลังจะผ่านไป เราจะฝากชีวิตเราให้จารลงไปในรอยแห่งกาลเวลาอย่างไร? คุณเคยถามตัวเองเหมือนฉันไหม? เวลาไปเดินเล่นดูโบราณสถานหรืออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ ว่าต่อไปเมื่อชีวิตเราผ่านไป แล้วเราจะอยู่อย่างฝาก "จาร" อะไรลงไปในหน้าประวัติศาสตร์บ้างได้หรือไม่? หรือจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีดินของห้วงจักรวาลที่ลืมตาเกิดมาดูโลกเพื่อจะสั่นสะเทือนเพียงชั่วครู่แล้วก็เลือนหายไปตามกาลเวลา คนเราควรจะมีชีวิตที่งดงามและมีความหมายแม้จะมีเวลาเพียงน้อยนิดมิใช่หรือ

แม้ดอกไม้จะร่วงโรยลงไป เหมือนๆ กับความรักของหนุ่มสาว หรือช่วงชีวิตสั้นๆ ของคนในห้วงกาลเวลา แต่ฉันเชื่อว่าพวกมันได้ฝากรอยยิ้มไว้ได้ในวันก่อนจากลา ด้วยความภูมิใจที่ได้อยู่อย่างเต็มที่และสวยงาม... แล้วพวกเราล่ะ? ได้ทำวันนี้ ได้ทำชีวิตตอนนี้ อย่างสวยงามไม่แพ้ดอกไม้แล้วหรือยัง?... เรามาสะสมดอกไม้ให้บานสะพรั่งเต็มหัวใจของพวกเราและคนรอบข้างในยามที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่กันดีไหม? @^_^@


ดอกคาร์เนชั่น: ในวันท้ายๆ ที่เหลือไม่กี่ดอกแต่ก็ยังยืนหยัดสวยงาม


ฝากภาพจารจำ
งามล้ำชวนยล
ดั่งสอนให้คน
อดทนงดงาม



Create Date : 18 กรกฎาคม 2552
Last Update : 18 กรกฎาคม 2552 22:33:53 น. 10 comments
Counter : 2042 Pageviews.

 
"ข้อมูล"..."ความว่างเปล่า...กับความเหงา...ปนความเศร้าในตัวเรา
คุ้นเคยกับการมีเขาเหลือเพียงเรา...กับความสับสนในใจ"

"ชีวิตหนึ่ง (ชีวิตหนึ่ง) กับความหวัง...ฉันก็ยัง..หวังในใจ
ซักวันหนึ่งสิ่งที่ฝัน...จะหวนคืนวันกลับเป็นดั่งกำลังใจ"

"ไม่เป็นไร (ไม่เป็นไร) มาเริ่มกันใหม่...จะไม่ยอม...ให้วันใด ปล่อยให้ใจฉันต้องขาดเธอ...จะผูกพัน..สองเราให้เป็นหนึ่งเดียว"
(กลับมาเป็น...เหมือนเคย กลับมาเลย....เพราะเรานั้นคู่กัน)
++++
ไร้นาม"...แต่คนเราก็ไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ ทุกๆ สิ่งก็มีกำหนดของมันที่จะต้องจากไปในวันใดวันหนึ่ง แต่สิ่งที่จะพิสูจน์คนเรานั้นก็คือว่าช่วงเวลาที่เคยมีโอกาสได้เบ่งบานนั้นได้สร้างคุณค่าเอาไว้ขนาดไหน..." ตรงนี้เยี่ยมมากครับ ชอบ ชอบมากๆ.
++++
แต่เก่าก่อน ไม่ค่อยสนใจเรื่องราว"ความว่างเปล่า"ของชีวิตเท่าใดนัก(ในมุมทางโลกีย์) แต่จะสนเฉพาะทางธรรมมากกว่าอ่ะครับ

โดยเฉพาะ"ความว่างเปล่า"ของท่านพุทธทาสฯนั้นให้มุมมองชีวิตที่เป็นแก่นสารดีเหลือเกินแต่แน่นอนก็อิงวิถีพุทธ.. ซึ่งสรุปได้ ๓ นิยาม คือ

(๑) "ความว่างทางวัตถุ" หมายถึงความว่างที่ไม่มีอะไรมารบกวน เป็นการเล็งถึงความว่างทางร่างกาย...อนัตตา.

(๒) "ความว่างทางจิต"หมายถึงจิตที่กำลังว่างจากความ นึกคิด ไม่รู้สึกอะไรและไม่ทำหน้าที่อะไรเลย...จิตว่างงัย.

(๓) "ความว่างทางวิญญาณ" หมายถึง ความว่างที่เกิดจากการรับรู้ (วิญญาณ) สัมผัสทางอายตนะทั้ง ๖ ด้วยอุเบกขา ถึงพร้อมด้วยสติปัญญา และความละวาง...
---เห็นรูป(แม้สวยมากๆๆๆ)ก็สักแต่ว่า"เห็น"ไม่ปรุงแต่งให้เกิดเป็นกิเลส...เป็นอาทิ.ดั่งนี้..เอวัง...
---ว่าแต่ว่าปุถุชนคนธรรมดาคงยากที่กระทำ(ปลง)ยาก!?! อิอิ.
++++
จริงๆ แล้วผมเข้ามาเม้นต์แรกนี้ก็เพราะอยากจะเผยมุมมองของชีวิตของตนว่า ปัจจุบันนี้มักจะเน้นเรื่องของ"อยู่ร่วมกันของสังคม"กันอย่างไรดีจึงจะเป็นสุข.

--ดังนั้น"ความว่างเปล่า"ในความหมายจึงแปลกจากคนอื่นไปบ้าง..จะเป็นแบบว่าคล้ายกับความบางตอนของไร้นามที่ยกมาแหละครับ.

--ฝันใฝ่ที่จะให้สังคมเราเติมเต็ม"ความว่างเปล่า"(หมายเอาความไม่เท่าเทียมกัน, ความอยุติธรรมที่น่าจะยังมีฯลฯ)

--สรุป..ส่วนตัวจึงมองอีกว่า"ผู้คนในบ้านเมืองเรา...นั้น.."มอง"ประเทศชาติ...,มองคนไทยด้วยกัน, มองความเจริญของประเทศชาติที่ด้อยลง!?! ..."ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า!!!...ทั้งๆที่อยากให้เต็ม"(หมายเอาควรต้องเปี่ยมด้วยความสมัครสมานสามัคคี...การขจัดความอยุติธรรมที่น่าจะยังมี?...ฯลฯ)
--แล้วหันมาช่วยกันจรรโลงความยุติธรรม,สร้างชาติในแนวทางที่ถูกต้อง.และเชื่อว่ายังไม่สายที่เราจะเติมเต็ม"ความว่างเปล่า"นี้อ่ะครับ.

--ทั้งหมดทั้งมวลเป็นมุมมองของผม...โดยเน้นที่ข้อ"สรุป"ข้างต้น...เป็นสำคัญสุดๆครับ.


โดย: Freshman LL.B. IP: 58.11.97.32 วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:23:12 น.  

 
อ้อ เกือบลืม แรกจะชมว่า... ดอกไม้ที่นำมาลงนี้สวยมากเลยครับ.

แล้วเรื่องหวัด 09 คงหายเป็นปกติแล้วนะครับ.โชคดีครับ.


โดย: Freshman LL.B. IP: 58.11.97.32 วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:30:38 น.  

 
--- คุณ Freshman LL.B. ---

ขอบคุณที่เขียนข้อความดีๆ มาแบ่งปันนะคะ
อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลยค่ะ ไม่รู้ทำไม ^^
สงสัยเป็นเพราะว่าอ่านแล้วรู้สึก "ว่าง"

ที่เป็นหวัด ยังไม่ทราบเลยค่ะว่าเป็นหวัดอะไร
(ไม่ได้ไปตรวจ) แต่อาการแย่พอควร ซมไปหลายวัน
วันนี้ดีขึ้นเยอะค่ะ เหลือแต่ไอๆ แต่ไม่เป็นไข้แล้ว

ต่อไปคงจะมีแรงมา up blog ซะที (ดองไว้หลาย trip)

ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาเป็นเพื่อนคุย

@^_^@


โดย: ไร้นาม วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:19:46 น.  

 
ขอบคุณครับ ที่เม้นต์ของผมยังพอมีสาระประโยชน์ ผมดีใจครับ.

ส่วนเรื่องเป็นหวัด/ไอ..ผมว่า อ.ไร้นามควรพบแพทย์ไม่ดีหรือครับ จะได้สบายใจ...ปล่อยไว้นานๆยิ่งไม่น่าจะดี ...และ...

แนวโน้มหวัด 09 จะอยู่กะมนุษย์เราอีก 2-3 ปี ไร้นามเป็นไม่สบายขึ้นมาเดือดร้อนหลายคน(ผมด้วยคนหนึ่ง) ตอนนี้ก็ควรพักผ่อนครับ.
++++
ต่อไปนี้ก็เป็นของแถมป้องกันหวัด09...เพื่อการขยายผลครับ...
"ข้อมูล""...ทีมวิจัยได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า ทั้งพุงทะลาย(ผมไม่ค่อยคุ้นนะเนี่ย)และกล้วยน้ำว้า(ทานประจำ) มีคุณสมบัติในการเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ในปริมาณสูงกว่าพืชผักชนิดอื่นๆ...

...รวมทั้งยังลดโอกาสเป็นโรคไข้หวัด ทั้งไข้หวัดธรรมดา, ไข้หวัดใหญ่ หรือแม้กระทั่งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009!!!..."

ว้าว!!! ประเทศไทยมีดีงี้หวังว่าคงลดปริมาณคนเป็นไข้ 09ได้.
++++
ป.ล...คุณไร้นาม...ผมตั้งข้อสังเกตว่า บล๊อคของอาจารย์ฯที่ผมไปเที่ยวเม้นต์ไว้น่ะ...รู้สึกจะไม่ค่อยมีใครเม้นต์ต่อ..(ผมเป็นต้นเหตุ)ก็ไม่น่าจะใช่เน๊าะ...ผมคงคิดมากไปเอง.!?!


โดย: Freshman LL.B. IP: 58.8.160.56 วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:58:16 น.  

 
--- คุณ Freshman LL.B. ---

เดี๋ยวนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ เหลือแต่ไอเล็กๆ น้อยๆ @^_^@

ช่วงนี้เหมือนแขกมาเยือนเรือนน้อยลง คาดว่าเป็นเพราะ
เจ้าของ blog ขี้เกียจ (ป่วย) เลยไม่ค่อยได้แวะมา up ทำให้
เพื่อนๆ ก็เลยไม่ค่อยได้แวะมาตรวจ (สมัยก่อน fitๆ เคย up
ทุกวันอยู่พักนึง เดี๋ยวนี้แทบจะเป็น สองอาทิตย์ครั้ง ^^'


โดย: ไร้นาม วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:34:28 น.  

 
สุขภาพดีขึ้น ดีใจด้วยครับ @^_^@

ปัญหาคนเข้าบล๊อคน้อยลงน่าจะมาจากหลายปัจจัยตามที่คาดแหละครับ ส่วนตัว อีกอย่างผมว่านะ...คนเข้าใช้เน็ตก็น้อยลง (สังเกตตามร้านเน็ต)ที่เคยคนตรึมแต่ "แผ่ว"ปัจจุบัน

สำหรับระดับมีเน็ตบ้านก็มีภาระอื่นๆตามมาบ้าง โลกมันเปลี่ยนไป เดี๋ยวคงกลับมาคึกคักดังเดิม..โลกไซเบอร์ยังติดตลาดยอดนิยมไปอีกนานครับ.


โดย: Freshman LL.B. IP: 58.8.155.198 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:31:08 น.  

 
วันนี้ที่ ๒๙ กรกฎาคม----วัน"ภาษาไทยแห่งชาติ" วัตถุประสงค์.-

-เพื่อตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย และ

-มีความห่วงใยในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อภาษาไทย และ

-เพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้คนไทยทั้งชาติได้ตระหนักถึงคุณค่าและ

-ความสำคัญของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือกันทำนุบำรุง ส่งเสริม และ

-เพื่ออนุรักษ์ภาษาไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป

อ่านแล้วก็เป็นปลื้มที่เรามีภาษาประจำชาติ แต่ส่วนตัวยังมองว่าการใช้ทั้งภาษาพูด/เขียนยังมีความพยายามที่จะบัญญัติศัพท์แสงขึ้นมาใหม่ ตรงนี้เรียกว่า "มันเข้าลักษณะดิ้นได้" ใช่เปล่า

-อีกอย่างคนมักไม่ยอมรับความจริงว่าการพูดทับศัพท์/ปนกันไปบ้างเป็นเรื่องไม่งาม(ทั้งที่ผู้พูดมีเจตนาดีเพื่อให้ความกระจ่างขึ้น)

-สรุปคอมเม้นต์คือไม่ควรถึงกับแอนตี้การใช้ภาษาไทยปน ภาษา อ.บ้าง เราอยู่ในสังคมโลกนะ หลายๆเรื่องเรารับจาก ตปท.บางครั้ง/หลายครั้ง เราลำพังแปลไทยแล้วยังไม่ชัดเจน เป็นต้น ว่านะ

- แต่ผมยอมรับ"ภาษาประจำชาติ"เป็น priority เสมอ แน่ะเอาเข้าแล้ว-แล้วจะให้พูดว่างัยดี --มาก่อน,สำคัญก่อน,อันดับแรก ฯลฯ อาจสับสน/ปวดหัว(กลายเป็นว่าอาจเป็นไข้!?!-- มันไม่เวอร์คอ่ะนะ)55+

-ปลดปล่อย ปลง วางบ้างก็ดี มีเรื่องอื่นต้องทำอีกเยอะแยะสำหรับบ้านเมืองนี้ครับ...ท้ายสุดนี้...คอมเม้นต์ แปลว่างัยดี!?!

ป.ล. ท้ายของท้ายสุดก็คือเราคนไทยจงช่วยกันให้ความสำคัญเนื่องในวันนี้(29 ก.ค.2552/ของทุกปี)"วันภาษาไทยแห่งชาติไทย"ครับ.


โดย: Freshman LL.B. IP: 58.8.151.65 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:4:57:19 น.  

 
-ไข้หวัด 2009 ลามหนัก (วัคซีนคาดว่าจะนำออกมาใช้ได้ประมาณ ต.ค.52-อีกนานเคสนี้) เหมือนผีซ้ำด้ามพลอยอีกทั้ง
+++++
-คนในชาติถามถึงความสามัคคี--ระดับโลกก็ยังคาราคาซัง อิอิ

-ปัญหา ศก.ยังทรงๆกับแนวโน้มที่ยังไม่กระเตื้อง(ตามข่าวอ่ะนะ)

-ปัญหา สังคม(อาชญกรรม,ยา,โจรกรรม,ฯจิปาถะกำลังถาโถม)

-บ้างก็ว่าภัยธรรมชาติด้านอุทกภัยกะลังก่อตัว

-สรุปอีกครั้งก็คือ"ภัย"สามอย่างของมนุษย์เรา 1)ความขัดแย้ง
2)ภัยจากอดหยากหิวโหย-แย่งทรัพยากรฯและ 3)ภัยจากธรรมชาติและโรคภัยฯ

-ให้กำลังใจกันดีกว่า...มวลมนุษย์ทั้งหลายเจ้าข้าเอ๊ย...อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด...What ever will be,it will be !!! Right?...

-ก็เนี่ยเคยนึกกันบ้างไหมว่าพระท่านเคยให้ข้อคิดว่า "ก่อนเราจะมาเกิดมาเป็นตัวตน เรามาจากไหน เราเองยังไม่รู้ (แล้วจะกลุ้มทำไมกะการที่จะเผชิญเหตุข้างหน้าอะรัยมันจะเกิด) เราจะไปไหนก็ยังไม่รู้เช่นกัน ..เอวัง" ข้อสำคัญ อย่าประมาทในชีวิต.

-และอย่าลืมสำคัญมากๆ"ธรรมที่มีอุปการะมาก"...สติสัมปชัญญะ.

-เอ..ผมไม่ถนัดเรื่องดอกไม้ครับไร้นามแต่ผมก็เป็นคนที่ค่อนข้างมองโลกในแง่ดีและสุนทรีย์กับชีวิตที่เป็นอยู่ตามสมควรฐานะ...จบแล้วครับ.ขอบคุณทุกท่านและโปรดรักษาสุขภาพ.

-ต่อไปผมว่าจะไปเม้นต์ในบล๊อคที่เปิดไว้ต้นๆ อ่ะครับ จะได้ไม่รบกวนท่านอื่นเกินไป..ขอบคุณอีกครั้ง.




โดย: Freshman LL.B. IP: 58.8.150.167 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:07:06 น.  

 
-ไข้หวัด 2009 (Swine Flu/Deadly Virus)ช่วงนี้ออกมาลามหนัก สธ.แจ้งผลิตวัคซีนจะนำออกทดลองกับสัตว์ได้อีกประมาณ 2 เดือน(หลังนั้นจึงจะสามารถใช้กับคนได้) แป่ว..ถึงงัยก็เอาใจช่วยกันนะครับ.
++++
- TAKE TIME to WORK Is the PRICE of SUCCESS....สาธุ สธ.
++++
-Most Importantly, Take Time to LOVE & BELOVED. แน่ะ ยังอุตส่าห์มีอารมร์สุนทรีย์จนได้แม้ภัยมา!!!

-ใจเย็นครับและช่วงนี้ "โปรดรักษาสุขภาพของท่านทุกคน"ให้แข็งแรงพร้อมเกาะข่าวหวัดนี้สม่ำเสมอครับ...

-โชคดีและขอขอบคุณไร้นามเจ้าของบล๊อคด้วยซีครับเพราะมีประโยชน์เป็นช่องทางสื่อสารเรื่องราวดีๆ ต่อสาธารณะชนครับ.


โดย: SkyOneOne_2009 IP: 61.90.31.120 วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:12:14:40 น.  

 
โอ้... เพิ่งกลับมาอ่าน blog นี้

ดีใจที่ทุกคนมาเยี่ยมนะคะ @^_^@


โดย: ไร้นาม วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:16:27:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไร้นาม
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]





"อ่านคนอ่านที่ความคิด
หาใช่ชื่อเสียงเรียงนาม"
Friends' blogs
[Add ไร้นาม's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.