กรุงโรมประเทศอิตาลี เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ฉันใฝ่ฝันมานานว่าจะได้มาซักครา และแล้วในที่สุดก็ได้มา เมืองนี้เป็นเมืองที่มีอะไรเยอะมาก ฉันถ่ายรูปมาหลายร้อย และคัดรูปมาลงเพียงสิบกว่าภาพ มีหลายภาพที่คัดมาแล้วตัดออกด้วยความเสียดาย -- เพราะก็ไม่อยากทำ blog ด้วยภาพเยอะนัก :)
ภาพงามความตรึงใจ
ยังสวยใสให้ดื่มด่ำ
จนต้องมาเพ้อพร่ำ
ใส่ถ้อยคำ... จารกวี
ภาพด้านบนสุดเป็นภาพวิวริมแม่น้ำไทเบอร์ตอนพระอาทิตย์ตก ภาพถัดลงมาเป็นอาหารเย็นของที่นี่ ภาพถัดลงมาเป็นวิวสระน้ำของโรงแรมที่มองเห็นได้จากหน้าต่าง และภาพด้านบนคือ Colosseum หนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันอยากมากรุงโรม @^_^@
สูงส่งเกินบรรยาย
สื่อความหมายสร้างศักดิ์ศรี
สร้างสรรอย่างพอดี
ให้คนมีความทรงจำ
หินที่สร้างขึ้นมาเป็นโครงดูแล้วเริ่มผุกร่อนเป็นหลุมๆ ลงไป (ดั่งภาพด้านบน) มีการบูรณะก่อสร้างบ้าง แต่ก็ต้องทึ่งว่าสมัยก่อนชาวโรมันคงยิ่งใหญ่มาก ขนาดสร้างสนามกีฬาใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาได้ น่าเสียดายที่อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เป็นเพียงความทรงจำในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งเท่านั้น... ภาพด้านล่างเป็น Arch of Septimius Severus ที่ยังอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันในย่าน Roman Forum ที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นมรดกโลก
ช่างฉลาดจนเลิศล้ำ
หลายสิ่งที่พึงทำ
ก็เริ่มนำกระแสชน
เดินออกมาไกลมาถึงบริเวณซากกรุงโรมันโบราณถึงจะเก็บภาพ Colosseum ได้หมด มองย้อนกลับไปจะเห็นนักท่องเที่ยว รถม้า ฯลฯ ดูเล็กๆ น่ารักทีเดียว ยังคิดเลยว่าสมัยก่อนไม่มีระบบเครื่องเสียง ฯลฯ แล้วคนที่เป็นพิธีกรเวลาจัดงานเค้าจะประกาศให้คนเข้าใจได้ยังไงนะ (ถึงแม้การออกแบบในยุคโบราณจะมีเทคนิคทางสถาปัตยกรรมช่วยกระจายเสียงก็ตามที)
สร้างความหมายไม่สับสน
ยิ่งใหญ่เกินผู้คน
ให้ได้ยลจนตราตรึง
ภาพด้านบนเป็นสถานที่สำคัญต่างๆ (ที่ไม่มีเวลาพอเข้าไปชมได้แต่ดูผ่านๆ) เช่นพระราชวังที่มีทางเดินลับใต้ดินเชื่อมกับกรุงวาติกันให้พระสันตะปาปาทรงลี้ภัยได้ในยามฉุกเฉิน ฟังแล้วแสดงว่าสมัยก่อนต้องเคยมีเรื่องซับซ้อนและผู้คนก็ฉลาดที่จะรับมือ ส่วนภาพด้านล่างคือบริเวณน้ำพุเทรวี่สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่คนมากันเยอะมาก (เพราะมีความเชื่อกันว่าเป็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์)
โยนเหรียญสร้างความหมาย
ทุกแห่งคล้ายด้วยเรื่องหนึ่ง
รวบรวมส่งให้ถึง
ผู้ที่ซึ่งต้องการมัน
บริเวณน้ำพุเทรวี่เดินมาอีกหน่อยนึงก็จะเจอ Fontana della Barcaccia แหล่งน้ำจืดธรรมชาติอีกแหล่งที่เลี้ยงชีวิตชาวโรมันมาตั้งแต่ยุคโบราณ (เค้าเลยทำเป็นงานศิลปะให้น้ำออกมาจากเรือเท่ห์ๆ ไปอ่านประวัติเค้าบอกว่าสมัยก่อนน้ำมักจะท่วม เค้าเลยป้องกันตาน้ำอันนี้ให้น้ำไม่ปนเปื้อน โดยการออกแบบไว้แบบนี้) พอเลยจากจุดนี้หน่อยก็เดินขึ้นบันไดเสปนไปดูโบสถ์ฝรั่งเศสต่อ
ตระการตาดารดาษ
ดุจภาพวาดแดนแห่งฝัน
ผ่านพ้นหลายคืนวัน
ก็ตั้งมันอยู่ต่อไป
จากโบสถ์ฝรั่งเศสมองออกไปด้านนอกจะเห็นวิวกรุงโรม โชคดีวันนี้ที่มาเที่ยวอากาศดี ก็เลยได้ภาพท้องฟ้าสีฟ้าสด (แทบไม่มีเมฆ) แต่อากาศไม่ร้อน อุณหภูมิในที่ร่มประมาณ 0-1 องศา เลยเดินเล่นตากแดดได้สบายๆ ภาพด้านล่างสุดเป็นภาพถนน Via Condotti ย่าน Shopping สุดหรูของกรุงโรม กับสีสันเปิดไฟช่วงวัน Xmas ตอนกลางคืน สวยทีเดียว...
พลบค่ำนี้ฟ้าสวยใส
ดาดาวประดับไฟ
สร้างยุคใหม่ให้กรุงโรม
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [
