|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
อยากผิวสวย..ก็ต้องทำความรู้จักกับผิวให้ลึก...
Epidemis โรงงานผลิตเซลล์ผิวสวย ภายใต้ผิวหนังที่เราสัมผัสได้ รู้หรือเปล่าว่า...มีโรงงานผลิตเซลล์ผิวสวยซ่อนตัวอยู่ ซึ่งมีชื่อว่า epidermis Epidermis ถือเป็นปราการด่านแรกของผิว ทำหน้าที่เหมือนอาภรณ์ชิ้นงามที่ปกคลุมร่างกายเราอยู่ เป็นโครงสร้างชั้นบนสุดของผิวหนังหรือที่เรียกกันว่า ชั้นหนังกำพร้า นั่นแหละ ความน่ามหัศจรรย์ของผิวชั้นนี้ก็คือ มีโรงงานผลิตเซลล์ผิวเกิดเป็นกระบวนการผลัดผิวที่คอยสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนผิวหนังที่ตายแล้วอยุ่เรื่อย ๆ โดยผิวที่ตายแล้วก็จะอยู่ชั้นบนสุด เราเรียกวันว่า horny layer
สลัด...สะบัด Horny layer เป็นชั้นบาง ๆ ของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หลังจากมีอายุราว 14 วัน (บางยิ่งกว่ากระดาษทิชชูเสียอีก) และ จะสลัด....สะบัดตัวเองออกไปหลังจากที่โรงงานผิวสามารถผลิตเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะกินเวลาอีกราว 14 วัน หมายความว่า การผลัดผิวนั้นจะเกิดขึ้นทุก 28 วัน ทำให้คนเรามีผิวใหม่ที่สวยใสอยู่เสมอ แต่ทั้งนี้การทำงานของกระบวนการผลัดผิวนี้จะค่อย ๆ ช้าลงตามเงื่อนไขของอายุ...เช่นตอนเป็นวัยรุ่น ผิวจะสลัดเซลล์เก่าที่ตายแล้วทุก ๆ 28 30 วัน โดยอัตโนมัติ แต่พอเราอายุมากขึ้น กระบวนการนี้อาจล่าช้าไปถึง 45-50 วันเลยทีเดียว และนี่คือเหตุผลที่ว่า...ทำไมหนอผิวของเด็กสาวจึงดูเนียนใสเปล่งปลั่งกว่าสาวมีอายุทั้งหลาย และนี่เองจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรดูแลผิวด้วยการผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย เดือนละครั้ง นอกจากนี้ horny layer ยังช่วยทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นและน้ำมันให้กับผิวหน้าอีกด้วย นอกจากนี้ในชั้นของ epidermis ยังเป็นที่อยู่ของพวกเมลาโนไซต์ (melanocytes) อีกด้วย เซลล์เหล่านี้แหละที่ทำหน้าที่ผลิตเมลานิน ซึ่งทำให้คนเรามีสีผิวที่แตกต่างกันออกไป...หรือเป็นตัวก่อนให้เกิดจุด่างดำบนใบหน้า ยังมีผิวหนังชั้นอื่นๆอีกค่ะ จะมหัศจรรย์มากน้อยขนาดไหน ต้องติดตามกันต่อค่ะ
ผิวหนังชั้นต่อไป คือ Dermis เมืองหลวงของผิว ลึกลงไปอีกนิด เราจะเจอกับชั้นที่เรียกว่า dermis ผิวชั้นนี้มีความหนามากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของโครงสร้างผิวทั้งหมดแถมยังเป็นศูนย์รวมของส่วนสำคัญต่าง ๆ อยู่เต็มไปหมด ทั้งเส้นประสาทที่คอยรับสัมผัส (ทำให้เรารับรู้ความรู้สึกต่าง ๆได้เ เช่น การสัมผัส ความเจ็บปวด และความรู้สึกร้อนหนาวของอุณหภูมิรอบตัว) ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน รากผม และเส้นเลือด ที่จะมองข้ามไม่ได้เลยก็คือ ต่อมเหงื่อและต่อมไขมันซึ่งเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ที่แสนดีของผิวที่จะคอยผลิตน้ำมันและเหงือออกมาปกคลุมผิวไว้บาง ๆ เป็นการช่วยป้องกันผิวจากเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งเชื่อราและแบคทีเรีย แต่บ่อยครั้งที่เรามักจะเผลไปทำร้ายผู้พิทักษ์ผิวอย่างไม่ตั้งใจด้วยการใช้สบู่ที่แรง ๆ หรือบางคนอาจจะตั้งใจดดยคิดไม่ถึงว่ามันจะส่งผลร้ายอย่างมหาศาลต่อผิวหน้าของเรา นั่นก็คือ การทำลายสมดุลคามเป็นกรดเป็นด่างของผิวหน้า หรือที่เราเรียกกันอย่างติดปากว่าค่า hp balance นั่นแหละ.... และยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะในผิวหนังชั้นนี้ยงมีสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผิวแทรกตัวอยู่ นั่นก็คือ คอลลาเขน และอีลาสติน ซึ่งเปรียบเสมือนดาวเด่นที่ขาดไม่ได้ในผิวสวย เพราะคอลลาเจนและอีลาสตินนี่แหละ ที่จะช่วยให้ผิวมีความแข้งแรงและยืดหยุ่นประมาณว่า ผิวจะสวยกระชับแค่ไหนก็ขึ้นอยู่ที่ดาวเด่นทั้งสองนี้เอง
Skin smart! คอลลาเจน โปรตีนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง หนาแน่น และกระชับ แถมยังช่วยซ่อมแซมผิวที่เป็นรอยแผลด้วยการสร้างเนื้อเยื่อบาง ๆ ปกคลุมไว้ อีลาสติน อีลาสติกไฟเบอร์ ที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและคืนรูปได้ทุกการเคลื่อนไหวในร่างกายของเรา ต้องขอบคุณอีลาสตินอยู่ไม่น้อยเชียว
และสุดท้าย...ปราการด่านสุดท้าย คือ Fat Layer ในชั้นนี้เป็นส่วนล่างสุดของโครงสร้างผิวซึ่งตจะประกอบไปด้วยไขมันเป็นส่วนใหญ่ ภารกิจสำคัญของปราการด่านสุดท้ายนี้ก็คือ คอยปกป้องอวัยวะภายในอันบอบบางส่วนอื่น ๆ ใต้ผิวหนัง และยังรับบทบาทคล้ายเบาะนวมนุ่ม ๆ ที่ช่วยให้ผิวมีความหนาและนุ่ม...(แน่นอนว่า คนเจ้าเนื้อจะมีชั้นของ fat layer ที่หนากว่าของนางแบบหุ่นเพรียว) นอกจากนี้แล้วเวลาที่ร่างกายเราสูญเสียพลังงานความร้อน fat layer นี่เองที่จะคอยทำหน้าที่คล้ายผ้าห่มอุ่นให้กับร่างกายเรา (นึกออกแล้วใช่ไหมว่าทำไมคนผอมถึงขี้หนาว...และทำไมคนอ้วนถึงขี้ร้อน)
แวะไปทักทายกันบ้างนะคะ ที่ //www.facebook.com/ApexProfoundBeauty
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2554 22:56:16 น. |
Counter : 1036 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|