โรงเรียนอนุบาล ชั้นกลาง ตอนที่ 1
ว่าจะเขียนเรื่องนี้ ก็ได้แต่ว่าจะ ไม่มีเวลาตั้งสติและนั่งคิดเงียบๆ เสียที วันนี้ได้ฤกษ์รื้อของเก็บๆ เสียบ้าง วางๆ ตั้งๆ เอาไว้ มันก็กองๆ กันอยู่ตรงนั้น พอเห็นก็ไม่รู้จะบ่นใคร บ่นสามีก็ไม่ได้ ในเมื่อฉันวางเอง จะให้เขามาเก็บให้ เดี๋ยวฉันหาไม่เจอ อารมณ์เสียอีก
เลยบอกตัวเองว่า เอาน่า ให้เวลา 2 ชั่วโมง จะได้เคลียร์เอกสาร ทั้งงาน ทั้งเอกสารครอบครัว ก็ตั้งแต่ได้งาน ก็มัวแต่จัดการเวลาตัวเองเรื่องงาน อยู่บ้านทำงานก็มัวแต่คิดเรื่องงาน มองเห็นไอ้กองนี้ทีไร ก็รำคาญมาก ก็จัดไปจัดมาเลยเห็นกระดาษจดอะไรยึกยือด้วยลายมือตัวเอง เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เป็นบันทึกตอนที่ไปประชุมผู้ปกครองลูกตอนเปิดเทอมเมื่อเดือนกันยายน 2005 ด้วยชอบจด บางทีใครพูดอะไร มือก็จดๆ ไป ได้ใช้หรือไม่ได้ใช้ไม่เป็นไร จดเอาไว้ก่อน แล้วก็เอามากองๆ เอาไว้
ดูแล้วไฉนเวลาจึงผ่านไปเร็วเช่นนั้น เลยคิดว่าจะมัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่งไม่ได้เสียแล้ว พอเอาบันทึกมาอ่านๆ เลยเห็นว่าเป็นข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาล ชั้นกลาง ที่ตองตังเรียนอยู่
รายละเอียดมีดังนี้ -- - ชั้นเรียนของตองตังประกอบไปด้วยเด็กโต (5-6 ขวบ)และเด็กกลาง (4-5) ประมาณว่าอายุต่างกัน 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งในเด็กนั้น ความแตกต่างนี้มองเห็นได้พอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องความสามารถในการใช้มือและกล้ามเนื้อละเอียด การออกกำลัง และความกำยำของกล้ามเนื้อแขนขา ตองตังอยู่ในกลุ่มเด็กกลางจำนวน 7 คน ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าเด็กโตที่มีอยู่ 19 คน พ่อแม่หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับ ปัญหาในการเรียนรู้ และปัญหาในการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมสำหรับเด็กที่แตกต่างกันถึง 1 ปี ด้วยกลัวว่าเด็กกลางจะเรียนรู้ไม่ทัน และจะหมดกำลังใจในการที่จะเรียนรู้ ขณะที่ฉันไม่ค่อยกังวลนัก เพราะเคยอ่านและจัดการเรียนการสอนสมัยทำงานที่เมืองไทยในแนวคิดเรื่อง cooperative learning โดยใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของผู้เรียน ในการเรียนรู้ของทุกๆ คน สร้างบรรยากาศที่กระตุ้นการเรียนรู้ ครูแอนน์ ครูประจำชั้นอธิบายว่า เธอพยายามจัดกิจกรรมให้แตกต่างเหมาะสมกับวัยและความสามารถของเด็กแต่ละคน แม้กระทั่งเด็กชั้นเดียวกันก็ต้องใช้กิจกรรมที่แตกต่างหากเรียนไม่ทัน บรรยากาศลักษณะนี้กลับเป็นการสร้างความรับผิดชอบให้เด็กโต เพราะเด็กโตจะอธิบายให้เด็กกลางฟัง ความสัมพันธ์แบบเอื้ออาทร ในขณะเดียวกัน เด็กกลางจะพยายามเลียนแบบเด็กโต เมื่อเห็นแล้วก็อยากทำให้ได้
เมื่อดูแล้ว ครูคนเดียวคงไม่สามารถดูแลนักเรียน 26 คน โดยสามารถให้เวลากับทุกๆ คนได้พร้อมๆ กัน แต่เท่าที่เห็นฉันถูกใจครูแอนน์มากในระดับหนึ่ง เป็นครูที่ใจดี แต่มีวินัย ตอนแรกฉันกลัวว่าจะดุมาก เพราะเธอไม่เคยยิ้มแบบที่ดูแล้วเป็นธรรมชาติ ยิ้มทีไรดูแล้วเหมือนหุ่นยนต์ทุกที แบบกางปากแล้วหุบทันที แต่ต่อมาก็ทราบว่านี่คือยิ้มของเขาแบบนี้
ตองตังเองก็นับว่าถูกใจครูแอนน์ไม่น้อย กลับมาถึงบ้านจะเล่าว่า แอนน์อย่างนั้น แอนน์อย่างนี้ แรกๆ เวลาไม่ถูกใจในคำอธิบายของพ่อหรือแม่ จะตอบว่า "แอนน์ไม่ได้พูดอย่างนี้ จะไปถามแอนน์"
จนบางทีฉันองก็รำคาญมาก เพราะช่างเถียงเหลือเกิน อะไรๆ ก็จะบอกครู แต่เป็นข้อดีตรงที่ ตองตังอยากไปโรงเรียน รู้สึกว่าได้เรียนรู้ ได้ทำกิจกรรมต่างๆ
Create Date : 27 มกราคม 2549 |
|
7 comments |
Last Update : 28 มกราคม 2549 18:39:33 น. |
Counter : 684 Pageviews. |
|
|
|