|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Audition ดนตรี ครั้งที่สอง
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (16 เม.ย. 2008) ตองตังมี audition ครั้งที่ 2 ที่โรงเรียนดนตรี
คอร์สที่ลงให้ในปีนี้ คือ intiation to music เป็นการเริ่มต้นให้เด็กๆ ให้ซาบซึ้งกับดนตรี ให้ได้มีโอกาสการเรียนรู้โน้ตเพลงผ่านกิจกรรม มีโอกาสได้แตะจับเครื่องดนตรีต่างๆ ได้ฟังเพลงต่างๆ และการเรียนรู้จังหวะเบื้องต้น
การ audition ครั้งนี้ นับว่าได้มีการเตรียมสภาพจิตใจของตองตังเอาไว้ก่อนพอสมควร ทั้งจากครูผู้สอน ที่พอจะเข้าใจว่า ตองตังไม่อยากเรียนดนตรี คือถ้าเทียบกับเล่นกีฬาแล้ว ตองตังจะบอกว่ามาเรียนดนตรีมันเสียเวลา และไม่คิดว่าได้เรียนรู้อะไรที่อยากรู้ แต่ต้องเรียนในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการและที่ครูต้องการจะสอน และประกอบกับการ audition คือการแสดงต่อหน้าผู้ชม ซึ่งแต่ไหนแต่ไร ตองตังไม่เคยแสดงอะไรบนเวทีเลย ขนาดเรียนที่โรงเรียนอนุบาล ตองตังเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ปฏิเสธอย่างหนัก และไม่ยอมแสดงจริงๆ และใครจะไปเชื่อว่า เด็กอายุที่ 3-4 ขวบเท่านั้นในตอนนั้น จะปฏิเสธการแสดงบนเวที
แต่เมื่อเริ่มโตขึ้น เราคิดว่าสิ่งนี้เป็นข้อด้อย ในเรื่องของการแสดงออกต่อหน้าผู้ชม โดยเฉพาะคนแปลกหน้า เพราะอาจจะเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างหนึ่ง คือความกล้า และไม่อาย ที่จะแสดงออก (corporel expression) ในขณะที่อารมณ์สุนทรีย์ทางดนตรี เป็นความสามารถด้านศิลปะที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคตไม่มากก็น้อย
การเรียนดนตรีและการ audition จึงเป็นการบังคับลูก ที่เราเล็งเห็นว่า สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต โดยไม่ได้คิดหรือคาดหวังว่า เขาจะเล่นดนตรีอะไรอย่างเป็นชิ้นเป็นอันได้หรือไม่ ขอเพียงให้เขาสามารถปรับความรู้สึกให้ชอบบ้าง และกล้าแสดงต่อหน้าผู้คนบ้าง ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว
เราคุยกันเรื่อง audition นี้มาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ดูแล้วเจ้าตัวก็ยอมรับดี ไม่บ่นหรือคิดจะปฏิเสธ หากเทียบกับ audition ครั้งแรกที่ร้องห่มร้องไห้ก่อนวันจริง และในวันที่ต้องแสดงจริง ก็นั่งหน้าตาแดง ใช้เวลากว่าครึ่งหนึ่งของช่วง audition นั่งก้มหน้า กว่าเครื่องจะติด เวลาก็ผ่านไปจนเกือบจะแสดงเสร็จแล้ว ในขณะที่เด็กๆ คนอื่น เล่นอย่างสนุกสนาน และยิ้มหัวเราะ ไม่ว่าจะเล่นผิดหรือไม่ก็ตาม
พอถึงวัน audition จริงๆ เมื่อวันพุธ การแสดงเริ่มต้นด้วยการร้องโน้ตเพลงที่ครูสอนแต่งขึ้นใหม่ และเด็กๆ ในกลุ่ม (มีทั้งหมด 4 คน) จะต้องร้องเพลงนี้ (เป็นโน้ตเพลง ไม่ใช่เนื้อเพลง) แต่ละท่อน โดยครูสอนจะให้จังหวะ ตองตังได้ร้องเป็นคนสุดท้าย แต่ในระหว่างที่รอคนอื่น ก็เอาเสื้อดึงขึ้นมาคลุมหน้า คลุมหน้า ไม่ยอมดูโน้ตเพลง ทำเอาแม่นั่งกลุ้มว่า นี่เห็นทีว่า audition นี้ ตองตังจะไม่ยอมเล่นอีกแน่ๆ ถึงจะอยู่บนเวทีแล้วก็ตาม
พอถึงคิวที่ตองตังจะต้องร้อง คงต้องขอบคุณครูผู้สอนอย่างมาก ที่ถามก่อนว่า ตองตังจะร้องไหม แน่นอนว่า ตองตังส่ายหน้าทันที ครูจึงพูดเปิดฉากว่า ตองตังเป็นเด็กขี้อาย ขอให้ผู้ชมและคนอื่นๆ มาร่วมร้องท่อนที่ตองตังต้องร้องไปพร้อมๆ กัน และให้ดูโน้ตไปพร้อมๆ กัน เท่านี้แหละ ตองตังจึงยอมร้องเพลง แม่เห็นอยู่ว่า ลูกอ้าปากได้เข้าจังหวะ และเข้าข้างตัวเองว่าแอบได้ยินเสียงลูกร้องเพลงด้วย
และเมื่อผ่านไปถึงช่วงที่ 2 คือ เด็กๆ แต่ละคนจะไปประจำที่เครื่องดนตรีที่ครูสอนเลือกเอาไว้ให้ ว่าเหมาะกับเด็กแต่ละคน คนหนึ่งไปที่เปียโน คนหนึ่งไปที่กลองเล็ก (tambour) และอีกคนหนึ่งไปที่ cimbale ส่วนตองตังไปที่กลองชุด เป็นไปตามคาด เพราะเขาบอกเสมอว่า เครื่องดนตรีที่ชอบ และเสียงดนตรีที่ชอบฟังคือเสียงกลอง และชอบที่กลองคือตัวกำหนดจังหวะให้คนอื่นเล่นตาม จะชอบเครื่องดนตรีชิ้นไหนด้วยเหตุผลอะไร แม่ก็ดีใจทั้งนั้น ขอให้ลูกรู้สึกว่าชอบดนตรีขึ้นมาบ้าง และครูสอนเล่นกีตาร์
จังหวะที่เด็กๆ จะต้องเล่นคือเร็กเก้ ในขณะที่เนื้อเพลงนั้น ครูสอนเพิ่งแต่งขึ้นมาใหม่ โดยเด็กๆ ไม่เคยรู้มาก่อน เพียงแต่ว่าเด็กแต่ละคนจะต้องเล่นตามจังหวะเร็กเก้ที่ฝึกมาเท่านั้น
และตองตังก็ทำให้ประหลาดใจ เพราะเมื่อได้จับไม้ตีกลองเท่านั้น พอครูสอนทำสัญญาณว่าให้เป็นคนเริ่มจังหวะ และถึงแม้จะเป็นจังหวะง่ายๆ ทำซ้ำๆ กัน แต่ต้องเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ ไม่เร็ว หรือช้าเกินไป จากนั้นครูฝึกก็เริ่มให้สัญญาณกับเครื่องดนตรีชิ้นอื่น ให้เริ่มเล่นให้สอดคล้องไปตามจังหวะที่กลองกำหนด
ตลอดเวลาเกือบ 5 นาที ตองตังทำให้แม่ประหลาดใจยิ่งนักจริงๆ เพราะตีกลองโดยไม่หยุด ไม่เร็วขึ้น ไม่ช้าลง ในขณะที่เด็กคนอื่น ไม่เล่นผิด ก็เล่นเร็วกว่าหรือช้ากว่ากลองบ้าง
พอการ audition ของกลุ่มนี้จบลง ตองตังเดินมาหาแม่ ถามว่า "มาม็อง ตองตังเล่นผิด 2 ที่" "ไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่เป็นไร ถึงผิด แต่เราก็เล่นต่อได้นี่นา และหนูก็เล่นจนจบเพลงเลยนะ" ทุกครั้งที่ลูกพูดเชิงไม่พอใจในผลงานตัวเองทีไร แม่ก็ใจหายวาบทุกที เพราะ ทัศนคติของลูกที่ต้องทำอะไรแบบจริงจังจนมาบดบังความสุขของการเล่นหรือการฝึกไป แต่ครั้งนี้ผิดคาด
"ไม่เป็นไรหรอกมาม็อง เพราะถ้าเราเล่นผิด และเรารู้ว่าเราผิดตรงไหน ครูบอกว่า นั่นคือเรากำลังพัฒนา"
ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน "มาม็องอย่าลืมเขียนอีเมล์บอกป่าป๊า (ที่กำลังทำงานอยู่ต่างประเทศ) ว่า ตองตังทำ audiion วันนี้เป็นไงบ้างนะ แต่ว่าตองตังไม่ชอบร้องเพลง ให้ตีกลองดีกว่า"
เราคุยกันว่า ถ้าต่อไปเรามีบ้าน ไม่ได้อยู่อพาร์ตเมนท์เหมือนตอนนี้ ถ้าเราสร้างห้องเล็กๆ เก็บเสียง แล้วหาซื้อกลองชุดมาสำหรับฝึกจะดีไหม ตองตังบอกว่าดี แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ เพราะมันเสียงดังรบกวนคนข้างห้อง
สถานการณ์ตอนนี้ เราจึงยังไม่รู้ว่า ตองตังจะยอมรับที่จะเรียนดนตรีต่อในปีหน้าหรือไม่ เพราะเคยคุยกันไปแล้ว 1 รอบว่า ปีหน้าขอไม่เรียนแล้ว เลยคิดว่า ต้องพยายามอย่างไร จึงจะเป็นการให้กำลังใจ และทำให้เขาอยากเรียนต่อ โดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ คงต้องติดตามตอนต่อไป...
Create Date : 18 เมษายน 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 18 เมษายน 2551 16:22:18 น. |
Counter : 903 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: oriole 22 เมษายน 2551 23:47:53 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
บล็อกนี้เปิดไว้เพื่อเก็บสิ่งที่เขียนจากที่ต่างๆ เอามารวมๆ กัน ไม่ได้เข้าบล็อคบ่อยๆ มาดูเฉพาะตอนที่จะเขียนอะไร ดังนั้นถ้าใครมาเยี่ยมชมหรือเขียนถามอะไรเอาไว้ จะไม่เคยตอบ เพราะกว่าจะตอบมันนานมาก และผู้ถามคงจะลืมไปแล้วว่าถามอะไร
|
|
|
|
|
|
|
|
ตองตังค์เป็นเด็กที่น่าสนใจมากๆเลยนะคะ