สโนว์ไวต์ Snow White (เทพนิยายกริมม์)



สโนว์ไวต์ Snow White เป็นชื่อของเทพนิยายอันโด่งดังในยุโรป และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน เทพนิยายเรื่องนี้ตั้งชื่อขึ้นตามตัวเอกของเรื่อง โดยดังเดิมเป็นนิทานพื้นบ้านของยุโรป ได้รับการเล่าขานกันมาต่าง ๆ กัน แต่เทพนิยายเรื่องสโนว์ไวต์ที่เรารู้จักกันดีที่สุด มาจากบทประพันธ์ในภาษาเยอรมันของ พี่น้องตระกูลกริมม์ โดยพี่น้องตระกูลกริมม์ได้เพิ่มตัวละครส่วนประกอบที่ทำให้เรื่องราวน่าสนใจยิ่งขึ้น อาทิ กระจกวิเศษ และ คนแคระทั้งเจ็ด เป็นต้น ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2480 ทางดิสนีย์ได้ดัดแปลงเทพนิยายเรื่องนี้ในรูปแบบภาพยนตร์การ์ตูน โดยใช้ชื่อว่า สโนว์ไวต์กับคนแคระทั้งเจ็ด เหตุที่ทางดิสนีย์เลือกใช้ชื่อนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับเทพนิยายของพี่น้องตระกูลกริมม์ เรื่องสโนว์ไวต์กับดอกกุหลาบแดง โดยในการเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง สโนว์ไวต์กับคนแคระทั้งเจ็ด เป็นครั้งแรกที่มีการตั้งชื่อให้แก่คนแคระทั้งเจ็ด




เทพนิยายเรื่องสโนว์ไวต์ในภาษาอื่น ๆ มีบทบาทที่แตกต่างกัน เช่น ในบางชาติได้แต่งบทให้คนแคระทั้งเจ็ดเป็นโจร หรือให้ราชินีพูดคุยกับดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์ แทนกระจกวิเศษ เป็นต้น ในบทประพันธ์ฉบับอัลบาเนีย รวบรวมโดย Johann George von Hahn และตีพิมพ์เป็นภาษากรีก และภาษาอัลบาเนีย เมื่อปี ค.ศ. 1864 สโนว์ไวต์อาศัยอยู่กับมังกร 40 ตัว และสโนว์ไวต์หลับไปเพราะใส่แหวนที่ต้องมนต์สะกด ด้วยเหตุนี้ เรื่องสโนว์ไวต์จึงถูกจัดรวมอยู่ในกลุ่มเทพนิยายรหัส 709 ซึ่งเป็นเทพนิยายที่ตัวเอกของเรื่องหลับไปเพราะสวมแหวนทั้งสิ้น ส่วนต้นแบบของเรื่องสโนว์ไวต์ที่แท้จริงนั้นยังไม่สามารถหาของสรุปได้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นเทพนิยายที่ถูกแต่งขึ้นในช่วงยุคกลาง (ราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 - 14)





เนื้อเรื่อง

สโนว์ไวต์คือเจ้าหญิงแสนงามผู้ถูกราชินีใจร้ายกลั่นแกล้งให้ทำงานหนักเพราะเกรงว่าสโนว์ไวต์จะงดงามกว่านาง ทุกวันราชินีจะเฝ้าถามกระจกวิเศษว่าใครงามเลิศในปฐพี และกระจกก็จะตอบกลับว่าพระนางงดงามที่สุด แต่ทว่าสิ่งที่พระนางกลัวที่สุดก็เกิดขึ้นเมื่อสไวต์ได้กลายเป็นหญิงผู้งดงามที่สุดในปฐพี









ด้วยความริษยาราชินีเรียกนายพรานเข้าเฝ้าและบังคับให้เขาฆ่าสโนว์ไวต์ทิ้งแล้วควักเอาหัวใจใส่กล่องมายืนยันพระกับนาง แต่ทว่านายพรานไม่อาจทำร้ายเจ้าหญิงได้ เขาปล่อยเธอไปและนำหัวใจหมูมาให้ราชินีแทน




สโนว์ไวต์วิ่งหนีเข้าไปในป่าทึบ ต้นไม้ทุกต้นดูราวกับมีชีวิต มันยื่นกิ่งออกมาฉุดรั้งสโนว์ไวต์เอาไว้ เธอรู้ตัวอีกทีก็มานอนร้องไห้อยู่กลางป่า ฝูงสัตว์พากันมุงดูเธอราวกับเป็นสิ่งประหลาด บัดนี้ชีวิตของสโนว์ไวต์ไม่ได้มืดมนอีกแล้วเธอร้องเพลงอยู่กับเพื่อนสัตว์ป่าของเธอ พวกมันพาเธอไปขอที่พักแรมในป่า สโนว์ไวต์พบกระท่อมหลังเล็ก เธอจึงถือวิสาสะเข้าไปทำความสะอาดที่นั่นและทำอาหารไว้ เผื่อว่าเจ้าของกระท่อมจะเห็นใจและให้เธอพักด้วย และเผลอหลับไปที่นอกบ้านคนแคระตัวเล็กๆทั้งเจ็ดคน เดินกลับมาจากทำงานที่เหมืองและพบว่าบ้านตนมีผู้บุกรุกจึงเข้าไปดูว่าเป็นใคร แล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวแสนงามนามสโนว์ไวต์และอนุญาตให้เธออยู่ด้วย





ที่พระราชวังราชินีถามกระจกเพื่อให้แน่ใจว่าตนงดงามที่สุด พระนางถึงกับโกรธจัดเมื่อรู้ว่าสโนว์ไวต์ยังไม่ตายโดยอาศัยอยู่กับพวกคนแคระที่กระท่อมในป่า พระนางวิ่งลงไปที่คุกใต้ดินและปรุงยาพิษเพื่อกำจัดสโนว์ไวต์ด้วยพระองค์เอง แอปเปิ้ลสีแดงสดถูกนำมาเคลือบด้วยยาพิษ ยาพิษที่เมื่อสโนว์ไวต์กินแล้วจะต้องหลับเป็นตายไม่มีสิ่งใดปลุกนางจากนิทราได้เว้นไว้แต่จุมพิตแรกแห่งรักแท้





ราชินีปลอมตัวเป็นหญิงชราแม่ค้าเร่ ทำทีไปขายแอปเปิ้ลให้สโนว์ไวต์ นางใช้มารยาหลอกให้สโนว์ไวต์กินแอปเปิ้ลจนสำเร็จและหลบหนีไป พวกคนแคระกลับมาดูสโนว์ไวต์และแต่ไม่อาจฝังร่างเธอได้ พวกเขาสร้างโลงแก้วบรรจุร่างสโนว์ไวต์เอาไว้และมาเยี่ยมเธอทุกวัน
วันหนึ่งเจ้าชายรูปงามผ่านมาพบสโนว์ไวต์และจุมพิตสโนว์ไวต์และแล้วคำสาปก็สูญสลายไป เจ้าชายพาสโนว์ไวต์ขี่ม้าขาวไปที่ปราสาทของพระองค์แล้วทั้งคู่ก็ครองรักกันอย่างมีความสุข ตลอดกาล


พี่น้องตระกูลกริมม์


ในบทประพันธ์ของพี่น้องตระกูลกริมม์ ในการตีพิมพ์ครั้งที่ 1 นั้น เรื่องของสโนว์ไวต์ เป็นเรื่องความอิจฉาของแม่ ที่มีต่อลูกสาวของตนเอง และมีรายละเอียดปลีกย่อยบางประการที่แตกต่างจากการตีพิมพ์ในครั้งต่อ ๆ มา ซึ่งมีการเปลี่ยนบทจากแม่แท้ ๆ เป็นแม่เลี้ยงแทน ทั้งนี้คาดว่าน่าจะปรับแต่งเรื่องเพื่อให้เนื้อหาอ่อนลง เพื่อให้เป็นนิทานสำหรับเด็ก
นอกจากนี้ ยังมีการวิจารณ์ว่า การเขียนบทให้สโนว์ไวต์หลับ และตื่นขี้นมาอีกครั้ง เป็นการเปรียบเทียบกับคำสอนของคริสต์ศาสนา เรื่องการฟื้นคืนชีพในยุคสุดท้ายอีกด้วย

สโนว์ไวต์



ในบทประพันธ์ของพี่น้องตระกูลกริมม์ มีตัวเอกชื่อ สโนว์ไวต์ ด้วยกัน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องสโนว์ไวต์ และเรื่องสโนว์ไวต์กับดอกกุหลาบแดง แต่ทั้งนี้ตัวเอก ได้แก่ สโนว์ไวต์ในทั้งสองเรื่องนี้ มีบุคคลิก และลักษณะต่าง ๆ ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ชื่อเรียกดั้งเดิมในภาษาเยอรมันเอง ก็มีความแตกต่างกัน โดยสโนว์ไวต์(กับคนแคระทั้งเจ็ด) มีชื่อภาษาเยอรมันว่า Schneewittchen เป็นภาษาเยอรมันสำเนียง โลเวอร์ซัคเซน ในขณะที่สโนว์ไวต์กับดอกกุหลาบแดงนั้น มีชื่อภาษาเยอรมันว่า Schneeweißchen ซึ่งเป็นสำเนียงทางการ แต่ทั้งสองคำต่างมีความหมายเดียวกัน


ฉบับรัสเซีย

ในรัสเซียเอง ก็มีเรื่องเล่าที่คล้ายคลึงกันนี้ โดยมีชื่อว่า เรื่องเล่าของเจ้าหญิงกับอัศวินทั้งเจ็ด (The Tale of the Dead Princess and the Seven Knights) ซึ่งรวบรวมโดย อเล็กซานเดอร์ พุสกิน ในปี ค.ศ. 1833 ก็มีเนื้อหาเรื่องราวใกล้เคียงกับเรื่องสโนว์ไวต์ เพียงแต่เปลี่ยนตัวละครจากคนแคระมาเป็นอัศวินแทน




มากาเร็ต แห่ง วาลเดก




มีผู้เทียบเรื่องสโนว์ไวต์ กับชีวประวัติของมากาเร็ต แห่งเมืองวาลเดก เด็กหญิงที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1533 - ค.ศ. 1554 เนื่องจากเธอมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง คล้ายคลึงกับสโนว์ไวต์ในเทพนิยาย อาทิ เธอเป็นหญิงสาวที่มีความงาม เป็นที่ต้องตาของคนทั่วไป นอกจากนี้เธอยังมีปัญหากับแม่เลี้ยงของเธออีกด้วย เธอเติบโตในเมืองวาลเดก ซึ่งที่นั่นมีการใช้แรงงานเด็กในการทำเหมือง และจะใช้คำว่า dwarf สำหรับเรียกแรงงานเด็กเหล่านี้ มากาเร็ตย้ายจากวาลเดก ไปยังกรุงกรุงบรัสเซลส์ เมื่ออายุได้ 16 ปี แน่นอนว่าเธอเป็นที่ต้องตาของบรรดาชายหนุ่มทั้งหลาย รวมไปถึง ฟิลิปป์ ที่สอง แห่งสเปน ก็ประสงค์ที่จะแต่งงานกับเธอ แต่ด้วยมากาเร็ตป่วยด้วยโรคบางประการ และเสียชีวิตลงเมื่ออายุ 21 ปี ว่ากันว่า ชีวิตของเธอน่าจะเป็นต้นแบบของเทพนิยายเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องราวของหญิงงามที่เสียชีวิตลงตั้งแต่เยาว์วัย น่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีสำหรับการแต่งเรื่องเล่าได้เป็นอย่างดี


ที่มา วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี 23 เมษายน 2553





Create Date : 23 เมษายน 2553
Last Update : 7 มิถุนายน 2553 22:46:20 น. 2 comments
Counter : 540 Pageviews.

 
เราก็ชอบอ่านหนังสือมากเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับนิทานสนุกๆ แสนจะคลาสิก


โดย: Tree Rose วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:17:15:39 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับความรู้ดีๆ


โดย: *-*-MeMoRy PolaRiS-*-* วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:22:43:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

puy_naka63
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมากๆ อ่านได้ทุกประเภท อ่านตั้งแต่ยังไม่ถึง 10 ขวบ
ตอนแรกเริ่มจากหนังสือพิมพ์ มาขายหัวเราะ มหาสนุก จนเดี๋ยวนี้อ่านได้ทุกอย่างจริงๆ ในชีวิต ไม่มีอะไรก็ได้แต่ขอให้มีหนังสือ
ความฝัน อยากจะมีร้านกาแฟกับร้านเช่าหนังสืออยู่ในร้านเดียวกัน

Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
23 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add puy_naka63's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.