เกิดแต่ตมคมคำช่างล้ำเลิศ
ก่อกำเนิดใต้น้ำในโคลนขุ่น
ค่อยค่อยโผล่ผลิดอกออกละมุน
น้ำนำหนุนชะล้างสะอางองค์
.
.
.
อยู่ใต้น้ำตูมเต่งดังเร่งเร้า
อยากลาเหง้าใต้ตมสมน้ำส่ง
ทะยานปริ่มริมน้ำอย่างบรรจง
เป็นบุษบงก์เบ่งบานน่านวารี
.
.
.
กมุทเอย
เจ้าเฉลยบทบาทแห่งวิถี
เปรียบดังชนพ้นผ่านธารชีวี
จากไม่มีเป็นมีได้ด้วยปัญญา
.
.
.
ชนโง่งมสมอุบลใต้โคลนขุ่น
ไร้แนวธรรมค้ำจุนชุ่มตัณหา
กว่าผุดโผล่พ้นผ่านม่านกามา
อวิชชาเป็นเครื่องนำสู่ธรรมธาร
.
.
.
ธารแห่งบุญ
ช่วยนำหนุนพ้นบ่วงห้วงละหาน
เปรียบอุบลพ้นน้ำงามสราญ
ผลิดอกบานชูช่อรออรุณ
.
.
.
ธรรมรักษา
ก่อให้เกิดปัญญามานำหนุน
ให้พ้นจากบ่วงกรรมแลค้ำจุน
หลุดจากโคลนข้นขุ่นกรุ่นทรวงใน
.
.
.
สะอาดนัก
เมื่อพ้นปลักโคลนตมถั่งโถมใส่
เปรียบอุบลพ้นธารสราญใจ
เมื่อชนใดพ้นผ่านอวิชชา
.
.
.
เกิดแต่ตมคมค้ำที่ล้ำเลิศ
สุดประเสริฐด้วยธรรมปริศนา
ดอกกมุทผุดจากโคลนด้วยธารา
มนุสสาเกิดปัญญาด้วยพระธรรม