"ความรู้" คู่ "ความงาม"
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
[Deep-Review] Biotherm White D-TOX




ผลิตภัณฑ์ Biotherm : White D-TOX ที่วางจำหน่ายในปี 2012 นี้ มีผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูตรใหม่และสูตรเก่าที่ยังไม่ได้ปรับรวมกันทั้งหมด 3 รุ่น ("White D-TOX" เป็นรุ่นของปี 2012 ส่วน White D-TOX [Translu-Cell] เป็นรุ่นที่ออกมาปี 2011 และ White D-TOX [Bright-Cell] เป็นรุ่นที่วางจำหน่ายปี 2010) แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงของแพคเกจเพื่อให้สอดคล้องกับ "ภาพลักษณ์" ใหม่ของแบรนด์ที่กำลังจะทำการเปิดตัในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

ว่าจะไม่เล่า... แต่ขอเล่านิดหน่อยละกัน (อ่านบล็อกเราต้องได้อัพเดทก่อนใครสิ 555)

แน่นอนว่าใครที่รู้จัก Biotherm ก็จะรู้จักกับ Pure Thermal Plankton ที่เป็นส่วนผสมหลักในทุกผลิตภัณฑ์ของ Biotherm นั้น คือแพลงก์ตอนน้ำแร่ร้อนสายพันธ์ที่มีชื่อว่า Vitreoscilla Filliformis ที่มีกรดอะมิโน โปรตีน น้ำตาล เกลือแร่ แร่ธาตุ ที่เซลล์ใช้ในการสร้างเอนไซม์เพื่อสื่อสารและสั่งการทำงานระหว่างเซลล์ และมีดีเอ็นเอเหมือนกับเซลล์ผิวของมนุษย์กว่า 80% ช่วยกระตุ้นการสร้างเอนไซม์พิเศษ Manganese Superoxide Dismutase ซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ตามธรรมชาติจากอนุมูลอิสระ ลดการระคายเคือง และรวมถึงช่วยเสริมความแข็งแรงของ Skin Barrier ด้วย (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ "Biotherm" not just 'Spring Water' in a jar")



ทีนี้การมีจุดขายเพียงแพลงก์ตอนน้ำเดือดอย่างเดียวมันเป็นการจำกัดกรอบของการพัฒนาผลิตภัณฑื และทำให้ภาพของแบรนด์ดูแคบไปหน่อยสำหรับยุคนี้แล้ว เขาจึงเปลี่ยนคอนเซปต์ของแบรนด์ให้เป็น Blue Biotechnology Platform เต็มรูปแบบ โดยการขยายจากการใช้เพียงแพลงก์ตอนน้ำแร่ร้อนในหุบเขาในฝรั่งเศส ไปหาสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำทั่วโลกรวมถึงในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เพื่อให้ได้ส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพและช่วยดูแลปัญหาผิวที่หลากหลาย (ฟังดูดีใช่มะ)

เอาเป็นว่าหลังจากนี้เราจะเห็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดพร้อมภาพลักษณ์ใหม่จาก Biotherm ที่จะทำให้แบรนด์นี้ดูน่าสนใจขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว แน่นอนว่าปูเป้จะมาทยอยอัพเดทให้เป็นระยะ แต่ตอนนี้กลับไปพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวเอกของไลน์ก่อนดีกว่า



Biotherm : White D-TOX Depolluting + Whitening Essence (30 ml / 3,200 THB)

ผลิตภัณฑ์ตัวแรกของ Biotherm ที่ถูกปรับภาพลักษณ์และส่วนผมให้รับกับคอนเซปต์ใหม่ของแบรนด์อย่างเต็มตัว โดยส่วนผสมจากผืนน้ำที่ถูกนำมาชูโรงก็คือ Thermus Thermophilus Ferment หรือ Venuceane™ โดยบริษัท Sederma ซึ่งเป็นส่วนผสมของโปรตีนที่ได้จากการหมักบ่มแบคทีเรียชนิดพิเศษ ที่พบได้บริเวณปล่องน้ำแร่ร้อนใต้ทะเลลึกบริเวณอ่าว Guaymas

ส่วนผสมตัวนี้ยังไม่มีงานวิจัยตีพิมพ์ออกมาว่าจะมีประโยชน์กับผิวอย่างไรบ้าง มีเพียงข้อมูลจากผู้ผลิตสารว่า สารชนิดนี้สามารถกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ (Superoxide Dismutase กับ Catalase-like และ Glutathion Peroxidase) ได้ โดยจะมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นมากขึ้นเมื่อเจอกับความร้อนที่มากขึ้น ซึ่งต่างจากสารแอนติออกซิแดนท์โดยทั่วไปที่จะเสื่มประสิทธิภาพลงเมื่อเจอความร้อนและแสง ทำให้ Venuceane™ ดูจะมีประโยชน์มากในประเทศเขตร้อน (มาก) แบบบ้านเรา

ส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งหลักจากเดิมที่เคยใช้ Ellagic Acid มาหลายปี แต่ในปีนี้ถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินซีรูปแบบ 3-O-Ethyl Ascorbic Acid มีความเสถียรมาก ละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน และสามารถเข้าไปทำงานในผิวของเราได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้กระบวนการทางเอนไซม์ในการแตกพันธะเหมือนอนุพันธ์วิตามินซีแบบเก่า (เช่น Ascorbyl Glucoside) ตัวนี้เป็นแอนติออกซิแดนท์ ตัวลดการอักเสบ และช่วยขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase

นอกจากนั้นก็จะใช้ Pisum Sativum (Pea) Extract หรือสารสกัดจากถั่วลันเตา มีชื่อทางการค้าว่า ACTIWHITE ของบริษัท Laboratoires-Serobiologiques มีกลไกในการทำงานที่ลึกลงไปในระดับยีนส์ โดยไปลดการแสดงออกของยีนส์ PMEL17 ที่มีผลต่อการพัฒนาของถุง Melanosome ซึ่งเป็นการลดการผลิตเม็ดสีตั้งแต่แรก

Palmaria Palmata Extract หรือสารสกัดจากสาหร่ายทะเลสีแดงเพื่อลดการลำเลียงถุงเม็ดสีเข้าไปยังเซลล์ผิว ตบท้ายด้วย Hydrolyzed Prunus Domestica หรือ Clairju โดยบริษัท Ichimaru Pharcos ที่ลดการดูดกลืนเม็ดสีของเซลล์ผิว (Phagocytosis) นอกจากนี้มีการใส่ LHA หรือ Capryloyl Salicylic Acid เพื่อช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อน ๆ เพื่อพยายามให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ทำงานในเรื่องของการลดจุดด่างดำได้ครบวงจร

(Source : INNOVATORY APPROACH FIGHTS PIGMENT DISTURBANCES, Induction of the skin endogenous protective mitochondrial MnSOD by Vitreoscilla filiformis extract., Effects of nonpathogenic gram-negative bacterium Vitreoscilla filiformis lysate on atopic dermatitis: a prospective, randomized, double-, Improvement of atopic dermatitis skin symptoms by Vitreoscilla filiformis bacterial extract., The epoch-making ingredients for whitening., New Whitening Extract, Developing melanin doesn't have to mean dark spots! A hit product born out of thinking outside the box)



เนื้อเซรั่มทำออกมาได้น่าประทับใจ มีความบางเบา เกลี่ยง่ายและแห้งสนิทไปกับผิวอย่างรวดเร็ว มีส่วนผสมของน้ำหอมแต่เทียบแล้วกลิ่นอ่อนกว่ารุ่นเก่าอีกเล็กน้อย (ทุก ๆ ครั้งที่ White D-TOX ปรับสูตรใหม่ กลิ่นน้ำหอมจะน้อยลงเรื่อง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีนะ...) ปริมาณแอลกอฮอล์เป็นอันดับที่สองเพื่อช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์แห้งไวขึ้น ถึงจะมีการเติม Glycerin และ Dimethicone มาเสริม แต่ปูเป้ก็จะแนะนำให้เติมความชุ่มชื้นด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวเพื่อช่วยเสริมด้วยอยู่ดี

โดยรวมแล้วการปรับส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งหลักมาเป็น วิตามินซีแบบ 3-O-Ethyl Ascorbic Acid ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้ตัวผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการเป็นไวท์เทนนิ่ง เพราะวิตามินซีช่วยต้านอนูมูลอิสระ ลดการอักเสบของผิว จึงช่วยในเรื่องของการลดรอยแดงจากการอักเสบของผิวอย่างเช่นรอยสิวอักเสบได้ด้วย (ซึ่งไวท์เทนนิ่งที่ทำงานกับ Melanin อย่างเดียวจะไม่ได้ช่วยตรงนี้) ซึ่งจากการใช้ส่วนตัวปูเป้ว่าเซรั่มตัวใหม่นี้ให้ผลในเรื่องของการลดรอยแดง และรอยดำ รวมถึงการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้นได้ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ (คงเพราะปูเป้ถูกกับวิตามินซีล่ะมั้ง...) ทางด้านส่วนผสมอื่น ๆที่ใส่มานั้นดูน่าสนใจในแง่ของคอนเซปต์ แต่เสียอย่างเดียวตรงที่มีข้อมูลมาสนับสนุนไม่เยอะนัก ตรงนี้ทุกคนจะต้องนำไปพิจารณากันอีกทีนะฮะ

Ingredients : Aqua, Alcohol Denat., Glycerin, Dimethicone, Isopropyl Lauroyl Sarcosinate, Cyclohexasiloxane, Pentaerythrityl Tetraethylhexanoate, Dimethicone/Vinyl Dimethicone Crosspolymer, 3-O-Ethyl Ascorbic Acid, Polyacrylamide, Sucrose Silaurate, Ammonium Polyacryldimethyltauramide, Capryloyl Salicylic Acid, Butylene Glycol, C13-14 Isoparaffin, Xanthan Gum, Polymethylsilsesquioxane, Citric Acid, Triethanolamine, Sodium Citrate, Polysorbate 20, Laureth-7, Phenoxyethanol, Vitreoscilla Ferment, Disodium EDTA, Thermus Thermophilus Ferment, Pisum Sativum Extract, Dimethiconol, Tocophyryl Acetate, Faex Extract, Caprylyl Glycol, Hydrolyzed Soy Flour, Palmaria Palmata Extract, Hydrolyzed Prunus Domestica, p-Anisic Acid, Benzyl Salicylate, Linalool, Limonene, Hydroxyisohexyl 3-Cyclohexene Carboxaldehyde, Parfum.



Biotherm : White D-TOX Detoxifying + Cleansing Oil (200 ml / 1,800 THB)

เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางชนิดน้ำมันตัวแรกของแบรนด์ โดยน่าจะทำออกมาเพราะว่าตลาดเอเชียส่วนใหญ่นั้นนิยมใช้ Cleansing Oil เป็นส่วนใหญ่ (ได้ยินมาว่าในญี่ปุ่นนั้น Cleansing Oil กินส่วนแบ่งถึง 60% เมื่อเทียบกับ Cleasning รูปแบบอื่น ๆ เชียวนะ)

ส่วนผสมของ Cleansing Oil ไม่มีอะไรพิสดารอยู่แล้ว เพราะมันก็จะประกอบไปด้วยส่วนผสมที่เป็นน้ำมันหรือสารที่คล้ายน้ำมัน (ในที่นี้คือ Paraffinum Liquidum หรือ Mineral Oil) และ Emollients (Caprylic/Capric Triglyceride, Ethylhexyl Stearate) เพื่อทำละลายเครื่องสำอางให้หลุดออกมา ในขณะที่ Emulsifier อย่าง PEG-20 Glyceryl Triisostearate จะช่วยรวมส่วนผสมของน้ำมันให้เข้ากับน้ำที่แปะลงไปจนกลายเป็นน้ำนม

โดยรวมนี่เป็น Cleansing Oil ที่ใช้ได้ ทำความสะอาดเมคอัพได้ดี และเมื่อล้างออกผิวก็จะไม่มัน เหนอะหนะ แต่ก็ไม่ทำให้ผิวรู้สึกว่าแห้งจนเกินไป เทคนิคในการใช้คือให้ใช้เวลาในการแตะนำและวนให้เกิดเป็นน้ำนมให้นานที่สุด เพื่อที่ได้ไม่มีอะไรตกค้างอยู่ในรูขุมขน จะช่วยลดการเกิดสิวหรือการอุดตันจากการใช้ Cleansing Oil ไปได้จ้า

Ingredients : Paraffinum Liquidum, Caprylic/Capric Triglyceride, Ethylhexyl Stearate, Isohexadecane, PEG-20 Glyceryl Triisostearate, Phenoxyethanol, Aqua, Tocopheryl Acetate, Benzyl Salicylate, Linalool, Limonene, Vitreoscilla Ferment, Ascorbyl Tetraisopalmitate.



Biotherm : White D-TOX [Bright-Cell] Instant Brightening Micro-Scrub Cleanser (125 ml / 1,400 THB)

ส่วนผสมเหมือนกับโฟมล้างหน้าสไตล์เอเชียทั่วไปที่ใช้สารกลุ่ม Fatty Acid รวมเข้ากับสารที่เป็นด่าง (Potassium Hydroxide) เพื่อให้เกิดคุณสมบัติในการทำความสะอาด ซึ่งในหลายครั้งมันก็มักจะทำให้ผิวแห้ง ตึง ฝืด ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น ดังนั้นตัวนี้ปูเป้คงจะให้ใช้เฉพาะผู้ที่มีผิวค่อนไปทางมันมากกว่าจะแนะนำให้คนที่มีผวแห้งใช้

เนื้อโฟมมีเม็ดสครับทรงกลมมนขนาดเล็กสีน้ำเงินอยู่บ้าง เมื่อผสมน้ำและตีให้เกิดฟองก็พบว่าเม็ดสครับไมได้มีปริมาณมากพอที่จะขัดผิวได้อย่างเต็มที่ (จึงทำให้สามารถใช้โฟมตัวนี้ได้เป็นประจำทุกวัน)



โดยรวมแล้วปูเป้ไม่ค่อยชอบ Cleanser รูปแบบนี้เท่าไรนัก ถึงผิวหลังล้างหน้าจะดูเหมือนไบรท์ขึ้น แต่ผิวจะดูกระด้างอย่างบอกไม่ถูก (ส่วนใครที่ชอบแบบนี้ตามใจนะครับ แต่เตือนไว้ก่อนว่ามันไม่ค่อยดีกับผิวเท่าไหร่นักหรอก) ถ้าชอบ Cleanser เนื้อโฟม ปูเป้จะแนะนำให้ลอง Hada Labo ที่เป็นโฟมเหมือนกันแต่สารทำความสะอาดอ่อนโยนกว่า หรือถ้าอยากได้ตัวเลือกอื่นจากแบรนด์ Biotherm คงจะขอแนะนำเป็นตัว Biosource แทนละกันครับ

Ingredients : Aqua, Glycerin, Myristic acid, Potassium Hydroxide, Glyceryl Stearate SE, Stearic Acid, Lauric Acid, Palmitic Acid, Coco-Glucoside, Parfum, Jojoba Esters, Tetrasodium EDTA, Linalool, Limonene, Butylphenyl Methylpropional, Hexyl Cinnamal, Sucrose Dilaurate, Propylene Glycol, Geraniol, CI 77007, Palmaria Palmata Extract, Vitreoscilla Ferment, Polysorbate 20, Citronellol, Citral, Pisum Sativum Extract, Caprylyl Glycol, p-Anisic Acid, Hexylene Glycol, Hamamelis Virginiana Extract.



Biotherm : White D-TOX [Bright-Cell] Scrub & Absorbing Mask (75 ml / 1,900 THB)

เป็นมาส์กโคลนที่มีเม็ดสครับละเอียดยิบอัดมาให้อย่างเต็มที่ ส่วนผสมไม่มีอะไรแปลกใหม่หรือพิสดาร ประกอบไปด้วยโคลนขาว Kaolin และ Montmorillonite เพื่อช่วยดูดซับน้ำมัน และใช้ Solum Diatomeae เป็นเม็ดสครับ เพิ่มส่วนผสมของวิตามินซี Ascorbyl Glucoside เข้าไปเพื่อให้ดูเป็น "ไวท์เทนนิ่ง" มากขึ้น พ่วงมาด้วย Terminalia Sericea Extract ที่ช่วยลดการอักเสบและลดแบคทีเรีย



เนื้อโคลนเป็นสีเทาเข้มเกือบดำ โดยไม่ได้มีส่วนผสมของผงถ่านอยู่เลย แต่ใช้ CI 77499 หรือ Iron Oxide Black ที่เป้นพิกเมนต์มาแต่งสีเฉย ๆ โดยรวมถือว่าเป็นมาส์คดูดซับความมันที่ใช้ได้ และเม็ดสครับผิวก็ไม่ได้บาดผิว วิธีการใช้คือทำความสะอาดผิวให้สะอาด ทามาส์กลงไปบนผิวโดยใช้การวนเพื่อเป็นการสครับผิวไปในตัว หลังจากนั้นทิ้งเอาไว้จนแห้งแล้วล้างออก ผิวจะรู้สึกสะอาด ดูกระจ่างและเรียบขึ้น (เพราะการสครับผิวนั่นแหล่ะ)

มีข้อเสียอย่างเดียว คือส่วนผสมของน้ำหอมและ Fragrance Component ซึ่งคนที่กังวลเรื่องผิว sensitive จะต้องทดสอบก่อนใช้กับผิวหน้านะจ๊ะ

Ingredients : Aqua, Kaolin, Solum Diatomeae, Lecithin, Butylene Glycol, Propylene Glycol, Ascorbyl Glucoside, Montmorillonite, Oryza Sativa Strach, Chondrus Crispus (Carageenan), Triethanolamine, CI 77499, Phenoxyethanol, Parfum, Diethyl Sodium Sulfosuccinate, Xanthan Gum, Methylparaben, Sodium Citrate, Citric Acid, Terminalia Sericea Extract, Vitreoscilla Ferment Extract, Benzyl Salicylate, Dipotassium Glycyrrhizate, Topopherol, Linalool, Limonene, Sucrose Dilaureth, Butylphenyl Methylpropional, Palmaria Palmata Extract, Polysorbate 20, Hexylene Glycol, Pisum Sativum Extract, TriticumVulgare Germ Extract, Caprylyl Glycol, p-Anisic Acid, Hamamelis Virginiana Extract.



Biotherm : White D-TOX Brightening + Detoxifying Skincare Water (200 ml / 1,600 THB)

คำว่า Skincare Water เป็นการปรับคำพูดเพื่อสื่อว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่ใช่ Toner ไม่ได้เอามาทำความสะอาด แต่เป็นหนึ่งในขั้นตอนของการ "บำรุง" ผิว แต่จริง ๆ แล้วมันจากส่วนผสมมันก็แทบแยกกันไม่ออกเลยก็ว่าได้...

Toner เอ๊ย!!! Skincare Water ขวดนี้มีปริมาณแอลกอฮอลืเป็นอันดับที่สอง ซึ่งก็คงจะพอคุ้มที่จะใช้หากมีปริมาณของส่วนผสมที่มีประโยชน์เยอะมากพอ น่าเสียดายที่โดยรวมแล้วัมนออกจะดูธรรมดาไปหน่อย เพราะส่วนผสมของสารบำรุงอื่นๆ ก็ถูกใส่มาในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในไลน์อยู่แล้ว สิ่งที่ดูจะมีเป้นความหวังขึ้นมาหน่อยคือ Salicylic Acid ในปริมาณที่อาจจะเข้มข้นพอที่จะผลัดเซลล์ผิวได้ แต่ค่า pH อยู่ที่ 4.5 ทำให้คุณสมบัติเรื่องการผลัดเซลล์ก็ตกไปอีกนั่นแหล่ะ

สิ่งที่คาดหวังได้คือคุณสมบัติในการเก็บกวาดสิ่งสกปรกที่อาจจะตกค้างอยู่ รวมถึงเตรียมผิวให้พร้อมกับการลง Serum และการบำรุงในขั้นต่อ ๆ ไปได้ ถ้ามองว่าเป็น Toner ก็พอเข้าใจ แต่ถ้าจะให้เป็น Skincare Water ที่เน้นบำรุงจริง ๆ จะยังถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ของปูเป้นะ

โดยรวมปูเป้ใช้ Skincare Water โปะตามด้วย Serum และ Cream ในตอนกลางคืน และ Milky Lotio ในตอนกลางวัน ผิวก็ออกมากำลังดีครับ ไม่เหนอะะ และไม่แห้ง

Ingredients : Aqua, Alcohol Denat., Butylene Glycol, Glycerin, Methyl Gluceth-10, PEG-60 Hydrogenated Casor Oil, Chlorphenesin, Salicylic Acid, Dipotassium Glycyrrhizate, Potassium Hydroxide, Tetrasodium EDTA, Citric Acid, Glycolic Acid, Xanthan Gum, Terminalia Sericea Extract, Sucrose Dilaureth, Capryloyl Salicylic Acid, Palmaria Palmata Extract, Polysorbate 20, Faex Extract, Pisum Sativum Extract, TriticumVulgare Germ Extract, Vitreoscilla Ferment, Hydrolyzed Prunus Domestica, Caprylyl Glycol, Benzyl Salicylate, p-Anisic Acid, Parfum.



Biotherm : White D-TOX [Translu-Cell] Neo-Whitening Instantly Unifying Eye Care ๖15 ml / 2,000 THB)

เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์สำหรับผิวรอบดวงตาที่มีเนื้อค่อนไปทางเจล ส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งหลักคือวิตามินซีในรูปของ Ascorbyl Glucoside ซึ่งจะช่วยต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดรอยคล้ำที่เกิดขึ้นจากเมลานินได้ (แต่ถ้าเป็นรอยคล้ำจากสาเหตุอื่นไม่เกี่ยวนะ) ส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นมาคือ เซราไมด์ 2-Oleamido-1,3-Octadecanediol ที่ช่วยเสริมในเรื่องของการลดการสร้งเมลานินได้ด้วย แน่นอนว่าจะอะไรที่เป็นผลิตภัณฑ์รอบดวงตาจะต้องมี Caffeine ใส่มาด้วย แต่ยังไม่มีการศึกษาว่าส่วนผสมนี้มีผลกับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะอย่างไรบ้าง แต่เชื่อกันว่าช่วยในเรื่องการไหลเวียนโลหิต ทำให้รอยช้ำรอยบวมใต้ตาน้อยลง (ถึงได้ใส่มา)



เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างที่จะบางเบาเหมือนกัน และเมื่อแห้งแล้วจะไม่มีความเหอนะหนะ เหมาะกับคนที่ไม่ได้มีผิวรอบดวงตาแห้งเป็นพิเศษ เพราะถ้าแห้งมากตัวนี้ก็คงจะมีคุณสมบัติในการเคลือบผิวไม่มากพอ มีส่วนผสมของชิมเมอร์ที่ช่วยกระจายแสงอยู่ค่อนข้างเยอะ แต่ว่ามันไม่ได้ช่วยอำพรางรอยคล้ำเมื่อมองด้วยตาเปล่าเท่าไหร่เลย การใช้คอนซีลเลอร์หรือ Eye Base จะช่วยอำพรางรอยคล้ำได้ดีกว่า

ตัวนี้ปูเป้ถือว่าใช้ได้ ไม่มีอะไรระคายเคืองผิว แต่ไม่ได้รู้สึกปลาบปลื้มเป็นพิเศษเช่นกัน (และส่วนตัวชอบอายครีมเนื้อเข้มข้น ๆ หน่อยด้วยแหล่ะ)

Ingredients : Aqua, Glycerin, Dimethicone, Butylene Glycol, Ascorbyl Glucoside, Polyacrylamide, Silica, Octyldodecanol, C13-14 Isoparaffin, Potassium Hydroxide, Dimethicone/Vinyl Dimethicone Cross Polymer, Sodium Citrate, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Mica, Laureth-7, Caprylyl Glycol, Caffeine, Methylparaben, CI 77891, Salicylic Acid, 2-Oleamido-1,3-Octadecanediol, Ethylparaben, Disodium EDTA, Dimethiconol, Sodium Hydroxide, Vitreoscilla Ferment, Citric Acid, Terminalia Sericea Extract, Sucrose Dilaureth, Palmaria Palmata Extract, Polysorbate 20, Pisum Sativum Extract, TriticumVulgare Germ Extract, Hydrolyzed Prunus Domestica, p-Anisic Acid.



Biotherm : White D-TOX [Translu-Cell] Neo-Clarifying Velvety-Milky Lotion (125 ml / 2,500 THB)

นอกจากส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งที่มีอยู่ใน Serum เป็นส่วนใหญ่แล้ว ตัวนี้ก็มีวิตามินซีในรูปของ Ascorbyl Glucoside และส่วนผสมของ Lotion Base ที่ให้ความชุ่มชื้นบางเบา กับสารกันเสีย และน้ำหอม คุณสมบัติหลัก ๆ คือการเคลือบผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นหลังจากการใช้ Serum เป็นหลัก



เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างบางเบา เหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวมัน แถมปริมาณที่ให้มาก็เยอะมากถึง 125 ml ทีเดียว สามารถกดใช้กันอย่างสิ้นเปลืองได้โดยไม่รู้สึกเสียดายเลยล่ะ โดยรวมก็ถือว่าเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อน้ำนมที่ใช้ได้ เพราะอย่างน้อยก็มีวิตามินซี และสารไวท์เทนนิ่งที่ทำงานเสริมกันใส่มาให้ ถ้าใช้ผลิตภัณฑืที่มีส่วนผสมของน้ำหอมได้ ตัวนี้ก็ถือว่าไม่แพงนักเมื่อเทียบราคากับปริมาณ แถมบรรจุภัณฑ์ก็สวยและกดใช้ง่ายด้วย

ปูเป้ใช้โลชั่นตัวนี้ในลักษณะของการประคบผิวนะครับ คือปั้มโลชั่น 3 ปั้มลงบนฝ่ามือ วอร์มให้มันอุ่นหน่อย แล้วก็ประคบลงไปบนผิวหน้าเบา ๆให้ทั่ว รวมถึงลำพอด้วย แล้วก็ประคบไปเรื่อยๆ ด้วยแรงกดเบา ๆ จนกระทั่งมันซึมหรือแห้งไปจนหมด วิธีนี้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากเลยล่ะ :D

Ingredients : Aqua, Neopentyl Glycol Dicaprate, Alcohol Denat., Dimethicone, Glycerin, Butylene Glycol, Caprylic/Capric Triglyceride, Ascorbyl Glucoside, Sucrose Tristearate, Steareth-10, Potassium Hydroxide, Sodium Citrate, Sodium Stearoyl Glutamate, Xanthan Gum, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Methylparaben, Phenoxyethanol, Salicylic Acid, Carbomer, Propylene Glycol, Disodium EDTA, Citric Acid, Terminalia Sericea Extract, Benzyl Salicylate, Sucrose Dilaurate, Linalool, 2-Oleamido-1,3-Octadecanediol, Capryloyl Salicylic Acid, Limonene, Palmaria Palmata Extract, Polysorbate 20, Pisum Sativum Extract, TriticumVulgare Germ Extract, Geraniol, Vitreoscilla Ferment, Hydrolyzed Prunus Domestica, Caprylyl Glycol, Citronellol, p-Anisic Acid, Parfum.



Biotherm : White D-TOX [Bright-Cell] Hydra-Plumping Cream + Intense Brightening (50 ml / 2,900 THB)

นอกจากส่วนผสมของ Cream Base ที่เข้มข้นกว่า เหมาะกับผิวที่ต้องแห้งหรือต้องการคุณสมบัติในการเคลือบเก็บกักความชุ่มชื้นที่มากขึ้น หรือสำหรับคนที่นอนในห้องแอร์หรืออยู่ในแถบที่อากาศค่อนข้างเย็นหน่อย ส่วนผสมอื่น ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างจากตัว Lotion นัก สามารถย้อนกลับไปอ่านคอมเมนต์อื่น ๆ ด้านบนได้

Ingredients : Aqua, Butylene Glycol, Pentaerythrityl Tetraethylhexanoate, Glycerin, Hydrogenated Polyisobutene, Cyclohexasiloxane, Ascorbyl Glucoside, Paraffinum Liquidum, Cetyl Alcohol, Polyacrylamide, Phenoxyethanol, PEG-100 Stearate, Glyceryl Stearate, Stearic Acid, Butyrospermum Parkii Butter, C13-14 Isoparaffin, Triethanolamine, Potassium Hydroxide, Cera Microcristallina, Sodium Benzoate, Sodium Citrate, Chlorphenesin, Parfum, Paraffin, Xanthan Gum, Laureth-7, 2-Oleamido-1,3-Octadecanediol, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Biosaccharide Gum-1, Citric Acid, Terminalia Sericea Extract, Vitreoscilla Ferment, Tetrasodium EDTA, BHT, Sucrose Dilaurate, Benzyl Salicylate, Linalool, Palmaria Palmata Extract, Limonene, Butylphenyl Methylpropional, Polysorbate 20, Pisum Sativum Extract, TriticumVulgare Germ Extract, Geraniol, Caprylyl Glycol, p-Anisic Acid.



โดยภาพรวมแล้ว Biotherm : White D-TOX Depolluting + Whitening Essence เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและน่าสนใจมากที่สุดในไลน์ เพราะใช้ส่วนผสมของวิตามินซีรูปแบบใหม่ที่ยังไม่ค่อยแพร่หลายนักในเครื่องสำอางระดับ Luxury ตามเคาน์เตอร์ หากอยากได้วิตามินซีตัวนี้ในราคาที่ถูกกว่าทาง Kiehl's มีตัวเลือกให้ แต่ในแง่ของคุณสมบัติของการจัดการกับจุดด่างดำนั้น ทาง Biotherm จะมีส่วนผสมที่ทำงานในกลไกที่หลากหลายและครอบคลุมกว่า และมาพร้อมกับส่วนผสมของสารแอนติออกซิแดนท์ที่พิเศษกว่าใครเพื่อนอย่าง Venuceane™ (และที่สำคัญ Biotherm เป็นขวดปั้มทึบแสงด้วย)

ราคาอาจจะดูเหมือนสูง แต่แบรนด์นี้มีโปรโมชั่นที่หนักหน่วงทีเดียว โดยเฉพาะทาง Facebook Page ของแบรนด์ที่จะเข็นโปรโมชั่นน่าสนใจออกมาให้ติดตามกันเรื่อย ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ในไลน์ที่ปูเป้พอจะแนะนำให้เก็บเป็นตัวเลือกก็คือ Cleansing Oil กับ Mask และ Milky-Lotion ข้อดีของ Biotherm อีกอย่างหนึ่งคือผลิตภัณฑ์ตัวหลัก ๆ จะมี Sample ให้นำไปทดลองใช้ก่อนด้วย ยังไงถ้าสนใจก็ให้ลองแวะไปที่เคาน์เตอร์ดูได้

สำหรับคำถามว่า "จะแพ้มั้ย" "ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?" เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้งครับ

ส่วนใครที่สนใจหรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีโปรโมชั่นอะไร หรือมีกิจกรรมอะไรบ้าง ก็แวะไปที่ Facebook ของ Biotherm Thailand ได้เลยจ้า


ข้อดี

- เซรั่มมีส่วนผสมของวิตามินซีรูปแบบใหม่
- สารไวท์เทนนิ่งที่ใช้ทำงานในกลไกที่หลากหลาย
- หาซื้อได้ง่าย และโปรโมชั่นของแถมกระหน่ำ
- ผลิตภัณฑ์ตัวหลักส่วนใหญ่จะมี Sample ให้ทดลองใช้ / มีแจก Sample ผ่านการลงทะเบียน
- เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์โดยรวมทำออกมาได้ดี

ข้อเสีย

- มีส่วนผสมของน้ำหอมในเกือบทุกผลิตภัณฑ์
- Skincare Water มีส่วนผสมของ Alcohol มากไปหน่อย
- Hydra-Plumping Cream ใช้บรรจุภัณฑ์แบบกระปุก

***Sponsored Item***

- Biotherm : White D-TOX Detoxifying + Cleansing Oil
- Biotherm : White D-TOX [Bright-Cell] Instant Brightening Micro-Scrub Cleanser
- Biotherm : White D-TOX [Bright-Cell] Scrub & Absorbing Mask
- Biotherm : White D-TOX Brightening + Detoxifying Skincare Water
- Biotherm : White D-TOX Depolluting + Whitening Essence
- Biotherm : White D-TOX [Translu-Cell] Neo-Whitening Instantly Unifying Eye Care
- Biotherm : White D-TOX [Translu-Cell] Neo-Clarifying Velvety-Milky Lotion
- Biotherm : White D-TOX [Bright-Cell] Hydra-Plumping Cream + Intense Brightening




Create Date : 23 มีนาคม 2555
Last Update : 23 มีนาคม 2555 21:16:21 น. 8 comments
Counter : 39405 Pageviews.

 
ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ


โดย: Kanyaphat K. IP: 61.90.26.248 วันที่: 23 มีนาคม 2555 เวลา:22:10:45 น.  

 
เป็นข้อมูลที่ดีมากๆคะ ขอบคุณมากๆคะ


โดย: malina IP: 171.4.53.128 วันที่: 23 มีนาคม 2555 เวลา:23:16:21 น.  

 
ดีมากเลยครับ แต่ biotherm มีผลิตภัณฑ์ของผู้ชายด้วย แล้วผู้ชายจะเหมาะกับผลิตภัณฑ์ผู้หญิงไหมครับ หรือว่าแทนกันได้


โดย: PEH IP: 171.98.6.237 วันที่: 24 มีนาคม 2555 เวลา:19:12:48 น.  

 
ขอบคุณมากครับ ข้อมูลละเอียดมาก ^_^


โดย: Natty IP: 1.47.79.219 วันที่: 27 มีนาคม 2555 เวลา:23:27:27 น.  

 
ใช้ดีมากเลย แต่ยังซื้อไม่ครบเซตเลยคะกิเลสมาอีกแล้ว


โดย: โตโร่ กาโต้ IP: 171.97.140.96 วันที่: 8 เมษายน 2555 เวลา:11:20:35 น.  

 
ใช้แล้วหน้ามันมีสิวอุดตันขึ้นเยอะเลยค่ะ คิดว่าไม่เหมาะกับคนผิวมันนะคะ


โดย: nina IP: 125.27.11.124 วันที่: 3 มิถุนายน 2556 เวลา:17:50:18 น.  

 
แนะนำให้ไปดูรีวิวระดับ international ที่ makeupalley ด้วย จะได้ข้อมูลจากผู้ใช้จริงและต่อเนื่อง ดีกว่าข้อมูลที่มานั่งเทียนเขียนเอง


โดย: Soso IP: 171.99.0.132 วันที่: 16 กันยายน 2557 เวลา:7:25:08 น.  

 
I'm curious to find out what blog system you have been using? I'm having some small security issues with my latest site and I'd like to find something more risk-free. Do you have any suggestions?
ugg-uri tricotate online //www.futuratextiles.com/images/layout/it-ugg/uj5MkhWGtr/


โดย: ugg-uri tricotate online IP: 192.99.14.36 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2557 เวลา:15:43:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PuPe_so_Sweet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1829 คน [?]




Advertisement


About Pupe_so_Sweet
Pupe_so_Sweet on facebook
Pupe_so_Sweet on Youtube
vr AHA project


หากมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา
สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ที่หน้า Wall ของ Facebook ครับ



Web Counter


Counter Start on 29 September 2008


Search by Google

ค้นหาข้อมูลและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภายในBlog ของปูเป้ได้ไม่ยากด้วย Google Search Box ด้านล่างนี้เลยขอรับ

Custom Search

Friends' blogs
[Add PuPe_so_Sweet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.