ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่า ผมเองก็เป็นแฟนละครซีรี่เกาหลี เช่นเดียวกับเพื่อนๆ พี่ๆ อีกหลายๆ คน

ดังนั้น การได้รับเชิญมาชิมอาหารในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่ได้รู้สึกอินกับบรรยากาศ ของห้องอาหาร

และกลิ่นอายความทรงจำ ที่เคยดูจากในละครมาเต็มๆ จนแอบรู้สึกว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในเกาหลีจริงๆ ……. ณ ที่แห่งนี้


"ห้องอาหารคองจู โรงแรมปทุมวันปริ้นเซส"


จะมีใครสักกี่คน ที่พอจะทราบว่า โรงแรมปทุมวันปริ้นเซส ได้มีห้องอาหารเกาหลีมาแล้วกว่า 20 ปี !!!

อ่านไม่ผิดหรอกครับ 20 ปี จริงๆ เรียกได้ว่า ก่อนกระแสละครซีรี่เกาหลีจะเข้ามาฮิตในบ้านเราเสียอีก

แถมห้องอาหารเกาหลีแห่งนี้ ยังมีชื่อว่า “คองจู" โดยในภาษาไทยนั้น จะแปลว่า “เจ้าหญิง" เข้ากับชื่อโรงแรม “ปทุมวันปริ้นเซส" ซึ่งก็มีความหมายว่า "เจ้าหญิง" เช่นเดียวกัน



อ่านมาถึงจุดนี้แล้ว ผมเองก็รู้สึกประทับใจ ในรายละเอียดของที่นี่ ตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า จะมีพนักงานแต่งตัวในชุดประจำชาติของเกาหลี เริ่มทำให้ผมรู้สึกถึงความเป็นเกาหลีๆ จริงๆ



เมื่อมาเห็นโลโก้ของห้องอาหาร ก็ได้รับคำบอกกล่าวจาก “มาดาม คิม ฮันนา" ผู้ที่คอยดูแลคุณภาพอาหารของที่นี่


มาตั้งแต่ห้องอาหารแห่งนี้ได้เปิดตัวขึ้น มาดามได้บอกว่า

"สัญลักษณ์ของทางร้าน จะเป็นมงกุฎของประเทศเกาหลี สมกับชื่อของร้าน"

พลันนึกได้ ผมก็คิดถึงสัญลักษณ์ ของโรงแรมปทุมวันปริ้นเซส ก็เป็นรูปชฎาเช่นกัน อะไรจะเหมาะเจาะกันอย่างนี้ล่ะเนี่ยก้าวแรกที่เข้ามาในห้องอาหารแห่งนี้ …. มาดามซึ่งจะยืนอยู่ด้านใน จะยิ้มให้และยกมือขึ้นไหว้แบบไทย


อย่างไม่เคอะเขิน จนผมเองต้องรีบยกมือขึ้นไหว้มาดามตอบ ในแทบจะทันทีเช่นกันครับ



เมื่อเดินเข้าห้องอาหาร ก็พบกับบรรยากาศแบบเกาหลีชนิดที่เรียกว่าจัดเต็มกันเลย

การตกแต่งภายใน สร้างความรู้สึกให้อิน ก่อนที่ผมจะได้เข้าไปลิ้มรสชาติอาหาร ที่มีการกล่าวขานกันว่าเป็น

อาหารเกาหลีที่มีการปรับปรุงรสชาติให้เหมาะกับคนไทย ด้วยวัตถุดิบแบบเกาหลีจริงๆ



บางช่วงเวลา ที่มีแขกจำนวนมาก ทางห้องอาหาร ก็จะมีพื้นที่เพื่อให้แขกรายใหม่ได้รอคิว


ก่อนเข้าห้องอาหาร โดยได้จัดเป็นโถงกว้างๆ ที่ดูโอ่อ่า รู้สึกถึงความสบายและรู้สึกส่วนตัวมากๆ ครับ



เมื่อมาถึงโต๊ะ รายการแรกของวันนี้ก็เริ่มต้นด้วย

ไก่ทอดพริก (DAHK KANG JEONG)

สูตรของห้องอาหารแห่งนี้ ไก่จะมีความกรอบ


และมีรสชาติเผ็ดนิดๆ มาดามบอกว่า รายการเมนูนี้ มีมาตั้งแต่ห้องอาหารเปิดตัว

ถือได้ว่าเป็นไก่ทอดเกาหลี อันดับแรกๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ครับ



กระเทียมที่ถูก


สไลด์บางๆ และทอดจนเหลืองกรอบ ทานคู่กับไก่ทอดและมีพริกทอดฝอย

เมื่อได้ทานไปพร้อมกันแล้ว รู้สึกได้ทันทีว่า …….

เป็นเมนูที่น่าจะถูกปากของคนไทยอีกหลายคนแน่ๆ เลยครับ



หลังจากที่ได้ลิ้มรสอาหารจานแรก และได้หลงไหลไปเรียบร้อยแล้ว


ก็มาถึงรายการถัดไป มาดามได้บอกกับผมว่า อาหารเกาหลี เน้นมากเรื่องสุขภาพ

ดังนั้นจะขาดไม่ได้เลยสำหรับรายการนี้

“ซุปไก่ตุ๋นโสมเกาหลี"


เมื่อถูกนำขึ้นเสิร์ฟบนโต๊ะ จมูกของผมก็ได้รับรู้ถึงกลิ่นโสม ที่ออกมาจากซุปอุ่นๆ


ทำให้ความรู้สึกเย็นๆ ตอนนั้น....แทบจะอุ่นขึ้นทันที ….

ภายในซุป นอกจากไก่เนื้อนุ่มแล้ว ก็ยังมีพุทราจีน โสม เครื่องยาสมุนไพร

และที่สำคัญ ยังมี “ข้าวเหนียว" อีกด้วย ซึ่งมาดามก็บอกว่า คนเกาหลี เวลาทานซุปร้อนๆ

มักจะต้องมีข้าวด้วย เพื่อให้อิ่มท้อง ดังนั้น บางคน ก็จะสามารถทานซุปเดี่ยวๆ ได้เลยเช่นกันครับถัดไป จะเป็นรายการอาหารที่ชื่อสุดอลังการอีกรายการหนึ่งครับ มาดามบอกว่า อาหารรายการนี้ชื่อ

“เจ้าหญิงปทุมวัน" (GOO JEOL PAN)

ตั้งตามชื่อโรงแรม สถานที่ตั้งของห้องอาหารเลยครับ


โดยในการทาน จะต้องใช้แผ่นแป้งห่อกับเครื่องที่ถูกเตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็น

ไข่แดงเส้น, ไข่ขาวเส้น, กุ้งสับ, แตงกวา, แครอท, เห็ด, ปูอัด, เนื้อไก่ฉีก



หลังจากที่ได้บรรจงห่ออย่างเรียบร้อย ก็ถึงเวลาทาน สามารถทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรเกาหลีรสเด็ด


เพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี โดยมาดาม จะเป็นผู้เล่าถึงเรื่องราวอาหารแต่ละอย่าง

พร้อมทั้งห่ออาหารให้ผมได้ทานได้อย่างถูกต้อง มาดามบอกว่า การใส่เครื่องเคียงหลากหลายสีนี้

ทำให้เราได้รับสารอาหารได้ครบถ้วน และ



การ “ห่อ/พัน อาหาร" ของเกาหลี นั้นหมายถึง “ความโชคดี" LUCKY


อาหารเกาหลี ต้องการให้คนทานได้รับ “ความโชคดี" ผมเลย อิ่มทั้งท้องและทั้งใจไปในเวลาเดียวกันจริงๆ ครับ



“ซี่โครงต้มเค็มเกาหลี" (HO BAK KAL BEE TCHIM)

ก็เป็นอีกหนึ่งในรายการอาหารอร่อย ที่จะมีเนื้อซี่โครงนุ่มๆ อยู่ในลูกฟักทองสุก


ความหวานของเนื้อฟักทองที่สุกและมีกลิ่นหอม ทำให้รสชาติของซี่โครงมีความกลมกล่อมมาก

และสุดแสนจะมีคุณค่าทางโภชนาการสุดๆ เช่นกันครับ



หลังจากเห็นเมนูนี้ไปแล้ว มาดามได้เดินเข้ามา แล้วก็ถามผมว่า


"จะรับประทานเลยมั้ย"

ต้องบอกตามตรงเลยครับ ว่าในใจผมตอนนั้นก็อยากจะลิ้มรสอยู่แล้ว

เลยตอบตกลงกับมาดามไป



มาดามเลยทำการจัดแจงเตรียมมีด เพื่อมาเปิดเมนูนี้ให้กับผม

และสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ……

หลังจากที่มาดามได้จัดการเรียบร้อยแล้ว หน้าตาของอาหารนี้ก็เปลี่ยนไป

ยิ่งทำให้ผมอยากสัมผัสเร็วขึ้นอีกครับ



หลังจากได้ชิมอาหาร อันมีเรื่องราวมาหลายรายการ ถึงเวลาต้องจิบชาอุ่นๆ


เพื่อให้คล่องคอมากขึ้น ทางห้องอาหารได้เสิร์ฟ ชาเกาหลี

มาให้ผมได้ลองชิมเช่นกัน



ต้องขอบอกเลยว่า ปกติเคยจิบแต่ชาไทย, ชาญี่ปุ่น เพิ่งครั้งแรกเลยนะครับเนี่ย

ที่ได้ชิมชาจากเกาหลีแท้ๆ



ต่อไปถึงเมนูหลักของวันนี้แล้ว ทางห้องอาหารเรียกว่า


All You Can Eat

ประกอบด้วย ไก่, หมู, เนื้อ, ซี่โครงหมู, หมูสามชั้น, ปลากระพง, ปลาหมึก, ปลาแซลมอล


รวมถึงอาหาร ที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น

ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหญิงปทุมวัน, ไก่ทอดพริก และยังมีอีกหลากหลายรายการเลยคร๊าบ



อาหารเกาหลี ถ้าจะให้ครบครัน จะต้องมี “เครื่องเคียง" ให้ทานคู่กัน


ที่นี่ก็มีให้เราได้เลือกมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

ข้าวกระเทียม, ซุปกิมจิ, ซุปสาหร่าย, กิมจิ, มันฝรั่งผัดสไตล์เกาหลี, ผักยำ บลา บลา บลา (หลายอย่างจริงๆ)

ต่อจากนี้ไป เป็นจังหวะที่จะได้ลงมือ ย่างกันแล้วครับ

ความอร่อย นอกจากที่ผมจะบอกว่า รสชาติหมักได้ที่ ย่างกับเตาถ่านหอม ๆ

สุกแล้วได้รสชาติกลมกล่อม

พร้อมพิสูจน์ด้วยกาลเวลา ที่อยู่คู่กรุงเทพมหานครฟ้าเมืองอมร มาถึง 20 ปี



ผมคงต้องปล่อยความรู้สึกนี้ ผ่านทางรูปให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน

รับรู้ผ่านทาง “สายตา" กันก่อนนะครับ แหะๆ ขอตัวชิม ในทุกๆ รายการก่อน

เนื่องจากตอนนี้ ท้องของผมได้ทำงานอย่างจริงจังแล้วล่ะครับ ฮ่าๆๆๆๆ



และคงจะเป็นเพราะ มาดาม เห็นผมกำลังอร่อยกับหลากหลายเมนู


ที่กำลัง ปิ้งและย่างอย่างสนุกสนาน มาดามเลยบอกผมว่า อาหารเกาหลี

ถ้าขาด ข้าวยำ ก็คงเหมือนขาดอะไรไป มาดามจึงจัดข้าวยำให้ผมได้ลองอีก 1 ชาม

บอกได้เลยครับ แม้ว่าจะอิ่มแค่ไหน …. ถึง ณ จุดนี้ …. ขอสู้ตาย !!!!!!



หลังจากได้ลิ้มรส และทานอย่างหนักแล้ว (ขอไม่เรียกว่า ชิมแล้วนะครับ เพราะมันเกินจุดนั้นมาไกลพอควร)


มาดามส่งยิ้มมาให้ผม จากอีกด้านของโต๊ะ พร้อมกับบอกว่า ….



เนื่องในโอกาส ที่ห้องอาหารคองจูครบรอบ 20 ปี ทางห้องอาหารได้มีเมนูพิเศษ

เพื่อให้ลูกค้าได้ทาน โดยจะเป็นอาหาร ที่ปรุงแต่งน้อย เพื่อให้ลูกค้า

ได้รับรู้ถึงรสชาติที่แท้จริงของอาหารได้อย่างชัดเจนครับ

และเมนูนี้ จะเริ่มให้บริการ ในเดือน กันยายน 2559 นี้ทั้งเดือนครับ



ใครที่ ตามไปชิม เรียกชื่อเลยครับ ขอเมนูฉลอง 20 ปี



มาดามบอกกับผมว่า นี่เป็นจานแรก ที่เสิร์ฟให้กับลูกค้า


ผมเองรู้สึกถึงความพิเศษในครั้งนี้จริงๆ และที่สำคัญ มาดามได้ทำการลงมือในการตัดผัก

และจัดแจงห่อเป็นคำให้กับผม ……. มาดามยังย้ำคำเดิม

“การห่อ คือการส่งมอบความโชคดีให้กับลูกค้า"

ตามคำในภาษาเกาหลี …..



โอ้วววว เนื้อหมูนุ่มๆ ที่แทบจะละลายได้ทันทีในปาก กับรสชาติกิมจิแบบฉบับของที่นี่


ช่างเข้ากันยิ่งนัก ….. แล้ว ?????

ความรู้สึกอิ่มของผมก่อนหน้านี้ หายไปไหนล่ะเนี่ย ? บอกไม่ถูกจริงๆ



อาจจะเพราะว่า ความอร่อยและรสชาติที่ไม่เคยลิ้มลองที่ไหนมาก่อน

ทำให้ผมอยากทาน และยิ่งได้รับคำบอกที่พิเศษด้วยแล้ว งานนี้ ไม่มีการ Say NO นะค้าบบบบ แหะๆๆ



หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็มีโอกาสได้คุยกับมาดาม อีกพักใหญ่ ความสนุกบังเกิดขึ้นบนโต๊ะ


เพราะมาดามอยู่เมืองไทยมานาน เลยมีเรื่องเล่าต่างๆ ขำๆ ให้ผมได้ฟังมากมาย หัวเราะไป

นั่งให้อาหารได้ย่อยไป รอยยิ้มเกิดขึ้นตลอดเวลา และสิ่งที่ผมสัมผัสได้กับที่นี่คือ

พนักงานทุกคนมีความเป็นกันเอง มีความตั้งใจในการเสิร์ฟ และให้ข้อมูลตลอดเวลา

รอยยิ้ม มารยาทแบบไทยๆ ได้ผสมกับกลิ่นอายของเกาหลีได้อย่างลงตัว



ถือได้ว่า ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาก้าวแรก จนถึงเวลาที่กำลังจะกลับออกไป

ผมเองรู้สึกถึงความเต็มที่ของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการบริการ หรือการคัดสรร วัตถุดิบ

เพื่อมาประกอบอาหาร ที่สำคัญกิมจิที่นี่ก็ได้ทำเองทุกวัน

โดยมาดาม ผู้ซึ่งมีกฏเหล็กหลากหลายในการคัดเลือกของมาทำ เพราะมาดามพูดเสมอว่า

สิ่งที่นำมาทำให้ลูกค้า ถ้าจะให้อร่อยก็ต้องคัดสิ่งที่ดีมาเสิร์ฟเสมอ

อีกครั้งนะครับ ที่ไม่ได้พูดเพื่อให้เชื่อ แต่อยากให้มาลิ้มลองด้วยตัวของคุณเอง

แล้วคุณจะรับรู้ถึงรายละเอียดต่างๆ ของห้องอาหารแห่งนี้ …………



“ห้องอาหารคองจู โรงแรมปทุมวันปริ้นเซส"