Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
12 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
พาเที่ยววัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร สกลนครจ้า

พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร
แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม

คำขวัญจังหวัดสกลนคร เนี่ยแป้งท่องจำมาตั้งแต่เด็กๆตอนนี้จำได้ขึ้นใจละ เวลาแป้งไปไหน มักจะมีคนถามบ่อยๆว่า สกลนคร มีอะไรเที่ยวมั่ง

แป้งก่ะตอบไปทุกทีว่ามีแต่วัด

ตอบงี้ก่ะไม่มีใครอยากจะมาเที่ยวสกลเล้ย

คิดในใจ ตรูตอบผิดตรงไหนหว่า

วันนี้ฤกษ์งามยามดีก่ะเลย จาพาทุกคนมาเที่ยววัดกันน๊า
เริ่มจากวัดคู่บ้าน วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากกกก
ไปค้นประวัติมาได้ดังนี้ค่า

พระธาตุเชิงชุม ประดิษฐานอยู่บนเนินสูง ในวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ริมหนองหาร อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร

ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอานนท์ ได้เสด็จจากพระวิหารเชตวัน มาทางดินแดนทางทิศตะวันออก เพื่อโปรดสัตว์ เมื่อเสด็จตามลำแม่น้ำโขง ก็ได้ประทับรอยพระพุทธบาทมาตามลำดับ มีพระพุทธบาทบัวบก พระพุทธบาทโพนเพล พระพุทธบาทเวินปลา แล้วมาพักฉันภัตตาหารที่ภูกำพร้า อันเป็นที่ตั้งของพระธาตุพนม จากนั้นได้เสด็จไปโปรดพระเจ้าสุวรรณภิงคาระ และได้ประทับพระพุทธบาทที่ภูเขาน้ำลอดเชิงชุม รวมกับพระพุทธบาทของ อดีตพระพุทธเจ้าองค์ก่อนอีก 3 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้าพระนามกกุสันธะ พระพุทธเจ้าพระนามโกนาคมะ และพระพุทธเจ้าพระนามกัสสปะ เมื่อพระเจ้าสุวรรณภิงคาระทรงทราบข่าว จึงได้เสด็จออกต้อนรับ พร้อมทั้งพระนางนารายณ์เจงเวงราชเทวี พระพุทธเจ้ามีพุทธประสงค์ให้พระเจ้าสุวรรณภิงคาระ ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น จึงทรงแสดงปาฏิหารย์บันดาลให้มีดวงมณีรัตน์มีรัศมี พวยพุ่งออกจากพระโอษฐ์พร้อมกันสามดวง พระเจ้าสุวรรณภิงคาระทรงเห็นเป็นอัศจรรย์ก็บังเกิดศรัทธา เปล่งวาจาสาธุการด้วยความปิติ พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า ณ ที่นี้เป็นสถานที่อันอุดมประเสริฐ ที่พระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ จะได้มาประชุมรอยพระพุทธบาทไว้ เพื่อเป็นที่สักการะแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระเจ้าสุวรรณภิงคาระ บังเกิดความปิติโสมนัส จึงได้ถอดมงกุฎทองคำของพระองค์ สวมลงบูชารอยพระพุทธบาท แล้วทรงสร้างเจดีย์ครอบไว้ จึงได้ชื่อว่าพระธาตุเชิงชุมแต่นั้นมา เนื่องจากเป็นที่ชุมนุมของพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์




พระธาตุเชิงชุม เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน รูปทรงสี่เหลี่ยม สูง 24 เมตรเศษ ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยม ไม่มีลวดลายประดับ ที่ฐานเจดีย์ มีซุ้มประตูทั้งสี่ด้าน ซุ้มยอดประตูมีลักษณะเป็นยอดปราสาท ข้างในทึบสร้างด้วยศิลาแลง และหินทรายแดง ส่วนที่เห็นอยู่ปัจจุบันเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ ครอบองค์เดิมไว้ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าสร้างสมัยใด ประตูด้านทิศตะวันออกที่เชื่อมต่อกับพระวิหาร จะมีซุ้มเป็นคูหาลึกเข้าไป ด้านขวามือมีศิลาแลง จารึกอักษรขอมติดอยู่ ตัวอักษรลบเลือนมาก อ่านไม่ออก



พระอุโบสถหลังเดิมหรือสิมเก่า มีลักษณะเป็นสิมแบบโถง โครงสร้างเป็นไม้ก่ออิฐถือปูน หลังคาเป็นกระเบื้องไม้แบบเดิม หันหน้าไปทางทิศใต้ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2370 ครั้งพระธานีเป็นเจ้าเมือง ภายในมีจิตรกรรมเป็นภาพเถาไม้เลื้อยเป็นแนวรอบอาคาร หน้าบันมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปเทพบุตรและเทพธิดา ดาวประจำยาม มังกรและเถาไม้เลื้อย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ ทั้งที่สร้างด้วยไม้และเป็นปูนปั้น



ภายในพระวิหารประดิษยฐาน หลวงพ่อพระองค์แสน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร



งานมนัสการพระธาตุประจำปี เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 11 ค่ำ ถึง 15 ค่ำ เดือนยี่ ในวันเริ่มงานจะมีการจุดพลุ ย่ำฆ้องกลองเป็นที่เอิกเริก วันสุดท้ายของงานตอนเช้า จะมีการตักบาตรพระสงฆ์รอบองค์พระธาตุ ตอนบ่ายจะมีการสรงน้ำองค์พระธาตุ กลางคืนมีการประกวดขบวนแห่โคมไฟ จากนั้นก็มีการจุดบั้งไฟและไฟพะเนียง

งานนี้อ่า คนเยอะมากมาก เพราะถนนทางเข้าวัดค่อนข้างแคบ ทางเข้าจาเป็นถนนสี่แยก แต่ถ้าเป็นวันธรรมดาจะไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก

ภายในวิหารจะมีพระพุทธรูปหลวงพ่อองค์แสนประดิษฐานอยู่ ซึ่งถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก หลายคนมาขอพร แล้วได้สมหวังดั่งใจทุกราย ไม่เชื่อมาขอดูนะคะ หุหุ
มาดูประวัติท่านกัน



จากตำนาน หลวงพ่อพระองค์แสนสร้างขึ้นราวพุทธศักราช ๑๘๐๐ เพื่อแทนหลวงพ่อสุวรรณแสนองค์จริงที่เป็นทองคำทั้งองค์ (สร้างโดยพระเจ้า ชัยวรมันที่ ๓)คือในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เกิดศึกสงครามหลายครั้ง จึงย้ายเมืองไปอยู่ที่นครธม ก่อนย้ายได้นำพระสุวรรณแสน ทองคำไปซ่อนไว้ในน้ำ ไม่สามารถนำไปได้ด้วยเหตุว่ากลัวข้าศึกจะมาแย่งชิงในระหว่างทาง พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ได้สร้างหลวงพ่อ พระองค์แสน(องค์ปัจจุบัน)แทนไว้ให้ ทำด้วยหินเหล็กเส้นชนิดสี่เหลี่ยมเป็นโครง(ผูกลวด) แล้วฉาบด้วยทรายผสมปูนขาวแช่น้ำเปลือก ไม้(ยางบง) น้ำแช่หนัง - มะขาม - น้ำอ้อย และเถา ฝักกรูด ลงรักปิดทอง มีพุทธลักษณะเท่าเดิม ภายในก็บรรจุเครื่องลาง ของขลังสมัยก่อนไว้มาก ให้นามว่า "หลวงพ่อพระองค์แสน" เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ต่อมามีการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง

ในอดีต เมื่อมีการเฉลิมฉลองสมโพธิ์ราชธานีครบ ๒๐๐ ปีตามประกาศรัฐบาล จะมีการบูรณะปฎิสังขรณ์ขยายโบสถ์ โดยตรงทุบองค์หลวงพ่อออก แล้วสร้างองค์ใหม่ไว้ข้างหลังแทน เมื่อการบูรณะเริ่มขึ้นช่างชาวญวน พยามทุบองค์พระ และพยามลอกทองที่หุ้มออกแต่พอทุบไปครั้งใด ก็ได้ยินแต่เสียงหัวเราะดังกังวานออกมา จนภายหลังถึงกลับต้องล้มป่วยไป ด้วยเหตุนี้จึงต้องล้มเลิกการบูรณะเอาหลวงพ่อออก จากเหตุดังกล่าวเมื่อท่านมาสักการะหลวงพ่อพระองค์แสน จะเห็นมีหลวงพ่อซ้อนกันอยู่ ๒ องค์ องค์หน้าคือหลวงพ่อองค์เดิม ส่วนองค์หลังเป็นองค์ใหม่ที่จะสร้างขึ้นมาแทน

จากประวัติหลวงพ่อหลายอย่าง ในสมัยก่อนเคยมีพระมอญ ที่เคยมาบำเพ็ญศีลภาวนาที่วัด แล้วพอจะกลับก็บอกพระที่วัดไว้ว่า หลวงพ่อองค์นี้เป็นองค์ปลอม แต่เป็นองค์ปลอมที่ศักดิ์มาก ปู่ย่าตายายชาวสกลนครและหลายๆคน คงเคยได้ยินตำนานเล่าต่อกันมาว่า บริเวณกลางหนองหานนั้น จะมีจุดที่ลึกมากกว่าปกติ อยู่หลายแห่ง ซึ่งชาวประมงหนองหานจะเรียกว่า ขุม หรือหลุมนั้นเอง และจะมีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น ขุมใหญ่ ขุมเต่าฮาง ขุมก้านเหลือง ซึ่งขุมนี้จะลึกประมาณ ๑๕-๒๐ เมตรทีเดียวเชื่อกันว่าในสมัยก่อนเมื่อพระยาขอม จะย้ายเมืองอพยพผู้คนไปอยู่เขมรนั้น พระองค์ได้เอา หลวงพ่อพระสุวรรณแสน องค์เดิมมาซ่อนไว้ที่ขุมลึกกลางหนองหานชาว ประมงจะเรียกจุดนี้ว่า ขุมใหญ่ ซึ่งเป็นขุมที่ลึกที่สุด ในอดีตสมัยรุ่นตา ยาย อาชีพหลักๆของชาวสกลนครก็คือ จับปลา มีอยู่วันหนึ่งมีคนออกทอดแหหาปลา แต่แหกลับติดอะไรบางอย่างใต้น้ำ จึงดำน้ำลงไปดึงออก เมื่อดำลงไปกำลังดึงแหออกนั้นก็เห็นว่าตนเหยียบอยู่บนบ่าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ อยู่ จากเหตุการณ์นี้ทำให้คนทั้งสกลนครเล่าลือกัน และมีคนพบเห็นเรื่อยมา แต่ในปัจจุบันเวลาผ่านมาหลายปี อาจจะเป็นเพราะ สาหร่าย วัชพืชน้ำ ตะกอนต่างๆทับถมกันสูงขึ้นทุกวัน จึงไม่มีคนพบเห็นอีก ด้วยเหตุนี้ชาวสกลนครจึงถือว่าหนองหาน เป็นหนองน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดด้วย

แล้วก่ะภายในบริเวณวัดจะมี บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า ภูน้ำลอด เป็นบ่อน้ำที่มาพร้อมกับพระธาตุเชิงชุม



เดิมมีน้ำพุผุดขึ้นมาเนื่องจากเป็นปลายทางของลำน้ำใต้ดินซึ่งไหลมาจากเทือก เขาภูพาน ผ่านศูนย์ราชการด้านทิศเหนือ ผ่านใจกลางเมืองข้างวัดเหนือ แล้วไหลมาผุดที่นี่ เรียกว่า "ภูน้ำซอด" หรือ "ภูน้ำลอด" แล้วไหลผ่านไปที่สระพังทอง ในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ซึ่งอยู่ติดกับวัด เมื่อน้ำน้อยลงเรื่อยๆจึงได้มีการทำผนังกั้นไม่ให้ดินพังลงไป ในอดีตจะมีการนำน้ำจากบ่อน้ำที่นี่ไปประกอบพิธีเมื่อมีพิธีกรรมอันสำคัญ ต่างๆอีกด้วย



ส่วนทางด้านหลังก็จะมีหอกลองด้วย



หอกลองหรือหอระฆัง เป็นหอกลองสูงทั้งหมดสามชั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2503 โดยชาวเวียดนามที่ได้มาพำนักอาศัย ณ จังหวัดสกลนคร ร่วมใจกันสร้างขึ้นถวายองค์พระธาตุเชิงชุมเพื่อเป็นพุทธบูชาเพื่อใช้บอกเวลายามต่างๆ

ทีนี้มาดูทางด้านในที่เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อองค์แสนกันนะคะ

หลังที่เราไหว้พระขอพรเสร็จเรียบร้อย ก็จะมีพระมารดน้ำมนต์ให้เพื่อความสิริมงคลพร้อมกับผูกฝ้ายผูกแขนหรือจะไปเสี่ยงเซียมซีก็ได้ แล้วยังมีการอธิษฐานโดยการยกพระพุทธรูปหินด้วยละคะ







พอเดินออกมาที่ประตูทางเข้าวัด เอ๊ะนั่นอะไรหว่า



พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ อ่อ ใบเสี่ยงเซียมซีที่ทำนายไม่ดีทั้งนั้นเลย คงเป็นการแก้เคล็ดเลยเอามาเสียบไว้ที่ต้นมะขามทางเข้าวัด



อิ่มอกอิ่มใจวันนนี้ได้มาทำบุญ ในช่วงที่เป็นวันพระจะมีีการเปิดไฟให้ความสว่างสวยงามมาก





ทางเข้าวัดนะคะ





ถ้าหากใครสนใจก็อย่าลืมแวะมาไหว้พระขอพรกันที่นี่ได้นะคะ

ลืมๆๆ ทางด้านหน้าจามีพระพุทธบาทจำลองด้วยนะคะ



ทางด้านข้างก่ะจะมีพระอุโบสถที่ใช้ประกอบกิจกรรมที่สำคัญทางศาสนา สวยงามเช่นกันคะ่ะ





คำนมัสการพระธาตุคะ



รอบพระธาตุก่ะจะมีเถ้ากระดูกของผู้ที่ล่วงลับ(ไม่รู้เรียกถูกรึเปล่า หุหุ)



ก่อนเข้าพระธาตุ จะมีประวัติ แล้วก็การปฏิบัติตัวคะ คือต้องสวมชุดสุภาพ



แล้วยังมีที่บูชาดอกไม้ธูปเทียน



อย่าลืมแวะมาเที่ยวกันน๊าาาาา

เด๋ววันหน้าจะพาไปเที่ยววัดต่อไปคะ


Create Date : 12 มิถุนายน 2553
Last Update : 12 มิถุนายน 2553 11:11:37 น. 5 comments
Counter : 3808 Pageviews.

 
ตามมาไหว้พระด้วยคนค่ะ


โดย: kwan_3023 วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:11:01:54 น.  

 
สวัสดีตอนเที่ยงๆ ค่ะ... แวะมาเที่ยวสกลนครด้วยคนนะ
เพื่อนเราก็มีบ้านทีสกลนคร เคยอ้อนของมาเที่ยวหลายครั้งแล้วแต่เค้าไม่ยอมชวนสักที... ต้องไปให้ได้ค่ะ แต่ขอมาเที่ยวกับบ้านนี้ก่อนละกันนะ พระอุโบสถก็งาม บรรยากาศตอนกลางคืนก็สวย


โดย: namfaseefoon วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:12:09:53 น.  

 
ทักทายวันหยุดครับ
แวะมานมัสการพระธาตุด้วยคนครับ


โดย: pragoong วันที่: 13 มิถุนายน 2553 เวลา:10:28:36 น.  

 
วันหยุดที่แสนนน่าเบื่อและจำเจ
จาสามสิบอยู่แล้ว
ยังไม่มีแแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าเลย
มานอะไรกันนะ


โดย: pukboong วันที่: 13 มิถุนายน 2553 เวลา:13:15:38 น.  

 
วัดสวยจังเลยค่ะ
เราอยู่ที่นี่เหมือนเป็นคนไกลวัดเลยยจ้า


โดย: Suessapple วันที่: 13 มิถุนายน 2553 เวลา:20:45:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pukboong
Location :
สกลนคร Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อย่าหยุดรักฉัน...ได้ไหม?