I call it Destiny You call it Love...
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2) #8





Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2)



…8... ขอโทษ ... ได้มั้ย???


พลบค่ำของอีกวันมาเยือนแล้ว ทำมัยเวลาที่ฟ้ามืด ๆ แบบนี้ หัวใจของเค้าก็พลอยหม่นหมองไปด้วยนะ นึกถึงวันก่อนวันที่ท้องฟ้าสวยกว่าวันนี้ และอากาศก็ดีกว่านี้ ใครบางคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ วันนั้น ป่านนี้จะทำอะไรอยู่ ห่างกันคนละซีกโลก กะจะไม่ให้ได้ไปขอโทษกันเลยใช่มั้ย

“ใจร้ายจริงๆ นะคนเรา” จอนจินบ่นกับตัวเอง พลางยกเบียร์ขึ้นจิบ

“ใครไปใจร้ายกะนายวะ จินนี่”

พรี๊ดดดดดดดดดด~~~~ เบียร์พุ่งจากปากเป็นสาย

“แค๊ก ๆ ๆ พี่!!!” จอนจินสำลักเพราะ เค้ามัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ จนไม่ได้ทันสังเกตว่ามินอูมายืนอยู่นานแล้ว

“ว่างัย ใครใจร้ายกะนาย หรือว่าไอ่ริค”

“มาไม่ให้เสียงกันเลย”

“ก็นี่มันห้องชั้นนี่หว่า”

มินอูเดินมายืนพิงระเบียงมองหน้าอีกคน สีหน้าของจอนจิน วันแรกกับวันนี้แทบไม่ต่างกัน แม้จะมีคำพูดมากขึ้น แต่มันก็ยังคงหม่นหมอง การได้เจอกับแอนดี้วันนี้ คงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย หรือมันจะหนักหนากว่าเดิมกันแน่นะ

“เรื่องเอริคกับแอนดี้น่ะ ชั้นหวังว่าคงไม่ทำให้นายคิดมาก เห็นนายคุยกับเค้าวันนี้ มันคงไม่มีอะไรติดใจนายใช่มั้ย”

...
..

“ไม่ฮะ ผมเข้าใจ ผมจะบังคับให้แอนดี้มารักผมได้งัย ในเมื่อเค้าไม่มีใจให้” เห็นรอยยิ้มของแอนดี้ ตัวจอนจินเองยังแปลกใจ หลายวันที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน เค้าไม่เคยได้รับรอยยิ้มแบบที่แอนดี้ยิ้มให้เอริคเลยซักครั้ง

“ก็แล้วงัยวะ ทำมัยยังทำหน้างั้นอีก เห็นแล้วชั้นล่ะเหนื่อยแทน”

“ เฮซองโกหกแอนดี้ไปว่าผมหายแล้ว แอนดี้ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมด ... ผมกลัวว่าถ้าเค้ารู้ ....”

“นายห่วงว่าถ้าแอนดี้รู้ความจริงแล้วเค้าจะไม่พอใจงั้นเหรอ”

“ฮะ” จอนจินพยักหน้า “แล้วไม่รู้ว่าพี่ริคจะแย่ไปด้วยมั้ย”

“ก็ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็เลิกกังวลไปเลย เอริคมันจัดการได้แหละ นายไม่รู้เหรอ พี่ชายนายน่ะ ร้ายกาจแค่ไหน เรื่องบางเรื่องชั้นยังนึกไม่ถึง ฉะนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่มันเหอะ”


“แต่....พี่ชายแอนดี้เค้ายังโกรธผมอยู่นะฮะ” ถึงตรงนี้ ใบหน้าเค้าก็ดูหมองลงกว่าเดิม

“โธ่! เรื่องนั้นก็ไม่ยากนี่หว่า ถ้าเค้ากลับมา นายก็หาโอกาสขอโทษเค้าให้จริงๆ จัง ๆ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”

...
..
.
“แค่ขอโทษ มันจะพอเหรอพี่ ผมหลอกเค้า ทั้ง ๆ ที่เค้าดีกับผมขนาดนั้น สงสัยมันคงไม่ง่าย ดีไม่ดี เค้าอาจไม่อยากเห็นหน้าผมอีกแล้วก็ได้”


มินอูนั่งนิ่ง ๆ พิจารณาสีหน้าของจอนจินไปด้วย อาการมันชักแปลก ๆ มันจะเป็นจะตายกะแค่การไปขอโทษเฮซองนี่อ่ะนะ ไม่น่าจะใช่

“นายมีอะไรใช่มั้ย ทำอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ”

คราวนี้จอนจินกลับก้มหน้าลงต่ำ ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาจิบ และก็เงียบอีกหน ...ความคิดที่เค้าจะหาทางออกด้วยตัวเองเมื่อหลายวันที่ผ่านมา เหมือนมันจะตันเหลือเกิน และจนแล้วจนรอดก็คิดไม่ตก สงสัยสมองเค้าคงจะมีน้อยจริง ๆ อย่างที่มินอูเคยพูดบ่อย ๆ

“ผมไม่แน่ใจ ...”

“ไม่แน่ใจไรวะ”
........
...
.
.

“.. ผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังรักเค้าหรือเปล่า”


นี่ถ้าดื่มเบียร์อยู่คงสำลัก ถ้าเดินอยู่คงสะดุดขาตัวเอง โชคดีว่ามินอูแค่เข่าทรุด

“ห๋า !!!!!!!!! รักเค้า ก็นายชอบแอนดี้นี่หว่า อะไรกันวะ เข้าไปจีบน้อง ดันไปรักพี่ นายสองคนพี่น้องนี่จะทำชั้นบ้าตายวันละ 3 ครั้งหลังอาหารจริง ๆ”

“ผมนั่งคิดนอนคิดทุกวัน ว่ามันคืออะไร แต่ ... แต่ ผมอยากจะเรียกมันว่ารัก ผมอยากจะเชื่อว่าผมรักเค้า หรืออย่างน้อย ผมก็อยากให้มันเป็นงั้น”

“กะอีแค่รักหรือไม่รัก นายยังแยกไม่ออก … เฮ้อ!! น้องกรู

.... นายบอกชั้นว่า นายไม่แน่ใจว่านายรักเค้าหรือเปล่า ฉะนั้นมันต้องมีสถานการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้นายคิดอยากรักเค้า ทั้ง ๆ ที่หลายวันก่อนตอนนายโทรหาชั้น นายยังจะเป็นจะตายกับแอนดี้อยู่เลย ...

.....หรือว่า...”

“....”

“นายอย่าบอกชั้นนะ”

จอนจินพยักหน้าช้า ๆ
…
..

“พระเจ้า!!! สมกะที่เป็นพี่น้องกันจริง ๆ เลยนายกะไอ่ริค”

มินอูแย่งเอาเบียร์ในมือของจอนจินขึ้นมาดื่มไปหลายอึก หัวของเค้าเหมือนเริ่มประมวลอะไรบางอย่างออกมาได้บ้างแล้ว

“ชั้นว่าชั้นพอเข้าใจและ แต่นายช่วยพูดอะไรให้ชั้นกระจ่างกว่านี้ได้มั้ย”


..
.
จอนจินนิ่งไปอีก เพราะเค้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเริ่มมันจากตรงไหนดี
..
.
“มันเกิดขื้นตอนที่ผมรู้สึกเหนื่อยกับการที่แอนดี้คอยหลบหน้าผมตลอดเวลา คืนนั้นเฮซองเมา แต่ผมไม่ ฉะนั้น ไม่ถือว่าเค้าผิด แต่ผมต่างหาก ผมผิดที่ไม่ยับยั้งใจตัวเอง ... ..

...หลังจากนั้นทุกอย่างก็เหมือนจะไปด้วยดีนะฮะ แล้วผมก็มีความสุขมากที่ทุก ๆ วันมีเค้าข้าง ๆ แบบนั้น มันเป็นภาพที่ผมเคยคิดไว้มานาน ...ผมกับคนที่ผมรัก นอนดูทีวีด้วยกัน นั่งทานข้าวด้วยกัน จูบกันทุกเช้าตอนตื่นนอน และกอดกันทุกครั้งเมื่อจะหลับ ...
... จนกระทั่ง ... จนกระทั่ง” มาถึงตอนนี้ ภาพเฮซองวันนั้นก็แทรกเข้ามาอีกแล้ว เค้าเคยคิดเล่น ๆ กับตัวเองว่า ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ป่านนี้จะเป็นยังงัยนะ อย่างน้อย เค้าก็คงบอกตัวเองได้เต็มปากว่าเค้ารู้สึกยังงัยกันแน่
....
...

“อืม พอและ เข้าใจและ …
นายหลอกเค้า แน่นอน ว่าเค้าต้องโกรธแน่ ๆ และไม่รู้ว่าเค้าจะรู้อะไรไปมากแค่ไหนแล้ว เอาเป็นว่าชั้นจะลองค่อย ๆ ตะล่อมถามหมอให้ ตะกี๊คุยกัน หมอก็ไม่ได้พูดอะไรนี่น่า .. แต่หากฟังจากที่นายเล่า แสดงว่าเค้าก็คงมีใจให้นายบ้างแหละ ไม่งั้น นายคงไม่ได้กลับออกมาด้วยสภาพที่ยังสมบูรณ์ขนาดนี้เป็นแน่ จริงมั้ย”

“แล้วผมต้องทำงัยฮะพี่”

“เค้าอยู่เมกาใช่มั้ย ระหว่างนี้ ก็ต้องเก็บข้อมูลไปก่อน ลองสืบ ๆ ดูจากแอนดี้เกี่ยวกับตัวเค้าไว้และกัน เค้าทำอะไรบ้าง แล้วเค้าชอบอะไร ตอนนี้เค้าเป็นยังงัย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละ อย่าให้ตกหล่น แล้วชั้นจะลอง ๆ ถามหมอให้อีกทาง หลังจากเฮซองกลับมาเราค่อยว่ากัน”

“สืบไปทำมัยฮะ แล้วมันจะได้ผลเหรอ”

“เฮ้ย ! ลองดูไม่เสียหายเฟ้ย ใจกล้า หน้าด้าน ปากหวาน และก็อดทน มันใช้ได้มานักต่อนักและถ้าเราจะง้อหญิง เอ! แต่กรณีนี้เป็นผู้ชาย เอาน๊า เหมือน ๆ กันแหละ”

“นี่คือแผนเหรอฮะ ฟัง ๆ ดูมันเหมือนนิสัยพี่ซะมากกว่า”

“เฮ้ย! ไอ่นี่!! นี่มันไม่ใช่แผน มันเป็นการแสดงความจริงใจ ถ้าเค้ารับรู้ถึงความสำนึกผิดของนาย เห็นในความพยายามและความดีของนาย มีเหรอที่เค้าจะไม่ใจอ่อน ใช่มั้ย แล้วการสืบค้นข้อมูลของข้าศึกมันก็ช่วยให้เราเข้าโจมตีง่ายขึ้น รู้เขารู้เราน่ะ เข้าใจมั้ย”

“อืม ..” จอนจินนิ่งฟังเหตุผลของอีกคน เอ่อ! มันก็เข้าท่าดีนะ


“ว่าแต่ว่า แน่ใจนะ ว่านายจะรักเค้าจริง ๆ ไม่งั้น ชั้นคิดว่า เค้าคงน่าสงสารเอามาก ๆ”

“ฮะ ผมมาเริ่มแน่ใจเมื่อกี๊เอง ว่านั่นคือความรักแน่นอน และคราวนี้ผมก็จะไม่ทำมันผิดพลาดอีกแล้ว”


…..



วันนี้เป็นอีกวันที่จอนจินแวะเวียนมายังบริษัท ทำเอาเอริคชักเริ่มเหลือบมองด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อย หางตาเริ่มส่องประกายไม่พอใจ ถ้าเพราะเมื่อคืนมินอูไม่โทรมาเล่าอะไรต่ออะไรให้ฟัง ป่านนี้เค้าคงต้องหึงโหดน้องชายตัวเองไปแล้วแน่ ๆ (แย่งเค้ามาทีและยังหึงเค้าอีกอ่ะ)

“นายมาทำมัยอีกวะ จินนี่”

“ผมมาหาแอนดี้น่ะฮะพี่ริค พี่มีงานเยอะนี่ กลับไปทำงานเหอะ ผมไม่กวนพี่หรอก ผมจะคุยกะแอนดี้ตรงนี้แหละ”

((ก็ไอ่ที่นั่งคุยกระหนุงกระหนิงต่อหน้าชั้นตรงนี้แหละ ที่มันรบกวนสมาธิชั้นโว้ย)) นี่คือสิ่งที่เอริคคิดอยากจะตะโกนใส่หน้าอีกคน แต่เค้าก็ทำได้เพียง ปิดปากเงียบๆ และเดินไปนั่งก้มหน้ายังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่ยังคงเหลือบสายตามามองเป็นระยะ ๆ

“พี่จินมีอะไรเหรอ” แอนดี้ถามขึ้นหลังจากเหลือบมองร่างสูงของเอริคที่เดินงุด ๆ คอตกกลับไปยังโต๊ะเค้าแล้ว

“เปล่า แค่อยากมาคุยด้วย อยู่ที่ห้องมันเหงาน่ะ”

“เหงาและทำมัยไม่ไปหาไอ่มินล่ะ จินนี่”

เสียงมาจากโต๊ะเอริค ทำให้คนทั้งคู่หันไปมองตามเสียงนั้น แต่แล้วก็หันกลับมาคุยกันต่อ

“แอนดี้ นายรู้มั้ยว่าออมม่ากลับวันไหน ไฟท์ไหน”

“อืม ไม่รู้สิฮะ พี่เค้าบอกว่าจะไปซักอาทิตย์ แค่นี้แหละพี่จะทำมัยเหรอ”

“ชั้นอยากเจอเค้า ชั้นจะไปรับเค้าน่ะ”

“ไว้ผมจะถามคุณคังให้ อืม แต่พี่หมอน่าจะรู้นะ พี่ลองถาม ๆ พี่หมอดูดิ”

“เหรอ เออ ๆ งั้นดีเลย .. เอ่อ แอนดี้ ก่อนวันที่ชั้นจะกลับน่ะ ชั้นเผลอไปทำกระถางต้นไม้ของออมม่าแตก อันที่อยู่ตรงริมระเบียงน่ะ เค้าไม่พูดกับชั้นตั้งนาน นายว่าเค้ายังจะโกรธชั้นอยู่มั้ย”

“แค่กระถางต้นไม้ นายก็ซื้อไปให้เค้าใหม่ก็สิ้นเรื่องนี่หว่า ไอ่จินนี่” เสียงเอริคลอยแว่วมาอีกแล้ว แต่คราวนี้ทั้งคู่ ไม่ได้สนใจแม้แต่จะหันมอง ทำเอาเอรคินั่งปั้นหน้าเคืองอยู่คนเดียว

“พี่ซองกี้เค้าโกรธง่ายแบบนั้นแหละฮะ แต่เค้าหายเร็วนะ ง้อนิดง้อหน่อยก็หายแล้ว พี่ไม่ต้องกลัวหรอก”

“เหรอ แล้วเค้าชอบอะไรมั่งอ่ะ ชั้นจะได้ซื้อไปเอาใจ”

“อืม!! อะไรเหรอ” แอนดี้ทำท่านึก “เค้าชอบทำกับข้าวฮะ และก็ชอบแต่งต้นไม้ วันอาทิตย์ พอจัดบ้านเส็ด เค้าก็จะขลุกอยู่แต่ในสวน”

“งั้นเหรอ ดีเลย ชั้นจะได้หาซื้อต้นไม้ให้เค้า หรือว่างัย นายว่าดีมะ”

“ดีสิฮะ ว่าแต่พี่จะเอาใจเค้าขนาดไหนฮะเนี๊ยะ ถามซะละเอียด”

“ก็ออมม่าต้องเหนื่อยนี่ ตอนชั้นอยู่ เค้าต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้านด้วย นายไม่เห็นเหรอ ชั้นอยากตอบแทนเค้าบ้างน่ะไม่มีไรหรอก ….เออ ..พี่นายไปเมกาตั้งอาทิตย์ แล้วงี้นายก็ต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ”

“แอนดี้ไปนอนที่คอนโดกับชั้นเองแหละ จอนจิน” คราวนี้น้ำเสียงดุดันขึ้นมาอีกหน่อย เอริคเล่นโผล่กลางปล้องขึ้นมางั้น ทำเอาแอนดี้หน้าแดงอายม้วนไปเลย

“ผมก็แค่ถาม ๆ ดูน่ะฮะ พี่ริค ไม่มีไรหรอก ผมไปหาพี่มินนะ” เมื่อเห็นว่าอาการพี่ชายชักเริ่มไม่ดี จอนจินคิดว่า เค้าควรจะหลบฉากไปก่อนดีกว่า ไหนพี่มินบอกว่าพี่เอริคใจดีขึ้น ยิ้มเก่งขึ้นตั้งแต่คบกะแอนดี้ เค้าไม่เห็นว่าจะเปลี่ยนแปลงตรงไหนเลย

“เออ เย็นนี้ชั้นจะไปทานข้าวกะแอนดี้ นายก็ไปสิ ชวนมินมันด้วย”

“วันนี้พี่มินนัดคุณหมอไว้อ่ะ เค้าบอกผมเมื่อคืน แต่ผมว่างฮะ งั้นตอนเย็นเจอกันนะ ไปและ”

จอนจินหันมายิ้มทะเล้นให้เอริคและแอนดี้ ก่อนจะเปิดประตูออกไป เอริคได้แต่ส่ายหัวพลางยิ้มนิด ๆ

“พี่ริคกะพี่จิน ไม่เห็นจะเหมือนกันเลย เป็นพี่น้องกันได้งัยอ่ะ”

“ชั้นกะจินนี่เป็นพี่น้องคนละแม่กันน่ะ” เอริคลุกจากโต๊ะตัวเอง เดินมานั่งใกล้ ๆ แอนดี้

“ชั้นขอโทษแทนน้องด้วยนะ ที่ทำให้นายกับพี่นายต้องลำบากอยู่นานสองนาน”

“ไม่เป็นไรหรอกฮะพี่ ปกติผมอยู่กะพี่ซองกี้สองคนมีพี่จินบ้านก็ไม่เหงาดี ได้เพื่อนเล่นเกมส์ด้วย”

“นายพูดงี้ อยากจะให้ชั้นอิจฉาจินนี่ใช่มั้ย แอนดี้”

“เปล่าน้า .. ถ้าพี่อิจฉา งั้นพี่ก็ไปวิ่งให้รถชนแล้วความจำเสื่อมจิ เด๋วผมรับเลี้ยงดู”

“หืม!! ไม่เอาหรอก ชั้นรับนายไปเลี้ยงดูเองง่ายกว่า” ว่าแล้วก็ถือโอกาสสวมกอดร่างแอนดี้ไว้แน่น สายตาคม ๆ มองลึกลงไปยังดวงตาเรียวเล็กอีกคู่ ก่อนแอนดี้จะพริ้มตาหลับลง ท่าทางแบบนี้ถือเป็นการอนุญาตให้เค้าจูบได้ใช่มั้ย

“เดี๋ยวนี้นายชักจะเอาใหญ่และนะ แอนดี้” ปากก็ว่าไป แต่เอริคก็ไม่รอช้า ก่อนแอนดี้จะเปลี่ยนใจ เค้าเลื่อนหน้าตัวเองเข้าหาอีกคนใกล้ ๆ และกดจูบลงไปยังริมฝีปากที่เผยอรออยู่แล้วนั้น ลิ้นทั้งคู่กะเกี่ยวกระหวัดกันอย่างหวานชื่น และเนิ่นนาน

…
..
.
“อื้ม ๆ ๆ ๆ พี่ ๆ พอ เดี๋ยวพี่มินก็เปิดประตูเข้ามาอีกหรอก” แอนดี้ต้องทุบบ่าอีกคนนั้นเบา ๆ ก่อนที่เอริคจะเริ่มเตลิด

“หมอนั่นเหรอ ไม่มีทางแล้วแหละ เพราะชั้นสั่งซูยองไว้แล้วว่าต่อไปนี้ห้ามใครเข้ามาถ้าไม่อนุญาต แม้แต่มินอู” แววตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่บนใบหน้าคมๆ นั่นอีกแล้ว

“โห พี่.. เล่นงี้แล้วพี่ซูยองจะคิดยังงัยเนี๊ยะ”

“ช่างเค้าเหอะ เรามาต่อให้จบกันดีกว่า”

“พี่ ๆ ๆ ๆ ไม่น๊า พี่ริค ปล่อยเซ่”

“นายเริ่มก่อนนี่น่า จะให้ชั้นหยุดได้งัยเล่า”

“พี่อ่ะ ทุกทีเลย จะปล่อยมั้ย”

“ไม่....”

ลุ้นกันดูและกัน ว่าหนนี้ แอนดี้กับเอริค ใครจะเป็นฝ่ายชนะ



............



ดึกมากแล้ว แต่สนามบินตอนนี้ก็ยังคงมีผู้คนพลุกพล่าน จอนจินยืนชะเง้อคอยาวรอใครบางคนนานสองนาน มือเค้าตอนนี้ชุ่มเหงื่อไปหมด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา การรอคอยที่จะเจอหน้าเฮซองจนมาถึงวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เค้าตื่นเต้นได้ขนาดนี้

“ไม่ว่าเฮซองจะแสดงปฏิกิริยายังงัย เค้าจะโกรธแค่ไหน นายเป็นคนผิด ฉะนั้น นายต้องทน เข้าใจมั้ยจินนี่ ค่อย ๆ พูดกับเค้าดี ๆ” ก่อนออกมา มินอูย้ำแล้วย้ำอีกจนเค้าแทบหลอน ใช่แล้ว เค้าเป็นคนผิดนี่น่า..

และแล้ว เวลาก็ไม่ปล่อยให้นานเกินหัวใจจะว้าวุ่นไปกว่านี้ ชายร่างโปร่ง ในชุดกึ่งลำลอง แว่นตากรอบหนาคุ้นตาก็เดินลากกระเป๋าออกมา ทันทีที่สายตาจอนจินเหลือบไปเห็น เค้าแทบจะอดใจโผเข้าหาร่างนั้นไม่ไหว แต่แล้วก็ทำได้แค่โบกมือและยิ้มให้ พร้อมเร่งฝีเท้าเดินเข้าใกล้ แม้ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากอีกคนกลับมาเลยก็ตาม

“ออมม่าฮะ มาผมช่วยถือ”

เฮซองนิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเค้าช็อค แสดงว่าเค้าก็เก็บอาการตกใจไว้ได้มิดชิดทีเดียว

“นายมาทำมัย บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเจอกันอีก” น้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ แต่มันปกติจนน่าขนลุก จอนจินมีสีหน้าเจื่อนลงนิดหน่อยกับคำทักทายคำแรกที่หลุดออกจากปาก แต่แล้วเค้าก็กลับยิ้มแย้ม ดึงกระเป๋าในมืออีกคนมาถือไว้เอง

“ไปเหอะ ผมจะไปส่ง”

“ไม่ต้อง ชั้นให้คนมารับแล้ว ขอกระเป๋าคืนด้วย”

“ไม่ฮะ ผมจะไปส่งออมม่าเอง ถ้าออมม่าอยากยืนรอคนขับรถอยู่ตรงนี้ก็ตามใจ แต่บอกไว้ก่อน ว่าเค้าไม่มาหรอก”


ว่าแล้วก็หิ้วกระเป๋าเดินนำลิ่วไปโน่น และเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้เจอหน้าจอนจินเร็วขนาดนี้ ตอนนี้ เค้ากำลังคิดหนักจะเดินตามไป หรือจะยอมขึ้นเท็กซี่ไปเองดี แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ จอนจินก็เดินกลับมา กระชากมือนั้นให้เดินตาม จะโวยวายงัยได้ คนก็เยอะแถมสายตารอบข้าง เหมือนกำลังจับจ้องทั้งคู่อยู่ ผู้ชายสองคนฉุดกระชากลากถูกันกลางแอร์พอร์ต มันสะดุดตาเกินไปมั้ยเนี๊ยะ

..
..
.

จนแล้วจนรอด สุดท้ายเค้าก็ทำให้เฮซองยอมขึ้นรถจนได้ ระหว่างทางจากสนามบินถึงบ้าน ไม่มีแม้ซักเสียงจะเปล่งออกมาจากปากบาง ๆ นั้น มีเพียงเสียงเจื้อยแจ้วของจอนจินเพียงคนเดียว จนกระทั่งบีเอ็มสีดำจอดสนิทตรงรั้วหน้าบ้าน เฮซองยังคงนิ่ง .....
นิ่ง.....เหมือนเค้ากำลังคิดอะไรซักอย่าง ความอึดอัดเริ่มคลืบคลานเข้ามาหาคนทั้งคู่ แม้อยากจะเอื้อมมือไปกอด และบอกว่าขอโทษ แต่คงทำไม่ได้ ในระหว่างนี้ คือแค่กลั้นใจ คนข้าง ๆ เค้าคิดอะไร มันยากเกินความสามารถที่จอนจินจะเดาจริง ๆ

“หลายวันมานี่ ชั้นลืมเรื่องอะไรต่ออะไรไปหมดแล้ว ชั้นอยากให้นายลืมมันไปด้วยเหมือนกัน”

นี่สินะ สิ่งที่ต้องการจะพูด ฟังแล้วเจ็บ ๆ ดีเหมือนกัน แต่เค้า ก็ต้องอดทนใช่มั้ย

“ผมขอโทษฮะ สำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผมโกหกออมม่า แต่เรื่องของเรา...”

“มันไม่มีเรื่องของเราอีกแล้ว ชั้นเคยบอกแล้วว่านายไม่ผิด ฉะนั้น เลิกคิดถึงมันซะ ..”

“....”

เฮซองหันหน้ามามองจอนจินช้า ๆ บัดนี้ แววตาที่เคยนิ่ง เปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวขึ้น จนแทบใจหาย

“ขอร้อง .. นายอย่าทำให้ชั้นต้องคิดถึงมันขึ้นมาอีกเลย ... ได้มั้ย”


“แต่ผม…”


เฮซองชิงเปิดประตูแล้วลุกเดินจากไปก่อนคำพูดอะไรต่อมิอะไรที่จะทำให้เค้าต้องอ่อนแอไปกว่านี้หลุดออกจากปากอีกคน



นานพอดู กว่าที่รถสีดำสนิทคันนั้นจะเคลื่อนออกไปจนสุดสายตา เฮซองเฝ้ามองมันผ่านหน้าต่างห้องนอนเค้าเอง

มันควรจะดีขึ้นได้แล้วสิ 1 อาทิตย์ กับการกดตัวเองให้วุ่นวายอยู่กับงานและกองเอกสารท่วมหัว เพื่อที่จะให้ลืมเวลา 2 อาทิตย์นั้นไปให้หมด

“มันควรจะดีขึ้นได้แล้วใช่มั้ย เฮซอง..

นายควรจะดีขึ้นได้แล้ว....”



..............



ยิ่งดึกสงัดขึ้นเท่าไหร่ แสงไฟยามราตรีในสถานบันเทิง ยิ่งคักคัก สว่างไสว เวลานี้ควรจะเป็นเวลาที่ใครต่อใครหลับสบายอยู่บนเตียงนอนอุ่นนุ่ม แต่ดงวานกลับต้องมานั่งจิบเบียร์เย็น ๆ ในอากาศหนาว ๆ เยี่ยงนี้ ดีว่าเพลงที่เปิดเบา ๆ คลอหูอยู่มันคือสไตร์ที่เค้าชอบ เลยพลอยทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

“โทษทีครับหมอ รอนานมั้ย” เสียงมินอูทักขึ้นแต่ไกล

“ไม่นานครับ ขอโทษคุณด้วย ที่ต้องรบกวนตอนดึก ๆ”

“โธ่! หมอ อย่าคิดแบบนี้สิ ผมเต็มใจสุด ๆ ไม่ถือเป็นการรบกวนซักนิด ว่าแต่ว่า มีเรื่องด่วนอะไรเหรอครับ”

“เมื่อกี๊เฮซองโทรมาหาผม ท่าทางเค้าจะแย่ ถึงมันจะไม่พูดอะไรมาก แต่ผมก็พอจะจับน้ำเสียงเค้าออก”

“อืม ตะกี๊ตอนโทรหาจินนี่ มันก็ดูแย่เหมือนกัน”

“แล้วคุณจะทำงัย คุณเป็นคนเริ่มนะมินอู”

“หมอครับ ๆ ๆ ๆ ๆ ใจเย็น ๆ ดิครับ หมอเพิ่งบอกผมเองว่าเฮซองน่ะ ชอบไอ่จิน นี่มันแค่เริ่มต้นถ้าหมออยากให้เฮซองมีความสุข หมอก็ต้องใจเย็นและอดทนหน่อย”

“แน่ใจนะครับ ว่ามันจะได้ผล เฮซองน่ะ ถึงเค้าจะเป็นคนขี้ใจอ่อนก็จริง แต่ดูเหมือนเรื่องนี้เค้าจะโกรธและเสียใจเอามาก”

“ผมก็หวังแค่ว่า เค้าคงจะยอมรับคำขอโทษ และให้โอกาสจินนี่มันบ้างก็เท่านั้นแหละครับ”

“...ผมไม่น่าบอกเค้าเลย..” ดงวานพึมพำกับตัวเอง ก่อนหยิบเบียร์ขึ้นมาจิบอีกอึกใหญ่

“ผมไม่น่าจะบอกเค้าเรื่องแผน ถ้าผมไม่พูดซะอย่าง เค้าก็คงไม่รู้”

“หมออย่าคิดมากสิครับ ไม่ใช่ความผิดหมอซักหน่อย” คราวนี้ดงวานเงยหน้ามามองอีกคนข้าง ๆ มั่ง สีหน้าจริงจังและกังวลของหมอ ทำเอามินอูสะดุ้งไปได้เหมือนกัน

“ใช่.. ไม่ใช่ความผม เพราะคุณนั่นแหละ”

“อ่าว ไหงงั้นอ่ะ หมอครับ ไอ่จินมันก็เจ็บใช่น้อยเหมือนกันน่า ไปดูหน้ามันตอนนี้สิ เหมือนคนกำลังลงแดง จะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว”

“เอาเหอะครับ ยังงัยก็ขอให้จบด้วยดีและกัน”
..
..
.
แล้วทั้งคู่ก็นั่งจิบเบียร์จมอยู่ในความคิดของแต่ละคนกันไป พายุ ไม่ว่าจะขึ้นฝั่งที่ตรงไหน ผลกระทบมันก็เกิดเป็นบริเวณกว้างทั้งนั้น รอแค่เวลาที่จะช่วยเยียวยาให้เหมือนเดิม
..

“เออ หมอครับ ว่าแต่ว่า หมอมีเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ ทีหลังหมอแค่โทรบอกก็ได้ ลำบากหมอต้องขับรถมา”

“อ๋อ .. ก็คือว่า ผมยังอยู่ที่คลินิกน่ะ แล้วก็เห็นว่ามินอูยังไม่กลับบ้านด้วย ก็เลยคิดว่า ออกมาคุยกันแบบนี้น่าจะดีกว่าคุยทางโทรศัพท์ ก็แค่นั้นแหละ” ดูเหมือนดงวานชักเริ่มลนชอบกล ทำเอามินอูอมยิ้มกับท่าทางนั้นที่ปกติไม่ค่อยจะได้เห็น

“แหะ ๆ ก็ดีครับ ผมก็อยากเจอหมอพอดี”

“เออ! ผมว่าจะถามหลายครั้งแล้ว ครั้งแรกที่คลินิก คุณไปหาผม เพราะแค่ต้องการถ่วงเวลาผมไม่ให้ตรวจจอนจินใช่มั้ย หรือว่าคุณมีปัญหาจริง ๆ”

“เอ่อ เรื่องนั้น จริง ๆ ตอนแรกก็แค่กะจะถ่วงเวลา มันก็ใช่นะครับ แต่เรื่องที่ผมบอกว่า หัวใจผมเต้นแรงตอนเจอหน้าหมอ อันนั้นผมพูดจริง ๆ” คำพูดที่ปกติจะเป็นทีเล่นทีจริง แต่คราวนี้ น้ำเสียงที่จริงจัง ดวงตาที่ส่งประกายตรงหน้านี้ มันเริ่มทำเอาคนฟังชักจะสั่น ๆ บ้างแล้วเหมือนกัน

“อืม งั้นผมคิดว่า คุณคงต้องไปตรวจเพิ่มและแหละครับ มินอู”


.......................


((ฮัลโหล))

“แอนดี้ นี่ชั้นนะ”

((ฮะ พี่จิน มีไรเหรอ))

“ออมม่าอยู่ป่ะ”

((อยู่ กะลังจะทำความสะอาดบ้านกัน))

“พี่ริคชวนนายไปดูหนังแน่ะ กำลังจะไปรับอีก 15 นาที”

((โห เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ตอนนี้ผมไม่ว่างอ่ะ ผมต้องช่วยพี่ซองกี้))

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นแวะเอากระถางต้นไม้ไปให้ออมม่า แล้วชั้นจะทำงานส่วนของนายแทนเอง ดีมะ”

((จริงเหรอ งั้น...ก็ได้ เดี๋ยวเจอกันฮะพี่))

จอนจินกดปิดโทรศัพท์ ก่อนเอื้อมมือไปหยิบกระถางต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ตรงเบาะด้านหลัง มาถือไว้อย่างถนอม นั่งมองมันไป ก็อมยิ้มไปทำเอาอีกคนที่กำลังขับรถอย่างเอริคต้องละสายตาจากถนนหนทางแล้วหันมองหน้า(ด้วยความเวทนาว่างั้น)

“ทำมัยต้องลากชั้นไปเกี่ยวด้วยวะ ไอ่จิน”

“โธ่ พี่ฮะ อุตส่าห์หาโอกาสให้ได้อยู่กะแอนดี้ ไม่ดีอีก”

“เออ ถึงนายไม่ทำงี้ ชั้นก็เจอเค้าทุกวันอยู่แล้ว .. ไอ่มินนี่ก็อีกคน เข้ากันดีจริง ๆ นะ”

“พี่อย่าโทษพี่มินเลยฮะ เป็นเพราะผมแหละที่ขอร้องเค้าตั้งแต่แรก ผมบอกเค้าว่าถ้าเค้าช่วยเรื่องแอนดี้สำเร็จ ผมก็จะเลิกเกเร และก็ตั้งใจทำงานช่วยพี่ริค ไม่งั้นพี่เค้าก็ไม่ยอมช่วยหรอก”

...
..
.

ประโยคนี้ทำเอาสีหน้าเอริคเครียดลงนิดหน่อย ก็นะ รู้ทั้งรู้ว่าแอนดี้คือคนที่น้องชายตัวเองรัก จะว่าไป เค้าเองเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแย่ไม่ต่างอะไรกับการไปขโมยของของคนอื่นเค้า

“ชั้นขอโทษสำหรับเรื่องแอนดี้ และก็ขอบคุณที่นายเข้าใจ”

จอนจินเริ่มรู้สึกตัวว่าพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไป เค้าไม่ได้ตั้งใจให้บรรยากาศมันแย่ลง

“ผมไม่ได้โกรธพี่นะฮะ พี่อย่าทำหน้าเครียดดิ ..จะว่าไปแรก ๆ ผมก็โกรธแหละ ... พี่มินอูเคยบอกผมว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่เหนือการควบคุม ซึ่งผมก็เข้าใจดี ความจริงแล้วผมอาจจะไม่ได้รักแอนดี้ก็ได้ เพราะตอนนี้เวลาเห็นเค้า มันยังมีความรู้สึกเหมือนถูกชะตา ชอบ หรือว่าพอใจ อะไรแบบนั้นแหละ .. แหม ก็เค้าน่ารักขนาดนั้นนี่น่า หรือพี่ว่าไม่จริง”


...
..

“เอาเหอะเรื่องของนาย ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ชั้นก็ต้องขอบคุณนายอยู่ดี แล้วชั้นก็ให้ได้แค่ถูกชะตา แค่นั้นนะ เกินกว่านี้ โดนสอย”

“แหะ ๆ ๆ รู้น่า ..ผมเองก็ต้องขอบคุณพี่ ผมปล่อยให้พี่ต้องทำงานเหนื่อยคนเดียว แต่หลังจากนี้ผมสัญญา ว่าผมจะไม่เหลวไหลแล้ว”

“ให้มันได้อย่างที่พูดเหอะ”

“เห็นพี่กับแอนดี้มีความสุข ผมก็ดีใจด้วย จริง ๆ นะ”

เอริคมองหน้าน้องชายเค้าอย่างเต็ม ๆ ตาอีกที ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะบ่าเบา ๆ

“นายมันปากดีซะขนาดนี้ แล้วทำมัยเฮซองถึงยังไม่หายโกรธซักทีวะ”

“โธ่ พี่ ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลานี่น่า”

“เออ ยังงัยก็โชคดีและกัน นี่ถ้าพ่อรู้ เราคงได้โดนฝังคู่กันแน่ ๆ เลย ว่ามะ”

“นั่นสิฮะ” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะสนุกสนานกัน จนรถแล่นมาจอดยังรั้วบ้านที่คุ้นเคย


...


“แอนดี้!!!!!! แอนดี้!!!!!!! หายไปไหนของเค้านะ”

เฮซองตะโกนพลาง เดินหาตัวแอนดี้ไปพลาง สะเปรย์เช็ดกระจก กับผ้า ก็ยังวางไว้ แต่เจ้าของงานดันหายไปไหน

“อะไรของเค้าวะ แป๊บเดียวเอง”

“หวัดดีฮะออมม่า” จอนจินโผล่หน้าออกมายืนยิ้มหน้าแป้นอยู่หน้าประตู ทำเอาอีกคนผงะ

“นายมาได้งัย”

“ก็มาทางถนนเหมือนคนอื่น ๆ นี่แหละฮะ ออ น้องไม่อยู่นะฮะ เค้าออกไปข้างนอกตะกี้”

“…”
เฮซองยังคงยืนนิ่ง เหมือนยังคงช็อคอยู่

“นี่ฮะ ออมม่า ผมแวะซื้อต้นไม้มาฝาก เห็นมันสวยดี”

“ชั้นบอกนายแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาที่นี่อีก...”

“ผมเป็นคนตัดหญ้าของบ้านนี้ ออมม่าเคยบอกไว้ จำไม่ได้เหรอ ถ้าผมไม่มา แล้วใครจะตัดล่ะ ไปเหอะฮะ เดี๋ยวร้อน ลงมือกันเลย”

ว่าแล้วจอนจินก็เดินนำไปยังสวนหน้าบ้าน ส่วนเฮซองได้แต่มองตามร่างสูงนั้นไป

แล้วอย่างนี้ ไอ่ที่เคยตัด ๆ ใจมันจะมีความหมายอะไรเล่า


“ออมม่าฮะ เดี๋ยวเสร็จและ เราทำบะหมี่กินกันนะ”

“...”

“ออมม่าฮะ รดตรงนี้ด้วยสิ ตรงนี้อ่ะ ๆ ๆ ๆ”

“...” ยังเงียบต่อไป จอนจินเริ่มนับ 1-10 ในใจ เราผิด ท่องไว้ ว่าเราผิด

“ออมม่า ...”

“ออมม่า... ออมม่า .. และอีกหลาย ๆ ออมม่า...” ไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะสนใจหรือตอบกลับประโยคเหล่านั้นซักนิด

“เหนื่อยก็เหนื่อย ทำให้ฟรีแล้วยังจะงี้อีก คนอะไร ใจร้ายชะมัด”


เฮซองหาได้ฟังคำบ่นนั้นไม่ เค้าวางสายฉีดน้ำ แล้วเดินลิ่ว ๆ เข้าบ้าน ไม่สนแม้แต่จะหันมาเหลือบสายตามอง ตอนนี้จอนจินชักอ่อนใจ เค้ายังคงก้มหน้าก้มตาตัดหญ้าไปเงียบ ๆ



เฮซองเดินเข้าบ้านเปิดตู้เย็น รินน้ำแก้วใหญ่ และดื่มอึก ๆ รวดเดียวจนเกลี้ยงแก้วดับอารมณ์วุ่นวายใจที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ ทำมัยเค้ากลับรู้สึกว่าตัวเองดีใจ ทำมัยบางคราวก็เศร้าใจขึ้นมาซะเฉย ๆ คนเรานี่ก็แปลก อารมณ์หลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นได้ในเวลาเดียวกันอย่างนี้ได้ยังงัย


“ออมม่า ผมหิว”

จู่ๆ ความคิดที่กำลังตีกันให้ยุ่ง ก็โดนรังควาญด้วยเสียงหนึ่งที่แสนคุ้นเคย จอนจินที่ตอนนี้เหงื่อโทรมทั้งหน้า ไหนจะเสื้อยืดสีขาวนั้นที่เค้าสวมใส่ยังเปียกโชก ภาพนี้ เหมือนเมื่อครั้งก่อนตอนที่เราช่วยกันทำความสะอาดบ้านยังงัยยังงั้น ภาพที่เค้าต้องการลบมันไป และไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีก

เฮซองวางแก้วน้ำลง สาวเท้าออกไปจากห้องครัวโดยไม่ได้สนใจอะไร เค้าจะอ่อนแอไม่ได้สิ เวลานี้ของอาทิตย์ที่แล้ว เค้ายังรู้สึกแย่กับคน ๆ นี้อยู่เลย

แต่แล้ว ก่อนที่ร่างบางจะเดินผ่านไป จอนจินชิงคว้าเอาข้อมือไว้ไม่ให้หนีเค้าไปไหนได้

“นี่เฮซอง คุณจะไม่พูดอะไรใช่มั้ย ทำมัยเหรอ ผมผิดจนไม่น่าให้อภัยรึงัย”

สรรพนามในการเรียกขาลแปลกไป ฟังดูแล้วแทบไม่ชิน เฮซองเงยหน้ามองจอนจินด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ยังคงไม่มีคำพูดอะไรซักคำหลุดจากปากบาง ๆ นั่น สีหน้าแบบนี้ อาการแบบนี้ มันยิ่งจุดชนวนให้คลั่ง จอนจินขืนตัวเองมากมายไม่ให้ก้มหน้าไปปดขยี้ปากที่ยังคงปิดสนิทนั้นให้มันเผยอออกมาบ้างด้วยปากเค้าเอง

นายผิด ท่องไว้ว่านายผิด คำนี้มันวนเข้ามาในสมองอีกแล้ว

“ถ้าต้องการให้ผมทำอะไรก็บอกกันซิ อย่าเงียบแบบนี้ได้มั้ย รู้รึเปล่าว่ามันอึดอัดแค่ไหน อยากให้คุกเข่าขอโทษมั้ย ผมจะได้ทำให้ หรืออยากให้ทำอะไรถึงจะพอใจ บอกหน่อยได้มั้ย”

“...” เฮซองยังนิ่งเหมือนเคย แม้สีหน้าเค้าจะดูกระดุกไปบ้างกับประโยคเหล่านั้น แต่เค้าก็ปรับมันให้เป็นปกติด้วยความรวดเร็ว

“ทำมัยไม่พูด ถ้าคิดจะทำแบบนี้ หยิบมีดมาฆ่ากันไปเลยดีกว่า ผมบอกแล้วว่าเสียใจ ผมขอโทษ ผมขอโทษ ขอโทษ ได้ยินมั่งมั้ย”

“เลิกพูดเหอะ นายเป็นคนบอกเองใช่มั้ย ว่าถ้านายทำอะไรผิด ชั้นสามารถลงโทษนายได้จนกว่าจะพอใจ ทำมัยชั้นไม่เอะใจตั้งแต่วันนั้นนะ ... และถ้านายอยากฟังชั้นพูดจริง ๆ ก็ฟังให้ดี ๆ”

เฮซองสะบัดมือตัวเองออก เดินก้าวออกห่างจากอีกคนเล็กน้อย

“ไปซะ ชั้นไม่อยากเจอหน้านาย”

ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินกลับขึ้นห้องไป จอนจินได้แต่นิ่งอยู่ที่เดิม ตอนนี้หัวสมองเค้าคิดอะไรได้อยู่ 2 อย่างด้วยกัน คือถอย และรุกต่อ แต่ดูเหมือนอย่างแรกมันดูน่าเชื้อเชิญมากกว่า ปกติเค้าเป็นคนทนอะไรไม่ได้นานอยู่แล้ว เจอเฮซองในสภาพนี้ก็ยิ่งอ่อนใจ


“หรือมันต้องจบแค่นี้กันนะ” เค้าพึมพำกับตัวเอง เดินไปเปิดก๊อกน้ำล้างหน้า ก่อนจะหยิบอุปกรณ์เช็ดกระจกที่แอนดี้วางไว้ขึ้นมา แล้วเริ่มทำงานไปเงียบ ๆ


เฮซองทรุดตัวลงบนเตียงนุ่ม นึกถึงใครบางคนด้านล่าง จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่อภัยกันไม่ได้ เค้ารักจอนจิน ถึงตอนนี้มันก็ยังเป็นงั้น ทำมัยเค้าจะไม่รู้ใจตัวเองล่ะ แต่เมื่อไหร่ที่นึกถึงสิ่งที่ดงวานบอก มันกลับทำให้รู้สึกแย่ จอนจินรักแอนดี้ วางแผนเพื่อที่จะใกล้ชิดแอนดี้ แล้วเค้าล่ะ เค้าคือใคร เค้าคือคนที่แค่เผลอไปมีอะไรด้วย ตอนนี้สิ่งที่อีกคนทำ มันคือความต้องการรับผิดชอบใช่มั้ย มันไม่ใช่ความรักสินะ . .







ขออภัยนะฮะ ถ้าอ่านและมันแปลก ๆ แบบว่าง่าย ๆ มุกมันเริ่มฝืดอ่ะ ขืนทิ้งไว้นานกว่านี้ คงแต่งไม่ออกและแน่ ๆ อ่านแล้วคิดกันงัย ก็บอกกันได้นะฮะ พร้อมรับคำวิจารณ์เต็มที่เลย ...




Create Date : 17 สิงหาคม 2551
Last Update : 19 ตุลาคม 2551 10:39:39 น. 20 comments
Counter : 755 Pageviews.

 
พี่พุด ฟิคสนุกออกทำไมบอกว่าแปลกๆ อ่ะ

ออมม่าใจแข็งมาก ตอนแรกสงสารออมม่านะ แต่ตอนนี้เริ่มสงสารลูกนกแทนแล้วถึงจะแอบสมน้ำหน้านิดหน่อยก้อเหอะ 555


โดย: Bowiie IP: 58.64.83.85 วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:20:09:40 น.  

 
โอ้ ทำไมอ่านแล้วใจเต้นตึกๆแบบนี้
ไม่แปลกนะคะพี่พุด
สนุกด้วยซ้ำ
อ่านแล้วลุ้นมากกกกก
ซองกี้ช่างใจแข็งยิ่งหนัก ตอนนี้เริ่มสงสารจินนี่แล้ว T^T
แต่ออมม่าก็ยังน่าสงสารอยู่ เพราะนึกว่าจินนี่ไม่ได้รัก T^T อยากไปตะโกนบอกว่าจินรักออมม่า 55 อินถึงขั้นนั้น
อ้อ แต่รู้สึกว่าคู่ริคกะดี้นี้หวานกันจนน่าหมั่นไส้แล้วคะ 55
แล้วก็คู่หมอกะมินนี่ 55 เอ๊ะๆ เริ่มพิกลๆ 55 ต้องมีไรมากกว่านี้
ยิ่งอ่านแล้วอยากอ่านอีก
ขอรอตอน 9 ต่อเลยคะ


โดย: นาค่า IP: 124.120.37.19 วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:20:59:47 น.  

 
พี่พุดข๋า... ไม่แปลกเลยนะค่ะพี่ฟิคพี่อะค่ะ สนุกมากกกกกกกกกก จริงๆนะค่ะ ชองมัล ^^ ชองมัล...


หนูรออ่านทุกวันเลยนะค่ะ ติดฟิคพี่มากกว่าติดละครซะอีก ชองมัล อีกรอบนะค่ะ....


ว้าาา... มีอันแฮ... ยกโทษซะทีเถอะค่ะซองกิข๋า.. เรื่องของเรื่องหนูอยากดูอะไรหวานๆอีกอะค่ะพี่ข๋า.. ฮ่าฮาๆๆ
แต่ปรมมือให้จินนี้ค่ะ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ซองก็เป็นเจ้าชายน้ำแข็งไปและ แงแงบๆๆ ทำยังไงถึงจะลายค่ะเนี่ย ยอมซะ ใจอ่อนเสียทีเถอะนะค่ะ... ก่อนที่อีกคนจะอ่อนใจ...


รออ่านต่อนะค่ะ... แต่ตอนนี้หนูกำลังลุ้นอีกว่าเมื่อไหร่ดี้จะจับโกหกป๋าได้ อิอิ ซองกิก็นะค่ะไม่บอกน้อง แต่เชื่อค่ะว่าป๋าจัดการได้ ฮาฮาๆๆ


ปล. พี่พุดข๋า.. รูปแบ็คกราวน์ข้างหลัง กรี๊สสสสสสสมากมายเลยค่ะพี่ สวยมากๆๆๆ เยปอโย... ขออนุญาติเซฟไว้ชื่นชมนะค่ะ อิอิอิ รออ่านต่อเลยนะค่ะพี่ ...


โดย: praery_za IP: 58.10.170.240 วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:21:03:10 น.  

 

“.. ผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังรักเค้าหรือเปล่า” // ไอ่บ้า รักป่าวไม่รู้ เด๋วสอนให้เอาป่าว เหอๆ


“ฮะ ผมมาเริ่มแน่ใจเมื่อกี๊เอง ว่านั่นคือความรักแน่นอน และคราวนี้ผมก็จะไม่ทำมันผิดพลาดอีกแล้ว” // บทจะรู้ใจ มันก็รู้ซะเร็วเลยนะว๊อย


“ไปซะ ชั้นไม่อยากเจอหน้านาย” // เจ็บปวดมากๆฮะออมม่า เจ้าชายเยนชามาขายชาเยนเองเลยวุ๊ย


ออมม่าอารมย์น้อยใจ เสียใจแล้วก็ผิดหวัง แบบว่ารักเค้าเต็มหัวใจ แต่ความจริงที่ปรากฎกลับเปนรักข้างเดียว ฮือๆเศร้า ตรูจะสงสารใครดีวะฮะ มีทางเดียวหอยต้องพิสูจน์ตัวเองให้ออมม่าเหนความจริงใจ แล้วอีกอย่างคำว่า ''รัก" มันพูดไม่ยากฮะหอย พูดให้ออมม่าได้ยินซะนะ แต่ถ้าออมม่ายังไม่เลิกนอยอีก ก็จับปล้ำมันซะในครัวเลยฮะ เหอๆ


โดย: Tom & Jinny วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:21:33:45 น.  

 
พุดสู้ๆ
พี่ว่าพุดผูกเรื่องได้ดีออกจะตายไป
แล้วจะตามมาอ่านอีกนะ


โดย: สปาเก็ตตี้ฯ IP: 58.9.78.187 วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:21:38:02 น.  

 
อ่านไปกรี๊ดไปเป็นระยะๆ เหอๆๆ พี่เก๋ชอบออก น้องพุดเขียนตอนนี้ดีมากเลยอ่ะ มีหลายอารมณ์ ทั้งเขิล ฮา เศร้า หงอย อึดอัด ฯ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งน้า Fighting ค้า

ปล. อยากอ่านตอนต่อไปจางง ลูกนกกะแม่นกจะเป็นงัยน้อ


โดย: kayzila IP: 124.120.154.223 วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:21:54:39 น.  

 
อ่านจบแล้วฮะ ชอบมากกกกก จะเว่อร์ไปมั้ยถ้าพี่เคจะบอกว่า....

อ่านแล้วรู้สึกเจ็บหน่วง ๆ ที่หัวใจ สงสารร่า...

คำว่ารักนี่มันพูดยากเนอะ..คนบางคนรอแค่คำนี้คำเดียวนะเนี่ย

เหอ ๆ รอตอนต่อปายฮะ

จะปล้ำกันอีกรอบเค้าก็ไม่ว่านะฮะ ปล้ำเสร็จก็คุย ๆ กันให้เคลียร์

จะได้ไปลุ้นคู่พี่หมอกันต่อ



โดย: ekada IP: 124.120.190.98 วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:22:27:06 น.  

 
ฟิกสนุกดีออกค่า ไม่เห็นจะแปลกเลยอ่า เชียร์ให้จินนีรุกฮะ อย่ายอมแพ้ ไม่มีใครบ้านแล้วจะบุกก็ลุยเลย 555+ ฉันคิดอะไรอยู่เนี้ย

รออ่านตอนต่อฮะพี่พุด


โดย: ket_dd IP: 58.8.132.184 วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:23:12:52 น.  

 
นั่นสิพี่พุด สนุกออก ไม่เห็นแปลกเลย

ลุ้นใจเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเนี่ย

สงสารพี่หอย...


โดย: เจ้านิ วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:8:53:40 น.  

 
เมนท์ให้ว่าชอบมากๆ
ผ่านค่ะ ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก

ฟิคนู๋ทำให้เจ๊บ้าได้เป็นระยะๆ น๊า
ตอนแรกกรี๊ดให้คู่ป๋ากะนุ้งดี้..สักพักต้องมาสงสารออมม่าคนสวย..

เค้าชอบนะตัวเอ๊ง...รอตอนหน้าอย่างใจจดจ่อ...



โดย: พี่จิ๋วจิน IP: 61.19.231.4 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:9:28:30 น.  

 
ช่วงแรก ๆ อ่านแล้วก็ขำ แต่ไมช่วงหลัง ๆ มันเศร้าจังฮะ
สงสารลูกนกจัง มะไหร่แม่นกจะเลิกงอนน้า

ตื๊อต่อไปนะ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก


ปูลู. ฟิคพี่พุดหนุกชิง ๆ น้า รอ ๆ ๆ ๆ ตอน 9 ฮะ
แต่แอบหมั่นไส้คู้นั้นอ่ะ สวีทเกินไปแระ อิจฉา.....


โดย: puppi วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:12:46:38 น.  

 
ไม่แปลกเลยน้องพุด ติดฟิคน้องพุด จนหยุดดูซีรีห์เกาหลีไปพักหนึ่งเลย

“เฮ้ย ! ลองดูไม่เสียหายเฟ้ย ใจกล้า หน้าด้าน ปากหวาน และก็อดทน มันใช้ได้มานักต่อนักและถ้าเราจะง้อหญิง เอ! แต่กรณีนี้เป็นผู้ชาย เอาน๊า เหมือน ๆ กันแหละ” /// เด๋วจะลองเอาไปง้อผู้ชายบ้าง 555+


โดย: พี่นา IP: 203.150.219.200 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:13:34:20 น.  

 
สนุกมากค่ะ ตอนหวานก็หวานจนน่าอิจฉา ตอนเศร้าก็ชวนให้อึดอัดไปด้วย
สงสารจินมากมาย อย่าให้ซองโกรธนานเลยนะคะ T_T
ส่วนคู่สุดท้ายขอหวานๆกุ๊กกิ๊กๆด้วยนะคะพี่พุด อยากเห็นคู่พ่อสื่อแม่สื่อสวีทๆบ้างค่า ^^


โดย: keiropi IP: 119.42.83.120 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:20:37:59 น.  

 
พุดจ๋า
อ่านแล้วจะคลั่งตายแทนจินจริงๆ
แต่ก็สมควรแล้ว (เพราะเอ๋เข้าข้างซอง 555)

ซองเจ็บเพราะจินแล้วต่อไปจะเจ็บเพราะป๋าอีกไม๊นี่ แอบลุ้นเรื่องรักแรกของป๋า

ฟิคพุดสนุกมากจ้ะ จริงๆนะ สู้ๆ เราจะรออ่านเน้อ

ป.ล.เรื่องหน้าแอบขอริคซองนะ (จะโดนตื๊บไม๊นี่ตู )


โดย: Sassy IP: 125.25.69.3 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:21:14:24 น.  

 
สงสารจินนี่จังเลย ซองกี้จะใจแข็งไปอีกนานมั้ย แต่ก็สงสารซองกี้ด้วย เอาใจช่วยทั้ง 2 คน จินนี่น่าจะจุ๊บซองกี้อีกครั้งซะเลยนะ (แอบลุ้นอยู่)

เอาใจช่วยคู่ของพี่เอ็มกับลุงหมอ งานนี้ใครจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนน้า

ป๋ากับน้องดี้ ยังคงเป็นคู่ที่มีความสุขที่สุด หมั่นใส้ป๋าจังเลย

ชอบสำนวนน้องพุดมากๆ จะตามอ่านนะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้น้องพุดแต่งตอนต่อไปค่ะ


โดย: Pekkiokung IP: 58.8.91.57 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:21:19:09 น.  

 
พี่พุด ฟิคสนุกดีค่ะ ไม่เห็นแปลกเลยแม้แต่น้อย

สงสารจินมากเลยอ่ะ...แต่ก็อยาให้ซองงอนต่ออีกสักพัก จะได้เห็นความพยายามของจินอีกสักหน่อย

คู่ป๋ากับดี้ก็น้งนิ้งน่ารักมากเลยค่ะ

คู่มินกับคุณหมอเริ่มมีอะไรน่าลุ้น

ขอบคุณพี่พุดค่ะ


โดย: เจี๊ยบ IP: 58.9.76.169 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:22:23:53 น.  

 
อ่านแล้วอึดอัดแทนจินนี่เลยค่ะ
ซองกี้นิ่งมากกกกกก แทบขาดใจ
แต่แหม อีกคู่นี่จะหวานไปถึงไหนคะ ชอบ อิอิ เอาอีกๆ
คุณหมอนี่ชักจะหวั่นไหวแล้วสิท่า เจอหยอดอยู่ทุกวัน 555+++ เอาใจช่วยค่า
ขอฟ้องซองกี้ได้มั้ยค้า ว่าพี่ชายไม่อยู่ น้องแอบไปค้างบ้านปู้จาย จับตีก้นเลย
ขอบคุณพี่พุดนะค้า ฟิกพี่น่ารักมากๆ



โดย: โบ_andyholic IP: 202.91.19.206 วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:19:44:02 น.  

 
ว่าจะเม้นเมื่อวานแต่ไม่ได้มา
อยากสกรีม ชอบ ๆ ๆ
อยากรู้ว่าพุดจะให้ออมม่าใจอ่อนกะมุกไหนของจินนี่
ลืมอดีตรักแรกของอิป๋าด้วย มัวแต่ลุ้นคู่แรก
พี่เอ็มทำคะแนนแบบเนียน ๆ ชอบ

แต่รูปข้างหลังนี่ พระเอกหน้าใสเกินไปหน่อยป่าว ออมม่ามีหนวดหน้าโหดเชียว


โดย: พี่อัน IP: 202.129.32.218 วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:21:05:15 น.  

 
แหม่ๆๆๆ ถ้าเป็นพี่นะ ใจอ่อนตั้งแต่มาคว้ากระเป๋าไปช่วยถือที่สนามบินแล้วล่ะ
แต่ๆๆ ช้าก่อนๆ ท่องไว้เหมือนกันนะออมม่า ใจแข็งๆๆๆๆ (เอาให้เข็ดๆๆ ซาดิสม์ไปมั้ยเนี่ยตรู )

ปล.1 อยากมีกุนซือเก่งๆ แบบมินอูมั่งจัง
ปล.2 เขียนได้อารมณ์ดีออกน้องพุด นึกภาพตามได้ตลอด ไม่มีสะดุดติดขัด


โดย: duckie IP: 124.121.21.92 วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:22:26:16 น.  

 
ง้อต่อไปลูกนก..เราผิดนี่นา..สู้ๆ


โดย: piyawan IP: 118.172.251.205 วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:2:20:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พุดดิ้งของซอนโฮ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.