ในสวนบนเนินเขา (5)



สิ่งดี ๆ ในชีวิต

พ่อค้าแวะมาหาคนสวนที่เขากำลังพักผ่อนอยู่ตรงหน้ากระท่อม

“สวัสดีครับคนสวน” พ่อค้าทักทาย “ผมมีข้อเสนอดีๆ มาให้ คุณคงสนใจเป็นแน่”

และเมื่อเห็นทีท่าเฉยเมยของคนสวน พ่อค้าก็เริ่มพูดธุระที่เขาคิดว่าจะเป็น
ประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งคนสวนจะต้องขยายพื้นที่ปลูกกุหลาบเพิ่มขึ้นและพ่อค้าจะเป็นคนเอาไปขายในเมือง

“คนสวน ด้วยความชำนาญของคุณ กุหลาบของเราจะสวยงามที่สุดในเมือง” พ่อค้าสรุปด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง

“ขอบคุณแต่เราไม่สนใจ” คนสวนตอบพร้อมยิ้มอย่างเคย

“แต่คุณจะได้เงินเยอะ...” พ่อค้าว่า ท่าทางแปลกใจ

“ผมไม่สนใจเงินทองหรอก”

“ใครๆ ก็อยากได้เงินกันทั้งนั้น...”

“แต่ไม่ใช่ผม”

“คุณพูดเช่นนั้นได้ยังไง เงินเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต...”

“ไม่รู้สิ! ผมกินอิ่มนอนหลับทุกวัน ผมมีเสื้อผ้าใส่ มีกระท่อมไว้พักพิง ยามค่ำคืน
อันหนาวเย็น” คนสวนตอบอย่างสงบ

พ่อค้าไม่อยากจะเชื่อว่าคนสวนปฏิเสธข้อเสนอของเขา

“และอีกอย่าง...” เขาไม่ยอมแพ้ “คุณจะได้ทำงานที่คุณชอบนะ คนสวน”

“ผมทำงานที่ผมชอบอยู่แล้ว”

คนสวนลุกหนีไป ทิ้งให้พ่อค้าอ้าปากค้าง เขาหุบปาก ลุกขึ้นแล้วออกไปจากสวน

พลางบ่นพึมพำว่า “ฉันไม่เข้าใจคนดื้อรั้นพวกนี้เลย ยอมอยู่อย่างยากจน แต่ไม่สนใจสิ่งดีๆ ในชีวิต”

คนสวนใช้เวลาช่วงบ่ายนั้น สดับเสียงเพลงของนกและเฝ้ามองความงามของอาทิตย์อัสดงที่ธรรมชาติดลบันดาล.


จากหนังสือ “สวนแห่งชีวิต”
Grain เขียน, ภารณี วนะภูติ แปล
สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง

















ผมอ่านงานชิ้นนี้แล้ว ทำให้ครุ่นนึกไปถึงชาวบ้านในหลายๆ พื้นที่
ที่ผมเคยเดินทางไปเยือน ไปนั่งพูดคุย เฝ้าถาม เรียนรู้
ถึงวิถีความเป็นอยู่ของชีวิตของคนทำนา ทำสวน ทำไร่ กลางทุ่งนาป่าเขา
นึกไปถึงความเรียบง่ายของพ่อเฒ่าชาวปวาเก่อญอบ้านแม่คองซ้าย
ซึ่งตั้งอยู่ฉากหลังของดอยหลวงเชียงดาว

จำได้วันนั้น “พะตีศรี” พาพวกเราลัดเลาะทุ่งนา ลำห้วย
ไปตึดแค เอาเศษไม้ใบหญ้า ดินเหนียวโปะกั้นทางน้ำอีกสายให้แห้ง ก่อนลุยโคลน ก้มงมจับปลา ปู กุ้ง

ส่วนหมู่แม่หญิงปวาเก่อญอช่วยกันก้มเก็บเด็ดยอดผักกูด ผักไม้ไซร้เครือริมห้วย
อีกกลุ่มหนึ่งช่วยกันก่อไฟ หลามปลาด้วยกระบอกไม้ไผ่ ใส่ยอดผักกูด
เติมพริก ใส่เกลือ เพียงเท่านั้น ก็ได้อาหารมื้อเที่ยงที่แสนเอร็ดอร่อย

นึกไปถึงใบหน้าของ “พ่อปรีชา ศิริ” ปราชญ์ปกาเกอะญอ
ผู้นำธรรมชาติแห่งบ้านห้วยหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
ที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข อารมณ์ดี

“ทุกวันนี้ เฮาถือว่าหมู่บ้านของเฮานั้นร่ำรวยแล้ว
แต่ไม่ใช่ร่ำรวยเงินทอง แต่ร่ำรวยธรรมชาติ
เฮามีทุกอย่าง มีดิน น้ำ ป่า มีอากาศให้หายใจ มีอาหาร ยาสมุนไพร
เฮาอยู่ได้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง ที่ไม่ต้องดิ้นรนเหมือนคนข้างนอก...”


ใช่, ในหลายๆ พื้นที่ หลายหุบเขา หลายดงดอย
ที่พี่น้องชนเผ่าอาศัยอยู่กัน ต่างมีวิถีที่คล้ายคลึงกัน

ในทุ่งนา ทุ่งไร่ พวกเขาไม่ได้เพียงแค่ปลูกข้าวอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ยังใช้พื้นที่นาปลูกพืชผัก เก็บกินได้ตลอดปี
ไม่ว่า แตงกวา หัวเผือก หัวมัน ผักกาด งา ฟักทอง ถั่วฝักยาว พริก มะเขือ ฯลฯ

จนพูดได้เต็มปากเลยว่า ชาวบ้านไม่ต้องพึ่งพาตลาดข้างนอก
เพราะเอาทุ่งนา เอาไร่หมุนเวียนเป็นตลาดสด คนที่นี่จึงไม่เคยอดตาย

และทำให้นึกไปถึงคำพูดของ “ป๊ะป่า”
ชาวบ้านลาหู่บ้านก็อตป่าบง ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว ที่บอกย้ำกับผม

ในวันที่พาผมเข้าไปดูแปลงเพาะกล้ากาแฟ กลางไร่ข้าวโพด เมื่อสัปดาห์ก่อน

“ผมว่าอยู่แบบพออยู่กิน ไม่ต้องรวยก็ดีเหมือนกัน
รวยแล้วเป็นทุกข์ เห็นทักษิณมั้ย รวยแต่ไม่ได้อยู่บ้าน...”


จริงสิ, บางที... “สิ่งดี ๆ ในชีวิต”
คงไม่ใช่วัดกันที่ความร่ำรวยหรือคนรวย
แต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต อาจเป็นเพียงการใช้ชีวิตอยู่กับความเรียบง่ายธรรมดา
อยู่กับธรรมชาติ เรียนรู้และรักษา
เฝ้าดูทะนุถนอม ด้วยความรักและความเข้าใจ.





Create Date : 30 ตุลาคม 2550
Last Update : 30 ตุลาคม 2550 9:08:08 น.
Counter : 761 Pageviews.

35 comments
  


สวัสดีค่ะ คุณภู...

เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยก่อนเที่ยง เลยแวะมาเยี่ยมเยียนคุณภู พอดีกับการอัพบล็อกใหม่ของคุณเลยค่ะ

“สิ่งดี ๆ ในชีวิต คงไม่ใช่วัดกันที่ความร่ำรวยหรือคนรวย
แต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต อาจเป็นเพียงการใช้ชีวิตอยู่กับความเรียบง่ายธรรมดา
อยู่กับธรรมชาติ เรียนรู้และรักษา
เฝ้าดูทะนุถนอม ด้วยความรักและความเข้าใจ"

รู้สึกดีจัง กับ ประโยคทั้งหลายข้างต้น
นกคิดไว้นะคะ...ว่าสักวัน อีกไม่นานนี้ จะกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับความเรียบง่ายที่บ้านนะคะ
แต่ช่วงเวลานี้ ขอใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาสักพัก ไม่นานค่ะ ไม่นาน สัญญากับตัวเองไว้

ยอดผักกูด...ผัดน้ำมัยหอย อร่อยมากๆ อาหารจานโปรดของนกเลยนะคะ คุณภู
โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:11:34:24 น.
  
ชื่นชมนะคะ ชอบในอุดมการณ์ค่ะ อยากมีโอกาสบ้าง แต่ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า จะพยายามค่ะ
โดย: seangkhim IP: 210.246.181.7 วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:14:32:50 น.
  
จริงจ๊ะ
โดย: ชิพุโพ่ IP: 210.246.181.7 วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:16:24:22 น.
  
อยากออกไปเจอสิ่งดีๆในชีวิตแบบนี้มั่งจัง
โดย: Michiyo วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:15:46:05 น.
  
เรียนเชิญจ้า

พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับน้ำราวอยู่บนผืนดิน บางคนเนื้อตัวจะแห้งสนิทก็ตอนเข้านอน
พวกเขาเดินบนน้ำ…..ว่ายเหมือนปลา
ย่ำ ย้ำ ไปบนน้ำครามเค็ม
ท้องทะเลของเขา...ไม่ต่างท้องนาของชาวนา
เขามีความสุข
ใช่....ถ้าเขาไม่ถูกรุกรานและปล้นชิงสิ่งที่เขามี
ใช่...


พบกับเรื่องราวเหล่านี้ในนิทรรศการภาพถ่าย....
SEA NOMAD เผ่าชนคนทะเล
โดย สุรัตน์ สุขวนิช , จามิกร แสงศิริ , ไพศาล เปลี่ยนบางช้าง , อุกฤษฏ์ จอมยิ้ม และ จิตติมา ผลเสวก
6 – 30 พฤศจิกายน 2550 ณ แซ็กโซโฟนผับ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เปิดงานวันที่ 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา 14.00 - 19.00 น.
ชมสารคดีชาวเล พูดคุยกับศิลปิน และคนทำงานในพื้นที่ชาวเล
ฟังเพลงจาก มงคล อุทก , ชัย บลูส์ , ตุ๊ แครี่ออน และ ต๊ะ มุตโต
(สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 081 – 583 – 7493)

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับชาวเลได้ที่ //www.oknation.net/blog/snail

โดย: เลน IP: 58.8.140.183 วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:19:16:10 น.
  
ขอบคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยม...
ยินดีครับ ที่พี่เลน "จิตติมา ผลเสวก" แวะมาบอกข่าว ภาพถ่ายเรื่องเล่าชาวเล

"SEA NOMAD เผ่าชนคนทะเล"
น่าสนใจดีครับ เสียดายผมอยู่ไกลถึงเชียงใหม่
เพื่อนๆ อยู่กทม. น่าจะไปแวะชมกันนะครับ..
โดย: pu_chiangdao วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:19:34:28 น.
  
นึกถึง "เลิ้ย" กับ "เลื่ย" สองพี่น้อง
ของอารงษ์ที่เขียนลงในมติชนสุดฯน่ะค่ะ

ก้อนหินกับท้องฟ้าของเลื่ยไม่สามารถขายให้คุณหม่อมได้
กลับบ้าน..เลยเก็บหนังสือเล่มเกาๆของแม่มาอ่าน
อ่านเล่มนี้พอดี.....กำลังอมยิ้มเพลินๆ
มาเปิดบ้านนี้อ่าน
เลยยิ้มอีกรอบกะ "คนสวน"

มีความสุขนะคะ....แวะมาทักทายหลังจากพักผ่อนหย่อนขาจากการเก็บบ้าน เก็บช่องหลังจัดงานกฐินค่ะ
โดย: ปลายแปรง วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:21:39 น.
  
สวัสดีค่ะ

“สิ่งดี ๆ ในชีวิต”
คงไม่ใช่วัดกันที่ความร่ำรวยหรือคนรวย
แต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต อาจเป็นเพียงการใช้ชีวิตอยู่กับความเรียบง่ายธรรมดา
อยู่กับธรรมชาติ เรียนรู้และรักษา
เฝ้าดูทะนุถนอม ด้วยความรักและความเข้าใจ.

จริงด้วยค่ะ ชอบประโยคนี้
และรู้สึกชอบความคิดของลุงคนสวนคนนี้จังเลยค่ะ
หนูจะถามว่าจะให้หนูเรียกสรรพนามนำหน้าว่าอะไรดีค่ะ
โดย: เบญจวรรณ (lukkongpoka ) วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:16:10 น.
  
สวัสดีครับ

เพิ่งทราบนะครับว่าพี่กนกพงศ์ก็ชอบถ่ายรูปท้องฟ้ากับเมฆเหมือนกัน
ผมถ่ายเก็บไว้เป็นหลายร้อยรูปมากครับ
ผมชอบดูเมฆเคลื่อนตัวครับ
ดูทรงพลังดี


..................................

มีงานเขียนของปกาเกอญออยู่ 2-3 เล่ม
ชอบความคิดของจ่อนิ โอโดเชา
ชอบเรื่องการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

ผมว่าพวกเขา "อนุรักษ์" โดยไม่ต้องให้นักอนุรักษ์เข้าไปบอก
ว่าพวกเขาต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติยังไง
เพราะพวกเขา "เป็นหนึ่งเดียว" กับธรรมชาติ
มาตั้งนานแล้ว


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:10:38 น.
  
เคยฟังวิทยากรชาวอังกฤษบรรยาย (เป็นภาษาไทย)ค่ะคุณภู เขาบอกว่าชาวไทยรวยมาก บ้านของเขาจบปริญญาเอก 3 คน แต่ไม่สามารถมีพื้นดินเป็นของตนเองได้ ต้องอาศัยคอนโด การทำงานไม่มีอิสระเหมือนชาวสวน และก็ยังชื่นชมทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง แต่ดูเหมือนคนไทยจะไม่รู้ค่านัก
เชียงใหม่หนาวหรือยังคะ สงขลาดูเหมือนว่าฝนจะตกทุกวัน ตอนนี้ก็กำลังตกอยู่ค่ะ
โดย: แซนด์ซี วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:35:22 น.
  
ภู เชียงดาว
ได้อ่านข้อเขียนของท่านแล้วให้นึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินมา ไม่ทราบว่าท่านเคยยินผ่านมาบ้างไหม เรื่องก็คล้ายกับชาวสวนกับพ่อค้าของท่านนั่นแหละ

เรื่องมีอยูว่า...
ยามสายๆที่สะพานปลาแห่งหนึ่ง นักเศรฐศาสตร์จบจากอ๊อกฟอร์ดเอ่ยถามชาวประมงที่กำลังนำเรือเล็กๆเข้าจอดว่า "ท่านใช้เวลากี่ชั่วโมงจึงจับปลาได้ขนาดนี้"
"แค่สองสามชั่วโมงเอง"ชาวประมงตอบ
"แล้วเวลาที่เหลือล่ะท่านทำอะไร"
"ข้าก็อยูกับลูกกับเมีย ตอนเย็นก็ไปเดินเล่นในหมู่บ้าน เล่นดนตรี ร้อวรำทำเพลงสังสรรค์กับเพื่อนฝูงแล้วก็กลับบ้านนอน ชีวิตก็เป็นอยู่อย่างนี้"ชาวประมงตอบ
นักเศรฐศาสตร์แนะนำตัวพร้อมเสนอแผนพัฒนาธุระกิจให้
"ทำไม่ท่านไม่ใช้เวลาหาปลาให้มากขึ้นล่ะ เพื่อที่จะได้ปลามามากๆ แทนที่จะเอาเวลาที่เหลือไปเดินเที่ยว"
ชาวประมงทำทำท่าทางสงสัย "ข้าจะหาปลามากๆไปเพื่ออะไร"
นักเศรฐศาสตร์อธิบายความคิดของเขาต่อ "เมื่อท่านหาปลามาได้มากๆแล้ว ท่านก็มีเงินมากขึ้น เมื่อมีเงินมากขึ้น ท่านก็ซื้อเรือเพิ่ม เมื่อท่านมีเรือเพิ่ม ท่านก็มีเงิน ท่านก็สามารถนำเรือไปขายในเมืองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ท่านก็รวยขึ้น"
ระหว่างนั้นชาวประมงคอยถามว่าเพื่ออะไรตลอด
"เมื่อท่านมีเงินมากขึ้น ท่านก็เปิดแพปลา รับซื้อปลาซะเอง ท่านก็รวยขึ้น ท่านก็ตั้งเป็นบริษัท ท่านก็ย้ายบริษัทไปอยู่ในเมือง ท่านก็นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน ท่านก็เปิดขายหุ้น จากนั้นท่านก็ย้ายบริษัทไปเปิดที่ลอนดอนรึนิวยอร์ค เมื่อมาถึงจุดนี้ท่านก็เทขายหุ้นที่มีทั้งหมด ท่านก็จะได้เงินมหาศาล"
ชาวประมงฟังด้วยท่าทีสงสัยแล้วก็ถามต่อว่า
"เพื่ออะไร"
นักเศรฐศาสตร์กล่าวต่อ"อ้าว เมื่อท่านมีเงินแล้ว ท่านก็ย้ายกลับมาที่หมู่บ้าน หาซื้อบ้านริมทะเล ใช้ชีวิตสงบๆ อยู่กับลูกเมีย ออกหาปลาบ้างเล็กๆน้อยๆ ตอนเย็นก็ออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ร้องรำเล่นดนตรีสังสรรค์กับเพื่อน หาความสุขใส่ตัว"
ชาวประมงถามด้วยความสงสัย"แล้วต้องใช้เวลาซักกี่ปีล่ะกว่าที่ข้าจะไปถึงจุดนั้น"
นักเศรฐศาสตร์คิดแล้วตอบ"อาจจะต้องใช้เวลาสักสามสี่สิบปีล่ะ น่าจะประสพความสำเร็จ"
ชาวประมงยิ้มแล้วพูดว่า"โห...งั้นผมขออยู่อย่างนี้ดีกว่า เพราะทุกวันนี้ผมก็มีบ้านริมทะเล มีเวลาอยู่กับลูกเมีย มีเวลาหาปลาเล็กๆน้อย มีเวลาเล่นดนตรีสังสรรค์กับเพื่อน และขอบใจในความคิดของท่าน"
แล้วชาวประมงก็เดินเข้าหมู่บ้านไป.
ขออภัยที่ใช้พื้นที่เขียนซะยาว
โดย: ตาพรานบุญ IP: 124.157.183.191 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:07:48 น.
  
บางคนอยู่เพื่ออุดมการณ์ แต่บางคนอยู่เพื่อแต่ละวันให้ผ่านๆ ไป
คนอยู่เพื่ออุดมการณ์พยายามทำเพื่ออุดมการณ์นั้น
คนอยู่เพื่อหนึ่งวันผ่านไป ไม่แสวง ค้นหา พยายาม
คนไหนที่สงบสุขกว่ากันคะ
โดย: หมอกกลางภู วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:13:19 น.
  
เฟินว่า นี่แระค่ะ ที่เรียกว่า ชีวิตที่พอเพียง ..


โดย: นางสาวชบา วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:09:06 น.
  
เช้าวันนี้คนสวนยังเข้าสวนอยู่หรือไม่......
หรือเดินไปจ่ายตลาดด้วยปราศจากสวน......

"ผักบ้าน...ปลูกเอง ไม่ใช้ยา ใช้ปุ๋ยชีวภาพ"
อี๋แก่ๆหยิบผักกาดกวางตุ้งปรุประขึ้นดูแล้วมองหน้า
"ตนปลูกผักเป็นรึ...หน้าตาพรรค์นี้"
คนขายขยับกรอบแว่นอ้ำอึ้งพูดไม่ออก สายตาจ้องอยู่ที่มือขาวกรีดกรายจับมัดผักซ้อนทับกันไปมา
"คนขายผักต้องทำหน้าโง่ๆรึอี๋"
"ม้าย" อี๋จีบปาก "ร่ำเรียนมาก็เยอะ...ไสไม่ทำงานหาเงินให้ดีกว่ากลับมาปลูกผักขาย"
คนขายผักสูดลมหายใจยาว
"ทำงานหาเงินมาซื้อผักกินน่ะรึ"
"แล้วไสต้องลำบากปลูกผัก ปลูกหญ้าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้เงินได้ทองเสียดีกว่า"
"ก็เงินทองมันอยู่ในผักหญ้าที่อี๋มาซื้อไปกินนี่แล้ว จะต้องไปหาจากป่าตึก ป่าคนทำไม"
อี๋ไม่ตอบ.....อี๋ก็ไม่ซื้อผักจากคนขายผักที่เรียนมาสูงเกินกว่าจะปลูกผักขาย อี๋เดินข้ามแผงไปซื้อผักจากแม่ค้าที่รับผักมาจากตลาดกลาง อุดมทั้งปุ๋ย อุดมทั้งยา แต่อี๋ต่อรองราคาอย่างสบายอารมณ์

เอามาเล่าให้ฟัง....เรื่องของคนขายผักมีปริญญากับอี๋มีฐานะเพราะว่ามีที่ดินจ้างพม่า มอญตัดยาง


โดย: ปลายแปรง วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:26:24 น.
  
ภู ภาพที่บ้านหินลานในนี่เอง คิดถึงหมู่บ้าน คิดถึงพะติ แกคุยสนุกมีเรื่องเล่าน่าสนใจ

ฮาฮา อ่าน ปลายแปลง เขียนเรื่องคนปลูกผักกับอี๋ แล้วขำจริง ๆ
อะฮา...ใครเรียนจบหรือไปอยู่เมืองหลวง แล้วกลับมาทำอะไรอย่างนี้ก็จะโดนอย่างนี้แหละ เพราะไม่เอาไหน เพราะเป้าหมมายของการเรียนก็เพื่อเป็นเจ้าคนนายคน
เจ้าคนนายคนก็เลยเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด



โดย: แพรจารุ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:33:54 น.
  
รู้จักพอ ก่อสุข ทุกสถาน นะคะ
พอที่ใจ ก็สุขตรงที่ใจ นะเจ้า
โดย: ช่อชบา IP: 58.9.156.148 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:51:46 น.
  
สายัณห์สวัสดีค่ะภู เชียงดาว
----------------------------------------
หนาวแล้วนะ สักวันจะขึ้นไปเยือนชาวดอยค่ะ

ปล. เร็ว ๆ นี้ จะไปปีน "ดอยผ้าห่มปรก" เตรียมหนาวล่วงหน้า อะคึ่ ๆ
โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:04:16 น.
  
เพราะสิ่งดีๆในชีวิตของแต่ละคนคงต่างกัน...
หรือบางคนยังไม่รู้ว่า สิ่งดีๆในชีวิต...คืออะไร
หาได้ที่ไหน อย่างไร หรือเมื่อไหร่...

ว่าแต่รูปหมู่บ้านสงบๆข้างบน อยู่ที่ไหนอ้ายภู
อยากไปบ้างจัง..
โดย: ก้อนหินริมทาง วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:54:06 น.
  
อ่านเรื่องของเจ๊ปลายแปลงผักแล้วชักตะหงิดๆนึกขึ้นมาได้อีกเรื่อง แต่อย่าดีกว่า พอเพียงๆ
โดย: พราน IP: 222.123.137.239 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:55:51 น.
  
สวัสดีตอนเช้าค่ะ
ไม่มาทักทายเสียนานเลย จำกันได้ไหมจ๊ะ

สิ่งดี ๆ ในชีวิต และความสุข หาได้ง่าย
หากเราไม่หวังความสุขจนเกินขอบเขต..

ไม่เหมือนบางคนที่รวยมาก
รวยจนไม่มีที่จะอยู่...!!!

โดย: วีดวาด วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:31:18 น.
  
ขอบคุณทุกคนที่มาเยี่ยมนะครับ...

ภาพที่นำมาให้ดูกันข้างบน เป็นภาพชุมชนบ้านปวาเก่อญอ บ้านห้วยหินลาดใน อยู่ในหุบเขา แถว อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ครับ น่าสนใจมากชุมชนนี้ ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว ประเภทชุมชน,เยาวชน ฯลฯ

อีกภาพหนึ่ง กระท่อมน่ารักๆ นั้น เป็นหมู่บ้านปวาเก่อญอแถว อ.สะเมิง หมู่บ้านที่
"พฤ โอ่โอเชา" ไปใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ที่นั่นครับ
โดย: pu_chiangdao วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:37:52 น.
  
เชิญเบียดกายเบียดใจร่วมห่มลมหนาว เสวนาเปิดใจนักเขียน-กวี
"คุณหญิงจำนงค์ศรี หาญเจนลักษณ์" กับผลงานใหม่หมาด”เข็นครกลงภูเขา”

ให้เกียรติร่วมเปิดใจโดย "’รงค์ วงษ์สวรรค์" ศิลปินแห่งชาติ
ดำเนินรายการโดยนักเขียนสำนวนร้อนนนนนนน "คำ ผกา"
ดนตรี-อาหาร-เครื่องดื่มจากรังนักเขียน-ศิลปินน้อยใหญ่ไม่มีใดเหมือน

ย่ำค่ำ 17.30 น. อาทิตย์ที่18พ.ย.ร้านเล่า ถนนนิมมานฯ เชียงใหม่
สอบถามเพิ่มเติม 081-7164007, 081-8475805
โดย: pu_chiangdao วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:22:11 น.
  
รวยมากก็มะดี เหมือนท่านว่า อยู่อย่างพอเพียงดีที่สุดจ๊า คห22 อ่านแล้วน่าสนใจมั๊กๆ ค่ะ วันที่ 18 ไม่ได้อยู่เหนือนะสิ เห็นชื่อศิลปินทั้งสองท่านแล้ว อดคิดถึงครั้งหนึ่งที่เคยมีโอกาส ได้ต้อนรับคุณหญิง และป๋ารงค์ ตอนทำงานที่มหาลัยฯ ตอนกระนู๊น แถมยังมีโอกาสได้ไปสะเมิงวิมานแสนสวยของป๋าด้วย ประทับใจ มากๆ เลยค่ะ

แวะมาทักยามย่ำ สบายดีนะค่ะ
โดย: Aiko (Yushi ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:06:15 น.
  
งานน่าสนใจจังเลยท่านภู นี่ถ้าอยู่ใกล้รับรองไม่พลาดแน่
โดย: ตาพรานบุญ IP: 124.157.176.244 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:32:43 น.
  

สวัสดีค่ะ...

สิ่งดีๆๆในชีวิต..
ทุกอย่างเราเป็นผู้กำหนดและเป็นผู้เลือกนะคะ..
โดย: พิจักษณา วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:30:18 น.
  
เรื่องนี้ มันคงคล้ายๆกับคำว่า .. พอเพียง แระเนอะ

^ ^

โดย: นางสาวชบา วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:10:16 น.
  
การอยู่อย่างมีคุณค่า อยู่อย่างเข้าใจ ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับมูลค่าของตัวเงิน
โดย: jintavaree IP: 125.60.241.175 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:20:33 น.
  
แหะๆ บางทีก็ไม่อยากอยู่บ้าน
แต่รวยแบบคนนั้น...เหมือนกันนะ
บางครั้งๆน่ะ
"ความงามในความจน" พบเห็นได้ทั่วไป
และรู้สึกดีได้จริงๆค่ะ
โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:15:46 น.
  
ชอบเรื่องนี้จังเลยครับ
รู้สึกเห็นด้วยกับ "คนสวนมากๆ " แต่เหตุใดในชีวิตเรากลับเดินไปในทางทิศของ พ่อค้า

ถ้าเราไม่พอ ยังไงก็ไม่มีวันเต็ม
กิเลศและตัณหาอาจเป็นภาชนะที่ใหญ่กว่ากระเป๋าโดเรมอนก็เป็นได้


อ่านแล้วรู้ศึกว่าคุณ ภู เชียงดาว จะใช้ชีวิตได้คุ้มค่าทีเดียวเชียวครับ

ด้วยรักและเคารพ
:->m'26
โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:38:47 น.
  
สิ่งดี ๆ เหล่านี้ที่เราโหยหาอย่างแท้จริง
ความสุข สุขในความเรียบง่าย
กินอิ่ม มีเสื้อผ้าอุ่น มีบ้านให้หลับฝัน มีสวนให้เก็บเกี่ยวและเฝ้าฟังเสียงนกการ่าเริง
ไม่วิ่งตามวัตถุให้ใจพล่าน
ไม่ติดอยู่ในบ่วงมายา
แต่..มันทำยากจังนะคะเพราะสิ่งรอบข้างมันค่อยๆเปลี่ยนเรา
แต่ถึงอย่างไร นกแสงตะวัน ยังชะลอ ยังถ่วง มิให้มันครอบงำเข้ามาในรั้วบ้าน
แต่ทานได้บางส่วนเท่านั้นค่ะ
ถ้าอยู่ตัวคนเดียวบ่มีปัญหาจั๊กหน่อยเลย
โดย: นกแสงตะวัน IP: 125.26.183.223 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:49:59 น.
  
อันนี้เขียนไว้นานละ แต่ยังไม่มีโอกาสอันงามเอาขึ้นบล๊อก
แต่เห็นว่ามันเรื่องกวี ความจริงแห่งชิวิต กับการทำสวนเหมือนกับของภู
เลยตัดตอนเอาบางส่วนมาให้อ่านก่อน อิอิ

เมื่อ 250ปีโดยประมาณที่ผ่านมา กวีซูฟีชื่อดัง นามว่าบุลลาห์ ชาฮ์
ใช้ชีวิตศึกษาหาความรู้และความเป็นจริงแห่งชีวิต จากหลากหลายสำนัก
ครูที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดของบุลลาห์ ชาฮ์ มากที่สุดคือ อินายัท ชาฮ์ (Inayat Shah)
ท่านผู้เป็นครูท่านนี้ เป็นเพียงชาวสวนธรรมดาๆคนหนึ่งท่านั้น
แต่ทว่าเป็นผู้ที่บุลลาห์ ชาฮ์ เห็นว่าเหมาะที่จะเป็นครูของเขาเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้เนื่องมาจากในการพบปะกันครั้งแรกของทั้งสองท่านนั้นเกิดขึ้นในขณะที่
ครูกำลังทำสวนอยู่ และหลังจากที่ได้ปะทะคารมกันในเบื้องต้นแล้ว
บุลลาห์ ชาฮ์ก็เห็นว่าเขาผู้นี้เป็นผู้รู้ และควรถือเป็นครู
บุลลาห์จึงได้คุกเข่าและแนะนำตัว พร้อมน้อมถามคำถามว่า

บุลลาห์ ชาฮ์ – ท่านอินายัท ชาฮ์ ข้ามีชื่อว่า บุลลาห์ ชาฮ์และข้าอยากทราบว่า
ข้าจะเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้าได้เช่นไร
อินายัท ชาฮ์ – ไยเจ้าต้องก้มมองพื้นดินและค้อมตัวเช่นนั้นเล่า จงลุกขึ้น
และมองเข้ามาในดวงตาข้าเถิด

ทันทีทันใดที่บุลลาห์เงยหน้าขึ้นมองอินายัท ชาฮ์
ท่านผู้เป็นอาจารย์ก็มองศิษย์ด้วยสายตาอ่อนโยน และเต็มเปี่ยมไปด้วยความ
เมตตาและความรัก พร้อมๆกับจับตัวบุลลาห์เขย่าแล้วกล่าวว่า

อินายัท – โอ้...บุลลาห์, มันจะมีปัญหาอะไรมากมายกับการเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้ากัน
นะ ก็แค่ถอนรากต้นไม้จากมุมนี้แล้วก็ย้ายไปปลูกมุมนู้นก็เข้าถึงพระผู้เป็น
เจ้าได้แล้ว

คำตอบของผู้เป็นอาจารย์นั้นเพียงพอแล้วสำหรับลูกศิษย์ เพราะบุลลาห์ได้พบสิ่งที่
เขาปรารถนาแล้ว
โดย: มี่ IP: 198.142.231.150 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:45:29 น.
  
ขอเชิญระลึกถึงความทรงจำ
ครั้งหนึ่งของการเดินทาง
ณ ยอดดอยหลวงเชียงดาว ครับ
คุณ ภู เชียงดาว

โดย: ดอกเสี้ยวขาว วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:23:26 น.
  
เพิ่งกลับจากเชียงดาวมาครับ...
โดย: pu_chiangdao วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:01:09 น.
  










โดย: pu_chiangdao วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:15:09:40 น.
  
สวัสดีค่ะ คุณภู
พึ่งได้เห็น Blog ของคุณภูครั้งแรกค่ะ พอดีค้นข้อมูลเกี่ยวกับบ้านห้วยหินลาดใน จังหวัดเชียงรายแล้วมาเจอเข้า และมีเรื่องอยากรบกวนค่ะ คือดิฉันอยากเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านนี้แต่ไม่รู้เส้นทางและอยากติดต่อขอข้อมูลจากผู้นำในชุมชนในหมู่บ้าน รวมทั้งอาจมีกิจกรรมเกี่ยวกับการจัดการองค์ความรู้เข้าไปดำเนินงานในหมู่บ้านด้วย แต่ดิฉันไม่แน่ใจว่าทางหมู่บ้านจะให้ความร่วมมือแค่ไหน ก้อเลยอยากจะรบกวนคุณภูว่าคุณมีเบอร์ติดต่อคนในหมู่บ้าน หรือ NGO ที่ทำงานในพื้นที่หรือไม่ และสามารถให้ข้อมูลกับดิฉันได้หรือไม่คะ

ขอบคุณค่ะ
จั๊ก
junenabua@hotmail.com
โดย: จั๊ก IP: 203.154.114.253 วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:14:05:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pu_chiangdao
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



ภาพและงานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซต์นี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว
ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข
หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน
โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์
หากผู้ใดมีความประสงค์
จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์
หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด
โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง


***************************

งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มา : เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา









ตุลาคม 2550

 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add pu_chiangdao's blog to your weblog]