ล่องสาละวิน

เก็บความใฝ่ฝันของคุณไว้ให้อบอุ่น

จงเดินทางไกลเหมือนแม่น้ำ

ไม่สยบต่อการขัดขวาง

จากสายธารหิมะแห่งหิมาลัย

พังทลายขุนเขาพันเทือกสู่ทะเล

…คุณอยู่ที่นั่น เหนือฝั่งสาละวิน

กับความหวัง กับวันพรุ่งนี้

ไม่มีใครรู้อายุของแม่น้ำ

ไม่มีใครรู้ความเป็นไปและการสิ้นสุด

สายน้ำยังคงไหล เรายังคงมีชีวิต


“คืน ญางเดิม”

จากหนังสือ สัญจรสู่สาละวิน-สู่ถนนธงชัย





1



“เราต้องรีบล่องเรือไปให้ถึงจุดหมายก่อนประกาศเคอร์ฟิวหกโมงเย็น…”

ใครคนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทว่ากลับทำให้หัวใจผมรู้สึกระทึกอดตื่นเต้นไม่ได้

เมื่อรับรู้ว่า หลังหกโมงเย็น เรือยนต์ทุกลำต้องหยุดนิ่งอยู่ตามริมลำน้ำ- -ห้ามเคลื่อนไหว

มิฉะนั้นไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยในชีวิต



ใช่, เรา- -หกชีวิตกำลังเดินทางไกล ในยามเย็นย่ำตะวันแลง

จุดหมายของเราคือ “สบเมย” หมู่บ้านเล็กๆ ติดแนวชายแดนเพียงแค่แม่น้ำกางกั้นเป็นเส้นแบ่งเขต



ณ ท่าฝั่งแม่สามแลบ เรือยนต์จอดนิ่งอยู่หลายลำ

ลมเลาะสายน้ำมาโชยเย็นระรื่น ธงชาติไทยโบกสะบัดไปมาตรงท้ายเรือ

นั่นคงเป็นสัญลักษณ์การแยกแยะความหมายของผู้คน เชื้อชาติและเผ่าพันธุ์

แหงนมองขึ้นไปอีกฟากฝั่งบนเนินเขา ธงชาติพม่าโบกสะบัดอยู่ลิบๆ บนฐานที่มั่น

ทุกครั้ง,ที่ผมเดินทางตามเขตแนวชายแดน ผมมีความรู้สึกว่าชีวิตมันไหวว้างวังเวงยังไงไม่รู้

เหมือนว่ากำลังพลัดตกลงไปในห้วงแห่งความหวาดหวั่นพรั่นพรึง



เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มดังก้อง หนุ่มกะเหรี่ยงหันหัวเรือไปเบื้องหน้า

แรงคลื่นของน้ำเริ่มกระแทกขอบเรือกระเพื่อมโยกไปตามจังหวะของความเร็ว

แม่น้ำสาละวิน บางห้วงช่างดูกราดเกรี้ยว รุนแรง น่ากลัว

หากพอโพ้นเกาะแก่งโขดหิน ผ่านโค้งน้ำวนเป็นเกลียวฟองฟู่สีขาวอมน้ำตาลไปแล้ว

แม่น้ำอันครืนคลั่งนั้นกลับเรียบนิ่ง สงบ

สองฟากฝั่งมองเห็นหาดทรายขาว

ถูกสายลม สายน้ำ ช่วยเสริมสร้างหาดทรายทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ

คล้ายกับว่ามีมือธรรมชาติแต้มสีสันปันแต่งเอาไว้อย่างงามงด



“นานแล้ว ที่ไม่ได้ล่องสาละวิน…” เขารำพึงออกมาเบาๆ

ผมนิ่งมอง ดวงตาเขาเหม่อมองออกไปในความสลัวราง

ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลาลับขอบเขา ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดครุ่นถึงสิ่งใดอยู่!?

อดีตที่พลัดหาย ปัจจุบันอันเปลี่ยวเหงา หรืออนาคตที่ลางเลือน…



ใช่, ครั้งหนึ่งชีวิตเขาต้องต่อสู้อยู่กลางป่า มีปืนอยู่ข้างกาย

หากในยามนี้ เขามีไวโอลินเป็นเพื่อนปลอบใจให้คลายเหงา

และเขาจำต้องเรียนรู้ต่อสู้กับความคิดภายใน



หกโมงเย็น!! เราถึงจุดหมาย สบเมย

ตรงเวลากับการประกาศเคอร์ฟิวห้ามเรือแล่นออกจากฝั่ง ทันเวลาพอดี

เรากล่าวขอบคุณคนนำทาง ที่พาชีวิตเราไปตลอดรอดฝั่งได้



ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการที่ได้มาเยือนสบเมย

น้ำเมยที่รินไหลเรื่อยเอื่อยช้า

มาบรรจบกับแม่น้ำสาละวินอันกรากเชี่ยวและยิ่งใหญ่

ผมเฝ้ามองการเดินทางของสายน้ำ มันเคลื่อนไหว แม่น้ำมีชีวิต

น้ำเมยอ่อนน้อมถ่อมตัว ค่อยๆ ไหลเข้ามาหาน้ำสาละวิน

เหมือนเด็กน้อยโค้งค้อมเข้าหาญาติผู้ใหญ่

วนวนฟูฟ่องเป็นฟองน้ำสีขาวอมน้ำตาล ผสมผสานหล่อหลอมให้เป็นหนึ่งเดียว

ก่อนโค้งไหลละล่องไปในหุบเขา ไปสู่มหาทะเล…



2



เป็นค่ำคืนอันอบอุ่นด้วยน้ำมิตร...

“หมอเอก” จักรพงษ์ ศรีเมือง หมออนามัยแห่งบ้านสบเมย เชิญเรานั่งพักใต้เพิงพักมุงด้วยใบตองตึง

“วีระศักดิ์ ยอดระบำ” แกะไวโอลินออกจากกล่องมาเช็ด หยิบยางสนเหนียวหนืดมาชุบทาสายเส้น

เขาบอกว่า ยางสนช่วยให้เสียงไวโอลินนั้นนวลนุ่มไพเราะยิ่งขึ้น…



ผมนั่งอยู่ตรงนั้น อยู่กับ โถ่เรบอ นักเขียนเรื่องสั้นชาวปกากะญอ และ พิเชษฐศักดิ์ โพธิ์พยัคฆ์ นักเขียนหนุ่มแห่งแดนที่ราบสูง กำลังสนทนาถึงเรื่องราวการก้าวย่างของชีวิต ส่วน สร้อยแก้ว คำมาลา, ลักขณา ศรีหงส์ บก.สานใจคนรักป่า ช่วยกันทำกับข้าวมื้อเย็น ร่วมกับครูสาวสบเมยในห้องครัว



เสียงไวโอลินสั่นพลิ้วกังวานไปทั่ว

แทรกไปในความมืดและเยียบเย็น บาดพลิ้วไปในท่วงทำนอง

หลายบทเพลงเก่าแก่เมื่อครั้งเขาอยู่ในป่าลึกถูกถ่ายทอดออกมา…

อดีตนั้นมีทั้งขมขื่นทั้งชื่นหวาน นานและนาน

หากยังเหมือนตามหยอกเย้าเต้นไหวในความทรงจำ…



3



เสียงไวโอลินหยุดนิ่ง

เมื่อเราสนทนาถึงเรื่องความเป็นไปของชีวิต ของสังคม ของโลก

“คนส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ สนใจในพื้นที่แคบๆ ของตัวเองเท่านั้น ทุกคนยังติดอยู่ในหอคอยงาช้าง ยังมองมิติชีวิตเหมือนเดิม” เขา- - ชายผู้ที่ไม่ก้าวหน้าและไม่ยอมถอยหลัง เอ่ยกับเราเบาๆ



“วันหนึ่ง...เชื้อโรคจะคืบคลานเข้าไปถึงภายในห้องคุณ และทุกสิ่งทุกอย่างจะระเบิดลั่นสั่นสะเทือนไปทั่ว เพราะฉะนั้น คุณต้องมาลงสนาม สัมผัสพื้นที่ของความเป็นจริง…” เป็นถ้อยคำของความห่วงใย ในความเปลี่ยนไป



“คุณต้องปรับตัวและเคลื่อนไหว คุณอย่าหยุดนิ่ง…และคุณควรศึกษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สุขภาพพืชผักอาหาร พร้อมกับการศึกษาทางจิตวิญญาณภายในไปพร้อมๆ กัน เพราะเราถูกระบบทุนตีกระเจิงไปหมด เราถูกเชื้อร้ายเข้าทำลายจิตวิญญาณ ใช่, เพราะเราทุกคนล้วนเป็นคนป่วย ทำอย่างไรจึงจะช่วยเยียวยารักษา บำบัดการเจ็บป่วยทางจิตทางร่างกาย…” นั่นคือคำห่วงใยของชายผู้ไม่ก้าวหน้าและไม่ยอมถอยหลัง- - วีระศักดิ์ ยอดระบำ



ผมนิ่งฟังแล้วค่อยๆ บดย่อยถ้อยคำความคิด อยู่ตรงนั้น,

ทำให้ครุ่นคำนึงไปถึงภาวะความแปลกเปลี่ยน

ที่ต่างถาโถมเข้ามาในชีวิตของผู้คนในเมืองจนล้นหลาม

ทะลักทลายเข้าสู่ชนบท ไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่ว่า ณ พื้นที่ใดๆ ในโลก

แล้วพลอยทำให้อดวิตกกังวลไม่ได้

แต่ก็อย่างที่เรารู้นั่นแหละ…ว่าชีวิตจำต้องปรับตัวและเคลื่อนไหว



...กับความหวัง กับวันพรุ่งนี้

ไม่มีใครรู้อายุของแม่น้ำ

ไม่มีใครรู้ความเป็นไปและการสิ้นสุด

สายน้ำยังคงไหล เรายังคงมีชีวิต



……………………………………



ปล. : งานชิ้นนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกใน “ผู้มาเยือน” จุดประกายวรรณกรรม กรุงเทพธุรกิจ อาทิตย์ ที่ 4 เมษายน 2547 ผู้เขียนเห็นว่าเนื้อหานั้นยังเหมาะสมกับยุคสมัยในห้วงขณะนี้ จึงขอนำลงใน ประชาไท อีกครั้ง
----------------------------------------------------------














Create Date : 30 มีนาคม 2549
Last Update : 30 มีนาคม 2549 8:36:18 น.
Counter : 1200 Pageviews.

2 comments
  
ยังไม่เคยไปเยือนสาละวิน

แต่เรื่องที่รับรู้มาตลอด..ตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ จวบจนกลายเป็นครู


ทำให้..เป็นห่วงคนตามริมฝั่งสาละวิน


โดย: ปิ่นเดือน ครูดอย วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:11:26:38 น.
  
จะติดต่อคุณ ลัขณา ศรีหงษ์ ได้ไง
โดย: หญิง IP: 1.4.130.101 วันที่: 11 มิถุนายน 2555 เวลา:10:40:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pu_chiangdao
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



ภาพและงานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซต์นี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว
ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข
หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน
โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์
หากผู้ใดมีความประสงค์
จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์
หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด
โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง


***************************

งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มา : เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา









มีนาคม 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add pu_chiangdao's blog to your weblog]