“หนูน้อยผู้มีแม่อยู่สองคน”




ผมหยิบเอาเรื่องเล่าจากในคุก
ของ 'ใหญ่' ธีรเชนทร์ เดชา หลานชายของผมที่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ของเรือนจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ออกมาอ่านอีกครั้ง,ในวันแห่งความรักนี้

ผมอ่านแล้วรับรู้สัมผัสได้ถึงอารมณ์ บรรยากาศ ของความรักเลยครับ...
และทำให้เรารู้ว่า 'ความรัก' นั้นยิ่งใหญ่ กว้างใหญ่ไพศาลนัก
สามารถบินฝ่าข้ามกำแพง ผ่านรั้วลวดหนาม ไปไกลและไกล
ความรักไม่ใช่มีเพียงแค่คนสองคนเท่านั้น
ความรักมีทั่วทุกแห่งหนในจักรวาล
ทว่าบางทีเราอาจหลงลืมไป หรือมองไม่เห็น

ในนามของชีวิต
ในนามของความรัก...

ผมอยากให้คุณอ่านเรื่องนี้...“หนูน้อยผู้มีแม่อยู่สองคน”





1.


“หนูมีแม่อยู่สองคนค่ะ” เสียงของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งบอกเล่าให้ฟัง “วันนี้หนูมาหาแม่อีกคนหนึ่งของหนู…”

“แล้วหนูจำได้ไหมว่าแม่หนูรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง” ผมลองเอ่ยถามเธอดู ภายหลังคำถาม เด็กหญิงทำท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง....

เธอนิ่งนานในความเงียบงัน.....แต่ในแววตาที่ไร้เดียงสานั้น เหมือนจะบอกกับผมอยู่อย่างนั้นว่าเธอจำแม่ของเธอได้ดี...เธอจำได้นะ...ผมไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงให้คำตอบในสิ่งที่ผมถามเธอก่อนหน้านี้ไม่ได้

แม่...ที่เธอกำลังมาหาในวันนี้นั้น คือแม่แท้ๆ ที่อุ้มท้องเธอมา เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด แต่ด้วยเหตุผลและความจำเป็นบางอย่าง แม่คนนี้จึงไม่ค่อยมีเวลาได้เลี้ยงดูแลเธออย่างเต็มที่เท่าที่ควร... จนกระทั่งสุดท้าย...แม่ได้จากเธอมาต้องโทษในเรือนจำแห่งหนึ่ง ... ตอนนั้นเธออายุเพียง 4 ขวบ โดยที่หนูน้อยไม่รู้เลยว่าแม่หายไปไหน

เธอรู้แต่ว่า ทุกวันนี้เธออาศัยอยู่กับแม่ของหนูอีกคน ซึ่งแท้จริงแล้วแม่ที่เธออยู่ด้วยนั้นคือ ยายที่รับภาระเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย

และทุกครั้งยายจะบอกย้ำกับหนูน้อยว่า นี่แหละแม่....
ปัญหาระหว่างแม่กับยาย...นั้นทวีความรุนแรง จนถึงขั้นยายตัดแม่ตัดลูกกับแม่ของหนูน้อย แต่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างเธอคนนี้ กลับพลอยต้องรับผลจากสิ่งที่เกิดขึ้น....

ผมรู้สึกว่า บางครั้งผู้ใหญ่ก็ชอบจัดวางชีวิตให้กับเด็กโดยเห็นว่าถูกแล้ว..ดีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเอ่ยถามความรู้สึกความต้องการของเด็กเลยสักคำ...

จนกระทั่งวันนี้ หนูน้อยอายุได้ 7 ขวบ เธอก็ยังไม่เคยพบเจอแม่แท้ๆ คนรอบข้างบอกเธอว่าเธอมีแม่อยู่อีกคน แต่ยายที่เธออยู่ด้วยกลับไม่เคยแพร่งพรายบอกเล่าให้ฟังและก็ไม่เคยพามาพบเจอแม่สักครั้ง

สถานการณ์บางอย่างมันก็ยากที่จะเข้าใจ หรือไปตัดสินว่าใครถูกใครผิด ถ้าหากว่าเราไม่เจอกับตัวเอง ...ใช่ ในชีวิตของคนเรานั้นบางครั้งก็ต้องรอเวลาในการรักษาเยียวยาจิตใจพอสมควร บางครั้งคนเราก็ต้องยอมรับความจริงและปล่อยให้ใจเจ็บปวดเพื่อที่จะสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้

เรื่องราวระหว่างยายกับแม่ของหนูน้อยนั้น ผมคิดว่าพอจะมีทางออก และทางเลือกที่ดีกว่านี้..เพราะผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่าสายสัมพันธ์ความรักระหว่างแม่กับลูกนั้น เป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดให้ขาดได้

อย่างเช่นตอนนี้ หนูน้อยเธอได้แสดงให้ผมเห็นและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเช่นนั้น...

“หนูมีแม่อยู่สองคนค่ะ”
หนูน้อยเชื่อในความรู้สึกข้างในของเธอและเธอก็บอกตัวเองหรือใครๆ อยู่อย่างนี้ตลอดมา
จนกระทั่งมาถึงวันนี้...วันที่เธอมีความหวังว่าจะได้พบแม่อีกคน.....

2

เหตุเกิดภายในเรือนจำจังหวัดๆ หนึ่ง ณ สถานที่เยี่ยมญาติใกล้ชิด

เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไว้ผมเปียยาวสองข้าง แต่งชุดนักเรียน กำลังพูดคุยยิ้มแย้มกับอาจารย์ผู้หญิงที่พามาอย่างสนุกสนาน แกมความไร้เดียงสา เธอไม่ได้คิดว่าช่วงเวลาต่อจากนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น…หรือจะต้องเตรียมตัวอย่างไร

รู้แต่ว่าครูบอกจะพามาพบแม่….แม่มาทำงานฝึกอาชีพอยู่ที่นี่ แม่…ที่จากเธอไปตั้งแต่เธออายุเพียง 4 ขวบ...และแม่คนที่เธออาจจะเคยผวาเรียกตามจิตใต้สำนึกในคืนวันอันฝันร้าย......

ประตูแดนควบคุมหญิงถูกเปิดออก...หนูน้อยกำลังพูดคุยจ้อเหมือนเดิมอยู่บนม้านั่งหินอ่อน หันหลังให้กับประตู ผู้หญิงร่างท้วมคนหนึ่งสวมชุดนักโทษหญิงสีฟ้า...โผล่พ้นออกจากบานประตู ในมือถือถุงใบใหญ่สีเขียว พร้อมกับผู้คุมหญิงซึ่งเดินตามหลังมา สายตาเธอพยามมองหาใครซักคน จนกระทั่งเจอสิ่งที่ตามหา…..

นักโทษหญิงไม่รอช้าเธอวิ่งไปยังจุดหมายโดยไม่สนใจผู้คุมหญิงที่เดินตาม ราวกับนักเดินทางผู้อิดโรย มาค้นพบธารน้ำใสกลางทะเลทราย ระยะทางจากประตูถึงที่หมายนั้น ราวๆ 10 เมตร ได้ แต่ผมเข้าใจว่าเธอ คงรู้สึกเหมือนกับว่าระยะทางนั้นมันช่างไกลเหลือเกิน...

สิ้นเสียงที่คุณครูบอกหนูน้อยว่า “แม่มาหาหนูแล้วนู้นไง” หนูน้อยรีบหันหลังไปดูตามที่ครูชี้ เธอลุกขึ้นยืนนิ่งอึ้งไม่ขยับเขยื้อน...ร่างท้วมในชุดฟ้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นๆ

แล้วจู่ๆ หนูน้อยก็ค่อยๆ วิ่งเข้าไปหาเธอ หญิงในชุดฟ้าคุกเข่าลงสวมกอดหนูน้อย
ทั้งสองต่างกอดกันร่ำไห้ แม่ค่อยๆ ดึงหน้าหนูน้อยออกมา ใช้มือลูบไล้ตามใบหน้าอย่างทะนุถนอม ทั้งสองสบตาซึ่งกันและกันไม่มีแม้แต่คำพูดซักคำ... แม่บรรจงหอมตรงกลางหน้าผากหนูน้อย ก่อนจะสวมกอดกันแน่นอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาผู้คนที่ต่างกำลังมองภาพนี้ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ….

ภาพที่ปรากฏพบเจออยู่เบื้องหน้านั้น สะกดให้ผมนิ่งอึ้ง…. ราวกับว่าโลกทั้งใบไร้ผู้คน สรรพสิ่งรอบข้างหยุดเคลื่อนไหว มีเพียงสองแม่ลูกและตัวผมเท่านั้น…

สำหรับผมแล้วมันคือช่วงเวลาแห่งความสวยงาม วินาทีที่สุดแสนประทับใจ… แม้จะถูกฉาบไว้ซึ่งความเศร้าก็ตาม…










ภายหลังการพูดคุยกันสักพัก ทุกคนต่างพากันเดินออกมาอยู่อีกที่หนึ่ง ปล่อยให้แม่ลูกได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง เพราะสังเกตได้ว่าสีหน้าท่าทางของหนูน้อยเริ่มเปลี่ยนไป เธอได้แต่เงียบ ไม่ช่างพูดช่างคุยเหมือนเคย หนูน้อยคงอาจกำลังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือยังปรับภาวะทางอารมณ์ไม่ทัน

เหมือนเธอกำลังคิดหรือบอกกับกับตัวเองซ้ำๆ..ว่านี่คือความจริง ความจริงที่ไม่ใช่ฝัน....ความจริงที่เธอได้เจอแม่คนที่สองของเธอแล้ว....

เรื่องราวของหนูน้อยในวันนี้ถ้าหากเป็นละครเรื่องหนึ่ง และผมเป็นผู้กำกับผมคงอยากให้ฉากที่แม่ลูกได้พบเจอกันนี้เป็นฉากตอนจบ ทุกอย่างจะได้จบอย่างแฮปปี้เอนด์ดิ้ง....

แต่..ชีวิตจริงที่ไม่ได้อิงนิยาย ชั่วโมงนี้คงเป็นได้แค่วูบหนึ่งของความสุข...
วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น.....ยังยากที่จะคาดเดาได้ ก็คงได้แต่เอาใจช่วยและภาวนาให้เกิดแต่สิ่งที่ดี และงดงามอย่างนี้ ตลอดไป....

เพียงครู่เดียว หนูน้อยกลับมายิ้มพร้อมกับแววตาแห่งความสุขอีกครั้ง อีกทั้งเริ่มที่จะพูดคุยอย่างสนุกสนานเหมือนเคย เธอไม่ได้นั่งม้าหินอ่อนแล้ว แต่เธอนั่งตักแม่แทน...พร้อมกับทานขนมจากถุงที่แม่เธอถือออกมาด้วยก่อนหน้านี้

ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความสุขของเธอภายใต้อ้อมกอดแม่นี้ แต่ก็คงจะไม่เทียบเท่ากับหนูน้อยคนนี้

ก่อนที่จะถึงเวลาที่ทั้งคู่ต้องลาจากกันอีกครั้ง..ผมบอกกับตัวเองว่าจะต้องพาเธอมาพบแม่อีกให้ได้ และหวังว่าถ้ามาครั้งหน้า แม่อีกคนหนึ่งของเธอจะยอมมาด้วย....

ทุกวันนี้ยายยังใจแข็ง ปฏิเสธการมาพบเจอแม่ของหนูน้อย นักโทษหญิงเสียใจที่แม่ไม่มาเยี่ยมพร้อมกับหนูน้อย แต่ลึกๆ แล้วแม่ของเธอคงปวดร้าวไม่ต่างจากเธอเช่นกัน...

เสียงคุณครูบอกหนูน้อย “เราต้องกลับแล้วนะคะ...” เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้
เมื่อรู้ว่าจะต้องจากอ้อมกอดแม่ พร้อมกับแหงนขึ้นไปมองหน้า.... “แม่...” แม่ได้แต่ยิ้มแล้วเอามือลูบหัว น้ำตาเริ่มคลอพร้อมกับเสียงสั่นเครือเบาๆ “หนูจะต้องเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนหนังสือนะ ...แม่รักหนูเสมอ...” แม่พูดพร้อมบรรจงจูบหน้าผากหนูน้อยและกอดกันอีกครั้ง

หนูน้อยค่อยๆ ลุกจากตักแม่ เดินไปหาครู ระหว่างที่ครูพาเดินกลับ เธอหันมามองแม่จนเดินลับผ่านประตูเรือนจำออกไป

ผมหันกลับมามองนักโทษหญิง เธอยังคงยืนนิ่งมองจนหนูน้อยพ้นประตูออกไป ก่อนที่ผมจะเดินตามหนูน้อยออกไป ผมเห็นว่าน้ำตาเธอได้ไหลเอ่อล้นออกมาอีกครั้งหนึ่ง...


3.

เรื่องราวของเด็กน้อยกับแม่ที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำครั้งนี้....มันทำให้ผมหวนนึกถึงคำพูดของนักโทษวัยรุ่นชายคนหนึ่ง

ในระหว่างการสัมภาษณ์ผู้ต้องขังเป็นรายบุคคล นักโทษชายวัยรุ่นคนหนึ่ง เขาบอกกับผมว่า ข้อดีของการติดคุกสำหรับเขานั้น มันทำให้เขาได้ครอบครัวคืนมา...

“จากที่แต่ก่อนผมไม่เคยกอดพ่อกอดแม่ ก็ได้มากอดกันที่คุก และรู้ว่าพ่อรักผมแค่ไหนเมื่อได้เห็นน้ำตาของพ่อ ทั้งที่เราสองคนต่างกันคนละขั้ว ไม่เคยลงรอยกันเลยก็ว่าได้ จนทำไห้ผมคิดอยู่เสมอว่าพ่อไม่รักผม แต่การติดคุกครั้งนี้ ได้ทำลายความคิดนี้ของผมไปอย่างสิ้นเชิง”

สิ่งดีๆ ที่คาดไม่ถึงอาจผ่านมาสะกิดหัวใจ...ในชีวิต สำหรับบางคน....บางครั้งมันสามารถเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตได้ในพริบตา โดยที่ไม่ต้องมีใครมาพร่ำบ่น หรือดุ ด่า ว่ากล่าวตักเตือนให้คอยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง แท้จริงแล้วการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มจากข้างในตัวตนของตัวเอง

เหมือนกับที่ "เดวิด วิสคอตต์" เคยบอกเอาไว้

“ไม่มีใครบังคับให้คุณเปลี่ยนได้
ไม่มีใครหยุดยั้งคุณจากการเปลี่ยนแปลงได้
ไม่มีใครรู้ดีว่าคุณต้องเปลี่ยนแค่ไหน
ไม่แม้แต่ตัวคุณ
ไม่ จนกว่าคุณจะเริ่ม”


ตัวผมเองนั้น...เชื่อในคุณค่าของและศักดิ์ศรีของความเป็นคน คนทุกคนมีศักยภาพและสามารถพัฒนาตนเองได้....เพียงแต่ถ้าเขามีโอกาส...โอกาสที่บางทีมันเข้ามาอย่างแว่วๆ และแผ่วเบา..เราจะทำยังไงให้เขาไขว่คว้าโอกาสเหล่านั้นไว้ได้.....คงไม่มีใครที่เกิดมาแล้วอยากเป็นคนเลวในสายตาของผู้อื่น...เหมือนกับท้องทะเลที่บ้าคลั่ง โหดร้าย...และน่าสะพรึงกล้ว แต่เมื่อคลื่นลมสงบ กลับราบเรียบ สวยงามดังเช่นที่เคยเป็นอีกครั้ง ท่ามกลางความเลวร้าย ทุกสิ่งย่อมมีสิ่งดีงามแอบแฝงอยู่เสมอ...สำหรับผม.....ความเลวร้ายไม่ใช่สิ่งที่ถาวร

เรื่องราวของนักโทษชายกับเรื่องหนูน้อยอาจจะเป็นคนละเรื่องกัน
แต่สำหรับผมแล้วมันคือ ความเหมือนที่แตกต่าง....





(#นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริงผ่านความคิด ภายหลังจากที่เรือนจำได้ดำเนินการประสานความร่วมมือสร้างเครือข่ายงานสังคมสงเคราะห์ในเรือนจำกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น - -ขอขอบคุณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ที่มีส่วนช่วยให้เกิดสิ่งที่สวยงามเหลือเกินสิ่งนี้ขึ้น)



หยิบมาจาก : //blogazine.prachatai.com/user/spaceandtime/post/475



Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2551 9:23:40 น.
Counter : 930 Pageviews.

21 comments
  
เห็นภาพแล้วน้ำตาไหลไปด้วยคนค่ะ...
จำไม่ได้แล้วว่าเดี๋ยวนี้สภาพในเรือนจำเป็นอย่างไร คลับคล้ายว่าสมัยเด็กๆ เคยไปเยี่ยมใครสักคนที่เป็นญาติผู้ใหญ่ แต่ตอนนั้นเขาไม่ให้ออกมาเจอขนาดนี้น่ะค่ะ ต้องคุยกันผ่านห้องสีเทาๆ หม่นๆ มีกลิ่นเยือกเย็นของลูกกรง (นั่นก็น่าจะเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยที่ได้ยินคำว่า "คดีอุกฉกรรจ์" จากผู้คุม)
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:54:58 น.
  
อ่านแล้วตื้อๆ น้ำตาไหลลงไปข้างใน

ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องราวดีๆ
โดย: lemonsmile IP: 203.185.68.7 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:05:30 น.
  
โอววว นั่งอ่านไป น้ำตาไหล พราก ๆ เลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ ที่นำมาให้อ่านกัน
โดย: แม่น้องแคท วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:10:42 น.
  
คงมีสักวันที่แม่ผู้รักมากเกินจะอภัยในความผิดได้สัมผัสกับการอภัยแล้วรักเปี่ยมเอ่อภายในกว่ามากมายนัก

คงมีสักวันสำหรับแม่สองคนที่โหยหาความรักของตน
จนลืมว่า...รักเหลือล้นหลากไหลอยู่ในหัวใจหางเปียน้อย

ลืมรักเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ของผู้จะเป็นแม่อีกคนในวันข้างหน้า
คงมีสักวันที่แม่ทั้งสองคนจะได้โอบกอดกัน
โดย: ปลายแปรง วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:52:04 น.
  
ถ้ามันเป็นเพียงนิยายคงดีนะคะพี่
อย่างน้อยเราคงเขียนตอนจบให้หนูน้อยคนนั้นมีความสุขได้

การมีชีวิตคือเรื่องเศร้าเรื่องหนึ่ง ((ในความคิดเพลงนะคะ))
เราไม่อาจห้ามความเศร้าให้เข้ามาหาได้
แต่ในทุกความเศร้าเราสามารถมองหาความงามนั้นให้เจอได้

เหมือนในความเศร้าของหนูน้อย
ที่เราเห็นความสุขในรอยหายใจของนักโทษชายคนนั้น
โดย: เพลงฝนต้นลมหนาว วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:57:02 น.
  
........... จิตใจของมนุษย์ รีไซเคิลได้จริงหรือ ??? ....

....... ด้วยอะไร ...... อย่างไร.......
โดย: ช่อชบา (HHG ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:02:23 น.
  
มารับรู้และสัมผัสความรักด้วยคน
........................
คำถามของคุณช่อชบาน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
นั่นสินะ จิตใจของมนุษย์รีไซเคิลได้จริงหรือ??
เอ๊ะ...หรือมันถูกโปรแกรมให้เป็นอย่างนั้นนะ
บางทีสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรา ที่เราไม่เห็นความรีไซเคิลของมัน
ก็ใช่ว่าจะเป็นจริง
เรารอธรรมชาติของมันเผยตัวต่อเราต่างหาก.....มั้ง
เผยเมือไหร่ล่ะ
ก็คงจะเป็นเมื่อเรามีความละเอียดอ่อนทางจิตและใจเพิ่มมากขึ้น
เข้าใจว่า การมองและการเห็น การรับรู้ขึ้นอยู่กับ
สภาพความละเอียดอ่อน ละเมียด ทางจิตใจเราอยู่เหมือนกันนะ
ว่าไหมคะ
โดย: หมี่เกี๊ยว IP: 192.43.227.18 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:55:08 น.
  

แอบบ เศร้าค่ะ
หนี่ฯ แวะทักทายค่ะ
ไม่ค่อยได้ทักทายกันเลย
คิดถึงเสมอนะคะ
จุ๊บ จุ๊บ


โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:22:13 น.
  
..

มองภาพแล้วน้ำตาจะไหลค่ะ
โดย: ระเบียงดอกไม้ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:48:29 น.
  
อ่านแล้วได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของชีวิตผู้ต้องขัง
ถ้าชีวิตเลือกได้ใครจะอยากติดคุก
ความรักโอบล้อมผู้คนทั้งโลก
ไม่ได้แวะมาตั้งนาน พี่ภูคงสบายดีนะคะ
โดย: รุ้งสีที่แปด IP: 125.24.140.187 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:51:19 น.
  
พี่อ่านบ่จบหรอกคุณภู สะเทือนใจ๋ล้ำไป
อย่างน้อยๆแม่น้องน้อยนั่นก่บ่ต๋ายนะ เพียงแต่บ่ได้อยู่ตวยกั๋นเท่านั้นละ
วันหนึ่งเขาคงได้กลับมาอยู่ตวยกั๋น

สามีพี่หายแล้วเจ้า นิ่วหลุดคนเดียวมัน ต๋อนนี้เลยสบายใจ๋
จากที่เกยแง๊ดๆ งุกง๊อกกับเปิ้น เลยเพลาๆลง
เอาใจ๋เปิ้นนักขึ้น ยะหื้อเปิ้นกิ๋นติกๆ
ชีวิตเป๋นอย่างอี้ละคุณภู บ่ใช่บ่หันคุณค่าในกั๋นและกั๋นนะ
เพียงแต่..ตอนเฮายังดีอยู่ เฮามองข้ามความรู้สึกของกั๋นไปน้อย
ว่าในยามทุกข์ใจ๋เนี่ย เฮาตึงบ่มีไผเหลียวแลนอกจากความรู้สึกของพี่สองคน
สรุปว่า คุณภูหายแล้วเนาะ แป๋งบ้านต่อได้แล้วน่อ
โดย: แม่น้องนิก IP: 216.175.83.66 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:36:53 น.
  
ขอบคุณ..นะคะที่ไปเยี่ยมสวนลำไยที่บ้านหลังเล็ก....
คงได้มีโอกาสได้มาเที่ยวสวนลำไยของคุณภูเชียงดาวที่บ้านหลังเล็กนะคะ...
เรื่องราวของสองแม่...หนึ่งลูกน้อย...
อ่านแล้วทำให้นึกถึงหนังสือที่เคยอ่าน... เรื่อง....คุก...ชีวิตในพันธนาการ
เป็นหนังสือสารคดีตีแผ่..ความทุกข์และความหวัง..ของคนคุกหลังกำแพงเหล็ก
สิ่งที่เราอาจลืมไปในภาวะของคนสังคมนิกส์ ก็คือความเป็นอนิจจังของชีวิต และความเท่าเทียมของมนุษย์ ไม่ใช่เฉพาะความตายเท่านั้น...แต่ใน...คุก...ด้วยเช่นกัน
...... ด้วยมิตรภาพค่ะ.....

โดย: ใบเลี้ยงเดี่ยว วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:13:43 น.
  
อ่านแล้วสะเทือนใจจัง สงสารแม่หนูน้อย ...
เด็ก 7 ขวบที่ต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกแบบนี้ ... หนักเกินไป
จะเรียกว่า ... เพียงความสุขวูบนึงที่ขมขื่นได้รึเปล่า
ต่อไปวันหน้าชีวิตแม่-ลูกคู่นี้จะเป็นอย่างไรนะ

//ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆได้แง่คิดค่ะ
ไม่ได้มาทักทายนานเลย คุณภูสบายดีนะคะ ^^"
โดย: ตะกร้าหวายสีขาว วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:07:00 น.
  
สวัสดีครับ ภู เชียงดาว
ขออนุญาติ นำเรื่องราว บทกวี บทเพลงและมิตรภาพ
ที่บอกเล่าในครั้งหนึ่งที่ แม่คองซ้าย น่ะครับ
โดย: ดอกเสี้ยวขาว วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:03:21 น.
  


คุณภู...


อ่านแล้ว นั่งน้ำตาซึมไปพักใหญ่ นี่คือชีวิตของคนนะคะ
สิ่งที่หนู้น้อยเผชิญเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งแม่และลูกก็ต้องยอมรับกับมัน และ
หวังว่ายายก็คงยอมรับได้ในไม่ช้า
สายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก
ไม่มีวันขาดไปได้ค่ะ


โดย: หทัยชนก IP: 202.29.129.10 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:11:00 น.
  
สวัสดีค่ะวันมาฆบูชา
-------------------------------------------------------------
ทุก ๆ เหตุการณ์ของชีวิต "ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ"
ทุก ๆ เรื่องเป็นบทเรียนให้ทุก ๆ ชีวิตเสมอ
เราจึงเข้าใจชีวิตและจิตใจ

เชื่อมั่นและศรัทธาใน "พลังความรัก" เสมอค่ะ
โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:09:16 น.
  
น่าสงสารอ่ะ เธอ

เศร้าลึกๆ อึ้งๆ
โดย: Kala_mydog วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:40:58 น.
  
น้ำตาซึมเลยค่ะ

จนถึงนาทีนี้
ดิฉันก็เชื่อว่า
ความรัก
สร้างโลกให้งดงาม
โดย: สเลเต วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:24:44 น.
  
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านงาน บางความรัก ความงาม ความเศร้า...กันนะครับ...
ต้องขอโทษด้วยที่ช่วงนี้ผมไม่ได้ติดต่อผ่านกันทางโลกไร้สายนี้ เพราะอยู่ในช่วงเดินทางไกลครับ...
โดย: pu_chiangdao วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:07:13 น.
  
เก่งนะตัวแค่เนี่ย
โดย: พี่ดอล IP: 203.156.136.66 วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:39:42 น.
  
อ่านแล้วน้ำตาไหลสงสารน้องจัง แต่ยังไงชีวิตคนเรายังต้องดำเนินต่อไป
ขอให้เรื่องร้ายๆผ่านไปโดยเร็ว ขอให้แม่ทั้งสองของน้องเข้าใจกัน
และกลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา แม่แม่ลูกอย่างมีความสุข
ขอเป็นกำลังใจให้น้องนะคะ ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่ทำให้มองเห็นอีกแง่มุมของชีวิตค่ะ
โดย: wataru IP: 117.47.230.170 วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:10:06:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pu_chiangdao
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



ภาพและงานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซต์นี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว
ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข
หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน
โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์
หากผู้ใดมีความประสงค์
จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์
หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด
โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง


***************************

งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มา : เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา









กุมภาพันธ์ 2551

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add pu_chiangdao's blog to your weblog]