บางความลับกับชีวิต


ตอนแรกรู้สึกงง...ว่าอะไรคือ Tag
ตกใจ และไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
แอบเปิดอ่านของคนอื่น ถึงรู้...

การเปิดเผยความลับของตัวเองนั่นเอง...

แล้วมานั่งถามตัวเอง...เรามีความลับอะไรอยู่อีกหรือ...
ทั้งที่การเขียน ถ่ายทอดออกมาเป็นงานเขียน ในบล็อคของตัวเอง...นั่นก็คือความลับที่อยู่ข้างในที่อยากนำออกมาถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับรู้...

แต่ก็อีกนั่นแหละ...มีบางสิ่งที่อยู่ในใจ มีบางอย่างที่อยู่ข้างใน และยังอีกมากมาย ที่ทั้งอยากลืมแต่ยังฝังใจ มีทั้งอยากจำกลับลืม

เออหนอ...บางทีคนเราก็ช่างหยาบกระด้างเกินไปกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ของหัวใจ จนอาจมองข้ามไป

พยายามนึกๆ ดูเรื่องราวที่ผ่านมาในห้วงอดีต...

ถามตัวเองอยู่ย้ำๆ ...แท้จริงเราต้องการสิ่งใดในชีวิต

ชอบ-ไม่ชอบสิ่งใด...รักและเกลียดสิ่งไหน...

เท่าที่นึกได้ครับ...และไม่รู้ว่านี่คือความลับหรือเปล่า...


1.
รักและภูมิใจในความเป็น "พ่อ" ที่เป็นชาวนาและพรานป่า...ทำให้รู้จักกับคำว่า "กล้าและแกร่ง"

รักและภูมิใจในความเป็น "แม่" ที่สอนให้รู้จักความรัก ความอ่อนโยนในชีวิต

แน่นอน- -พ่อและแม่ คือจิตวิญญาณที่กลั่นผสมผสานกลายเป็นเรา


2.
ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ
จำได้ว่าตอนเป็นเด็กเล็กๆ ชั้นประถม...ชอบตื่นตีสามไปตลาดที่ตัวอำเภอกับแม่ ตอนนั้นมีรถยนต์กระบะของตำรวจ ตชด.คันเดียวในหมู่บ้าน พอไปถึงตลาด รีบค้นหาแผงหนังสือ ซื้อการ์ตูนเล่มละบาท กับนิตยสารเปิดโลกบันเทิง(ไม่ค่อยแน่ใจว่าเรียกชื่อถูกหรือเปล่า) เล่มละสามบาท

แน่นอน ผมชอบภาษาไทย แต่ไม่ชอบคณิตศาสตร์(นั่นทำให้ผมกลายเป็นคนชอบอ่านเขียนหนังสือ และเป็นคนไม่ชอบคิดอะไรซับซ้อน)

3.
ชอบคนจน มากกว่าคนรวย
ชอบความจน มากกว่าความร่ำรวย

เพราะผมถือว่า ความจนทำให้เราได้ประสบการณ์ชีวิตให้รู้จักการต่อสู้

นั่งนึกดูว่า ความจนทำให้เราเรียนรู้จักชีวิต...


4.
อาชีพแรกในชีวิต คือ แบกเหล็ก
จำได้ว่าจบ ม.6 ทำงานอยู่ร้านเหล็ก ก.เจริญสตีล
เกือบตาบอด เพราะมีวันหนึ่ง...พรรคพวกขนท่อนเหล็กจากรถสิบล้อพุ่งส่งต่อให้ผมในโกดัง...พอดีท่อนเหล็กพุ่งใส่ใบหน้าดวงตาผมอย่างจัง...เดชะบุญ เป็นท่อนเหล็กกลวงระหว่างดวงตา คิ้วแตก เลือดอาบ ต้องไปเย็บสดตั้งสี่เข็มเหนือคิ้ว...ไม่งั้นได้สมญานามใหม่ ไอ้บอดหรือไอ้ตาเดี่ยว

นอกจากนั้น ทำทุกอย่าง...เป็นพนักงานเก็บเงิน เจอผัวชาวบ้านลับขวานไล่ฟัน(หาว่าไอ้พวกเซลแมนส์มันหลอกเมียเขาให้ซื้อผ่อนของ) เป็นยามโรงแรมไปพร้อมๆ กับเรียนวิทยาลัยครู เป็นครูพี่เลี้ยงเด็กตาบอด...เป็นครูดอย...ครูนิเทศก์ ฯลฯ กระทั่งมาทำงานข่าว และเขียนหนังสือจนทุกวันนี้

(และทุกครั้งที่พบเจอหลานๆ และน้องๆ ที่บ่นครวญว่าลำบากทุกข์ยากในชีวิต ท้อและสิ้นหวัง ผมมักจะเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง...เล่าเรื่องความฝันความหวังของเด็กตาบอดให้ฟัง ก่อนจะตบท้ายว่า...ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย และยังมีคนอีกมากที่ด้อยลำบากกว่าเรา...)


5.
เมื่อก่อนเป็นคนกลัวผี
แต่พอมาทำงานเป็นครูดอย เจอกับความมืด เจอกับความทุกข์ยาก ความเจ็บป่วย ความเป็นความตาย...

ผีกลายเป็นเรื่องไร้สาระ...ไม่น่ากลัวเลย คนที่เอาเปรียบคน...ความป่วย และความตาย น่ากลัวกว่าตั้งเยอะ


6.
ภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือชาวบ้านชนเผ่า เมียของชาวบ้านคนหนึ่งป่วยไข้ป่าใกล้ตาย พามัดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ลงไปส่งโรงพยาบาลในตัวอำเภอ จนรอดตายหวุดหวิด...

แต่เสียใจที่ไม่อาจช่วยเหลือลูกศิษย์ตัวน้อยได้ เธอป่วยด้วยท้องร่วงรุนแรง พอไปถึงโรงพยาบาล ได้แต่ช่วยกันปั๊มหายใจ แต่ไม่รอด...


7.
รักความเป็นธรรม แต่เกลียดความอยุติธรรม
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่งานเขียนผม จะพูดถึงคนที่ด้อยโอกาส และวิพากษ์พวกที่เหยียบย่ำผู้อื่น เห็นแก่ได้ เห็นแก่พวกพ้องและผลประโยชน์ของตน

8.
ชอบอิสระ มากกว่าการผูกมัด
และมอง "ความรัก" ไม่ใช่เพียงแค่คนสองคน(ซึ่งทำให้หลายคนมองว่า...นั่นคือความเห็นแก่ตัว)
แต่มองถึงความรักที่มีต่อมนุษยชาติ คนที่อยู่รอบข้าง ที่ยังขาด...และถ้ามีโอกาส อยากช่วยเติมเต็มให้พวกเขาได้มองเห็นคุณค่าแห่งชีวิต คุณค่าของความรัก...

แม้ว่าบางครั้ง เราอยู่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาก็ตามทีเถอะ...(โสน้าหน้าตัวเอง)


9.
เข้าใจว่าชีวิตคนเรานั้นสั้น
เรียนรู้ได้จาก "การพบเพื่อพราก"
ดังนั้น ในห้วงยามนี้ ถ้ามีโอกาสจึงพยายามแบ่งปันสิ่งดีงาม ความหวังและกำลังใจ ให้กับคนที่เราผ่านพบ

อย่างน้อย...อาจทำให้พวกเขาเหล่านั้นได้พบเจอ "ดี-งาม" มากกว่า "เลวร้ายและลวง"



10.
เวลานั้นมีค่า...

เริ่มมารู้ไม่กี่ปีมานี้ว่า วันเวลาในแต่ละวันนั้นมีค่ามาก หลังจากก่อนนั้น ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย อยู่กับความไร้สาระ มากมากต่อมาก ดีนะที่รู้ตัว(รู้คิงรู้ฮา)เสียก่อน

ทุกวันนี้ จึงใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่เรารักและชอบให้มากที่สุด


11.
ชอบตั้งคำถามกับตัวเอง..."ชีวิตคนเราคืออะไร ต้องการสิ่งใดแท้จริงในชีวิต"

บ่อยครั้งกับการตั้งคำถามอย่างนี้กับตัวเอง...
ตอนหลังเริ่มคลี่คลายแล้วว่า...

แท้จริงชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมาก
มีบ้านหลังเล็กๆ อยู่ในสวน อยู่กับธรรมชาติ เขียนหนังสือ
อยู่กับความเรียบง่าย สงบ...ไม่ต้องสะสมอะไรมาก(นอกจากหนังสือ) และอยู่ร่วมกับคนที่เข้าใจชีวิตและดูแลชีวิตซึ่งกันและกัน เท่านั้นก็พอ...

มาถึงตอนนี้แล้ว...ไม่รู้ว่ามิ่งมิตรต้องการสิ่งใดแท้จริงในชีวิต!?

















Create Date : 28 มกราคม 2550
Last Update : 29 มกราคม 2550 9:18:21 น.
Counter : 510 Pageviews.

32 comments
  
มีหลายข้อจัง

จะค่อย ๆอ่านไปทีล่ะข้อค่ะ
โดย: เทวาภิรมย์ วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:14:05:48 น.
  
เป็นความลับที่น่านับถือมากครับ ผมเองก็มีบางส่วนที่คิดว่าตัวเอง คล้ายๆกับจขบ.ครับ ชอบอิสระ และมองความรักไม่ใช่เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น แต่ว่าผมเองไม่ได้ทำงานที่เผยแผ่ออกสู่สาธารณชน แต่ยังเป็นลูกจ้างอยู่ครับ ชีวิตนี้สั้นจริงๆนะครับ เป้บเดียวก็ผ่านไปวันๆนึง เราก็ดำเนินชีวิตโดยที่ไม่มีสาระอะไรเลย ขอแสดงความชื่นชมกับจขบ.ด้วยนะครับ
โดย: sak (psak28 ) วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:14:05:49 น.
  
ยินดีกับชีวิตที่มีความสุขในยามนี้,มีความหมายและความหวัง ^^

//ยินดีที่ได้มาอ่านบล็อกนี้ค่ะ
โดย: ตะกร้าหวายสีขาว วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:14:15:58 น.
  
เป็นความลับที่ให้ข้อคิดดีๆ กับชีวิตได้มากมายนักค่ะ
ขอบคุณนะคะ ที่สอนให้รู้ว่าชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ยังมีคนที่ขาดแคลนอะไรกว่าเราตั้งมากมาย
มีความสุขมากๆ นะคะ
โดย: บัวริมบึง วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:14:22:42 น.
  

อยากจะให้หลาย ๆ คน มองอะไรแบบคุณภูเชียงดาวบ้างค่ะ สงสัยว่าคนที่มีเงินมาก ๆ บางคน ไม่เคยพอใจในทรัพย์สินของตนเอง เขาก็คงเหนื่อยไปตลอดชีวิต ขอให้มีความสุขในวันหยุดนะคะ
โดย: แซนด์ซี วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:14:50:50 น.
  
55555555
ความลับของพี่ภู เหมือน ดารา 8ข้อ
แต่จะไม่บอกนะคะว่าขอไหนบ้าง
พี่ ภู เป็นครูดอยที่ไหนคะ
เรียนถามได้ไหมจ๊ะ
เพราะว่า โดนไปจัง ๆ กับคำว่า ครูบ้านนอก (คอกนา)
แหะ แหะ ไค่อยากจะฮู้บ่อดาย

ไม่มีสิ่งไดที่จะยิ่งใหญ่หากเราคือแสงประทีบที่ส่องนำทางแก่ผู้ที่ต้องการแสงสว่างในการเดินทางของชีวิต

ดาราไม่เก่งคณิต เหมือนกันค่ะ (โคตรเกลียด)
ดีใจจัง ได้รู้ความลับ ของพี่ภู
โดย: ดารา (Dararika ) วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:15:10:53 น.
  

แวะมาอ่าน TAG รู้สึกเราจะมีความคิดเหมือนคุณ
ในข้อ 6-11 เจ้าค่ะ
อย่างว่าแหละ
สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้
คือทำวันนี้ให้ดีที่สุดและมีความสุขที่สุด
เท่านั้นพอ
แบบว่าเดินตามรอยเศรษฐกิจพอเพียงเดะเลยเรา
เพิ่งกลับมาจากบริจาคโลหิตที่สภากาชาดไทย
ให้เขาเอาเลือดกรุ๊ปโอไป 350 CC.
ยังปวดแขนอยู่เลย
สบายดีนะคะ

โดย: อุ้มสี วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:16:21:09 น.
  


บล็อกวันนี้ทำให้ได้รู้จักตัวตนของคุณเพิ่มขึ้นมากเลยค่ะ

สี่บรรทัดสุดท้ายก่อนคำถามบรรทัดล่างสุดของคุณ

คือคำตอบของเราค่ะ . . . ชีวิตเราต้องการแค่นั้นเหมือนกัน


จำไม่ได้ว่าเคยพูดประโยคนี้รึยัง " ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ "
โดย: มัชฌิมา วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:18:01:34 น.
  
เป็นความลับที่เปิดเผยมาแล้ว
คงมีใครอีกหลายคน
ถามหาความลับ ลึกๆข้างในตัวเอง
ว่าบางทีเราก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน
หรือบางเรื่องเราลืมที่จะสนใจมัน
ทั้งๆที่เป็นเรื่องง่ายๆใกล้ตัว..

ดีใจจังที่ได้ Tag คนคนนี้ เฮ่อ..
โดย: วีดวาด วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:19:19:43 น.
  
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์
รับสมัครสมาชิกสมาคมนักเขียนเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นแหล่งรวมเหล่านักประพันธ์หลายท่าน และยังเป็นแหล่งรวมคนมีความสามารถมากมายเหลือคณานับ ผมในฐานะนักเขียนคนหนึ่ง ที่แม้จะไม่มีความสามารถมากนัก แต่ก็อยากจะพัฒนาศักยภาพของตนเองและพัฒนาวงการนักเขียนของไทยในจังหวัดเชียงใหม่ จึงขอประกาศเปิดรับสมัครสมาชิก เพื่อก่อตั้งสมาคมนักเขียนเชียงใหม่ เพื่อเป็นสังคมนักเขียนในจังหวัดเชียงใหม่ หรืออาจรวมถึงนักเขียนจากจังหวัดใกล้เคียง และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือขอข้อเสนอแนะว่าด้วยเรื่องงานเขียนได้อย่างง่ายดายขึ้น ทั้งนี้ยังเป็นการสานสัมพันธ์ของนักเขียนในจังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้น สมาคมนักเขียนเชียงใหม่ จึงมีวัตถุประสงค์สำคัญดังนี้
1. เพื่อส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าในด้านการเขียนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง
2. เพื่อเชิดชูยกย่องวรรณกรรมที่มีคุณค่าของนักเขียนเชียงใหม่ และเผยแพร่ให้เป็นที่ประจักษ์
3. เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสวัสดิภาพและความมั่งคงของนักเขียนเชียงใหม่
4. เพื่อเป็นที่ชุมนุมพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ตลอดจนส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างนักเขียนเชียงใหม่ และนักเขียนทั่วประเทศ



ติดต่อสมาคมนักเขียนเชียงใหม่
ที่ทำการ "สมาคมนักเขียนเชียงใหม่"
สำนักงานสมาคม สำนักงานชั่วคราวตั้งอยู่ที่ 225/418 ซอยซอยย่า หมู่บ้านธารดง ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ 50230 โทรศัพท์/โทรสาร 053-432319
ผู้ประสานงานฯ ชั่วคราว นายชลธี ตะพัง เบอร์ติดต่อ 089-8505025
อีเมล์ parn2545@yahoo.com
โดย: ปาน เองครับ IP: 222.123.24.159 วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:23:47:29 น.
  
ความลับ นี่ บอกอะไรในตัวคนๆนั้นได้ดี ตาดีใจ ที่ได้รู้จักคนที่มีคว่มลับอย่างพี่ภู...

สบายดีมั้ย
คิดถึงเสมอ
โดย: Tante Ta วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:5:58:47 น.
  
ทุกครั้งที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและทดท้อ จะคิดถึงอ้ายภู ครั้งหนึ่งเคยเล่าอะไรต่อมิอะไรให้แกฟัง แกก็นิ่งฟังยิ้มๆ พอเล่าจบแกก็เล่าเรื่องของแกบ้าง คราวนี้แหละ เรื่องที่ว่าหนักหนาสาหัสที่สุดในโลกของเราแล้วเนี่ยกลายเป็นเรื่องขี้ผงไปในพริบตา....แล้วเราก็หันกลับมามองตัวเองแล้วพูดกับตัวเองว่า "แล้วฮาจะแบกจะก๋ำมันไว้ยะหยังวะเรื่องไร้สาระพวกนี้เนี่ย..."
อ้ายภูเป็นคนหนึ่งที่มีมุมมองต่อโลกงดงาม แม้จะน้อยกว่า(และไม่เว่อร์เท่า))อ้ายแสงดาว แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วในสายตาน้องๆ การได้มาพบเจอกันถือว่าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากสำหรับคนอย่างอิวอกหน้อย และดีใจ๋ที่เรายังนำพาสิ่งดีๆความรู้สึกดีๆต่อกันอยู่
หลายข้อที่อ้ายกล่าวมา อ้ายมักจะนำมาสอนน้องๆทุกคนอยู่เสมอ ๆ ประทับใจมุมมองเรื่องความรักของอ้าย
"เราไม่ใช่คนรักกัน แต่เราเป็นความรักของกันและกัน"
สะเทือนใจที่สุดก็คือเรื่องที่เด็กป่วยแล้วอ้ายเอาซ้อนรถเครื่องลงดอยมาโรงบาล ที่พ่อเด็กเอาลูกมัดติดตัวมาด้วยแล้วก็ร้องไห้ หนทางก็ลื่นและชัน พอมาถึงโรงบาลลูกตาย พ่อร้องไห้โฮ และไม่ยอมเอาศพลูกกลับไปบนดอยอีกแล้ว เขาบอกว่า "นี่ไม่ใช่ลูกเรา เขาตายแล้วเขาไม่ใช่ลูกเรา" ฟังแล้วสะเทือนใจ๋น่อ......

สักวันฝันอ้ายจะเป็นจริงน่อ มีบ้านอยู่บนเขา อากาศเย็นตลอดปี เขียนหนังสือ อ่านหนังสือ ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ เลี้ยงหมู(โตยก่อ?) ส่วนคนรู้ใจที่จะดูแลกันไปตลอดนั้น ... น้องว่าหายากว่ะ...

ชอบเน้อ บล็อกเถิกหน้านี้เนี่ย อารมณ์แตกต่างกะบล็อกน้องลิบลับเลยวุ๊ย เทวดากะแม่มดเลยว่ะ555555++



ป.ล.อยู่บ้านบนดอย บ่ดีต้องซื้อเบียร์ทีละลังๆว่ะอ้าย???

โดย: อิวอกหน้อย IP: 61.7.174.41 วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:9:08:40 น.
  
เกยกลั๋วผี..ฮ่วยคุณภู

ไอ่นิกก่กลั๋วผี เลยสอนลูกว่า
ถ้าหันมันตัวเป๋นๆแล้วค่อยมาบอกแม่
แต่ถ้าบ่เกยหัน บ่ดีกลั๋วเพียงแค่คิดว่ามันมี

คุณภูเหย..บ่กล้าเปิดใจ๋เพราะกลั๋วก๋านผูกมัด
แต่ในขณะเดียวกั๋นก่ไค่มีคนมาดูแล
อย่างใดนี่หา
โดย: แม่น้องนิก IP: 4.131.155.83 วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:10:31:40 น.
  

ขอบคุณทุกคนเลยครับที่แวะเวียนมาอ่านเรื่องลับไม่ลับไม่รู้...

มีคนส่งข่าวมาบอกว่า พี่โดม วุฒิชัย หรือพ่อเพยีย เขียนถึงบ้านดินแสงดาว ในขวัญเรือน และเอ่ยถึงผมด้วย เดี๋ยวต้องไปดูหน่อยละ
โดย: pu_chiangdao วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:11:56:38 น.
  
เออใช่...ที่อิวอกหน้อย บอกเล่า...

ว่าครั้งหนึ่งเคยนั่งคุยเรื่องความรัก กับพี่ปอน พิบูลศักดิ์ ละครพล ที่บ้านเช่าเมื่อปีกลาย

แล้วประโยคนี้ก็หลุดออกมาจากความรู้สึก...

"เราไม่ใช่คนรักกัน แต่เราเป็นความรักของกันและกัน"
โดย: pu_chiangdao วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:12:07:26 น.
  
หวัดดีค่ะ...ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บล๊อกนะคะ...
ชอบความลับและการเขียนของคุณจังเลยค่ะ...
อ่านแล้วได้ข้อคิด...และคิดเหมือนๆ กันหลายๆข้อเลยค่ะ...
ช่วงนี้งานยุ่งมากๆเลยค่ะ...ไม่ค่อยมีเวลาเข้าบล๊อกเท่าไร...
แต่ก็อดคิดถึง คนที่อยู่ในนี้...เลยต้องแอบแวะมาบ้าง...
ไว้จะแวะมาใหม่นะคะ...
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...
"..ชีวิตยังต้องเดินต่อไปและยังต้องค้นหาอะไรอีกมากมาย.."
โดย: แดดร่มลมโชย IP: 203.144.130.176 วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:12:33:52 น.
  
เอาสวนกระดาษของเพื่อนมาฝากครับ...

//kakade.blogspot.com/
โดย: pu_chiangdao วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:12:44:17 น.
  
ผมอัพรูปต้นไม้ที่บ้านแล้วนะครับ แวะชมได้ครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นพื้นที่เล็กๆหน้าบ้าน แต่ก็ทำให้สดชื่นได้ครับ และทำให้แม่แก้เหงาได้นะครับ

เห็นด้วยกับความคิดของคุณครับ คนเราต่างกันที่ความคิดเท่านั้นเองครับ คิดดี ก็ทำดี
โดย: sak (psak28 ) วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:17:50:13 น.
  
ข้อ 11 อ่านจบปั๊บ เห็นภาพใบไม้ในกล่องแล้วเกิดภาพแง่มุมที่แท้จริงของชีวิตทันทีเลย แต่อธิบายไม่ถูก

ขอบคุณที่แฉเรื่องส่วนตัวและให้แง่คิดดี ๆ ด้วยการย้อนถามกลับมาสู่ผู้อ่านนะครับ
โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:23:18:09 น.
  
ช่างเป็นความลับที่น่าเปิดเผยยิ่งนัก.....จัดว่าเป็น"ผู้ชายใจดี".....อีกคนหนึ่ง...
โดย: ตากล้อง IP: 125.25.143.151 วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:23:49:09 น.
  
อภ ได้โป๊ดก๊าด "เขตชุมชนโปรดลดความเร็ว"รึยังจ้าววว???
สมาคมนักเขียนเชียงใหม่นี่อ้ายรู้จักก่อ?
ช่วงนี้บทกวีผุดพรายเยอะว่ะ กำลังหาที่ระบายอยู่
โดย: อ ว น IP: 61.7.174.182 วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:13:21:01 น.
  
อ่านความลับ แต่ได้ข้อคิด อ่านเรื่องราวส่วนตัว แต่ได้แนวคิดมาใช้ในชีวิตส่วนตัวเช่นเดียวกันค่ะ
โดย: PANDIN วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:14:34:24 น.
  
ขนาดเขียน Tag ยังสาระเลยอ่ะ อ้ายภู

หายไปเมิน ดองบล็อกค่ะ งานยุ่ง ๆ พีกนี้

ว่าแต่ Tag ข้อสุดท้ายนี้เห็นตวยเลยเจ้า พอเพียง ปอละเนาะ

ฮักษาสุขภาพโตยเจ้า
โดย: varissaporn327 วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:0:14:21 น.
  
เป็นแถกที่สวยงามมาก
ภาษาพลิ้วไหวล่องลอย
อ่านแล้วเคลิ้มๆกึ่งหลับกึ่งฝัน บอกบ่าถืก
โดย: หนูกิ่งเจ้า วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:1:17:06 น.
  
อ่านแล้วเหมือนพระเอกหนังมาสารภาพว่า ผมเป็นร้อยตำรวจเอกเรยง่ะ

ช่างคมเข้มและคมคาย บาดใจฉาวๆ ซะเหลือเกิน อิอิ
โดย: Kala_mydog วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:30:07 น.
  


แวะมาทักทายยามเที่ยงทานข้าวยัง
รักษาสุขภาพด้วยนะอากาศเย็นๆๆๆ
โดย: อุ้มสี วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:11:48:11 น.
  
ตัวตนของน้าภูน่าศึกษาจริง ๆ กว่าเราจะเป็นเราได้ทุกวันนี้มันก็ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มาก็มากมาย แต่ความคิดของน้าภูมองดูโลกได้ใกล้เคียงความเป็นอยู่จริง ๆ มากกว่าอยู่ในโลกที่เพ้อฝัน
โดย: อว. (วังบัวบาน ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:47:25 น.
  
แต้เลอะ ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก
โดย: Kontonnum วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:06:41 น.
  
ใช่ครับ...ชีวิตคนเราสั้นนัก
ยิ่งได้ไปอ่านเรื่องเพื่อนของวังบัวบานที่ปลิดชีพตัวเอง...เพื่ออะไรสักอย่างหนึ่ง ยิ่งทำให้เรามองเห็นอะไรๆที่พิกลพิการในสังคมเรามากยิ่งขึ้น...

ลองไปอ่านในบล็อคของ วังบัวบาน ดูสิครับ...
โดย: pu_chiangdao IP: 203.150.102.232 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:05:11 น.
  
อภ เจ้า

อภ นี่มีพื้นฐานจิตใจที่ดีจังเลย
อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นนางมารชอบกลแฮะ

โดย: นส อาร์ต IP: 124.120.7.180 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:46:49 น.
  
เป็นความลับที่สวยงาม..
โดย: ก้อนหินริมทาง วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:2:30:56 น.
  
คุณภูเชียงดาว ลักษณะการเขียนคล้ายพี่ปอน อ่านไปเคลิ้มๆ เหมือนอ่านประวัติพี่ปอน แต่คงไม่ไช่ เอาใจช่วยเรื่องความฝัน หวังว่าสักวันจะมีอย่างว่า แต่ความพอใจก็อยู่ที่ใจ อย่าเหงามากนัก เอาแคพอดี ฝากความดิดถึงพี่ปอนด้วย จากคนเคยรู้จักแต่เกือบรู้ใจ แล้วจะแวะมาอ่านบ่อยๆค่ะ
โดย: น้ำนก IP: 203.146.63.187 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:06:18 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pu_chiangdao
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



ภาพและงานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซต์นี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว
ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข
หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน
โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์
หากผู้ใดมีความประสงค์
จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์
หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด
โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง


***************************

งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มา : เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา









มกราคม 2550

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add pu_chiangdao's blog to your weblog]