| | |
| ถ้าจะโหวตให้ปอป้า...สาขา Dharma Blog...นะคะ ขอบคุณ...ค่ะ
| |
| | |
ถึงเพื่อนที่กำลังทุกข์
ปกติวันเสาร์-อาทิตย์ ปอป้าไม่ค่อยได้เปิดคอมฯ ก็เลยไม่ค่อยได้เข้าบล๊อกไปโดยปริยาย แต่วันอาทิตย์นี้ รู้สึกว่ามีใครบางคนต้องการส่งข่าวสารถึงเรา ก็เลยต้องคว้าคอมฯ มาเปิด แล้วก็ได้เห็นข้อความทั้งหน้าและหลังไมค์ อ่านแล้วรู้สึกเห็นใจเพื่อนบล๊อกที่กำลังประสบปัญหา บางท่านว้าวุ่นใจ ในขณะที่บางท่านวุ่นวายทั้งกายและใจ เมื่อเป็นเพื่อนกันแล้ว ยามเพื่อนทุกข์เราจะมัวนั่งเป็นสุขอยู่ได้อย่างไร ดังนั้น ปอป้าขอฝากข้อความต่อไปนี้ไปยังเพื่อนที่กำลังทุกข์ จะว่าเป็นการปลอบใจกันก็ไม่ผิด แต่อยากให้เพื่อนได้อ่าน เพราะมั่นใจว่าคำสอนของพระพุทธองค์ช่วยคลายความทุกข์ได้...แน่นอน
เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า....วันนี้ทุกข์ใจเหลือเกิน การเป็นหัวหน้า ต้องทำใจให้เข้มแข็ง ลูกน้องทำผิดร้ายแรง ไม่สามารถอลุ่มอล่วยได้ หัวใจของคนเป็นหัวหน้า และผู้บริหารเหมือนแตกสลาย ปอป้าขา การตัดสินลงโทษนี่บางครั้งไม่สามารถทำให้จิตใจสงบได้เลย คิดถามลูกน้องตลอดเวลาว่า ทำไมทำให้เสียใจได้ทั้ง ๆ ที่ให้โอกาสมาตลอด รู้สึกเหนื่อย นายหัวก็ปลอบแต่ไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้นเลย วันนี้ลงโทษพนักงานขายด้วยการไล่ออกมีผลบังคับทันที เพราะเปิดบริษัทขายสินค้าตัวเดียวกันทำมานานเพิ่งทราบคะ รู้สึกเสียใจอันดับแรก และอันดับสุดท้ายที่ ผิดหวังคะ เฮ้อออออ
ส่วนข่าวของเพื่อนอีกคนหนึ่ง คือ...บ้านท่านแม่ซองขาวเบอร์ 9 ที่ อ.สุไหปาดี จ.นราธิวาส โดน Carbomb บ้านเสียหายบ้างบางส่วน คนงานถูกสะเก็ดระเบิดเหวอะหวะ แม่+พ่อซองขาวฯ ร่างกายปลอดภัยดี แต่จิตใจเสียหายมากมาย....
ทุกข์ของเพื่อนทั้งสอง ล้วนเกิดมาจากการกระทำของผู้อื่น ซึ่งก็คือ ผู้ที่โลภ ไม่รู้จักพอ ที่สำคัญ ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อองค์กร ต่อแผ่นดินที่ตัวเองอยู่อาศัย โบราณเขาด่าคนประเภทนี้ว่า กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา หรือประเภท ไม่รู้จักบุญคุณ ข้าวแดงแกงร้อน อะไรทำนองนั้น
จะว่าไปแล้ว ทุกข์ของสัตว์โลก มีได้ ๒ ทาง คือ ทุกข์ทางกาย อันเกิดจากสังขารที่ต้องวนเวียนอยู่กับการเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เป็นที่ตั้ง และทุกข์ทางใจ ซึ่งนับว่าเป็นทุกข์ที่สาหัสกว่าทุกข์ทางกาย เพราะเมื่อใดที่ยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตน ไม่รู้จักปล่อยวาง ไม่ทำความเข้าใจขันธ์ ๕ ว่าทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับสิ้นสูญสลายไปในที่สุด เมื่อนั้นความทุกข์อย่างใหญ่หลวงย่อมเกิดขึ้นในจิตใจของตนเอง
การที่เราเลี้ยงดู ดูแลลูกน้องของเราเป็นอย่างดีมาตลอด ให้ความไว้วางใจในการงานทุกสิ่ง ให้โอกาสได้เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน แต่แล้ววันหนึ่ง ลูกน้องกลับทรยศด้วยการแอบทำการค้าแข่งกับเรา ในโลกของธุรกิจถือเป็นความผิดร้ายแรงที่ไม่อาจให้อภัยได้ เมื่อเราอยู่ในสถานะหรือตำแหน่งที่จะต้องตัดสินใจ กฏก็คือกฏ ที่แม้แต่ตัวเราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นั่นคือต้องไล่ลูกน้องคนนั้นออกทันที
ถามว่าการกระทำของเราดังกล่าว อยากทำไหม ตอบได้ทันทีว่า ไม่มีใครอยากทำหรอก..ค่ะ แต่เมื่อเขาทำความผิด ก็ต้องว่ากันไปตามกฏระเบียบขององค์กร ปอป้าว่า เรื่องอย่างนี้ เจ้าตัวเขาต้องรู้ก่อนทำอยู่แล้วว่า หากเขาแอบทำผิดอย่างนี้ วันหนึ่งเขาก็ต้องถูกจับได้และไล่ออกในที่สุด ถือว่าตัวเขารับสภาพในทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่แล้ว จึงได้ตัดสินใจทำ
เรื่องความรู้สึกของเขา ขอไม่พูดถึง เรามาพูดถึงความรู้สึกของตัวเราดีกว่า ค่ะ..เสียใจ ผิดหวัง เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราต้องคิดเข้าข้างตัวเราเองอยู่แล้วว่า เราเลี้ยงดูเขามาอย่างดี ให้โอกาสในการเจริญก้าวหน้าในอาชีพแก่เขาเสมอมา แต่กลับโดนทรยศ เป็นใคร ก็ต้องเสียใจ ผิดหวัง เป็นเรืองธรรมดาจริง ๆ
ทีนี้ เสียใจแล้ว ผิดหวังแล้ว ก็ควรจบ เพราะชีวิตของเราต้องดำเนินต่อไป มีอะไร ๆ อีกหลายอย่างที่เราจะต้องทำ ต้องรับผิดชอบ เราไม่ได้มีลูกน้องคือเจ้าคนนั้นเพียงคนเดียว ถ้ามัวแต่มานั่งเสียใจร่ำไรอยู่แล้ว จะมีจิตมีใจไปคิดทำอะไรต่อไปได้ มันไม่ยุติธรรมสำหรับคนอื่นที่อยู่รอบตัวเรา เพราะคนเหล่านั้นเห็นเราทุกข์ เขาก็ต้องมานั่งทุกข์ตามเราไปด้วย เมื่อตัดสินใจไล่ออกไปแล้ว ก็ควรอโหสิกรรมให้กันไปเสียเลย จะได้ไม่มีกรรมติดค้างต่อกันอีกต่อไป อภัยให้เขา อย่าไปถือโทษโกรธเคืองให้หม่นหมองใจกันต่อไป อวยพรให้เขาไปดี โชคดี แม้เขาจะทำให้องค์กรเสียหาย ทำให้เราเสียใจมากเพียงใดก็ตาม การให้อภัย เป็นทานอย่างหนึ่งที่มีโอกาสให้ทำ ก็ควรทำทันที
สิ่งที่ควรจะคิดทำต่อไป ก็คือบอกตัวเองว่า ต่อไปนี้เราจะมีคู่แข่งทางการค้าอย่างเปิดเผยอีกหนึ่ง นี่แหละคือสิ่งที่เราควรจะคิดมากกว่ามานั่งเสียใจ เราจะต้องคิดว่า ทำอย่างไรให้องค์กรของเราเจริญก้าวหน้าต่อไปได้ เพื่อความเป็นปึกแผ่นขององค์กร เพื่อตัวของเราเอง และเพื่อของลูกน้องที่เหลืออยู่ของเราด้วย
ความซื่อสัตย์ เป็นคุณธรรมเริ่มต้นแห่งความดีทั้งหลาย ชนใดขาดเสียซึ่งความซื่อสัตย์ ย่อมหาความเจริญในชีวิตได้ไม่ ความซื่อสัตย์มิได้เป็นเพียงแต่ลมปาก หากต้องหมั่นฝึกฝน ปฏิบัติให้เกิดความมั่นคง ด้วยการมีวินัย ซื่อสัตย์ต่อตนเองและต่อผู้อื่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เริ่มต้นจากตัวเรา ครอบครัวของเรา และบอกต่อ สอนต่อไปยังสังคมนอกบ้าน ขยายวงออกไปในระดับประเทศ สังคมใดมีประชากรที่ยึดมั่นต่อความซื่อสัตย์สุจริต สังคมนั้นย่อมมีแต่ความเจริญ
เมื่อความซื่อสัตย์คือคุณธรรมที่ควรยกย่อง สรรเสริญแล้ว คนที่ไม่มีความซื่อสัตย์แม้แต่กับตัวเองอย่างลูกน้องคนนั้น สมควรแล้วหรือที่เราจะต้องมานั่งเสียใจ เสียดาย และผิดหวังในตัวคนคนนั้น เวลาของเราที่ผ่านไปทุกวินาที ล้วนมีค่า มีความหมายต่อตัวเราและคนที่เรารักหรือรักเรารอบด้าน อย่านำเวลาอันมีค่านี้ไปเสียให้กับคนไร้ค่าเช่นนั้นเลย หาอะไรที่มีประโยชน์ทำ ดีกว่ามานั่งเสียใจให้กับคนเช่นนั้น...นะคะ
ส่วนเรื่องราวของคุณแม่ซองฯ นั้น อ่านแล้วรู้สึกตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะทุกวันได้สวดมนต์ภาวนาว่า อย่าให้เหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอเลย แต่ก็ยังดีใจอยู่ที่ทราบว่าตัวเธอและสามี มิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงลูกน้องที่บาดเจ็บ และบ้านช่องเสียหายไปบ้าง
ปัญหาของ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมาช้านาน นานจนบางครั้งคิดว่าเกินกว่าจะเยียวยาหรือเปล่า ผืนแผ่นดินไทยมีคนไทยหลายเชื้อชาติ หลายศาสนา มาอยู่รวมกัน ถ้ามองดูให้ดี ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากชาติอื่น ๆ สักเท่าไร ประเทศต่าง ๆ กว่าจะรวบรวมประชากรและแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นได้นั้น ต้องผ่านเหตุการณ์รบราฆ่าฟันกันมานักต่อนัก เป็นประวัติศาสตร์ที่เท็จบ้าง จริงบ้าง ให้ได้อ่าน ได้เล่าขานกันมาจนถึงปัจจุบัน ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย
บ้านที่อยู่อาศัย เป็นสมบัตินอกกาย ที่เสียหาย ก็สามารถบูรณะซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ภายในเวลาไม่นาน แต่จิตใจของคนเรานั้น ต้องใช้เวลานาน กว่าจะเยียวยาให้เป็นปกติเหมือนเดิมได้ ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ยากแก่การลบเลือนไปจากจิตใจ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ร้ายสุด ๆ หรือดีสุด ๆ มนุษย์ล้วนจำได้แม่นยำ
บ้านเรือน ชีวิตของคน สัตว์ หรือแม้แต่จิตใจ ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปในที่สุด ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน วันนี้เราประสบเหตุที่นำความทุกข์มาให้ ไม่ว่าจะทุกข์กายหรือทุกข์ใจ ขอเพียงให้เรามีสติ เราก็จะสามารถแก้ไข ฝ่าฟันปัญหาต่าง ๆ นั้นไปได้ในที่สุด
ถ้าพูดตามประสาคนทั่วไป ก็จะต้องพูดว่า โชคดีแล้ว ที่คุณแม่ซองฯ และสามี ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แต่ในทางพระ ถือว่าคุณแม่ซองฯ และสามี ทำบุญไว้เยอะ จึงไม่ได้รับอันตราย คงมีแต่ความตกใจ เสียใจกับเหตุการณ์ที่บ้านเรือนเสียหาย ซ้ำลูกน้องต้องได้รับบาดเจ็บ ปอป้าหวังว่า ด้วยสติปัญญา และบารมีของคุณแม่ซองฯ จะทำให้เหตุการณ์ต่าง ๆ เข้าสู่สภาวะปกติได้ในเร็ววัน
เท่าที่เคยคุยกัน คุณแม่ซองฯ ก็ได้เตรียมบ้านพักไว้ที่กรุงเทพฯ แล้ว แต่อาจจะมีเหตุผลส่วนตัวที่ยังไม่สามารถย้ายมาอยู่ถาวรได้ หากจะต้องอยู่ในเหตุการณ์ผันผวนของบ้านเมืองอยู่อย่างนี้ ก็คงจะต้องเป็นกังวลกันต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูก ๆ หลาน ๆ ต้องคอยเป็นห่วง ปอป้าคิดว่า คงจะถึงเวลาเหมาะสมแล้วที่คุณแม่ซองฯ และสามีจะได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เสียที..นะคะ
ปอป้าอยู่ทางนี้ ขอสวดมนต์ภาวนา ส่งกระแสจิต มาเป็นกำลังใจให้คุณแม่ซองฯ และครอบครัว มีสติกำลังในการที่จะบูรณะซ่อมแซมบ้านเรือน และบูระณจิตใจให้เข้มแข็ง เพื่อยืนหยัดเป็นขวัญและกำลังใจให้กับลูกน้องที่ต้องพึ่งพาคุณแม่ซองฯ ต่อไปด้วย และที่สำคัญ ยืนหยัดดำรงอยู่เพื่อตัวเองและครอบครัวต่อไป...
ทุกข์ที่เกิดขึ้น ผ่านมาแล้วก็ต้องผ่านไป ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน แม้แต่ตัวของเรา
ทุกสิ่ง ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นสัจธรรม ที่ควรน้อมเข้ามาพิจารณา
สติ เท่านั้น ที่จะทำให้เกิด ปัญญา ในการปลดเปลื้อง ทุกข์ ออกไปจากตัวเรา
ไม่มีทุกข์ ไม่เห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมแล้วไซร้ จงใช้ธรรมนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ด้วยรัก...จากใจ
พรหมญาณี
ตณฺหานุสเย อนูหเต นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ
เมื่อรากยังแข็งแรง ไม่ถูกทำลาย ต้นไม้แม้ที่ถูกตัดแล้ว ก็งอกได้ใหม่ฉันใด
เมื่อยังทำลายเชื้อตัณหาไม่ได้หมด ความทุกข์นี้ก็ย่อมเกิดขึ้นได้เรื่อยไปฉันนั้น
มีความสุขในการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ตลอดไป..นะคะ