สวัสดีค่ะ พุทธวจนตอนนี้ พระองค์ตรัสเล่าเรื่องมาลุงก์ยบุตรผู้มากปัญหา ได้ไปเฝ้าทูลถามพระองค์ที่วัดพระเชตะวัน เมืองสาวัตถี คือเรื่องของเรื่องจะไปลองของว่างั้นเถอะ ก็เลยหาเรื่องไปถาม ก็เรื่องที่ไปถามน่ะมันน่าถามเสียเมื่อไรล่ะ พ่อเล่นถามเรื่องโลกเที่ยงหรือไม่เที่ยง เรื่องสัตว์ตายแล้วเกิดหรือตายแล้วสูญ เรื่องชาติหน้ามีหรือไม่มี เป็นต้น พระพุทธองค์จึงทรงเทศนาสั่งสอน ว่ากันตามภาษาชาวบ้านก็เสียผู้เสียคนไปเลยนั่นแหละ เทศน์ซะจนมาลุงก์บุตรยอมศิโรราบกราบพระบาทขอบวชติดสอยห้อยตามพระองค์ ถือเอาไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งจนวันตายไปเลย เล่นกะใครไม่เล่น มาลองของกับศาสดาเอกของโลก เสร็จทุกราย ฮ่า ๆ ๆ
เรื่องถ้ามัวรอให้รู้เรื่องที่ไม่จำเป็นเสียก่อนก็ตายเปล่า
มาลุงก์ยบุตร !
เปรียบเหมือนบุรุษผู้หนึ่ง ถูกลูกศรอันกำซาบด้วยยาพิษอย่างแรงกล้า,
มิตรอำมาตย์ ญาติสายโลหิต จัดการเรียกแพทย์ผ่าตัดผู้ชำนาญ,
บุรุษอย่างนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ถ้าเรายังไม่รู้จักตัวบุรุษผู้ยิงเราว่าเป็นกษัตริย์
พราหมณ์ เวสส์ ศูทร ชื่อไร โคตรไหน ฯลฯ เสียก่อนแล้ว,
เรายังไม่ต้องการจะถอนลูกศรอยู่เพียงนั้น
มาลุงก์ยบุตร !
เขาไม่อาจรู้ข้อความที่เขาอยากรู้นั้นได้เลย ต้องตายเป็นแน่แท้ !
อุปมาฉันใด ; อุปไมยก็ฉันนั้นเหมือนกัน,
บุคคลผู้นั้นกล่าวว่า
เราจักยังไม่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า
จนกว่าพระองค์จักแก้ปัญหาทิฏฐิสิบประการแก่เราเสียก่อน,
และตถาคตก็ไม่พยากรณ์ปัญหานั้นแก่เขา เขาก็ตายเปล่า โดยแท้
มาลุงก์ยบุตร !
ท่านจงรู้ซึ่งสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ไว้โดยความเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์,
รู้ซึ่งสิ่งที่เราพยากรณ์ไว้ โดยความเป็นสิ่งที่เราพยากรณ์
อะไรเล่าที่เราไม่พยากรณ์ ?
คือความเห็นสิบประการว่า โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง
โลกมีที่สิ้นสุด โลกไม่มีที่สิ้นสุด ฯลฯ (เป็นต้น), เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์
มาลุงก์ยบุตร !
อะไรเล่าที่เราพยากรณ์ ?
คือสัจจะว่า นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,
และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้ : นี้เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์
เหตุใดเราจึงพยากรณ์เล่า ?
เพราะสิ่ง ๆ นี้ ย่อมประกอบอยู่ด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์
เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ คลายความกำหนัด ความดับ ความรำงับ
ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน
|
อากาศร้อนๆอย่างนี้..
ดแลสุขภาพด้วยนะค่ะ