มารายงานให้ทราบว่า ขณะนี้คุณแม่พรหมญาณีป่วย ด้วยอาการโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือ SLE กำเริบอย่างหนัก ส่วนทางด้านจิตเวชนั้น คุณหมอสั่งห้ามการเข้าสังคมออนไลน์อย่างเด็ดขาด คุณแม่บ่นว่าเบื่อและคิดถึงเพื่อนบล็อกเพื่อนเฟสทุกท่านมากค่ะ แต่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งคุณหมออย่างเคร่งครัด มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมจะมารายงานให้ทราบต่อไปนะคะ น้องน้ำเพชรค่ะ ป.ล. คุณแม่ฝากธรรมะไว้ให้เพื่อน ๆ อ่านแทนความคิดถึงด้วยค่ะ ๔ วิธีตัดไฟ ระงับโกรธ ปอป้าอ่านบทความสั้น ๆ นี้จากหนังสือชีวจิต เห็นว่ามีประโยชน์ดี ก็เลยคัดลอกนำมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะเชื่อว่าทุกคนคงเคยสติแตก โกรธใครจนหน้ามืดมาแล้ว แต่จะหยุดความโกรธของตัวเองได้เร็วแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานการควบคุมอารมณ์ของแต่ละคน ท่านติช นัท ฮันห์ พระภิกษุชาวเวียตนาม ได้ให้วิธีจัดการความโกรธแบบชะงัดไว้ ดังนี้ ๑. ยอมรับความโกรธ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เราเก็บกดความโกรธเอาไว้ แต่สอนให้เรายอมรับความโกรธและเอาใจใส่ความโกรธนั้น คือโกรธแล้วต้องรู้ว่าตัวเองกำลังโกรธ ต้องใช้สติกำกับความโกรธ๒. ระงับความโกรธ ถ้ารู้สึกโกรธจัดจนแน่นอก ให้รีบเดินหลบออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก หายใจลึก ๆ อย่างมีสติ อาจเดินจงกรมหรือทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ เช่น ฟังเพลงเบา ๆ หรือมองต้นไม้ดอกไม้ให้ตัวเองสบายใจ หรือใจเย็นลง๓. พิจารณาความโกรธ เมื่อรู้สึกสงบลงแล้วให้ลองคิดถึงสาเหตุของความโกรธนั้นว่า อาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือการรับรู้มาอย่างผิด ๆ ลองพิจารณาความโกรธนั้นด้วยปัญญา๔. เผยความโกรธ ต้องบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองโกรธและเป็นทุกข์ ไม่ควรซุกซ่อนความโกรธไว้ แต่ต้องบอกด้วยท่าทีสงบ ไม่พูดจาทำร้ายหรือตำหนิ และควรบอกทันที ไม่ควรเก็บโทสะไว้กับตัวเองเกิน ๒๔ ชั่วโมง หากนานกว่านั้นอาจทำลายความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายได้มาพลิกความโกรธให้เป็นความกรุณา แล้วคุณจะเป็นที่รักของคนรอบข้างมากขึ้น ง่าย ๆ ไม่ยากเกินความสามารถของมนุษย์ที่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยที่ดีมาแล้วอย่างเรา ๆ จะปฏิบัติได้หรอก..ค่ะ ลองฝึกฝนทำดูทีละเล็กละน้อย ไม่ช้าก็จะเกิดเป็นความเคยชิน ภายหน้าต่อให้โกรธมากแค่ไหนก็เอาอยู่ค่ะ
ขอบคุณ ภาพประกอบเรื่องจาก คุณเศษเสี้ยว...ค่ะ เพลง ข้องจิต
ขอให้ จขบ.หายไวๆค่ะ
ด้วยความเคารพรักและปรารถนาดี