|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
14 ตุลาคม 2551 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ขบวนการนักศึกษากับการแสดงออกทางการเมือง
การประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พรก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา นอกจากจะก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์จากหลายฝ่ายว่าเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่แล้ว ยังทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือ กลุ่มนิสิตนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ นั่นเอง จากจำนวนนิสิตนักศึกษาเพียง 4 - 5 คน ได้เพิ่มมากขึ้น และหลากหลายสถาบันขึ้น นอกจากนี้ นักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดต่างออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และให้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากนายกรัฐมนตรีเช่นกันจนดูเหมือนว่า สถาบันการศึกษาใดที่นิสิตนักศึกษาไม่ออกมาร่วมเรียกร้องจะกลายเป็นแกะดำของวงการไปอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏตามมาในกลุ่มนิสิตนักศึกษากลับกลายเป็นความแตกแยกทางความคิดที่ลุกลามจากภายนอกเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนพันธมิตร ต้องการให้เพื่อนนิสิตนักศึกษาเข้าร่วมแสดงพลังกับกลุ่มพันธมิตรฯ ขณะที่อีกฝ่ายกลับคัดค้านการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯถึงขนาดที่ว่า บางรายเลิกคบกันเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันก็มี การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่นิสิตนักศึกษาทั้งหลายจะก้าวออกสู่โลกภายนอก โลกที่เป็นจริงทั้งเรื่องการทำงาน และการใช้ชีวิต ในฐานะปัญญาชน ปัญญาชน คือ ชนผู้มีปัญญา การจะสามารถใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ ต้องถามตัวเองก่อนว่า การเรียนรู้ที่ได้จากรั้วมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาทั้งหลายนั้นได้สร้างปัญญาให้กับเรามากน้อยเพียงใด การกระทำของเราบ่งบอกถึงการใช้สติปัญญาของเราอย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ แน่นอน การแสดงออกเป็นสิทธิของทุกคนตามหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ แต่การแสดงออกแต่ละครั้งเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า ส่งผลกระทบอย่างไรกับสังคม และคนรอบข้าง นิสิตนักศึกษาหลายคนมีความภาคภูมิใจกับความสำเร็จในการเรียกร้องรัฐธรรมนูญของวีรชน 14 ตุลา 16 ที่ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนิสิตนักศึกษา พวกเขาปรารถนาจะมีประสบการณ์เช่นคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เหล่านั้นบ้าง ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะคิดเช่นนั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้องที่นึกจะทำก็ทำโดยปราศจากการศึกษาข้อมูลให้รอบด้านเสียก่อน สิ่งที่นิสิตนักศึกษารุ่นนี้ขาดหายไปคือ ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย และทฤษฎีทางการเมืองที่ได้มีการศึกษามามากพอ มากพอในที่นี้ไม่ใช่การเรียนรู้จากห้องเรียนเท่านั้น แต่ต้องการการขวนขวายเพิ่มเติมด้วย คนรุ่นตุลา 16 มีการศึกษาทฤษฎีการเมืองด้วยตนเอง แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน เข้าทำนอง สุ จิ ปุ ลิ จนกระทั่งความรู้ตกตะกอน สามารถสร้างองค์ความรู้ให้กับตนเองได้ จากนั้นจึงนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในช่วงนั้น ช่วงที่มีรัฐบาลเผด็จการ จึงเกิดเสียงเรียกร้องการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ประเทศไทยขาดหายไป นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและได้การเมืองแบบประชาธิปไตยกลับคืนมาในที่สุด เปรียบเทียบกับขณะนี้ มีรัฐบาลที่มาจากการหย่อนบัตรเลือกตั้งของพวกเราเองแต่กำลังจะถูกล้มล้างโดยกฎหมู่ซึ่งก็คือพวกเราเองเช่นกัน สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) อาจจะยังสามารถแสดงจุดยืนที่ชัดเจนทางการเมืองได้ แต่สิ่งที่ สนนท. ควรต้องดำเนินการคือ การส่งต่อจุดยืนทางความคิดให้กับองค์การนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ ร่วมเป็นแกนในการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง กล่าวได้ว่า บทบาทขององค์การนิสิตนักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่จะร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยมีจุดยืนที่ชัดเจนในปัจจุบันมีน้อยมาก ทำให้นิสิตนักศึกษาแต่ละสถาบันหันไปทำกิจกรรมตามสมัยนิยม ไม่ว่าจะเป็นการประกวดความสวย ความหล่อ หรือความเก่ง ซึ่งกลายเป็นเรื่องของปัจเจกไป หากองค์การนิสิตนักศึกษาแต่ละสถาบันสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ จะเป็นการปลุกพลังแห่งการแสดงออกของวัยหนุ่มสาวให้ขบวนการนิสิตนักศึกษาขึ้นมามีบทบาทเหมือนรุ่นพ่อรุ่นแม่อีกครั้ง อย่าปล่อยให้พวกมากลากไป หาความรู้ให้มากก่อนที่จะลงมือทำจึงจะได้ชื่อว่าเป็นปัญญาชนที่แท้จริง เมื่อออกไปสู่โลกภายนอกแล้วจะได้ไม่ถูกหลอก --------------------------------------------------------------------
คนละวันวันละคม จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ 9 ฉบับที่ 2377 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน 2008
Create Date : 14 ตุลาคม 2551 |
|
3 comments |
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 18:37:33 น. |
Counter : 407 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: kobnon 19 ตุลาคม 2551 11:40:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: MeMoM 22 ตุลาคม 2551 1:14:42 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|