Movie Review by negima
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
2 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 

Kung Fu Panda 2 – "กังฟูมันส์ ดราม่าเยี่ยม ครบเครื่องอนิเมชั่นที่เจ๋งกว่าภาคแรก !"




"Kung Fu Panda 2" เป็นตัวอย่างอนิเมชั่นภาคต่อที่ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าภาคแรกมากจนน่าชื่นชม ซึ่งถือเป็นอะไรที่ยากมากยิ่งในกรณีที่ภาคแรกสร้างมาตรฐานไว้สูงพอสมควร โดยหนังภาคต่อนี้มาพร้อมการดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว กระชับ มีบทสนทนาที่คมคาม และที่สำคัญคือ หนังมีความเป็นดราม่า และ ความบันเทิง ที่นำเสนอได้อย่างยอดเยี่ยมเกินความคาดหมายจริงๆ




อย่างแรกที่หนังนำเสนอได้น่าสนใจมากก็คือการนำภาพวาด 2D มาผสมสลับกับภาพอนิเมชั่น 3D ในฉากการเล่าเรื่องถึงอดีตของ “Po” เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในฉากที่ “Po” ร่ายรำกังฟูท่ามกลางสายฝนพร้อมตั้งจิตหาความสงบในใจ เพื่อจะดึงภาพในอดีตสมัยยังเด็กอันเลือนลางให้ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่เขาจะได้รู้ถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง และนับเป็น “ฉากที่เยี่ยม” ที่สุดอีกฉากหนึ่งของเรื่องนี้ด้วย ทั้งการนำเสนอ,การตัดต่อ ตลอดจนอารมณ์ที่หนังพยายามสื่อ เรียกว่าสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้


นอกจากนี้ในส่วนของความเป็นดราม่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ “Po” กับ “Mr. Ping” พ่อห่านเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว โดยหนังเฉลยที่มาของการมาอยู่ร่วมกันของทั้งสองที่ว่า เช้าวันหนึ่งขณะที่ “Mr. Ping” เดินไปตรวจวัตถุดิบที่จะมาใช้ทำก๋วยเตี๋ยวที่หลังร้าน ระหว่างที่เขากำลังหาลังหัวไชเท้า เขาก็ต้องแปลกใจสุดขีดเมื่อภายในลังนั้นไม่มีหัวไชเท้าเลย แต่กลับเป็นลูกแพนด้าน้อยตัวจ้ำหม่ำเนื้อตัวมอมแมมอยู่ในลัง และด้วยการที่ไม่สามารถหาผู้ที่เกี่ยวข้องมาดูแลแพนด้าน้อยตัวนี้ได้ เขาจึงเลือกที่จะดูแลแพนด้าน้อยตัวนี้ด้วยตนเอง สิ่งแรกที่พ่อห่านทำให้แพนด้าน้อยยิ้มและมีความสุขได้คือการหาอาหารมาให้กิน เพราะพ่อห่านเป็นพ่อครัวและแพนด้ามีความสุขในการกินนั่นทำให้ทั่งคู่ดูมีความสุขด้วยกันมาก พ่อห่านทำอาหารให้แพนด้ากิน , กิน , กิน แล้วก็ กิน ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด แพนด้าน้อยก็ชอบไปเสียหมด และในวันนั้นเองที่ Ping เริ่มทำน้ำซุปที่ไม่ใส่หัวไชเท้าเป็นครั้งแรกในชีวิต (ที่ไม่ใส่เพราะ Po น้อย กินไปจนเกลี้ยงแล้วตอนอยู่ในลังนั่นเอง) และนาทีนั้น ทั้งน้ำซุปและชีวิตของ Ping ก็เปลี่ยนไปจนไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมอีกเลย


และความสัมพันธ์ของ “Po” กับ “Mr. Ping” ยังถูกนำเสนอได้ชัดเจนอีกครั้งในฉากที่ เขามาส่ง Po ไปเพื่อปราบ “Lord Shen” ผู้ชั่วร้าย ถ้อยคำอ้อมค้อมต่างๆนานาสารพัดที่ไม่อยากให้ลูกชายแพนด้านี้ไปเสี่ยงอันตราย แม้ Po จะอธิบายว่าเขาเต็มใจ และเป็นหน้าที่ของผู้เป็นนักรบมังกรก็ตาม เพราะ ไม่ว่า Po จะเป็นทั้งนักรบมังกร ,ผู้กล้า หรือ แพนด้าตัวสุดท้ายบนโลกนี้ก็ตาม แต่ในสายตาของ Ping แล้ว Po อยู่ในฐานะ “ลูกคนเดียว” ที่เขารักเกินกว่าสิ่งใดในโลกนี้และไม่อยากให้ต้องไปเสี่ยงอันตรายใดๆทั้งสิ้น ครับ




ด้านในส่วนของการตีความตัวร้ายประจำภาคนี้อย่าง “Lord Shen” นกยูงรัชทายาทจอมวายร้ายที่มีแผนทำลายประเทศจีนให้พินาศด้วยอาวุธมหาประลัยทรงพลานุภาพ รวมไปถึงทำลาย ‘กังฟู’ ให้หมดไปจากแผ่นดินนี้ด้วย ที่ทางผู้สร้างวางพื้นฐานให้ตัวละครนี้มี ‘ปม’ ในใจที่สมเหตุสมผล ชัดเจน และน่าเห็นใจในเวลาเดียวกันครับ เพราะเมื่อหนังดำเนินเรื่องมาจวบจนจะถึงฉากสุดท้ายผู้ชมจะรู้สึกได้เลยว่าแท้จริงแล้ว “Lord Shen” ไม่ได้เป็นคนที่คิดชั่วมาตั้งแต่ต้น แต่สาเหตุที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ เพียงเพราะว่า “บาดแผลเล็กๆในใจ” ช่วงวัยเด็ก ที่เมื่อเขาค้นพบด้านมืดของความสามารถของดอกไม้ไฟแล้ว แทนที่ผู้เป็นพ่อกับแม่จะดีใจไปกับเขา แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะนอกจากจะหวั่นใจในเรื่องอนาคตของลูกคนนี้แล้ว ยังมีคำทำนายของหมอดูที่ว่า ในอนาคตของ Shen นั้นถ้าเลือกทางผิดจะถูกปราบโดยนักรบขาวและดำ นั่นยิ่งทำให้ Shen เริ่มคิดมากจนเลือกกระทำผิดบางอย่างจนเป็นเหตุให้พ่อกับแม่ของเขาเนรเทศเขาออกไปยังสุดโลก ก่อนทั้งสองจะตรอมใจตายในเวลาต่อมา


Shen ไม่เคยเข้าใจเหตุการณ์นี้เลยแม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว จากความไม่เข้าใจ แปลเปลี่ยนเป็นความเครียดแค้นต่อทุกๆสิ่งรอบตัว และพลักดันให้เขาเข้าสู่ด้านมืดโดยไม่รู้ตัว “บาดแผล” เล็กๆในใจที่ไม่ได้รับการดูแลกลายมาเป็นแผลเป็นลุกที่ฝังอยู่ในใจเขาเรื่อยมา และก็เป็นด้วยสาเหตุนี้เองที่ เมื่อเขาเจอ “Po” ครั้งแรก และรู้ว่า Po จำเรื่องในอดีตเกี่ยวกับพ่อกับแม่ที่แท้จริงไม่ได้เลย จึงพยายามพูดและป้อนข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับเรื่องพ่อและแม่งของ Po ให้ฟัง เพื่อจะให้ Po หมดความมั่นใจและมี “บาดแผล” ในใจเพื่อชีวิตของแพนด้านักรบมังกรจะดิ่งลงสู่ด้านมืดเฉกเช่นเดียวกับตัวเอง



ทั้งตัวละคร “Shen” และ “Po” มีส่วนคล้ายคลึงกันในเรื่องของ ‘ปม’ ในวัยเด็กครับ ซึ่งของ Shen คือการที่คิดว่าพ่อแม่ไม่ได้รักหรือพยายามเข้าใจเขาเลย ส่วนของ Po คือการกำพร้าพ่อกับแม่มาตั้งยังเป็นแพนด้าน้อย และนั่นนำมาสู่ข้อคิดที่คมคายมากๆของภาคนี้ที่ว่าด้วย

“สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่เริ่มต้นอย่างไร แต่สำคัญที่สิ่งที่เราเลือกจะเป็นในปัจจุบันต่างหาก” เพราะชีวิตแม้จะเริ่มต้นได้แย่เพียงใด แต่นั่นก็แค่ข้อผิดพลาดเพียง 'ส่วนหนึ่ง” เท่านั้น ไม่ใช่ “ทั้งหมด” ในชีวิตของเราครับ ตอนเริ่มต้นไม่ว่าจะเจอเรื่องราวเลวร้ายสักแค่ไหน แต่แค่นั้นไม่สามารถตัดสินทั้งชีวิตของเราได้ แต่เวลาที่ยังเหลือในวันนี้ และวันข้างหน้าต่างหากที่จะเราสามารถเลือกในสิ่งที่เราอย่างจะเป็นได้อย่างแท้จริง



นอกจากนี้ในส่วนของ “ฉากแอกชั่น” ในเรื่องก็ถือว่าตื่นตาตื่นใจและออกแบบมาได้เยี่ยมมากๆเช่นกัน ไม่บ่อยนักที่อนิเมชั่นจะมีการออกแบบฉากกังฟูที่มี ‘ลูกเล่น’, “ความดุดัน” และ ‘ความสวยงาม’ ได้อย่างในเรื่องนี้ โดนเฉพาะฉากการต่อสู้ของตัวละคร “Lord Shen” ที่นอกจากจะโดดเด่นมากแล้ว ยังเต็มดึงความสง่าของนกยูงมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ภาพที่ปรากฎบนจอจึงออกมาตื่นตาตื่นใจทีเดียว



โดยรวมแล้ว "Kung Fu Panda 2" มีความสมบูรณ์ในแง่ของการให้ความบันเทิง และ ความเข้มข้นของเนื้อหาได้อย่างยอดเยี่ยม และยังคงสอดแทรกกลิ่นอายของ ‘กังฟู’ เข้ากับหนังหาได้กลมกลืนอีกด้วย โดยที่ว่า การฝึกกังฟูไม่ใช่เพื่อเอาชนะ หรือเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง แต่เพียงให้ร่างกายได้พบกับความสงบที่แท้จริงในใจเท่านั้นเอง นอกจากนี้ทั้ง มุกตลก,ดนตรีประกอบ,ฉากแอกชั่น รวมไปถึง ความสวยงามของภาพ ล้วนรวมกันเป็นความบันเทิงระดับบิ๊กแห่งปี 2011 อีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง





 

Create Date : 02 มิถุนายน 2554
0 comments
Last Update : 18 กรกฎาคม 2554 23:05:22 น.
Counter : 2312 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


negima_xx
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




!#@# สวัสดีครับ กับทุกๆคนที่เข้ามาสู่ Blog นี้ของผม ขอให้สนุกกับการอ่านรีวิวภาพยนตร์ต่างๆนะครับ อาจจะมีถูกใจมั้ง ไม่ถูกใจมั้ง เพื่อนๆคนไหนคิดเห็นเหมือนกัน หรือแตกต่างกันตรงไหนก็บอกกล่าวกันได้ครับ ^^ #@#!