Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
31 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
Yaoi – Doujinshi – ในมุมมองของ Keiko Takemiya นักเขียนรุ่นบุกเบิก

ความอยากเขียนเรื่องนี้ เริ่มจากหลังจากอ่าน Crystal Lord Opera ของ อ. Keiko Takemiya นักเขียนคนโปรดมาแต่อ้อนแต่ออก งานของอ. Takemiya นั้นประทับใจฉันมาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้นหรือเรื่องยาว แต่หลังยุคลิขสิทธิ์เฟื่องฟู เรากลับไม่ค่อยเห็นงานของอ. Takemiya ออกมาให้อ่านสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเรื่องของอ. Takemiya ออกแนว Sci-Fi มืดมน เจาะกลุ่มผู้อ่านหญิงวัยรุ่นตอนปลาย หรือพวกที่ไม่ได้มองโลกสดใส อาจารย์แกให้ concept ของงานตัวเองไว้ว่า สำหรับสาวๆ ที่หนีจากความจำเจ ไม่รู้จะอ่านอะไรดี ^^; คงไม่ค่อยถูกตลาดบ้านเรา

เอาล่ะ เมื่อคิดถึงงานเก่าๆ ของอ. Takemiya ก็เลยต้องใช้ Power of search engine หาข้อมูลของอาจารย์สักหน่อย ก็เลยได้พบกับบทสัมภาษณ์น่าสนใจของจาก website นี้ค่ะ

Interview with Keiko Takemiya

เนื่องจากว่า ฉันไม่ต้องการแปลทั้งหมด ขอยกมาเพียงบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นของเราก็แล้วกัน

ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง (เกริ่นนานจริงวุ้ย) ขอแนะนำอ. Keiko Takemiya สักเล็กน้อยนะคะ เพราะถ้าใครเกิดไม่ทันอ่านการ์ตูนลิขสิทธิ์สมัยยอดธิดาหรือมิตรไมตรี ก็ยากที่จะรู้จักอ. Takemiya งานของอาจารย์จะเป็นแนว Sci-Fi, Fantasy จนไปถึงประวัติศาสตร์ ฉันเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่า อาจารย์ยังมีความสามารถเขียนกลอนด้วย


อ. Keiko Takemiya (สวยอย่างที่คิดไว้ไหม ?)


ผลงานเด่นๆ ของ อ. Takemiya จาก Animenewsnetwork

อ.เริ่มเขียนการ์ตูนมาตั้งแต่ปี 1968 (กรี๊ด!!! ฉันยังเป็นวุ้นอยู่เลย!?) ผลงานเด่นๆ มากมาย คือ ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ระดับ Professor ในมหาวิทยาลัย Kyoto Seika ในสาขา Manga Program ตั้งแต่ปี 2000 ผลงานล่าสุดคือ A Horse Traveling Time

ในราวๆ จะเรียกว่าในยุคสมัยนั้น ปี 1978 เรื่องความรักในแนว Homosexualไม่ใช่เรื่องต้องห้าม คงต้องบอกว่าในญี่ปุ่นแหละนะ(แต่คงไม่ส่งเสริมให้ใครทำ ?) การ์ตูนแนว Boy’s love ก็เริ่มเฟื่องฟูมาแต่นั้น รวมทั้งผลงานของอาจารย์ KT ด้วย ว่ากันว่า อาจารย์คือผู้เปิดศักราชการ์ตูน Homosexual ในปัจจุบันในผลงานชื่อ Kaze to Ki no Uta [The song of the Wind and trees] เป็นผลงานการ์ตูน YAOI ขั้นคลาสิกมาจนถึงทุกวันนี้ (แต่ฉันไม่เคยอ่านอ่ะ T_T) ก็เป็นอันหมดข้อสงสัยว่าหนุ่มๆ ของอาจารย์ที่พัวพันกันอยู่ มัน Y หรือไม่ Y (ฮา)


ภาพประกอบ Kaze to ki no uta

ส่วนตัวฉันก็เริ่มรู้จักอาจารย์จากเรื่อง “สุสานฟาโรห์” ของยอดธิดาค่ะ จำชื่อพระเอกกับนายเอกไม่ได้แล้ว แต่จำชื่อน้องนายเอกได้แม่น “ไนท์เคลียร์” เพราะชื่อเพราะและแปลกดี ^o^ จากนั้นก็เรื่อง Terra E เพราะเป็นอนิเมดัง (ขึ้นหิ้งคลาสิกเช่นกัน) เคยฉายช่อง 3 ด้วย เป็นแนว Sci-Fi Fantasy ที่นึกถึงก็ประทับใจทุกครั้ง


ฉบับภาษาไทย เป็นของ สนพ.มิตรไมตรี

การเขียนการ์ตูนแนว Homosexual ในสมัยนั้น เน้นหนักในเรื่องทางจิตวิทยา การที่อ. KT เลือกที่จะเขียนการ์ตูนแนว Homo นั้น อาจารย์ให้เหตุผลว่า

ด้วยแนว Boy’s love จึงทำให้เราสามารถแสดงออกได้ถึงบุคลิกภาพ 2 เพศ (ความเป็นหญิงและชาย) ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ในมนุษย์

เด็กหนุ่มพวกนั้นก็สามารถเป็นตัวแทนได้ทั้ง 2 เพศในหนึ่งเดียว เพื่อที่เราจะนำมาถกกันในเรื่องของความรักและ sex ถ้าความสัมพันธ์ของความรักและ sex แสดงออกได้ผ่านความรักของชายและหญิงได้ ก็สามารถหลีกเลี่ยงการเน้นในเรื่องเพศได้ แต่เราสามารถถกกันถกกันเกี่ยวกับปัญหาที่นอกเหนือจากข้อจำกัดในเรื่องเพศใน Boy’s love ได้ เช่นเดียวกับในกรณีความรักหญิงชาย เป็นเรื่องยากที่จะมาคุยกันเรื่องบุคลิกภาพ 2 เพศเนื่องจากในความเป็นจริงนั้นผลลัพธ์ของความรัก คือการให้กำเนิดชีวิตใหม่นั่นเอง


แปลเป็นไทยเป็นไทยอีกที ความจริงฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง บุคลิกภาพ 2 เพศที่ฉันแปลมาจาก Dual personality ที่อาจารย์เน้นหนักหนาได้สักเท่าไหร่ แต่สรุปความได้ว่า มีบางเรื่องที่ไม่สามารถแสดงออกโดยใช้ความรักของหญิงชายเป็นพื้นฐาน เพราะปลายทางของความรักหญิงชายตามสัญชาติญาณ คือการให้กำเนิดชีวิตใหม่ มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่า ความต้องการสืบพันธุ์คือความต้องการสืบทอด DNA ซึ่งเป็นสัญชาติญาณพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต เพราะฉะนั้นความรักระหว่างที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากสัญชาติญาณสืบพันธุ์มากกว่า (แกเรียกว่า Monkey’s genes ^^”)


Andromedra's Story อีกผลงานคลาสิกทั้ง Anime และ Manga

ในความเห็นของเรื่อง YAOI อาจารย์นั้น อาจารย์บอกว่า

แต่เดิมนั้น มันเป็นแค่เรื่องสนุก งานอดิเรก การวาดเน้นฉาก sexy และยั่วยวนจาก manga ดังนั้น YAOI หมายถึง ไม่มีแก่นของเรื่อง (Climax) ไม่มีบทสรุป และไม่มีความหมาย


ที่อ. TK พูดคือเรื่องจริงอย่างยิ่งนะคะ เพราะถ้าใครเป็นพวกสาวก Homo รุ่นดึกดำบรรพ์ เราจะทราบกันดีว่า YAOI หมายถึงการ์ตูน SEX ล้วนๆ มีรากศัพท์มาจากคำภาษาญี่ปุ่น 4 คำ จำไม่ได้แล้วว่าคือคำอะไร แค่ความหมายของมันทั้งหมด ตามที่อ. TK บอกแหละค่ะ สมัยนั้นบอกใครว่าชอบอ่าน YAOI ก็แสดงว่าคุณลามกใช้ได้เลย ^^” (พอๆ กับคำว่า Hentai) กว่าฉันจะปรับตัวยอมรับคำว่า YAOI ได้และมองคำว่า Homo สูญพันธุ์อย่างตาละห้อย ก็ใช้เวลานานพอดู โธ่.... ยังฝังใจว่า YAOI คือลามก เอะอะก็จะประกอบกิจกรรมต่ำกว่าสะดือกันอย่างเดียว ฉันไม่ได้เป็นคนลามกนี่นะ ฉันคิดว่าความรักในเพศเดียวกัน เป็นสิ่งสวยงาม คือความรักที่เอาชนะธรรมชาติ ใครที่หน้าด้านหน้าทนรักกันโดยไม่แคร์สังคมและกฎของธรรมชาติ น่าจะเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง (แม้ในโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่สวยงามอย่างง้าน)


ฉบับภาษาไทย "ศึกชิงบัลลังค์เลือด" ของสนพ.ยอดธิดา สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ แต่ฉันเก็บได้ไม่ครบอ่ะ (T{}T)

อาจารย์ยังมองต่อไปว่า

หลังจากนั้นไม่นานนัก แนว YAOI เริ่มเป็นที่นิยมใน Doujinshi ดังนั้น YAOI จึงหมายถึง Parody (เรื่องเขียนล้อ) ไม่นานนัก เราก็เห็นพวกตัวละครใน Doujinshi แล้วพวก YAOI ก็กลายเป็นแบบ Parody เพราะนั่นเป็นทางที่ง่ายที่สุดที่พวกกลุ่มนักเขียนการ์ตูนมือสมัครเล่นจะสนุกได้โดยไม่ต้องเสียเวลาหรือสร้างตัวละครของตัวเอง แล้วก็ ขายการ์ตูนง่ายด้วย


อ่านแล้วก็ไม่รู้ว่าอาจารย์มองยังไงกับเรื่องนี้ในฐานะคนสร้างสรรค์ตัวละคร แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาต่อยอดหรืออาศัยความคิดนี้ไป ไม่ใช่คนทำโดขาย ก็เลยบอกไม่ได้ว่าขายง่ายจริงเหมือนที่อาจารย์ว่าหรือเปล่า ? คงเอาไปเทียบกับวงการณ์การ์ตูนญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ในไทย ฉันตัดสินใจซื้อโดง่ายกว่าซื้อการ์ตูนลิขสิทธิ์ด้วยซ้ำไป ทั้งๆที่ราคาแพงกว่าอย่างน้อย 3 เท่า ขอให้ทำถึงเถอะ ฉันซื้อ!

แต่อาจารย์ก็ไม่ได้มองเรื่องนี้ในแง่ร้ายซะทีเดียวนะคะ ออกเป็นผู้ใหญ่มองดูเด็กอย่างเห็นใจมากกว่า อาจารย์ไม่คิดว่าพวกมานั่งทำโดจิน คงไม่ได้มาทำเพื่อการค้าหรอกนะ (?) เพราะอาจารย์พูดว่า

ในกรณีนี้ การขายได้ง่ายไม่ได้หมายความว่าทำเงินด้วยนะคะ แต่หมายความว่า พวกเขาสามารถแบ่งปันจินตนาที่พวกเขาสร้างขึ้นมาได้ การขายได้มากๆ ก็หมายความความมีคนจำนวนมากมีจินตนาการร่วมกัน ตามธรรมดาแล้วหมายถึง “Ukeru – เข้าถึง” ค่ะ


ในความเห็นของอาจารย์เกี่ยวกับพวกการ์ตูน Boy’s love นอกเหนือจาก JUNE นิตยสารการ์ตูนที่อาจารย์ทำอยู่นั้น นั้น อาจารย์มีความเห็นว่า

เป็นเรื่องความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวธรรมดา เพียงแต่บทบาทของหญิงสาวถูกแทนที่ด้วยเด็กหนุ่มเท่านันเอง ซึ่งใครเล่นบทเป็นชายหนุ่มและหญิงสาวก็เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว


ฉันเห็นด้วยมากเลย บางทีก็ไม่รู้ว่ามันจะ Y ไปทำไม ในเมื่อนายเอกแต๋วแตกขนาดนั้น ฮือ.... ในความหมายของฉันคือ อยากอ่านการ์ตูน Y ที่มันเป็นผู้ชายจริงๆ ถ้าจะเดินเรื่องแบบนั้น สู้ไปอ่านการ์ตูนชายหญิงปกติดีกว่า ฉันไม่ได้ Y จนหน้ามืดเห็นผู้ชาย 2 คนยืนคู่กันก็จิ้นไปนู่นแล้วนะ มันต้องมี Chemistry ต่อกันบ้าง แต่ถ้ากวาดตามองไปในวงการณ์ Doujinshi ในปัจจุบัน เค้าไม่ต้องพึ่งพา Chemistry กันแล้ว ประมาณว่า ชอบตัวละครตัวไหน ก็จับคู่กันได้เลย บางตัว หน้ามันแทบไม่มองกัน แทบจะไม่มีบทพูดกันด้วยซ้ำ เรื่อง Original ก็ยังอุตส่าห์มี Doujinshi ออกมาจนได้ แถมยังสนุกเป็นบ้า ^^”

ส่วนการ์ตูนผู้หญิงทั้งหลายนั้นอาจารย์ให้ความเห็นว่าแม้จะเป็นเรื่องความรักระหว่างชายหญิงแบบปกติ แต่ยังแสดงออกถึงความปรารถนาของสาวๆ อยู่ดี โดยพวกผู้หญิงก็ยังคงรักผู้ชายที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ แต่ในสายตาของฉันวงการณ์การ์ตูนผู้หญิงนับวันจะถอยหลังลงคลองยังไงก็ไม่รู้ เมื่อก่อนเรายังมีการ์ตูนหลากหลายให้อ่าน แต่ปัจจุบัน มีแค่แนว Drama, Fantasy หรือไม่ก็ Comedy ให้อ่าน ในขณะที่สมัยก่อน ยังมีแนว Horror หรือแนวกีฬาให้อ่านกันเลย

เกี่ยวกับ YAOI ในปัจจุบันนั้น อาจารย์มีความเห็นว่า

คงจะอยู่ต่อไปอีกสักพัก แต่ไม่นานนักเพราะคนจะเริ่มเบื่อและจะหยุดไปเอง เหตุผลของอาจารย์คือ ขนาด TV ยังมีละคร YAOI ให้ดูเลย ช่อง NHK ซะด้วย แถมการ์ตูน YAOI ยังกลายเป็นเรื่องทางการค้าไปแล้ว ก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องไปทำ YAOI doujinshi ในขณะที่เราสามารถซื้อการ์ตูน YAOI ตามท้องตลาดทั่วไปได้แล้ว


เรื่องนี้อาจารย์พูดไว้ตั้งแต่ปี 2003 ค่ะ มันก็ใช่ ปัจจุบันเรามีการ์ตูน YAOI อ่านกันมากขึ้น เรียกว่าเกลื่อนกลาดบนแผง หาซื้อกันได้ทั่วไป ไม่ต้องหาอ่านกันตามใต้ดินหรือต้องกระเสือกกระสนสั่งกันเองจากญี่ปุ่น แล้วยังต้องกระเสือกกระสนไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อเอามาอ่านพวกการ์ตูนที่สั่งมาจากญี่ปุ่น (ฮา) เรียกว่าสมัยก่อนกว่าจะได้อ่าน YAOI สักเล่ม ลำบากกันมาก แต่ฉันคิดว่า การ์ตูน YAOI จะอยู่หรือจะไปขึ้นอยู่กับคุณภาพมากกว่า ระยะรุ่งเรือง อาจจะมีคนเข้ามาอ่านตามแฟชั่นมาก แบบเห็นเพื่อนอ่าน หรือเพื่อนยัดเหยียดให้อ่าน อ่านตามเพื่อนไม่งั้นตกรถไฟ (เทร์น ^^;) คนกลุ่มนี้ก็คงไม่ใช่แฟนพื้นฐานของ YAOI หรอกค่ะ แต่สุดท้ายแล้ว คนที่ชอบอ่านเพราะชอบจริงๆ คงมีอยู่ การอ่าน YAOI มันก็เหมือนเป็นเกย์นั่นแหละค่ะ ถ้าไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่ ยังไงคุณก็ทนจูบไซ้เพศเดียวกันไม่ได้ตลอดหรอก (ฮา)

ที่เหลือนอกนั้น อาจารย์มีความเห็นในเรื่องวงการณ์การ์ตูนญี่ปุ่นในปัจจุบัน อาจารย์บอกว่า สมัยอาจารย์ยังเป็นแค่นักอ่านน่ะ การ์ตูนผู้หญิงเหมือนๆ กันไปหมด แทบจะไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองเลย แต่สมัยนี้เด็กผู้หญิงเริ่มไปอ่านการ์ตูนผู้ชายมากขึ้น ทำให้การ์ตูนผู้ชายเริ่มมีการแสดงความรู้สึกอ่อนไหวเอาใจเด็กผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นด้วย อาจารย์เห็นว่าการ์ตูนสำหรับผู้ชายและผู้หญิงเริ่มมีอิทธิพลต่อกัน ทุกวันนี้มีนักเขียนการ์ตูนผู้หญิงหลายคนเขียนการ์ตูนลงในนิตยสารเด็กผู้ชาย ด้วย แต่ยังไม่ปรากฏหนุ่มไหนเจาะไข่แดงมาเขียนการ์ตูนแบบผู้หญิงๆ ให้ผู้หญิงอ่าน

ก็จริงของอาจารย์แหละค่ะ ใครที่อ่านการ์ตูนมาแต่โบร่ำโบราณ ก็จะรู้ว่า การ์ตูนผู้ชายน่ะ เมื่อก่อนเอะอะอะไรก็กล้ามแตกไว้ก่อน จะมาทำซึ้งกันน่ะ ไม่ใช่ไม่มีเลย แต่ยากส์! (ขนาดซึ้งยังแก๊กไม่เลิก) แต่การ์ตูนผู้ชายสมัยนี้ บางเรื่องพระเอกของเราคิดมาก อ่อนไหวมากกว่าการ์ตูนผู้หญิงเสียอีก แถมมิตรภาพลูกผู้ชาย ซาบซึ้งซะไม่มี (^^) การที่การ์ตูนผู้ชายมีวิวัฒนาการมาจนถึงขั้นนี้ได้ จะว่านักเขียนการ์ตูนรุ่นหลังๆ มีมุมมองลูกผู้ชายต่างไป ประเภท “หรือผู้ชายเสียใจไม่เป็น ?” และพวกสนพ.คงตระหนักได้ว่า มีกลุ่มแฟนผู้หญิงที่อ่านการ์ตูนผู้ชายเยอะมากในปัจจุบัน เลยไฟเขียวให้ไม่จำเป็นให้ตัวละครในการ์ตูนผู้ชายเก๊กแมนขายเท่อยู่ตลอดเวลาก็ได้ ส่วนการ์ตูนผู้หญิง ก็คงตระหนักดีกว่า ผู้หญิงในปัจจุบันเข้มแข็งมากขึ้น จึงปรับเปลี่ยนเรื่องให้แสดง Girl Power มากขึ้น แต่ก็น่าเศร้าใจว่า ไม่ว่าเธอจะเข้มแข็ง ก๋ากั่น ขนาดไหน สุดท้ายปลายทางของเรื่อง เธอก็แค่ได้ลงเอยกับผู้ชายดีๆสักคนเท่านั้น


การ์ตูนบ้านเรานั้น กลับเห็นว่าวงการณ์การ์ตูนบนดินไทยล้มลุกคลุกคลานน่าดู สมัยฉันยังฝันเฟื่องอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน ยังรู้สึกว่าสถานการณ์ยังมีความหวังกว่าทุกวันนี้ ส่วนวงการณ์ YAOI ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ไม่จำเป็นต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่เพื่อหาวัตถุดิบ เข้มงวดเรื่องสมาชิกและกฎระเบียบจนเหมือนสมาคมลับอะไรสักอย่าง ในปัจจุบันมีการ์ตูน YAOI ให้อ่านเหลือเฟือและมีโดจิน Y ฝีมือดีให้ shop แม้จะราคาแพงเลือดสาด แต่มันยุ่งยากน้อยกว่าการที่คุณต้องไปสมัครกลุ่ม Circle สอบสัมภาษณ์ เสียค่าสมาชิก และปฏิญาณตนตามกฎเหล็กจิปาถะ ไม่ต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ หรือนั่งสร้างเครือข่าย Pen Pal เพื่ออ้อนวอนของ Xerox งาน หรือแลกเปลี่ยนงานของนักเขียนโดจินที่หายากกัน นี่ไม่ได้ลำบากนะคะ เพราะยังไงก็คิดว่า มันสนุกและภูมิใจมาก กับการได้งานของใครมาสักชิ้น ทุกวันนี้พวก Illustrations และ Doujinshi ทั้งหลายฉันยังเก็บอย่างดี ให้คุ้มกับความลำบากที่กว่าจะได้มา

ภาพทั้งหลายมาจาก : //www.shoujo-manga.net/autrici/takemiya/

***

Comic Party 3

วันที่ 2 - 3 กันยายน 2549 นี้ สงสัยจะฤกษ์ดี มีงานชนกันเปรี้ยงๆๆๆ หลายงาน งาน Comic Party 3 ด้วย ปีนี้จัดโดยมีสปอนเซอร์ทั้ง Mainichi และ MBK ไม่รู้ว่าเก็บตังส์ค่าเข้างานเหมือนทุกปีหรือเปล่า ? แต่ติดใจตรงสถานที่ ตรงลาน MBK มันไม่มีหลังคานา ฝนตกขึ้นมาจะทำยังไง ? ยิ่งตอนนี้อากาศไม่เป็นใจด้วย กลัวต้องวิ่งหลบฝนกันจ้าล่ะหวั่น คราวที่แล้วไม่สบายด้วย หลังจากจ้องๆ ดู Circle ทั้งหลายที่มาเปิดบูธ คิดว่าจะไปวันเสาร์ล่ะ ไม่รู้จะติดงานหรือเปล่า ? แต่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปวันเสาร์ งานหลักของการไปงาน Comic event ของเราคือ shop Doujin นี่นะ

ตรวจดู Circle ที่จะไปเปิดบูธในงานได้ที่ website Negibose นะคะ

***

ข่าวย่อย

- กรี๊ด!!!!!!!!! .... ในที่สุดภาค manga ของ Evangalion ก็มาถึงตอนของ Kaoru แว้วววว์..... น่ารักบาดตา เท่บาดใจที่สุด ง่า.... แต่ก็ใกล้ถึงตอนที่ปวดใจที่สุดแล้ว แง๊! ไม่นะ เปลี่ยนบทไม่ได้เหยอ ?!

ฉบับภาษาไทยโดย SIC ออกถึงไหนแล้วเนี่ย ?!


- Thumb disk เจ๊งซะแล้ว เฮ้อ....

- เป็นไรไม่รู้ ปวดต้นคอมาก ปวดมากว่าอาทิตย์ แต่วันนี้เงยหน้าแทบไม่ได้


Create Date : 31 สิงหาคม 2549
Last Update : 31 สิงหาคม 2549 17:41:03 น. 7 comments
Counter : 4482 Pageviews.

 
เห็นชื่ออ.แล้วคลิกเข้ามาเลยค่ะ ชอบอ.ทาเคมิยะมากๆ เหมือนกัน เรื่องหางานอ.อ่านในไทยยากนี่ก็จริงนั่นล่ะ แถมที่มีก็ดันโดนบูรพัฒน์ลอยแพ เลิกทำแล้วซะอีก

อ่านแล้ว อ.มีมุมมองน่าสนใจเยอะนะคะ สมแล้ว พูดถึงเรื่องคำว่า Yaoi นี่ ตอนเรารู้จักมันใหม่ๆ มันไม่ได้มีความหมายกว้างเหมือนในปัจจุบันเลย ก็ออกไปทางลามกอย่างที่จขบ.บอกนั่นแหละ แต่แล้ววันหนึ่งคำนี้มันก็กลายเป็นคำทั่วไปที่ใช้กันได้อย่างไม่มีขวยเขิน ก็อึ้งๆ เหมือนกัน... (จะมีศัพท์ทางภาษาศาสตร์ใช้เรียกคำที่ความหมายกว้างขึ้น generalize หรือเปล่านะ ไม่แน่ใจค่ะ ตอนนี้ขี้เกียจค้น)

ปล. อ.ทาเคมิยะที่คุณเขียนถึง จับคู่กับอ.ที่อยู่ในบล็อกเราตอนนี้พอดี ฮ่า


โดย: vee vee' วันที่: 1 กันยายน 2549 เวลา:23:45:47 น.  

 
เป็นอาจารย์ระดับ Professor ในมหาวิทยาลัย Kyoto Seika ในสาขา Manga Program

โอ้วพระเจ้า สาขา Manga Program อยากเกิดเป็นญี่ปุ่นเสียจริง จะไปเรียนเลย เหอๆ

เห็นชื่ออ.เราก็รีบคลิกมาแล้ว ไมเค้าไม่เอางานอ.มาพิมพ์กันฟะ
เนชั่นที่มีชื่อเสีย(ง)ด้านลอยแพการ์ตูนก็กะไว้แล้วเรื่องของอ.โดนแน่ๆ รอดูลาดเลาไปพลางๆถ้าออกครบค่อยซื้อยกเซ็ต

สุดท้ายมันก็ลอยจริงๆล่วย ฮ่วย

อ่านทัน สุสานฟาโรห์แต่จำเนื้อเรื่องบ่ได้แล้ว ชอบเรื่องอันโดรเมด้า สตอรี่ด้วย สนุกแบบแปลกๆดี

ฉันเป็นคนชอบอ่านการ์ตูนแฟนตาซีชวนฝัน ไม่ง้นก็ต้องออกเป็นแนวแฟนตาซีชวนขบคิดเลยค่ะ

บล็อคคราวนี้บทความสนุกมาก น่าไปค้นการ์ตูนมาอ่านจัง แต่ช่วงนี้งานเยอะหูตูบ เศร้า


โดย: kisara วันที่: 2 กันยายน 2549 เวลา:22:14:48 น.  

 
เฮ้ย...มาแก้ๆจำชื่อผิด บูรพัฒน์หรอกรึ ท่านหวี่ๆ อ๊ากมั่วนี่ตรู ตอนลอยแพ สงสัยฝังใจกะตูนของเนชั่นที่โดนลอยมากไป แหะๆ

แต่โดนจินในไทยแพงจังเลยนะ ไม่เคยไปงานเลยอะชอบจัดวันไม่ว่าง พอว่างก็ดันหมดตัว


โดย: kisara วันที่: 2 กันยายน 2549 เวลา:22:23:55 น.  

 
น่าเสียดายที่ไม่ได้อ่านการ์ตูนสมัยก่อนมากนัก
แต่ก็คิดว่าการ์ตูนสมัยก่อนมีแนวเรื่องมากกว่าจริงๆ
หรือเป็นเพราะการ์ตูนลิขสิทธ์ไม่นำเข้ามาก็ไม่รู้


โดย: Gloriana วันที่: 4 กันยายน 2549 เวลา:21:00:58 น.  

 
คุณ Gloriana : ส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า ทางสนพ.ในไทยไม่เอามาทำมากกว่าค่ะ คงเห็นว่าตลาดการ์ตูนรักหวานแหว๋ว หวือหวามีกลุ่มอ่านใหญ่กว่า คุ้มทุนกว่า ไปทำการ์ตูนเครียดๆ เลือดสาด (การ์ตูนผู้หญิงบทจะโหด ก็โหดนะเออ) การ์ตูนแนวมีกึ๋นเลยไม่ค่อยได้กินบนแผง บางส่วนยังมีสนพ.ไพเรททำบ้าง แต่คุณภาพรูปเล่มกับเนื้อกระดาษไม่ค่อยดี ทำใจลำบากเวลาซื้อจริงๆค่ะ

ถ้าจะเพิ่งพาร้านเช่า เค้าก็เอาไปซุกๆ หลังร้าน ไม่ค่อยให้ความสำคัญเลย ค้นยาก หรือไม่ก็ค้นไม่เจอซะ


โดย: Pride (Pride ) วันที่: 5 กันยายน 2549 เวลา:8:29:16 น.  

 
คุณ Kisara : สุสานฟาโรห์ ออกมาตอน คำสาปฟาโรห์ กำลังดังเลยค่ะ เลยโดนยัยแครอลกลบหมด แต่ความจริงแล้วเนื้อเรื่องคนละแนวกันอย่างสิ้นเชิง สุสานฟาโรห์ออกแนวกู้ชาติ สมัยอียิปต์ยังแตกเป็นก๊กเป็นเหล่า เล่าไม่ถูก แต่เรื่องยาวและซับซ้อนพอดู ชอบตอนจบที่สุดเลยค่ะ แต่บอกไปเดี๋ยวจะสปอยส์ แต่เป็นฉากจบที่สวยมากสำหรับชะตากรรมของฟาโรห์คนเก่าและคนใหม่


โดย: Pride (Pride ) วันที่: 5 กันยายน 2549 เวลา:8:32:44 น.  

 
ชอบอาจารย์ที่ตรงเนื้อเรื่องอ่าเจ้า
เป็นบทความที่อ่านสนุกแถมยังได้ความรู้อีกด้วย
ขอบคุณนะคะ ^^


โดย: rina IP: 202.28.248.140 วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:1:31:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pride
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฮู้.... กว่าจะใช้ blog เป็น (คิดว่านะ) ต่อไปนี้ จะพยายาม update เรื่อยๆก็แล้วกัน ส่วนเนื้อหา .... คาดว่าจะจับฉ่าย ส่วนของ Let's talk ก็เรื่องสัพเพเหระ , secret window ก็จะเป็นเอ่อ.... อะไรที่มัน Y หรือ Homo นะ เพราะชอบอ่านการ์ตูน Y นิ เพราะฉะนั้น ไม่ชอบอย่า click เข้าไป ส่วน comic talk ก็เป็นการ์ตูนที่กำลังอิน หรือกำลังอ่านอยู่ค่ะ
Friends' blogs
[Add Pride's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.