Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
15 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 

ตรุษจีนกับทุกกิจกรรมที่ทำให้ เฮง...เฮง

ตรุษจีนกับทุกกิจกรรมที่ทำให้ เฮง...เฮง

ตรุษจีน
ด้วยมีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับการเกษตรกรรมซึ่งดินฟ้าอากาศและฤดูกาลเป็นปัจจัยสำคัญทำให้บรรพชนจีนประดิษฐ์คิดค้นปฏิทินขึ้น เพื่อใช้กำหนดวันเวลาเหมาะสมในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว การสังเกตอย่างชาญฉลาดทำให้การโคจรของดวงดาวทั้งหลายมีอิทธิพลต่อการกำหนด วันเดือนปี ผู้คนเฝ้าดูวันคืนที่เวียนวนผันผ่านไม่สิ้นสุดจากปีเก่าสู่ปีใหม่อันน่า ยินดี ควรแก่การเฉลิมฉลอง ตรุษ แปลว่า สิ้นปี ดังนั้นเทศกาลตรุษจีนจึงเป็นเทศกาลที่มีขึ้นเพื่อฉลองการสิ้นสุดของปีเก่า และการเริ่มต้นของปีใหม่ ถือกันว่าเป็นการเฉลิมฉลองที่สามารถรอดพ้นจากเรื่องไม่ดีของปีเก่ามาพบปี ใหม่ที่สุขสันต์ได้ชาวจีนเรียกเทศกาลนี้อีกอย่างหนึ่งว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือ ขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ และเชื่อกันว่าช่วงเวลานี้เทพเจ้าจะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ฉะนั้นจึงควรสักการบูชาท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก

การไหว้ตรุษจีน

การไหว้ตรุษจีนมีประวัติยาวนานย้อนหลังกลับไปถึงสมัยราชวงศ์โจว เมื่อกว่า ๓,๐๐๐ ปีมาแล้วแต่เดิมมีการไหว้กันยาวนานถึง ๑๕ วัน แต่ในปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไป ธรรมเนียมการไหว้ตรุษจีน จึงลดลงเหลือเพียง ๓ วัน ดังนี้ วันจ่าย หรือ ตื่อเส็ก คือวันก่อนวันสิ้นปี เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหาร ผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดร้านหยุดพักผ่อนยาว ในตอนค่ำจะมีการจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ หรือ ตี่จู่เอี๊ย ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการะบูชาของเจ้าบ้าน หลังจากที่ได้ไหว้อัญเชิญขึ้นสวรรค์เมื่อ 4 วันที่แล้ว ถ้าเราเดินเข้าไปในบ้านหรือร้านค้าของจีน คงเคยเห็นศาลเจ้าเล็กๆสีแดงสด ศิลปะจีน วางอยู่บนพื้น ข้างหน้าศาลวางเครื่องบูชา นั่นคือศาลตี่จู่เอี๊ยหรือเจ้าที่นั่นเอง ธรรมเนียมการนับถือตี่จู่เอี๊ยนี้คล้ายกับการนับถือพระภูมิเจ้าที่ของคนไทย นั่นเอง

ในสมัยโบราณจะมีการเซ่นไหว้เทพเจ้าเตาในวันนี้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่หุงข้าวต้มปลาให้เราได้กินตลอดมา และเชื่อว่าเทพเจ้าเตาจะนำบันทึกความดีความชั่วที่เราทำมาตลอดปีขึ้นไปให้ เทพเจ้าบนสวรรค์ตรวจสอบจึงต้องมีการเลี้ยงส่งท่าน นัยว่าเอาใจท่านนั่นเอง รุ่งขึ้นคือ วันสิ้นปี จะมีการไหว้ 3 ครั้ง ตอนเช้ามืดจะไหว้ ไป๊เล่าเอี๊ย เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เครื่องไหว้คือ เนื้อสัตว์ 3 อย่าง (ซาแซ ได้แก่ หมูสามชั้นต้ม ไก่ เป็ด ปรับเปลี่ยนเป็นชนิดอื่นได้ หรือมากกว่านั้นได้จนเป็นเนื้อสัตว์ห้าชนิด) เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง ตอนสาย จะไหว้ไป๊เป้บ๊อ คือการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน การไหว้ครั้งนี้จะไหว้ไม่เกินเที่ยง เครื่องไหว้จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมารวมกันรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเพื่อความเป็นสิริมงคล และถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด จะแลกเปลี่ยนอั่งเปาหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว ตอนบ่าย จะไหว้ ไป๊ฮ้อเฮียตี๋ เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว และผีไม่มีญาติ เครื่องไหว้จะเป็นพวกขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทัดเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและเป็นสิริมงคล



ของไหว้เด่นจริงๆ ที่การไหว้อื่นๆ ของจีนไม่มีคือ การนิยมไหว้ กิมฮวย คำเต็มจะเรียกว่ากิมฮวยอั้งติ้ว แปลง่ายๆ ว่าดอกไม้ทองผ้าแพรแดง ดั้งเดิมเป็นเครื่องประดับหมวกยศของจอหงวนและขุนนางผู้ใหญ่ใช้ออกงานสำคัญ

เกิดเป็นธรรมเนียมต่อมาว่าคนจีนนิยมนำกิมฮวยมาปักประดับที่กระถางธูป เพื่ออวยพรให้ลูกหลาย ก้าวหน้ารุ่งเรืองได้เป็นใหญ่เป็นโต แล้วเกิดเป็นความนิยมว่ากิมฮวยนี้จะซื้อคู่ใหม่มาเปลี่ยนในวันตรุษจีน โดยนำมาไหว้ใช้ซิ้งเอี๊ย เพื่อให้เป็นสิริมงคลก่อน

ของไหว้พิเศษอีกอย่างที่หลายบ้านน่าจะมีเหมือนกันคือ ข้าวสาร บางบ้านใส่จานไหว้ แล้วข้าวสารนี้เมื่อไหว้เสร็จก็จะถูกนำมาหุงทานกันเพื่อให้เฮงเฮง เช่นเดียวกับของไหว้อื่นๆ ก็ล้วนต้องการให้มีความหมายอวยพรเฮงๆ อันได้แก่

ขนมอี๋ ขนมบัวลอยที่ทำจากข้าวเหนียว ปั้นเป็นลูกกลมๆ ต้มกับน้ำตาลหวานใส เวลาเคี้ยวก็ทั้งนุ่มและหวาน เป็นการอวยพรให้ทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตล้วนง่ายและหวาน

ขนมจันอับ ซึ่งเป็นขนมแห้งๆ ๕ อย่างอันได้แก่ ข้าวพอง ถั่วตัด งาตัด ถั่วเคลือบ และฟักเชื่อม โดยข้าว-ถั่ว-งา คือธัญพืช คนจีนแต้จิ๋ว เรียกว่า เจ๋งจี้ ธัญก็ดี เจ๋งจี้ก็ดี ล้วนมีความหมายว่างอกงาม ปลูกแล้วงอกง่าย ขอให้ชีวิตได้เจริญก้าวหน้าเหมือนธัญพืชที่งอกง่าย

ส้มไหว้ ๑ จาน กี่ผลก็ได้แต่นิยมให้เป็นส้มสีทอง โดยความนิยมไหว้ส้มมาจากคำเรียกส้มคำหนึ่งว่า ไต้กิก แปลตรงตัวตามหลักก็คือ มหาสิริมงคล แต่ถ้าแปลง่ายๆ อย่างชาวบ้านก็คือโชคดี

ชาน้ำไหว้ เพื่อให้ใสๆ ซดคล่องคอ ขอให้ชีวิตคล่องๆ ไม่ติดขัดทำอะไรก็คล่องแคล่วชำนาญ ชาใบก็ไหว้ได้ถ้าไม่อยากชงชาน้ำ หรือจะไหว้ทั้งชาน้ำชาใบ เพื่อให้มีสต็อกอาหารเก็บไว้กินไม่มีขาด

กระดาษเงินกระดาษทอง ก็ไหว้ เพื่อให้มีเงินมีทองนั้นแล

ดอกไม้ เพื่อความสดชื่น บางบ้านเน้นจัดไหว้แต่สีแดง เพื่อให้เฮงเฮง กับอีกหนึ่งปัญหาที่มักงงกันว่าขนมอี๋ก็ดี ชาก็ดีจัดวางกี่ที่เพราะบางบ้าน ๓ ที่ บางบ้าน ๕ ที่ กรณีนี้มาจากการมีใช้ซิ้งเอี๊ยหลายองค์หลายแบบ

แบบหนึ่ง คือไช้ซิ้งเอี๊ยมีองค์บู๊กับองค์บุ๋น อีกแบบคือ โหงวโหล่วไช้ซิ้งเอี๊ย หมายถึงเทพเจ้าแห่งโชคลาภประจำธาตุทั้ง ๕ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไม้ ธาตุไฟ และธาตุทอง ถ้ามีครบในดวงชะตาก็จะนำพาให้ชีวิตราบรื่นรุ่งเรือง กับแบบที่เป็นไช้ซิ้งเอี๊ย ๕ หน้า หมายถึง ๕ทิศ สะท้อนแก่นแท้ของธรรมเนียมตรุษจีนว่า ทำเพื่ออวยพรให้เฮง เฮง ก็จริง แต่ในรายละเอียดอาจมีแตกต่างกันแล้วแต่นิยม

ทำไมการให้เงินตรุษจีน จึงเป็นเงินอวยพร

กิจกรรมเด่นอย่างหนึ่งของเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเด็กๆ จะชอบมากคือการได้เงินแต๊ะเอีย หรือจะเรียกว่า อั่งเปา ที่แปลว่าซองแดงก็ได้จากผู้ใหญ่ โดยหลายบ้านจะถือธรรมเนียมว่าให้กันเฉพาะคนในครอบครัวหรือสกุลเดียวกัน แล้วอาจจะขยายวงไปถึงคนรักใคร่นับถือกันเหมือนญาติ โดยแต่โบราณ เรียกเงินนี้ว่า เงินเอี๊ยบส่วยจี๊ เอี๊ยบ แปลว่า กด , อัด , ห้าม ส่วย แปลว่า อายุ

เอี๋ยบส่วยจี๊ เป็นดั่งหนึ่งเงินมงคลคุ้มครองชะตา ตามตำรา ๑๐๐ ธรรมเนียมจีนโบราณ บอกว่าดั้งเดิมนิยมให้กันในวันสิ้นปี ผู้ใหญ่จะเอาเหรียญทองแดง ๑๐๐ อัน ร้อยด้วยด้ายแดง ผูกเป็นพวงให้เด็กในวันก่อนวันตรุษจีนหรือวันสิ้นปีนั่นเอง เรียกเงินพวกนี้ว่าเอี๊ยบส่วนจี๊ โดยเล่นเล็กๆ ว่า ส่วนที่แปลว่าอายุนี้ พ้องเสียงกับคำว่าส่วย ที่แปลว่าผี ปีศาจ และคำว่า ซวย เอี๊ยบส่วย หรือเอี๊ยบซวย จึงแปลว่า ห้ามความซวยหรือผี ปีศาจมาสู่

เงินร้อยด้ายแดงทั้งพวงนี้ ดั้งเดิมเด็กๆ คงห้อยไว้กับเชือกผูกเอว เกิดคำว่าแต๊ะเอีย แปลว่า ถ่วงเอวบางบ้านมีการวางส้มสีทองและลิ้นจี่ไว้ที่หมอน แล้วให้เด็กๆ รับประทานก่อนนอนในคืนวันตรุษจีน เรียกผลไม้นี้ว่า เอี๊ยบส่วยก้วย เพื่ออวยพรให้โชคดี ซึ่งคนจีนในไทยไม่ได้นำธรรมเนียมวางเอี๊ยบส่วยก้วย ไว้ที่หมอนให้ลูกหลานทาน แต่จะเป็น การนำส้มสีทองหรือ ไต้กิก ๔ ผล ไปมอบให้แก่ผู้ใหญ่ หรือญาติมิตรที่นับถือกันมากกว่า เรียกธรรมเนียมนี้ว่า ไป๊เจีย

โดยมีเคล็ดธรรมเนียมว่า เมื่อเรารับส้ม ๔ ผล ที่ห่อในผ้าเช็ดหน้าผู้ชายของผู้ให้มา ก็ให้นำไปเปลี่ยน โดยนำส้มของแขกออกมา ๒ ใบ แล้วใส่ส้มของเราเข้าไปแทน ๒ ใบ ผูกห่อผ้าเช็ดหน้าคืนแขกไป ดังนั้นส้มสีทอง๔ ผลนี้ ก็จะมีส้มของแขก ๒ ใบ กับของเราอีก ๒ ใบ ถือเป็นการนำโชคดีมามอบให้และแลกเปลี่ยนโชคกันด้วย

ส่วนเงินสิริมงคลนั้น จะมีอีกตำราของผู้เขียนเรียกว่า เงินเอี่ยมเส่งจี่ หมายถึงเหรียญเงินที่พิชิตความไม่ดี คำเต็มๆ คือจับยี่แซเสี่ยวเอี่ยมเส่งจี๋ เป็นเงินเหรียญรูป ๑๒ ปีนักษัตร สำหรับเป็นเครื่องรางคุ้มครองทุกดวงชะตาให้สันติสุขปลอดภัย

แล้วต่อมาเงินเอี๊ยบส่วยจี๋ ที่เป็นเหรียญ ๑๐๐ อันร้อยเชือกแดงก็ดี เป็นเงินเอี่ยมเส่งจี๋ ๑๒ นักษัตรก็ดี ต่อมาก็พัฒนาเป็นการให้ธนบัตรใหม่ๆ ใส่ซองแดง เรียกว่าเงินอั่งเปาก็ได้ เงินแต๊ะเอียก็ดี สืบมาโดยคำนึงว่าเงินเอี๊ยมส่วยจี๋ได้หายไป หากเคล็ดการให้ก็ยังคงเพื่ออวยพรนั่นเอง เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ผู้รับว่า

ถ้าเป็นผู้ใหญ่ให้เด็กเล็กๆ นี่คือการอวยพรให้เจ้าตัวน้อยเจริญเติบโตแข็งแรงถ้าเป็นผู้ใหญ่ให้ลูกหลานที่ทำงานแล้ว ก็เพื่ออวยพรให้เจริญก้าวหน้าสุขภาพแข็งแรงหากเป็นลูกที่ทำงานแล้วให้พ่อแม่ ก็คือเพื่ออวยพรให้ท่านแข็งแรงอายุยืนยาว โดยการที่ลูกให้พ่อแม่ และพ่อแม่ให้ลูกนั้น ต้องเป็นเงินของใครของมันไม่ใช่ว่าลูกให้พ่อแม่ เมื่อพ่อแม่รับเงินอั่งเปาจากลูกก็ส่งคืนเงินทั้งซองกลับไป แต่ต่างฝ่ายต่างควรเตรียมเงินของตนไว้ให้เรียบร้อย

และเพื่อให้ครบถ้วนความรู้ นั่นคือ ธรรมเนียมการให้เงินเป็นเลขคู่สี่ โดยเริ่มต้นนับแต่จำความได้ ผู้เขียนจะได้เงินแต๊ะเอียจากคุณพ่อเป็นแบงก์ร้อยใหม่ ๔ ใบ แล้วปีต่อมาก็เบิ้ลเป็นแบงก์ร้อยใหม่ๆ ๘ ใบ ปีถัดมาก็เป็นเงินใหม่ ๑,๒๐๐ บาท คือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี แต่ต้องให้หาร ๔ ลงตัว ปีต่อมาเป็นแบงก์ ๕๐๐ ๔ ใบเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท

ที่เล่าถึงประสบการณ์จริงตรงนี้ เพื่อเล่าถึง ๒ ความนัยว่า นัยหนึ่ง คือ มงคลพรเลข ๔ จากความหมายพ้องเสียงสี่ว่า ให้เพื่อ...ซี้วี่อู่หอซิว แปลว่า ทุกชาติทุกเวลาให้มีแต่รับเข้ามา ให้เพื่อ...อู่จี๊อู่สี่ แปลว่า ให้มีเงินมีอานาจวาสนา

ส่วนการให้เพิ่มทุกปี เพื่ออวยพรตัวผู้ให้ว่า ขอให้ท่านการค้าก้าวหน้ากว่าเดิม จึงให้ เพิ่มได้ทุกปี ซึ่งเคล็ดธรรมเนียมเหล่านี้ หากบ้านใดจะทำเหมือนหรือไม่เหมือนอย่างไร ก็ล้วนไม่เป็นไรทั้งสิ้น อยู่ที่ตัวของทุกท่านว่า มีความสุขสบายใจ ขอให้บ่วงสื่อยู่อี่ ทุกเรื่องสมปราถนานะคะ

ทำไมตรุษจีน จึงจุดประทัดและเชิดสิงโต

ขอเริ่มจาธรรมเนียมจุดประทัดก่อนว่า เกิดจากในอดีตมีคนหัวใสนำดินระเบิด ไปบรรจุในบ้องไม้ไผ่เล็กๆ แล้วจุด เสียงไม้ไผ่ระเบิดก็ดังสนั่นหู เด็กเล็กได้ยินก็ร้องจ้าบรรดาสุนัขและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายต่างพากันกลัวเสียงประทัดวิ่งหนีกันได้

ทำให้มีคนคิดว่าเสียงดังโป้งป้างของประทัด น่าจะไล่เจ้าตัวเหนียนได้ ซึ่งเหนียนคำนี้เป็นเสียงจีนกลาง จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า นี้ แปลว่า ปี คนจีนโบราณเชื่อว่าช่วงสิ้นปีที่อากาศหนาวเย็นจัดคนไม่สบายกันมาก เพราะเจ้าตัวเหนียนออกมาอาละวาด การจุดประทัดเสียงดังน่าจะไล่เจ้าตัวเหนียนและโรคภัยไข้เจ็บให้ตกใจกลัวหนีไปได้

แล้วต่อมาธรรมเนียมนี้ก็ปรับไปว่า จุดประทัดให้เสียงดังๆ นี้จะเรียกโชคดีให้มาหา บ้างก็ว่า เพื่อให้สะดุดหูเทพเจ้า ท่านจะได้มาช่วยคุ้มครอง

ส่วนการเชิดสิงโตวันตรุษจีน ที่บางท้องที่จัดเป็นพิธีแห่มังกรใหญ่โต ธรรมเนียมนี้มีความเป็นมาอย่างไร จำได้ว่าเคยเขียนเรื่องการเชิดสิงโตไว้ ในตอนความรู้จากคำ...สิงห์ ปัจจุบันอยู่ในหนังสือขุมทรัพย์ความรู้ซ่อนอยู่ในคำจีน

โดยคนจีนเรียกการแสดงเชิดสิงโตว่า ไซ่จื้อบู่ แปลง่ายๆ ว่า ระบุลูกสิงโต จัดอยู่ในหมวดการแสดงสวมหน้ากากสัตว์ จากบันทึกของราชวงศ์เหนือ...ใต้ (พ.ศ. ๘๕๐ – ๑๑๓๒) เมื่อชาวบ้านในมณฑลกวางตุ้ง มีการแสดงเชิดสิงโตเพื่อไล่ผีที่เชื่อว่า มาลงกินผู้ชายและสัตว์เลี้ยง ก่อเกิดเป็นความเชื่อว่า เชิดสิงโตช่วยไล่ภูตผีปีศาจได้ ก็เลยเข้าคู่กันเหมาะมากกับการจุดประทัดวันตรุษจีน

ส่วนการแห่มังกร ก็เริ่มจากในสมัยราชวงศ์จิ๋นหรือฉิน (พ.ศ. ๒๕๔ – ๓๓๙) จัดเป็นการแสดงเล็กๆ แล้วมาจัดเป็นโชว์ใหญ่ที่สวยตระการตาในสมัยราชวงศ์ฮั่น (พ.ศ. ๓๓๗ – ๗๖๓) โดยเริ่มต้นจะมาจากตำนานปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูสวรรค์ก็จะกลายเป็นปลามังกรมีฤทธิ์เดช โดยปลามังกรนี้ คือสัตว์ยิ่งใหญ่มีพลังอำนาจ ใครได้พบได้ชมก็จะได้รับพลังช่วยเสริมให้เจ้าตัวโชคดีทำมาหากินได้ผลบริบูรณ์

แต่เนื่องจากทั้งการเชิดสิงโตและแห่มังกรนี้ ผู้แสดงต้องมีความสามารถพิเศษในเชิงกายกรรมต่อตัว การสมดุลตัว ที่สุดของการเชิดสิงโตคือการได้ซองอั่งเปา สุดยอดของการแห่มังกรคือ การต่อตัวขึ้นไปเพื่อหยิบซองอั่งเปาบนไม้สูงที่เมื่อทำได้ ความหมายของการได้ซองอั่งเปานี้คือ การจะได้โชคดีกัน ถ้วนหน้าตลอดปีทีเดียว

มงคลอาหารไหว้

กับข้าวไหว้บรรพบุรุษทำไมมักเหมือนกันทุกครั้ง เช่น ลูกชิ้นปลาผัดต้นกระเทียม เป๊าฮื้อน้ำแดง ขนมกุ๊ยช่าย ฯลฯ เป็นข้อบังคับเหมือน หมู เป็ด ไก่ หรือเปล่าคำตอบคือ เมนูกับข้าวไหว้เจ้า หลายบ้านจะคล้ายๆ กันเพราะนิยมทำกับข้าวที่มีความหมายมงคล ก็เหมือนที่คนไทยนิยมมีขนมมงคล ๙ อย่างในเครื่องขันหมาก มีขนมทองหยิบ ทองหยอด ในงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่

อย่างไรก็ตามแต่ละบ้านอาจไหว้เมนูไม่เหมือนกัน และการแปลความหมายก็อาจต่างกันการคิดเหมือนคิดต่าง การทำเท่ากันหรือไม่เท่ากันในเรื่องธรรมเนียมของแต่ละบ้านนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนจีนและคนไทยต่างก็มีพื้นความคิดที่เหมือนกันว่ากับข้าวคาวหวานที่ใช้ไหว้หรือทำบุญ นิยมเลือกที่มีความหมายมงคลชุดของไหว้ที่เป็นของคาว ๕ อย่าง ได้แก่ หมู ไก่ ตับ ปลา และกุ้งมังกร (ต่อมากุ้งมังกรหายาก จึงเปลี่ยนเป็นเป็ดสำหรับคนจีนแต้จิ๋ว และเปลี่ยนเป็นปลาหมึกแห้ง สำหรับคนจีนแคะ)

หมู มีความหมายถึงความมั่งคั่ง ด้วยความอ้วนของตัวหมู สะท้อนถึงความกินดีอยู่ดี

ไก่ มีมงคล ๒ อย่างคือ

๑. หงอนไก่สื่อถึงหมวกขุนนาง ความหมายมงคลจึงเป็นความก้าวหน้าในงาน

๒. ไก่ขันตรงเวลาทุกเช้า สะท้อนถึงการรู้งาน

ตับ คำจีนเรียกว่า กัว พ้องเสียงกับคำว่า กัว ที่แปลว่าขุนนาง

ปลา คนจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ฮื้อ โดยมีวลีมงคล อู่-ฮื้อ-อู่-ชื้ง แปลว่า ให้เหลือกินเหลือใช้ ไหว้ปลาเพื่อให้มีเงินเหลือกินเหลือใช้มาก ๆ

กุ้งมังกร ไหว้ด้วยรูปลักษณ์ของกุ้งที่หัวใหญ่ มีก้ามให้ความรู้สึกถึงอำนาจวาสนา

ชุดกับข้าว หลากหลายอย่าง

๑. ลูกชิ้นปลา จีนแต่จิ๋วออกเสียงว่า ฮื้อ-อี๊ แปลว่า ลูกปลากลมๆ ฮื้อ หรือปลา คือให้เหลือกินเหลือใช้ อี๊ แปลว่า กลมๆ หมายถึงความราบรื่น

๒. ผัดต้นกระเทียม เพราะคนจีนแต้จิ๋ว เรียกกระเทียมว่า สึ่ง พ้องเสียงกับสึ่งที่แปลว่านับ ไหว้ต้นกระเทียม เพื่อให้มีเงินมีทองให้ได้นับอยู่เสมอ

๓. ผัดตับกับกุยช่าย ตับ คือ การเรียกว่า กัว พ้องเสียงกับกัวที่แปลว่า ขุนนาง กุยช่ายเป็นการพ้องเสียงของคำว่ากุ่ย แปลว่า แพง รวย

๔. แกงจืด คนจีนเรียกว่า เช็ง-ทึง เช็ง แปลว่า ใส หวาน ซดคล่องคอ การไหว้น้ำแกงก็เพื่อให้ชีวิตลูกหลานหวานราบรื่น

๕. เป๊าฮื้อ เป๊า หรือ เปา แปลว่า ห่อ ส่วนฮื้อ คือเหลือกินเหลือใช้ ไหว้เป๊าฮื้อ เพื่อห่อความมั่งคั่งเหลือกินเหลือใช้มาให้ลูกหลาน

๖. ผัดถั่วงอก คนจีนแต้จิ๋วเรียกถั่วงอกว่า เต๋าแหง๊ แต่ภาษาวิชาการเรียกว่า เต้าเหมี่ยว เหมี่ยว แปลว่า งอกงาม ไหว้ถั่วงอกเพื่อให้งอกงามรุ่งเรือง

๗. เต้าหู้ เป็นคำเรียกแบบชาวบ้านที่อาจเรียกเป็นเต้าฮกก็ได้ ฮก คำนี้เป็นสำเนียงแต้จิ๋ว จีนกลางออกเสียงเต้าหู้ว่า โตฟู ฟู แปลว่า บุญ ความสุข

๘. สาหร่ายทะเล เรียกว่า ฮวกฉ่าย ถ้าออกเสียงเป็นฮวดไช้ ก็แปลว่า โชคดี ร่ำรวย

ชุดขนมไหว้ ก็ล้วนมีความหมายมงคล เช่นกัน

๑. ซาลาเปา เล่นเฉพาะคำว่า เปา แปลว่า ห่อ ไหว้ซาลาเปาเพื่อให้เปาไช้ แปลว่า ห่อโชค ห่อเงินห่อทองมาให้ลูกหลาน

๒. ขนมถ้วยฟู คือไหว้เพื่อให้เฟื่องฟู คนจีนแต้จิ๋วเรียกขนมถ้วยฟูว่า ฮวกก้วย ก้วย แปลว่า ขนม ฮวก แปลว่างอกงาม

๓. ขนมคัดท้อก้วย คือขนมไส้ต่างๆ เช่น ไส้ผักกะหล่ำ มันแกว ไส้กุยช่าย ทำเป็นรูปลูกท้อสีชมพู ลูกท้อ เป็นผลไม้มงคลมีนัยอวยพรให้อายุยืนยาว

๔. ขนมไข่ คนจีนเรียกว่า หนึงก้วย ไข่คือบ่อเกิดแห่งการได้เกิดและเติบโต ไหว้ขนมไข่เพื่อให้ได้ มีการเกิดและการเจริญเติบโต

๕. ขนมจับกิ้ม หรือ แต้เหลียง ก็เรียกคือ ขนมแห้ง ๕ อย่าง จะเรียกว่า โหงวเส็กทึ้ง หรือ ขนม ๕ สี ก็ได้ ประกอบด้วย ถั่วตัด งาตัด ถั่วเคลือบ ฟักเชื่อม และข้าวพองฟัก เพื่อฟักเงินฟักทอง ฟักเชื่อม คือการฟักความหวานของชีวิต ข้าว ถั่ว งา คื ธัญพืช ธัญญะ แปลว่า งอกงาม ไหว้เพื่อให้งอกงาม และชีวิตหวานอย่างขนม

๖. ขนมอี๊ อี๊ หรือ อี๋ แปลว่ากลมๆ ขนมอี๊ทำจากแป้งข้าวเหนียว นวดจนได้ที่เจือสีชมพู ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ต้มกับน้ตาล เพื่อให้ชีวิตเคี้ยวง่ายราบรื่น เหมือนขนมอี๊ที่เคี้ยวง่ายและหวานใส ซึ่งขนมอี๊นี้อาจใช้เป็นสาคูหรือลูกเดือยก็ได้ คนจีนแต้จิ๋วเรียกว่าอี๊เหมือนกัน

ชุดผลไม้ที่มีความหมายมงคล เช่น

๑. ส้ม คนจีนแต้จิ๋วเรียกแบบชาวบ้านว่า กา แต่ส้มมีอีกคำเรียกว่า ไต้กิก ไต้ แปลว่า ใหญ่ กิก แปลว่า มงคล ไต้กิก จึงแปลว่า มหาสิริมงคล แต่ถ้าแปลง่ายๆ แบบชาวบ้านก็คือ โชคดี

๒. กล้วย จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า เก็ง-เจีย จะเล่นเสียงว่า เก็ง-เจีย-เก็ง-ไล้ แปลว่า ถึงโชคเข้ามา กับอีกความหมายว่า กล้วย มีผลมากมายแถมเป็นเครือ จึงมีมงคลให้ลูกหลานมากๆ มีวงศ์วานว่านเครือสืบสกุล

๓. องุ่น จีนแต้จิ๋วเรียกว่า พู่-ท้อ พู่ ก็คือ งอก หรืองอกงาม ท้อ ก็คือพ้องเสียงกับลูกท้อ ที่เป็นผลไม้มงคล อายุยืน

๔. สับปะรด คนจีนแต้จิ๋วเรียก อั้งไล้ แปลว่า เรียกสีแดงมา สีแดงเป็นสีของโชค ก็ประมาณว่าเรียกโชคเข้ามา คนจีนทางใต้นิยมไหว้สับปะรดมาก

ช่วงเทศกาลสารทจีน และไหว้สิ้นปีที่มีไหว้ผีไม่มีญาติ จะมีการไหว้กับข้าวที่ทำเป็นปริมาณมากๆ เช่น ผัดหมี่หม้อใหญ่ๆ ข้าวหอมหม้อใหญ่ๆ และเผือกนึ่งหัวใหญ่ ซึ่งความหมายของเผือก มาจากลักษณะนามที่เรียกเผือกว่าหัวไหว้เผือกจึงไหว้เพื่อให้มีหัวมีหาง แปลว่า เพื่อให้ครบหัวครบหาง ครบสมบูรณ์ดี

วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว

วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว หรือ วันถือ คือวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งของปี เรียกว่าวันชิวอิด วันนี้ชาวจีนจะถือธรรมเนียมโบราณที่ยังปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน คือ ไป๊เจีย คือ การไปไหว้ขอพรและอวยพรญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก โดยนำส้มสีทองไปมอบให้ เหตุที่ให้ส้มก็เพราะออกเสียงภาษาจีนแต้จิ๋วว่า "กา" ซึ่งไปพ้องกับคำว่าทอง เพราะฉะนั้นการให้ส้มจึงเหมือนนำโชคดีไปให้ เหตุที่เรียกวันนี้ว่าวันถือเพราะเป็นวันที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นวันเริ่ม ต้นชีวิตใหม่ จะถือเคล็ดบางอย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่จับไม้กวาด เชื่อกันว่าเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย ซึ่งเป็นเทพแห่งโชคลาภ จะเสด็จลงมาบนโลก จึงต้องตั้งเครื่องไหว้รับท่าน มีเกร็ดว่าเทพองค์นี้จะเสด็จมาในเวลาและทิศทางต่างๆกันไปในแต่ละปี จึงต้องมีซินแสคอยบอกเพื่อให้ผู้ไหว้ตั้งโต๊ะและหันหน้าไหว้ท่านได้ถูกทิศ

นอกจากนี้ในการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนเรายังพบแต่สีแดง ซึ่งเชื่อว่าเป็นสีแห่งความเป็นมงคล สีขอ งจักรวาล มีการติดแผ่นป้ายเขียนคำมงคลไว้ที่หน้าประตูบ้านเรียกว่า แผ่นตุ้ยเลี้ยง คำมงคลที่เราคุ้นเคยเช่น ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ แปลว่า ขอให้ประสบโชคดี ขอให้มั่งมีปีใหม่ เป็นต้น การจุดประทัดเพื่อขับไล่สิ่งไม่ดี การเชิดมังกรและสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมงคล เป็นต้น ธรรมเนียมจีนให้ความสำคัญการความเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิต มีนัยแห่งการสร้างความเชื่อมั่นเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิต นับเป็นความชาญฉลาดทางจิตวิทยา อย่างน่ายกย่องของบรรพชน

สิ่งที่ไม่ควรทำตอนวันขึ้นปีใหม่ (วันตรุษจีน)

ควรหลีกเลี่ยงการทำงานบ้านในวันขึ้นปีใหม่ ตรุษจีน,วันตรุษจีนเนื่องจากการทำงานบ้าน เช่น การซักล้าง หรือ การกวาดบ้านปัดฝุ่น จะเป็นการขับไล่ความโชคดีออกไป ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านจึงควรเริ่มทำตั้งแต่ก่อนที่วันขึ้นปีใหม่จะมาถึง

ตรุษจีน,วันตรุษจีนไม่ควรสระผมในวันเริ่มต้นและวันสุดท้ายของวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากการสระผมถือเป็นการชะล้างความโชคดีที่มาถึงในวันขึ้นปีใหม่่

ตรุษจีน,วันตรุษจีนไม่ควรใช้ของมีคมในวันขึ้นปีใหม่ ของมีคมต่างๆ เช่น มีด , กรรไกร , ที่ตัดเล็บ เนื่องจากถือว่าการกระทำของของมีคมนี้จะเป็นการตัดสิ่งหรืออนาคตที่ดี ที่จะนำมา ในวันขึ้นปีใหม่

ตรุษจีน,วันตรุษจีนควรระมัดระวังในการใช้คำพูดที่มีความหมายไปในทางลบรวมทั้งหลีกเลี่ยงการโต้เถียงกัน คำที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยหรือความตายเป็นคำที่เราควรหลีกเลี่ยงในวันขึ้นปีใหม่

ตรุษจีน,วันตรุษจีนหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานศพ และการฆ่าสัตว์ปีก

ตรุษจีน,วันตรุษจีนควรระมัดระวังในการทำสิ่งใดๆ ไม่ควรที่จะให้เกิดการสะดุด หรือ ทำสิ่งของตกแตก ซึ่งนั่นจะหมายถึงการนำความโชคไม่ดีเข้ามาในอนาคต


ขอขอบคุณที่มาบทความ : หนังสือ ธรรมเนียมจีนเหมือน มีต่างและมีแปลก (จิตรา ก่อนันทเกียรติ)

ขอขอบคุณบทความดีๆ
จาก www.mcot.net





 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2550
11 comments
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2550 18:56:25 น.
Counter : 980 Pageviews.

 




ว่าน จ๋าๆๆ ๆ
หนี่ฯ แวะมาอ่านคะ
อ่านม่ะหมดดี ตาลาย
รึมึนก๊ไม่รุ้ พรุ่งนี้มาใหม่นะคะ


ว่าน ฝันดี นะคะ
จุ๊บบบบบ บ น๊าๆๆ ๆ


 

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) 15 กุมภาพันธ์ 2550 1:24:17 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ (ล่วงหน้า) ครับผม
ขอให้ เฮง เฮง เฮง
ประเทศไทยจงเฮง เฮง เฮง

 

โดย: กุมภีน 15 กุมภาพันธ์ 2550 5:42:53 น.  

 

หวัดดีปีใหม่ของจีนล่วงหน้าด้วยคนนะค้า ขอให้ได้แต๊ะเอียเยอะ ๆ 5555แบ่งกันด้วยก็ดีค่ะ

 

โดย: umi_chan (umi_chan_2 ) 15 กุมภาพันธ์ 2550 9:36:23 น.  

 

สวัสดีวันปีวาเลนไทน์ย้อนหลังและวันตรุษจีนที่จะมาถึงมีความสุขนะค่ะนะค่ะ


 

โดย: erina 15 กุมภาพันธ์ 2550 10:15:42 น.  

 

ได้ความรู้ในวันตรุษจีน อย่างมากเลยค่ะ พรุ่งนี้คงต้องเตรียม อั่งเปาให้ลูก ๆ หลาน ๆ แล้ว อิอิ

 

โดย: jeab (vpjeab ) 15 กุมภาพันธ์ 2550 11:45:41 น.  

 

ซินเจีย ยู่อี่ ซินนี้ ฮวดไช้ ค่า

 

โดย: อาโป IP: 58.8.76.184 15 กุมภาพันธ์ 2550 14:05:35 น.  

 

ฮ่อ ฮ่อ เข้าใจเลี้ยว
ขอบคุงค้าบ

มีเงิงมีทองเยอะๆล่า

 

โดย: SamCommander (SamCommander ) 16 กุมภาพันธ์ 2550 15:48:03 น.  

 

ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ นะค่ะ และอีกอย่างหนึ่งขอให้เฮง ๆ ด้วยค่ะ

 

โดย: ..... IP: 124.157.222.247 16 กุมภาพันธ์ 2550 18:47:48 น.  

 



เพิ่งรุ้อารายหลาย ๆ อย่างเกียวกับ

ตรุษจีนก็วันนี้เองคับ

ขอให้เฮง ๆ ๆ ด้วยนะคับ

 

โดย: dream2zero 17 กุมภาพันธ์ 2550 17:24:39 น.  

 

น้าว่าน

เค้ายังไม่ได้กินเยลลี่เลยอ่า

เก็บไว้ให้หน่อยจินะๆ

 

โดย: ฟ้าใสสีคราม IP: 124.121.6.180 18 กุมภาพันธ์ 2550 9:27:50 น.  

 

อุอุ..เพิ่งกินหมดไปตะกี๊นี้เอง...มาช้าไปหน่อยนะ..

 

โดย: อี๊ (ว่าน ) 18 กุมภาพันธ์ 2550 19:39:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ว่าน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






..." Yesterday is a history.
Tomorrow is a mystery.
Today is a gift,
that's why it is called the present."....







Google



all webpantip





Emo น้องลิง
Emo น้องเพนกวิน
X
X
Friends' blogs
[Add ว่าน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.