ความรู้มีไว้แบ่งปัน

CM Triplets
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add CM Triplets's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 
เงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน (ราชการ)

วันที่: 2010-04-05 00:00:00

เงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน
เงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร


ซึ่งผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามบทบัญญัติมาตรา 50 (1) วรรคสาม ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาเป็นอันมาก จึงขอนำมาเป็นประเด็น ปุจฉา - วิสัชนา ดังต่อไปนี้

ปุจฉา เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) ซึ่งเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน มีลักษณะอย่างไร

วิสัชนา ลักษณะของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) ซึ่งเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ได้แก่ เงินได้ดังต่อไปนี้ โดยผู้มีเงินได้ต้องปฏิบัติงานกับนายจ้างหรือหน่วยงานที่จ่ายเงินได้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์

1. เงินบำเหน็จที่ทางราชการกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การของรัฐบาล เป็นผู้จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วย บำเหน็จบำนาญข้าราชการ

2. เงินได้ที่คำนวณตามหลักเกณฑ์ และวิธีการเช่นเดียวกับวิธีการคำนวณบำเหน็จตามกฎหมายว่าด้วย บำเหน็จบำนาญข้าราชการ ซึ่งจ่ายโดยนายจ้างอื่นใดที่มิใช่กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การของรัฐบาล

3. เงินที่จ่ายจากกองทุนตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ได้แก่ เงินได้ส่วนที่เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายสมทบและผลประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เช่น ดอกเบี้ย ในนามของลูกจ้างหรือผู้มีเงินได้แต่ละคน เป็นต้น

4. เงินที่จ่ายจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กองทุน กบข.) ได้แก่ เงินได้ส่วนที่เป็นเงินที่ทางราชการจ่ายสมทบ และผลประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากกองทุน กบข. เช่น เงินประเดิม ดอกเบี้ยในนามของข้าราชการหรือผู้มีเงินได้แต่ละคน เป็นต้น

เงินที่จ่ายจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการในกรณีนี้ มีกฎหมายยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) โดยให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2540 เป็นต้นไป

5. เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานหรือพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้แก่ กรณีที่นายจ้างเลิกจ้างงาน โดยที่ลูกจ้างไม่ปรากฏความผิด ซึ่งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

6. เงินได้พึงประเมินที่จ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานที่มีวิธีการคำนวณแตกต่างไปจากวิธีการตาม 1. ถึง 5. เช่น นายจ้างจ่ายเงินบำเหน็จให้แก่ลูกจ้างเป็นจำนวนหนึ่งเท่าครึ่งหรือสองเท่าของเงินบำเหน็จปกติที่คำนวณตามหลักเกณฑ์การคำนวณบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือเพิ่มจำนวนปีที่ทำงานในการคำนวณบำเหน็จให้แก่ลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างทำงานอยู่กับนายจ้างเป็นระยะเวลาตามที่ตกลงกันไว้ หรือเงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานสุดแต่ความพอใจของนายจ้าง เป็นต้น

ปุจฉา เงินบำเหน็จที่ทางราชการกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การของรัฐบาล เป็นผู้จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วย บำเหน็จบำนาญข้าราชการ มีหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขอย่างไร

วิสัชนา เงินบำเหน็จดังกล่าว มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้

บำเหน็จ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย x จำนวนปีที่ทำงาน

เงินเดือนเดือนสุดท้าย หมายความว่า เงินเดือนที่ได้รับจากเงินงบประมาณประเภทค่าใช้จ่าย

เงินเดือนเดือนสุดท้ายที่ออกจากราชการ รวมทั้งเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนสำหรับค่าวิชาและหรือเงินเพิ่มการเลื่อนฐานะ และหรือเงินสำหรับประจำตำแหน่งที่ต้องฝ่าอันตรายเป็นปกติ และหรือสำหรับการสู้รบ และหรือสำหรับการปราบปรามผู้กระทำความผิด แต่ไม่รวมถึงเงินเพิ่มอย่างอื่น

เวลาราชการสำหรับการคำนวณบำเหน็จ หมายความว่า เวลาราชการที่ข้าราชการรับราชการมาตั้งแต่ต้นจนถึงวันสุดท้ายที่ได้รับเงินเดือน ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ โดยให้นับแต่จำนวนปีเท่านั้น สำหรับเศษของปีถ้าถึงครึ่งปี ให้นับเป็น หนึ่งปี การนับระยะเวลาดังกล่าวสำหรับเดือนหรือวันให้คำนวณตามวิธีการจ่ายเงินเดือนและให้นับสิบสองเดือนเป็นหนึ่งปี สำหรับจำนวนวันถ้ามีรวมกันหลายระยะให้นับ 30 วันเป็นหนึ่งเดือน และในกรณีที่กฎหมายให้นับเวลาราชการทวีคูณ ก็สามารถนำเวลาราชการทวีคูณมาคำนวณบำเหน็จได้ด้วย

ปุจฉา ข้าราชการมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญปกติเพราะเหตุออกจากงานเนื่องจากกรณีใดบ้าง

วิสัชนา ข้าราชการมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญปกติเพราะเหตุออกจากงานเนื่องจากกรณี ดังต่อไปนี้

1. เหตุทดแทน ได้แก่ การที่ข้าราชการออกจากประจำการเพราะเลิกหรือยุบตำแหน่งหรือซึ่งคำสั่งให้ออกโดยไม่มีความผิด

2. เหตุทุพพลภาพ ได้แก่ การที่ข้าราชการป่วยเจ็บ ทุพพลภาพ ซึ่งแพทย์ทางราชการรับรองได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าไม่สามารถที่จะรับราชการในตำแหน่งหน้าที่ซึ่งปฏิบัติอยู่นั้นต่อไป

3. เหตุสูงอายุ ได้แก่ การที่ข้าราชการมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์แล้วหรือถ้าข้าราชการ ผู้ได้มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์แล้วประสงค์จะลาออกจากราชการก็ให้ผู้มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ลาออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จเพราะสูงอายุได้

4. เหตุรับราชการนาน ได้แก่ การที่ข้าราชการรับราชการครบ 30 ปีบริบูรณ์ แต่ถ้าข้าราชการผู้ใดรับราชการครบ 25 ปีบริบูรณ์แล้ว ประสงค์จะลาออกจากราชการก็ให้ผู้มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ลาออกเพื่อรับบำเหน็จปกติเพราะเหตุรับราชการนานได้
ขอนำประเด็นปัญหาเงินได้ที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียว เพราะเหตุออกจากงาน ตามมาตรา 40 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร


ซึ่งผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามบทบัญญัติมาตรา 50 (1) วรรคสาม มาปุจฉา-วิสัชนา ต่อจากสัปดาห์ก่อนดังนี้

ปุจฉา กรณีข้าราชการที่รับราชการครบ 10 ปีบริบูรณ์แล้วลาออกจากราชการ มีสิทธิได้รับบำเหน็จหรือไม่อย่างไร

วิสัชนา กรณีข้าราชการที่รับราชการครบ 10 ปีบริบูรณ์แล้วลาออกจากราชการ แม้จะไม่มีสิทธิรับบำเหน็จปกติเพราะเหตุรับราชการนาน ก็ยังคงได้รับบำเหน็จเพราะ เหตุทดแทน หรือ เหตุทุพพลภาพ หรือ เหตุสูงอายุ ตามเกณฑ์เช่นเดียวกับกรณีรับราชการนาน

นอกจากนี้ สำหรับลูกจ้างประจำของทางราชการ หรือพนักงาน หรือลูกจ้างประจำขององค์การของรัฐบาลก็มีสิทธิได้รับบำเหน็จปกติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวเช่นเดียวกับข้าราชการ สำหรับระยะเวลาการปฏิบัติงานกรณีรับราชการนานแล้วลาออก เมื่อได้ปฏิบัติงานมาครบ 5 ปีบริบูรณ์ ก็ให้มีสิทธิรับบำเหน็จด้วยเช่นกัน

ปุจฉา เงินบำนาญมีหลักเกณฑ์ในการคำนวณอย่างไร

วิสัชนา สำหรับเงินบำนาญ มีหลักเกณฑ์ในการคำนวณดังนี้

บำนาญ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย x จำนวนปีที่ทำงาน หารด้วย 50 หรือ 55

ข้าราชการที่ออกจากงานด้วยเหตุทดแทน เหตุทุพพลภาพ หรือเหตุสูงอายุ ต้องรับราชการครบ 10 ปีบริบูรณ์ จึงจะมีสิทธิ รับบำนาญ สำหรับข้าราชการที่ออกจากงาน เพราะเหตุรับราชการนาน ต้องรับราชการครบ 25 ปีบริบูรณ์ จึงจะมีสิทธิรับบำนาญข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีเวลาราชการไม่ถึง 25 ปีบริบูรณ์ ให้หารด้วย 55 แต่ถ้ามีเวลาราชการครบ 25 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือกรณีข้าราชการทหาร ตำรวจ ให้หารด้วย 50

ปุจฉา มีหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย อย่างไร

วิสัชนา สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 52) ลงวันที่ 16 ก.พ. 2538 ดังต่อไปนี้

ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 195 (พ.ศ. 2538) โดยให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่ 1 ม.ค. 2537 เป็นต้นไป

1. กรณีเกษียณอายุ ลูกจ้างผู้นั้นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมาย ว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

2. กรณีทุพพลภาพ ต้องเป็นกรณีที่แพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจ และแสดงความเห็นว่าลูกจ้างนั้นไม่สามารถที่จะทำงานในตำแหน่งหน้าที่ซึ่งปฏิบัติอยู่นั้นต่อไป ไม่ว่าเหตุทุพพลภาพนั้นจะเกิดเนื่องจากการปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างหรือไม่ก็ตาม

3. กรณีตาย ไม่ว่าการตายนั้นจะเกิดจากการปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างหรือไม่

ทั้งนี้ ลูกจ้างต้องมีหลักฐานจากนายจ้าง เพื่อรับรองว่าลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย แล้วแต่กรณีมาแสดงด้วย

ปุจฉา เงินที่จ่ายจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ได้แก่ เงินประเภทใดบ้าง

วิสัชนา เงินที่จ่ายจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุน กบข. ได้แก่ เงินได้ส่วนที่เป็นเงินที่ทางราชการจ่ายสมทบ และผลประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากกองทุน กบข. เช่น เงินประเดิม ดอกเบี้ยในนามของข้าราชการ หรือผู้มีเงินได้แต่ละคน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ข้าราชการได้รับจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 70) ลงวันที่ 19 ม.ค. 2541 ดังต่อไปนี้ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 209 (พ.ศ. 2540) โดยให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. 2540 เป็นต้นไป

1. กรณีเกษียณอายุ สำหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์แล้ว หรือลาออกเมื่ออายุครบ 50 ปีบริบูรณ์แล้ว

2. กรณีทุพพลภาพ สำหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการเพราะป่วยเจ็บ ทุพพลภาพ ซึ่งแพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าไม่สามารถที่จะรับราชการในตำแหน่งหน้าที่ซึ่งปฏิบัติอยู่นั้นต่อไป

3. กรณีเหตุทดแทน สำหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการเพราะทางราชการเลิก หรือยุบตำแหน่ง หรือมีคำสั่งให้ออกโดยไม่มีความผิดหรือทหาร ซึ่งออกจากกองหนุนเบี้ยหวัด

4. กรณีตาย สำหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการ เพราะถึงแก่ความตายในระหว่างรับราชการ

โดย nationejobs.com



Create Date : 20 เมษายน 2553
Last Update : 20 เมษายน 2553 9:23:08 น. 1 comments
Counter : 1073 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:10:59:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.