หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆแต่ต้องหรี่ตาลงอีกครั้งเมื่อพบกับแสงสว่างแสบตาเพราะสายตายังปรับสภาพไม่ทัน
ฟื้นแล้ว เธอฟื้นแล้ว
น้ำเสียงดีอกดีใจเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างกาย ทำให้เธอพยายามลืมตาขึ้นอีกครั้ง พอเห็นว่าเป็น อะไร อยู่ข้างๆ เท่านั้นแหละ เธอต้องรีบเบิ่งตาขึ้นอีก 2 เท่า เพื่อจะมองภาพตรงหน้าให้ชัดๆ
หมี! ใช่ มันเป็นหมีตัวใหญ่ ขนสีขาวบริสุทธิ์ กำลังนั่งฉีกยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร เพราะดวงตาคู่นั้นมองมาอย่างอ่อนโยน กับริมฝีปากที่แย้มกว้างจนแทบจะจรดรูหู
ทำไมหมีขาวถึงมาอยู่ในป่า? เอ่อ แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็น!
เฮ้ย! หมีพูดได้ เธอร้องออกมาลั่นก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นนั่ง ทำให้รู้สึกมึนหัวจนต้องหลับตากุมหัวเอาไว้
ก็บอกแล้วไงว่าให้แกล้งหาไม่เจอ แล้วปล่อยไว้ตรงนี้ซะก็สิ้นเรื่อง
เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เธอต้องหันขวับไปมอง พอเห็นว่าเป็นอะไร ก็แหกปากร้องซะลั่นป่า
แว๊กกกก เสือ!!!!!! เธอถอยกรูดไปอีกทางขณะจ้องเสือตรงหน้าตาแทบถลน
มันเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ แต่มีขนสีขาวบริสุทธิ์ กำลังยืนมองเธอด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายแกมระอา
ไม่ต้องกลัว พวกเราไม่ทำร้ายเธอหรอก ถ้าจะทำก็ทำไปตั้งแต่เธอยังสลบอยู่แล้ว
พ่อหมีใจดีของเธอเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเธอทำท่าหวาดกลัวจนดูเหมือนจะสติแตก
หญิงสาวมองหมีขาวกับเสือขาวสลับกันไปมา ก็คงจะจริง ถ้ามันจะกินเธอก็คงกินไปตั้งแต่เธอสลบอยู่แล้ว คงไม่ปล่อยมาจนถึงตอนนี้หรอก
เธอมองไปรอบๆก็พบว่าอยู่กลางป่าทึบ ต้นไม้รอบๆสูงเสียดฟ้า แผ่กิ่งก้านเป็นร่มเงาอย่างร่มรื่น
ฝัน เธอต้องฝันไปแน่ๆ เธอลองหยิกแขนตัวเองทดสอบ
โอ๊ย! เจ็บ แสดงว่าไม่ใช่ฝัน! เธอพยายามรวบรวมสติ
ที่นี่ที่ไหน หญิงสาวถามออกไปอย่างใจคิด เพราะเธอจำได้ว่าระหว่างที่ออกมาหาของป่าอยู่นั้น เธอพบกับพวกลักลอบขนของเถื่อน พอพวกมันเห็นเธอเข้าก็ตามไล่ล่าเธอจนเธอวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน และพลัดตกลงหน้าผา จนนึกว่าตัวเองคงจะตายซะแล้ว แต่ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ที่นี่เหรอ ก็ป่าไง เสียงตอบจากเจ้าหมีขาวทำให้เธอหลุดจากภวังค์
ขอบใจ ตอบได้เคลียร์มาก หญิงสาวคิดในใจอย่างประชดประชันพร้อมกับค้อนหมีตรงหน้า
ฉันหมายถึง ที่นี่คือที่ไหน แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมพวกนายถึงพูดได้
เธอถามขึ้นใหม่ เผื่อจะได้คำตอบที่กระจ่างกว่าเดิม พ่อหมีใจดีของเธอยิ้มกว้างก่อนจะตอบกลับมา
ที่นี่เรียกว่าอาณาจักรมายา แม่เฒ่าโดโรธีบอกว่า เธอจะมาที่นี่ในวันนี้ จึงให้ฉันกับรอยด์มารอรับเธอที่นี่ อ้อ ฉันชื่อไลท์ ยินดีที่ได้รู้จัก เอ่อ...
ทิศา ฉันชื่อทิศา หรือจะเรียกสาเฉยๆ ก็ได้
เสียงถอนหายใจอย่างรำคาญดังมาจากเจ้าเสือขาวที่ชื่อรอยด์ ก่อนที่มันจะเอ่ยปากขึ้นอย่างหงุดหงิด
มัวแต่ร่ำไรอยู่นั่นแหละ รีบออกเดินทางกันสักที ชักช้าอืดอาดอยู่ได้ เดี๋ยวก็มืดค่ำกันพอดี
พูดจบก็สะบัดหางเดินนำไปก่อน
ทิศามองตามเสือขาวตาปริบๆ เพราะดูท่ามันจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่
อย่าไปถือสารอยด์เลยนะ เจ้านั่นปากร้ายไปอย่างงั้นแหละ แต่ที่จริงแล้วใจดีมาก
เสือขาวหันขวับมาถลึงตาใส่พ่อหมีใจดีของเธอก่อนจะเอ่ยห้วนๆ
เร็วๆ แล้วก็สะบัดหน้ากลับไปเดินนำต่อ
ไลท์ปราดมาช่วยประคองเธอลุกขึ้น เมื่อเห็นเธอยืนมั่นคงแล้วจึงปล่อยมือ ก่อนจะเดินเคียงตามรอยด์ไป
ระหว่างทางไลท์ก็เล่าเรื่องราวของที่นี่ให้เธอฟังไปด้วย
ไลท์บอกว่า อาณาจักรมายาแห่งนี้ เป็นอีกมิติหนึ่งที่ซ้อนทับกับโลกที่เธอจากมา นานๆ ทีถึงจะมีคนหลงมาจากมิติอื่น ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น แม่เฒ่าโดโรธี จอมเวทย์ประจำหมู่บ้านรู้ว่าเธอจะมา จึงให้ไลท์กับรอยด์มารับกลับไปที่หมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา โดยปกติจะไม่มีคนมองเห็น เพราะมีอำนาจเวทมนตร์ของแม่เฒ่าโดโรธีบังตาไว้
ที่ทิศายอมเดินตามอย่างว่าง่าย และยอมรับเหตุการณ์ได้ง่ายๆก็เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้า เธออยู่กับป่ามาตั้งแต่จำความได้ เลี้ยงชีพโดยการเก็บของป่าขาย ที่โน่นไม่มีใครให้กลับไปหา เธอจึงตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ถือซะว่าย้ายบ้านใหม่ก็แล้วกัน
หญิงสาวเดินตามหมีใจดีกับเสือขี้รำคาญมาหลายชั่วโมง แต่น่าแปลก ที่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด พอเปรยๆ เรื่องนี้ขึ้นมา ไลท์จึงบอกว่า แม่เฒ่าโดโรธีให้ยารักษาเธอมาเพื่อให้ฟื้นกำลังเร็วขึ้น ตอนเธอสลบเขาก็จับเธอกรอกยาทำให้ฟื้นขึ้นมาแล้วมีแรงกว่าปกติ
จากป่าทึบยิ่งเดินไกลเท่าไหร่ป่าก็เริ่มโปร่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพ้นแนวป่า ก็พบกับแสงสว่างเจิดจ้าจนต้องหลับตาลง พอลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้าถึงกับทำให้เธอตะลึง
พื้นดินข้างหน้าเต็มไปด้วยดอกไม้นาๆชนิด หลากสีสัน บานสะพรั่ง ส่งกลิ่นตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ มีทางตัดเดินตรงเข้าสู่หมู่บ้าน
บ้านแต่ละหลังสร้างจากดิน ทาด้วยสีธรรมชาติอ่อนๆ มองดูสบายตา มีดอกไม้เลื้อยคลุมตัวบ้านออกดอกพราวสวยงามราวกับอยู่ในโลกนิทาน
หมีขาวหันมายิ้มกว้างเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ
ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านบุปผา ไลท์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
เสือขาวเพียงปรายตามามองก่อนจะเดินนำเข้าไปยังหมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้มีคนมายืนรออยู่ตรงลานโล่งหน้าหมู่บ้านเต็มไปหมด
หญิงชราคนหนึ่ง ซึ่งทิศาคิดว่าคงเป็นแม่เฒ่าโดโรธี ยืนถือไม้เท้าอยู่ข้างหน้าคนทั้งหมด ถัดไปก็คงจะเป็นคนในหมู่บ้าน ทุกคนใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหลากสีสัน ผู้ชายนุ่งกางเกง ผู้หญิงนุ่งกระโปรงสั้นบ้างยาวบ้าง แต่ไม่มีแบบที่สั้นน่าหวาดเสียวเหมือนแฟชั่นของโลกที่เพิ่งจากมา
เมื่อเดินไปถึงแม่เฒ่าโดโรธีก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านบุปผา พวกเรายินดีที่เจ้าจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของเรา เข้ามาใกล้ๆ สิ
ทิศาเดินไปหาแม่เฒ่าอย่างว่าง่าย
ก้มหัวลง แม่เฒ่าสวมสร้อยคอที่ทำจากเงิน มีจี้เป็นรูปดอกไม้สีชมพูอ่อนห้อยอยู่ตรงกลางให้
ต่อไปนี้ เจ้าคือคนของหมู่บ้านบุปผา หมอวาต์จะรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม เข้าไปไหว้พ่อเจ้าสิ
ทิศาเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนที่ยืนเยื้องๆด้านหลังของแม่เฒ่าแล้วยกมือไหว้ เขาดึงเธอเข้าไปกอด หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ คุ้นเคยกับผู้คนที่นี่ คุ้นเคยกับอ้อมกอดนี้
ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ลูกพ่อ น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนเอ่ยขึ้นข้างหู ทำให้น้ำตาเธอไหลลงมาด้วยความซาบซึ้ง
ตอนเย็นมีงานเลี้ยงต้อนรับเธออย่างเป็นทางการ ชาวบ้านทุกคนนำดอกไม้มามอบให้เธอเพื่อแสดงถึงการยอมรับสมาชิกใหม่ของหมู่บ้าน
ตอนนี้ทิศารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านแห่งนี้ เธออาศัยอยู่กับพ่อบุญธรรมซึ่งเป็นหมอประจำหมู่บ้าน เธอเริ่มเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพรและการรักษาโรคจากพ่อ ด้วยการตามไปรักษาคนไข้ด้วยทุกครั้ง
ทุกเช้าเธอต้องเข้าป่าเพื่อไปเก็บสมุนไพรมาเพิ่ม โดยมีไลท์กับรอยเข้าไปเป็นเพื่อน ไลท์ตามไปด้วยความเต็มใจ แต่รอยด์จำใจไปด้วยเพราะได้รับคำสั่งมา เธอเพิ่งรู้ว่าที่รอยด์ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอ เพราะน้อยใจที่แม่เฒ่าโดโรธีเอ็นดูเธอ
ถึงจะแสดงออกว่าไม่ชอบหน้าเธอ แต่รอยด์ก็คอยดูแลปกป้องเป็นอย่างดี อย่างที่ไลท์บอก รอยด์แค่ปากร้ายไปอย่างนั้นเอง แต่แท้ที่จริงแล้วก็ใจดีไม่ต่างจากไลท์เลย
ทิศาเก็บสมุนไพรอย่างเพลิดเพลิน จนได้ยินเสียงสวบสาบตรงพุ่มไม้ด้านหน้า จึงเงยหน้าขึ้นไปมอง
รอยด์ นั่นรอยด์ใช่ไหม
เงียบไม่มีเสียงตอบ เสียงสวบสาบนั้นก็หยุดลง ทำให้เธอกระชับย่ามใส่สมุนไพรและจ้องไปยังพุ่มไม้อย่างระมัดระวัง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้หนีทัน ก่อนเสียงจะดังขึ้นอีกครั้ง แล้วอะไรบางอย่างก็โผล่พรวดพราดออกมาจากพุ่มไม้
มันเป็นสิงโตตัวผู้ตัวใหญ่ ขนสีน้ำตาลทองเป็นมันเลื่อม นัยน์ตาคมกริบจ้องมายังเธอเขม็ง ทำให้เธอถอยหลังอย่างลืมตัว เพราะไม่ไว้ใจจ้าวป่าตรงหน้า
เสียงสวบสาบดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอละสายตาจากสิงโตไปมองยังทิศทางของเสียง ก่อนจะมีบางสิ่งโผล่ออกมาอีก
เจ้าจะรีบอะไรนักหนาฮึเซธ แถวนี้มีอะ...ไรกัน เสียงพูดดังขึ้นจากร่างหลังที่เพิ่งโผล่พ้นพุ่มไม้มา
เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัด เส้นผมสีทองอร่ามยามต้องแสงแดดเป็นเงาระยับ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสดใสกำลังจ้องมาที่เธออย่างตกตะลึง ริมฝีปากแดงเรื่อเผยอค้างคำพูดไว้อย่างนั้น
ต่างคนต่างจ้องกันอยู่นานก่อนที่ชายหนุ่มจะได้สติขึ้นก่อน จึงเอ่ยถามขึ้น
เอ่อ เจ้าเป็นใคร มาจากไหน
ทิศากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเอ่ยตอบไปอย่างไม่รู้ตัว
ฉ...ฉันเป็นคนหมู่บ้านบุปผา เธอตอบเสียงเบา แต่พอนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้าก็รีบหันหลังแล้วเดินหนีไป
เดี๋ยวก่อนสิ เจ้าชื่ออะไร ชายหนุ่มถามอย่างร้อนรน
หญิงสาวไม่ตอบ แต่รีบเร่งฝีเท้าวิ่งหนีไปทันที
ชายหนุ่มพยายามเดินตาม แต่คนตรงหน้าก็หายตัวไปราวล่องหน
บ้าชะมัด แล้วเขาจะไปตามเธอได้ที่ไหน แต่พอนึกขึ้นได้ก็อดจะยิ้มกับตัวเองไม่ได้ หมู่บ้านบุปผาอย่างงั้นเหรอ
ทิศากลับมายังหมู่บ้านด้วยใจระทึก เมื่อพบไลท์กับรอยด์ก็ถามว่าทั้งคู่หายไปไหนมา ถึงปล่อยให้เธออยู่คนเดียว ก็ไม่ได้คำตอบนอกจากรอยยิ้มอ่อนโยนจากไลท์และแววตาแปลกๆจากรอยด์
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นก็ยังตามมาหลอกหลอนแม้ในความฝัน สลัดยังไงก็ไม่หลุด หัวใจก็คล้ายจะโหยหา อยากจะพบหน้าเขาอีกครั้ง
เธอคงจะบ้าไปแล้ว ทิศาคิดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะช่วยคนอื่นจัดงานบูชาพระจันทร์ ซึ่งเป็นเทศกาลที่หมู่บ้านบุปผาจัดขึ้นทุกปี โดยจะจัดขึ้นในวันที่พระจันทร์เข้ามาใกล้โลกที่สุด และหนึ่งปีจะมีแค่ครั้งเดียว นอกจากนี้อิทธิพลของพระจันทร์จะทำให้มวลบุปผาในหมู่บ้านมีพลังในการเยียวยารักษาโรคร้ายที่เกิดกับทั้งร่างกายและจิตใจมนุษย์ แน่นอน ผู้คนจากทุกทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลมาที่หมู่บ้าน เพราะวันนี้จะเป็นวันเดียวเช่นเดียวกันที่หมู่บ้านจะเปิดให้คนภายนอกเข้ามา โดยไร้อำนาจเวทย์กางกั้น
ทิศาเดินแหวกผู้คนมากมายเพื่อออกไปหาที่เงียบๆอยู่ เพราะเธอไม่ค่อยชอบความวุ่นวายสักเท่าไหร่ ก็เลยหลบมาอยู่หลังหมู่บ้าน ยืนพิงต้นไม้แหงนมองพระจันทร์อย่างสบายอกสบายใจ
สักพักก็เริ่มรู้สึกว่ามีผู้บุกรุกความเป็นส่วนตัวจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นเขา ที่เธอนึกถึงทั้งยามตื่นและหลับฝัน
ภาพอีกภาพซ้อนทับขึ้นมาในความทรงจำคล้ายกับเหตุการณ์ตรงหน้า เพียงแต่เธอรู้สึกว่ามันเคยเกิดขึ้นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว
ชายหนุ่มเดินตรงมาหาเธออย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง จนมาหยุดอยู่ตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นอบอุ่นอ่อนโยน ฉายแววระลึกได้
กลับมาแล้วเหรอ เขาเอ่ยขึ้นด้วยประโยคที่รับรู้และเข้าใจกันสองคน
กลับมาแล้ว เธอสบตาอย่างมั่นใจ และยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน
ใช่ กลับมาแล้ว และจะไม่มีวันจากไปไหนอีกแล้ว...
จบไม่ลง! เป็นปัญหาในการเขียนเรื่องสั้นทุกทีเลย เพราะเขียนไปเขียนมามันก็ชักจะยาวขึ้นทุกที เฮ้อ และ Plot มันก็น่าจะเอาไปเขียนนิยายซะจริงๆ เลยฮ่าๆๆๆ
หลังจากโดนวิกฤตการณ์ไวรัสถล่มคอมฯ มา3 วัน ต้องนั่งหน้าดำคร่ำเครียดงมหาทางแก้ไขอยู่หน้าจอ จนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ก็แน่ละ คอมฯ 2 ตัว, External Hardisk 1 ตัว, Handy Drive 3 ตัว, การ์ดกล้องอีก 2 ตัว ถ้าพังก็บรรลัยกันล่ะงานนี้ ทั้งรูป ข้อมูลงานและงานส่วนตัวอยู่ในนั้นหมด เครียดจนกลางคืนปวดหัวตุ๊บๆ เหมือนโดนค้อนกระหน่ำอยู่ในหัว
จนในที่สุดก็แก้ไขได้ ต้องขอบคุณลุงกู (เกิล) กับบรรดาปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย ที่อธิบายวิธีการแก้ไขให้อย่างละเอียดลออ ทั้งวิธีการกำจัดไวรัส และวิธีการกู้ข้อมูลกลับมา จนได้กลับมาเกือบครบ แหม ถ้าเจอตัวเป็นๆ จะเข้าไปกราบอกงามๆ สักคนละที
พอโล่งอกโล่งใจก็เริ่มมีอารมณ์สุนทรี มาปั่นงานตะพาบล่ะทีนี้ ตอนแรกก็ว่าจะโดด แต่โจทย์คุณสาก็เร้าใจสุดๆมาช้ายังดีกว่าไม่มาล่ะน่า แหะๆ (ตลอดๆเลยนะหล่อน)