พระอาทิตย์ดวงกลมโต กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า ทอแสงสว่างกระทบผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับสวยงามดุจเส้นทางสู่สรวงสวรรค์
ความงามของธรรมชาติตรงหน้าตรึงตาตรึงใจจนแทบจะละสายตาไม่ได้ มิ่งมิตรยกกล้องขึ้นถ่ายภาพตรงหน้าภาพแล้วภาพเล่า ทุกอย่างดูดีไปหมด ยกเว้น ไอ้คนที่นัดเธอมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้านี่ มันหายหัวไปไหน?
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้เธอลดกล้องลงแล้วหันไปมองที่มาของเสียง ก็พบว่าโยธกาเพื่อนของเธอวิ่งกระหืดกระหอบตรงมา พอวิ่งมาถึงก็หอบแฮ่กๆ พร้อมยิ้มแหยๆ ให้
ขอโทษ คือ โยตื่นสายไปหน่อยน่ะแหะๆ
มิ่งมิตรถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเอ่ยประชด
ไม่มาตอนพระอาทิตย์ตกดินไปเลยล่ะ
อีกฝ่ายเพียงทำหน้าทะเล้นแล้วตอบกลั้วหัวเราะ
ก็ว่าอยู่ พระอาทิตย์ตกดินก็สวยนะเออ แต่ถ้าต้องถ่ายคนเดียวคงไม่สนุก
พูดแล้วก็ยิ้มประจบให้เธอใจอ่อนอีกเหมือนเคย หญิงสาวถอนหายใจเฮือกก่อนหันไปมองพระอาทิตย์ที่ทอแสงงดงามอยู่ตรงหน้า
ทั้งสองชื่นชมความงามของภาพตรงหน้าด้วยกันอย่างเงียบๆถึงแม้ไม่ได้สื่อสารกันด้วยคำพูด แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงสายใยที่เชื่อมโยงกันแม้ในความเงียบ
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มทอแสงสว่างจ้าจนเริ่มแสบตา ทั้งสองก็เริ่มเดินเคียงกันเลียบริมทะเลไปเรื่อยๆ
สายลมที่พัดโชยมากระทบหน้าเป็นระยะ ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย จนทำให้มิ่งมิตรถอนหายใจอย่างเป็นสุข
มิ่งขึ้นเครื่องตอน2 ทุ่มใช่ไหม โยธกาถามขึ้นเมื่อเดินมาได้สักพัก แม้จะรู้กำหนดการเดินทางของเพื่อนอยู่แล้ว แต่ก็อดจะถามเพื่อความมั่นใจไม่ได้
ใช่ 2ทุ่มตรง อย่าไปสายอีกล่ะ เครื่องบินคงไม่รอโยหรอกนะ ถ้าไปสาย คงไปอำลาได้แค่สนามบิน
โยธกาหัวเราะกับคำพูดของเพื่อน เธอก็รู้ตัวดีว่าขี้หลงขี้ลืมแค่ไหน เวลานัดกันทีไรเลยไปสายตลอด
ไม่สายหรอกน่า โยจะตั้งนาฬิกาปลุกในมือถือไว้เตือน
มิ่งมิตรหัวเราะก่อนจะปรายตามองอย่างไม่ค่อยเชื่อถือสักเท่าไหร่นัก จนคนถูกมองร้อนตัวรีบยืนยันหนักแน่น
จริงๆ นะมิ่ง โยไปทันแน่นอน
จ้าๆ เชื่อแล้วจ้า
เงียบกันไปสักพักโยธกาก็เริ่มพูดขึ้นมาก่อน
มิ่ง โยขออะไรสักอย่างได้รึเปล่า พูดจบก็หันมามองหน้าเธออย่างเอาจริงเอาจัง
ว่า
ถ้ามิ่งมีลูก โยขอตั้งชื่อให้หลานได้ไหม
มิ่งมิตรเพียงเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถาม เพราะอยากรู้ว่าเพื่อนจะมาไม้ไหน
ถ้ามิ่งมีลูก โยอยากจะให้มิ่งตั้งชื่อลูกว่ามอดม้วยได้ป่ะ เข้ากับชื่อมิ่งพอดีเลย มิ่งมิตรกับมอดม้วย พูดจบก็หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นเพื่อนคิ้วกระตุก
เธอแยกเขี้ยวให้ก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็นในประโยคแรก แล้วแทบจะตะโกนในประโยคถัดไป
เอาไว้ตั้งชื่อให้ลูกโยเถอะ ใครมันจะบ้าตั้งชื่อให้ลูกว่ามอดม้วยกัน
พูดจบก็สะบัดหน้าหนี แต่พอปรายตามองหน้าคนที่เสนอตั้งชื่อที่ทำหน้าทะเล้นอยู่ ก็อดจะหัวเราะไม่ได้ ทั้งสองประสานเสียงกันหัวเราะอย่างสดใส
เอาเถอะ ถึงยังไงเธอก็คงไม่มีโอกาสได้แต่งงานจนต้องตั้งชื่อให้ลูกว่ามอดม้วยหรอกน่า
พระอาทิตย์ดวงเดิมกำลังทอแสงนุ่มนวลก่อนจะหย่อนตัวลงน้ำแล้วลับขอบฟ้าไป มิ่งมิตรและโยธกาถอนหายใจอย่างเป็นสุขแล้วเริ่มเดินเคียงกันริมทะเลอีกครั้ง
หลังเรียนจบจากต่างประเทศ มิ่งมิตรก็กลับมาทำงานที่ประเทศไทย แต่ทั้งคู่ก็ยุ่งกับงานของตัวเองจนไม่ได้พบกันบ่อยนัก ยกเว้นในโอกาสที่สำคัญๆ และช่วงที่ว่างตรงกันก็จะนัดพบกันเสมอ
มิ่งมิตรยกกล้องขึ้นถ่ายภาพชายหนุ่มสองคนที่เดินเคียงตามมาข้างหลังแล้วอมยิ้ม
อย่างกะคู่เกย์ โยธกาพูดยิ้มๆ ทำให้เธออดจะหัวเราะไม่ได้
เธอหันไปมองสามีของเธอและสามีของเพื่อนที่เดินคุยกันสบายๆอีกครั้งก่อนจะหันมาสบตากันแล้วหัวเราะกันสองคน ที่สองหนุ่มต้องเดินด้วยกันก็เพราะเธอสองคนบอกไปว่าอยากเดินกันตามลำพัง เพราะมีเรื่องที่จะคุยกันตามประสาสาวๆและปล่อยให้ทั้งคู่ซึ่งกลายเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนพวกเธอเดินตามหลังมา
ส่วนลูกๆ ของเธอทั้งคู่ เนื่องจากยังไม่ปิดเทอมก็เลยฝากคุณย่ากับคุณยายดูแลให้ก่อน ใช่ เธอมีลูก แต่ลูกเธอไม่ได้ชื่อมอดม้วยตามที่เพื่อนเธอตั้งให้หรอกนะ เพราะเธอสงสารลูกและยังไม่บ้าพอจะตั้งชื่อนั้นให้ลูก ขืนตั้งไปสิ พอลูกเธอรู้ความ คงอยากจะกลั้นใจตายเพราะชื่อตัวเองแน่ๆ
ทั้งสองหันมาสบตาและยิ้มให้กัน ต่อให้วันเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจว่ามิตรภาพของพวกเธอจะคงอยู่ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
กลับมาแล้วค่า กลับมาถึงหมอชิตตอนตี 3 กว่า นั่งรถมาถึงหอพักก็ตี 5 กว่า นอนเอาแรงสักพัก 6 โมงกว่าก็ตื่นทำธุระแล้วมาทำงาน ตอนนี้จึงปวดหัวตุบๆ ตอนแรกกะว่าจะไม่เอาลงเพราะสายมากกกกกกกกก แต่งเสร็จนานแล้วแหละ แต่ไม่ได้ไปร้านเน็ตซะที เพราะถ้าไปก็เปียก + ร้อนเลยเลท แหะๆ แต่เสียดายอ่ะ อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาแต่ง ถึงจะไม่สนุก ไม่ยาว แต่ก็แต่งเต็มที่นะเออ เลยเอาลงให้อ่านเล่นค่ะ เดี๋ยวจะแวะไปทักทายนะคะ