จากภูเขาจดทะเล ท้องฟ้าผืนดินเดียวกัน
เช้าวันนั้น ครูลงมาจากดอยสูง เพื่อไปทะเลกัน ครูจะไปดูงานที่โรงแรมทางทะเลใต้ เพื่อนำมาใช้กับงานโรงเรียนบนดอยสูง เป็นเรื่องน่าสนใจและชวนให้ติดตามไปดู เรื่องของโรงเรียนกับโรงแรมมันไปกันได้อย่างไร
ก่อนจะไปถึงทะเล สร้างบรรยากาศด้วยคำถามเล่น ๆ ว่า เมื่อจะไปทะเล คุณจะร้องเพลงอะไร บางคนร้องเพลง โอพัทยาลาก่อน ....ลาแล้วลาขอลา โอ้พัทยาลาก่อน ชีวิตคือละคร ฉันมันอ่อนโลกเอย ...
บางคนร้องเพลง หัวหินสิ้นมนต์รัก หัวหิน เป็นถิ่นสัญญา จากไป กลับมาผิดหวัง ...คลื่นสวาทมันแรง มันแกล้งมาดล ร้อนจนใจสั่น เคยชื่นชู้ สู่สวรรค์ ....มันซาบมันซึม มันปลื้มไม่นาน วิมานทลาย...
เพลงที่ได้รับความนิยมอีกเพลงหนึ่งก็คือ ทะเลไม่เคยหลับ ...มองซิมองทะเล เห็นลมคลื่นเห่จูบหิน ความรักมันบ้าปิ่น กระแทกหินดังครืนครืน ทะเลไม่เคยหลับไหลใครตอบได้ไหมไฉนจึงตื่น บางครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่นอยู่ร่ำไป
แต่ฉันคิดถึงเพลง ไปทะเลกันดีกว่า ไปทะเลกันดีกว่า ปล่อยใจให้สุขสันต์ ไปเล่นลมสู้คลื่น สดชื่นและสมหวัง ทะเลนั้นเป็น เพื่อน...
เพลงนี้ทำให้รู้สึกคึกคักสนุกสนานและมีความสุขกว่าเพลงทะเลอื่น ๆ ที่ฟังเศร้า ๆ และมีเรื่องราวของความรัก แต่ที่ชอบก็คือว่าเพลงรักเกี่ยวกับทะเลล้วนมีภาษาและมีจิตนาการที่งดงามมองเห็นภาพ
การเดินทางไปกับครูครั้งนี้เหมือนกลับไปสู่วัยเด็ก คล้าย ๆ ไปทัศนะศึกษา ลืมแนะนำไปว่า ครูที่ไปด้วยกัน เป็นครูจากโรงเรียนบนดอยอินทนนท์ ชื่อโรงเรียนนิยมไพรผาหมอน อินทนนท์ กับอีกโรงเรียนหนึ่งอยู่ที่ดอยสุเทพชื่อโรงเรียนสังวาลย์วิทยา โดยมีมูลนิธิไทยรักป่า สนับสนุนการเดินทางดูงานครั้งนี้
สุดทางที่ หาดทุ่งวัวแล่น ฉันเคยอ่าน และเคยดูละครหลายครั้ง เรื่องแผ่นดินของเรา ที่แม่องนงค์ เขียน เรื่องความรักเกิดขึ้นที่ทุ่งวัวแล่น แม้ว่าทุ่งวัวแล่นในวันนี้กับเรื่องราวที่แม่อนงค์เขียนจะต่างกันมากหรือแทบจะไม่มีฉากที่แม่อนงค์บรรยายเอาไว้ เช่นท้องทุ่งริมทะเลและชายป่าที่หนาทึบที่นางเอกวิ่งไปให้งูกัด เพื่อที่พระเอกจะได้ไปช่วย แต่ฉันก็ยังรู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่ได้มาเยือนที่นี่ มันเป็นบรรยากาศของงานวรรณกรรมที่คุ้นเคย
เมื่อมาถึงแล้วก็อยากจะเล่าเรื่องทุ่งวัวแล่นสักเล็กน้อย ทุ่งวัวแล่นอยู่ในตำบลสะพลี อำเภอประทิว จังหวัดชุมพร
มีเรื่องเล่าว่า ... เดิมทุ่งวัวแล่นเป็นป่าใหญ่ติดชายทะเล มีความอุดมสมบูรณ์มีสัตว์ป่ามากมาย ทั้งสัตว์ใหญ่สัตว์เล็ก สมัยก่อนมีการล่าสัตว์กัน ล่าเพื่อกินยังชีพบ้างเพื่อเกมกีฬาบ้าง แต่สัตว์ก็แล่นหนีเข้าป่าได้เสมอ (แล่นภาษาใต้หมายถึงวิ่ง) และที่ได้ชื่อว่าทุ่งวัวแล่นเพราะว่า วัวตัวหนึ่งถูกนายพรานยิง พวกเขาคิดว่าตายแล้ว จึงช่วยกันถลกหนังแต่วัวตัวนั้นฟื้นขึ้นมาลุกขึ้นวิ่งหายเข้าป่าไป จึงเรียกว่า ทุ่งวัวแล่น
ทะเลที่มีต้นไม้ธรรมชาติอย่างนี้ยังมีให้เห็น
ปลายทางจริง ๆ ของครูบนดอยอยู่ที่ ชุมพรคาบาน่าค่ะ เป็นโรงแรมกึ่งรีสอร์ต นี่แหละเป้าหมายของครู ไม่ได้มาเที่ยวเฉย ๆ แต่มาเพื่อดูงานหรือเรียกอบรมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางพระราชดำริ
สงสัยใช่ไหมค่ะว่าโรงแรมจะมามีชื่อเสียงในด้านนี้ได้อย่างไร และยิ่งครูที่โรงเรียนมาดูโรงแรม เพื่อไปปรับใช้กับโรงเรียนยิ่งเป็นเรื่องที่ดูประหลาดพิลึกแท้
แต่มีคำตอบ เพราะว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรมไม่ธรรมดาค่ะ โรงแรมที่นี่มีการทำนา ปลูกผัก ทำการเกษตรพอเพียง
คุณวริสร รักษ์พันธ์ ชุมพรคาบานา คุณกุล ปัญญาวงศ์ ผู้จัดการมูลนิธิไทยรักป่า
เจ้าของโรงแรมชื่อคุณวริสร รักษ์พันธ์ เดิมที่เขาทำโรงแรมธรรมดา ๆ ต่อมาเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ค่าเงินบาทลอยตัว และประสบกับพายุด้วย เขาจึงมีหนี้สินถึง 300 ล้านบาท เขาไม่รู้จะก้าวเดินอย่างไร หมดความหวังในชีวิต จนในที่สุดเขาได้พบทางออกจากกระแสพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
แนวพระราชดำริ จะแก้ปัญหาได้ ให้ปฏิบัติ 5 ขั้น คือต้องพึ่งตนเองให้ได้อย่างน้อยหนึ่งในสี่ สองต้องรู้จักพอประมาณ สามต้องรู้จักแบ่งปัน สี่ขยายงานให้เกิดความร่วมมือ และห้าค่อยทำการค้า การขาย แบบเอื้อเฟื้อกัน พึ่งพากัน มีศักดิ์ศรีเท่ากัน ทั้งชาวไร่ ชาวนา ชาวประมง
เป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะที่ฉันได้พิจารณาที่ละขั้น ไม่ว่าอาชีพไหนถ้าทำได้เช่นนี้ เราจะมีผู้คนที่งดงามและสังคมที่น่าอยู่มาก ๆ มาดูกันต่อไปนะคะว่าเจ้าของโรงแรมนี้เขาเริ่มทำอย่างไร เปลี่ยนสวนหย่อมเป็นนาข้าว ทำแปลผักรอบ ๆ หอประชุม ทำคอกไก่ คอกเป็ด แล้วนำเศษอาหารจากครัวมาทำอาหารสัตว์ ปลูกพืชตามเส้นทางเดิน ทำโรงเรือนให้พนักงานตำข้าว ขุดสระเลี้ยงปลา ทำบ่อบำบัดธรรมชาติ ทำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในโรงแรมใช้เอง ทั้งสบู่ ยาสระผม น้ำยาขัดห้องน้ำ ให้พนักงานเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วย รู้จักห่มดินฟื้นฟูดิน และตั้งศูนย์เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ
เปลี่ยนสภาพใหม่หมดคือใช้พื้นที่ใหม่ เปลี่ยนจากการจัดสวยปลูกต้นไม้โชว์สวยงาม เสียค่าออกแบบและดูแลแบบแพง ๆ มาเป็นปลูกพืชกินได้ ในพื้นที่ประมาณ 40 ไร่ ก็ปลูกได้มากมายพอกิน ทำผลิตภัณฑ์ใช้เองทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นยาสระผม น้ำยาขัดห้องน้ำ สบู่ น้ำยาล้างจาน เรียกว่าของทุกอย่างที่ใช้ในโรงแรมผลิตเองหมด จึงลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก
เมื่อไปดูและได้ลองใช้ ผลิตภัณฑ์ที่เขาทำขึ้นมาเอง ทำให้รู้สึกถึงความอ่อนโยน และเกรงใจเจ้าของมือที่ทำ ฉันจึงใช้ของเขาอย่างประหยัดที่สุด
มองผ่านไปที่ทะเลหน้าเรือนพักก็ยังเป็นธรรมชาติ ยังมีความเป็นบ้านนอก ฉันคิดว่าทะเลแบบบ้านอกที่ไม่ปรุงแต่งและสะอาดนี่แหละมีเสน่ห์ยิ่ง แม้ว่าจะไม่เหมือนที่แม่อนงค์เขียนไว้ใน แผ่นดินของเรา แต่ที่ก็ยังมีต้นไม้สำหรับหาดทราย ไม่ได้มีของตกแต่งที่รกรุงรังกับทะเล พื้นทรายก็ยังขาวสะอาดให้เดินเปลือยเท้าได้อย่างสบายใจ อาคารที่พักยังพยายามสร้างให้กลมกลื่นกับธรรมชาติได้ แต่ฉันเดินทางมากับครูแบบทัศนะศึกษาจะมามัวพิรี้พิไรกับทะเล หาดทราย สายลมอยู่นานเกินไปไมได้
ต้องเดินตามครูค่ะ เดินทางไกลมาสองวันกว่าจะถึงต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่เสียสละมา
เมื่อถามว่าเริ่มอย่างไร เขาบอกว่า ตอนแรก ๆ ไปชวนคนอื่นก่อน และไม่เป็นผลสำเร็จ ไม่มีใครเชื่อ ว่าเจ้าของโรงแรมจะทำ บางคนก็ว่าสร้างภาพ จึงเริ่มตั้งต้นใหม่จากตัวอง โดยชวนพนักงานในโรงแรมทำ หรือเรียกว่ามันต้องระเบิดจากข้างใน
คือเชื่อมั่นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งตนเอง ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ทำให้เห็นทางรอดของสถานการณ์วิกฤติ ได้แนวคิดว่าแนวทางนี้อยู่ได้ คือ ช่วยเหลือกัน อุ้มชูกัน เราก็ค่อย ๆ ฟื้นฟู เมื่อเรารอดมาได้ก็คิดว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ก็จะบอกต่อให้คนอื่นรู้เรื่องการใช้แนวคิดพระเจ้าอยู่หัว
ที่โรงแรมแห่งนี้นอกจากมีอาหาร พืชผักที่ปลอดจากสารเคมีแล้ว ที่นี่ไม่มีขยะให้ทิ้งเลย เขาไม่มีปัญหาเรื่องกำจัดขยะ ที่นี่ไม่มีพลาสติกหรือโพม เพราะพืชผักปลูกที่นี่โดยวิธีธรรมชาติ และบางส่วนที่ซื้อมาก็ซื้อจากเกษตรกรที่ทำการเกษตรในแนวทางเดียวกัน เขาจะใส่แข่งมาขาย ของเหลือใช้เศษอาหารในครัวของโรงแรมก็เอามาหมักทำปุ๋ยธรรมชาติ ปุ๋ยอินทรีย์ ทุกอย่างเอามาใช้ประโยชน์ได้หมด
ฉันคิดว่า นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่ง ปัญหาขยะกับโรงแรมหรือรีสอร์ทเป็นปัญหาที่ใหญ่มากของประเทศนี้ ทุกแห่งที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว มีปัญหาเรื่องขยะที่ยากจะแก้ไข และผู้ประกอบการก็จะผลักภาระให้ผู้อื่นขยะจึงถูกทิ้งไปตามที่ต่าง ๆ ทั้งภูเขาและทะเล พวกเขาไม่ได้คิดที่จะกำจัดขยะหรือลดขยะของตัวเอง แต่ที่นี่จัดการกับขยะของตัวเองได้ นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากทีเดียว ขยะของเขาเป็นปุ๋ยหมด รวมทั้งมูลสัตว์และมูลคนก็เอามาทำปุ๋ยทั้งหมด
รอบ ๆ อาคาร มีลำธารบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีธรรมชาติ มีการใช้หญ้าแฝก ผักตบ ธูปฤาษี คล้า บอน เขาไม่ปล่อยน้ำเสียไหลลงสู่ทะเล
ตลอดทางที่ผ่านไประหว่างอาคารปลูกพืชผักเพื่อกิน เราจะผ่านกระโถนท้องพระโรง หรือสระน้ำ เสียที่ผ่านการบำบัดแล้วมารวมไว้ที่นี่ถึงกระนั้นก็ยังเห็นสิ่งมีชีวิตพวกหอยปลา ปู เต็มสระ
การปลูกพืชผักที่นี่เขาใช้ระบบ 4 ด. คือดมได้ ดูสวยงามได้ ดื่มได้ และก็แดก (กิน)ได้ ได้ยินครูพูดกันว่า จะต้องเอาไปปรับใช้กับโรงเรียน และชุมชนของตัวเอง
ที่น่าสนใจยิ่งคืออาหารของที่นี่ อาหารบ้าน ๆ มีมากมาย เช่นขนมครกแบบบ้าน ๆ บ้านใต้แท้ ๆ จะมีความมันหวานจากกะทิสด ๆ ไม่ใช่หวานน้ำตาล ขนมจากหวานมันจากมะพร้าวทึนทึก (ที่ไม่อ่อนไม่แก่) ผักพื้นบ้านต่าง ๆ พวกใบเหรียงผัดไข่ ขนมจีนน้ำยาสารพักผัก โดยเฉพาะผักพื้นบ้าน ทั้งยอดหมุย ใบมันปู ลูกฉิ่ง และอีกสารพัด
ยอดผักเหรียงผัดไข่
หนมจากว่าจากพราก
เรียกว่ามีความสุขกับการกินอาหารในทุกมื้อ เพราะที่นี่อาหารใต้ก็ยังเป็นอาหารใต้อยู่ รสชาติก็ยังเป็นใต้ ๆ จริง และที่สำคัญกินข้าวที่กินที่นี่ เป็นข้าวเหลืองประทิว เป็นข้าวพื้นเมืองจากชุมพร ข้าวเหลืองประทิวนี้เกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ที่นี่นำกลับมา ฟื้นพันธุ์ข้าวขึ้นมาได้ และยังมีกลุ่มทำนาปลูกข้าวนี้ด้วย
เขาว่ากันว่า เมื่อเราไปที่ไหนก็ควรจะได้กินอาหารถิ่นนั้น หรือกินอาหารในพื้นที่นั่นเอง เพราะการกินอาหารในท้องถิ่นหรือกินอาหารตามฤดูกาลเป็นการดูแลสุขภาพวิธีหนึ่ง
ที่นี่กลายเป็นกรณีศึกษาการอยู่รอด เป็นสถานที่สำหรับการฝึกอบรมและดูงาน มีปรัชญาน่ารัก ๆ ว่า ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งมี
แล้วก็ถึงเวลาที่จะหันหัวรถออกจากทะเลใต้ขึ้นสู่ดอยสูงแล้วค่ะ จากภูเขาจดทะเลท้องฟ้าผืนดินเดียวกัน บทสุดท้ายเมื่อจากทะเล มีคำถามเล่น ๆ ว่า คุณจะร้องเพลงอะไร ฉันคิดไม่ออกจริง ๆ และดูเหมือนเส้นทางเมื่อกลับคืนสู่ดอยยาวไกลเหลือเกิน
ครูบนดอยสูง (มากันหลายคนแต่เลือกคนนี้เป็นตัวแทน)
จบท้ายด้วยผู้เขียน ฮาฮา น่ากลัวไหมล่ะถ่ายภาพโดย ธนภูมิ อโศกตระกูล
งานนี้มีสปอนด์ค่ะขอบคุณ กุล ปัญญาวงศ์ มูลนิธิไทยรักษ์ป่าสนับสนุนการเดินทาง คุณวริสร รักษ์พันธ์ ชุมพรคาบานา ให้ที่พัก คุณไพบูลย์ พันธ์เมือง มาเลี้ยงข้าวระหว่างอยู่ชมพร คุณสีน่ำฟ้า ณบล็อกแกงค์ ตามมาแจมให้ความบันเทิง
พิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร กุลสตรี /2552
Create Date : 09 กรกฎาคม 2552 |
|
14 comments |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2552 7:51:24 น. |
Counter : 2400 Pageviews. |
|
|
|
ทะเลยังคงให้ความรู้สึกที่หลากหลายอยู่เช่นเดิมนะคะ
หวังว่าคงสบายดี ที่อีสานนี่ฝนตกบ่อย แต่ก็เป็นเรื่องดีสำหรับคนที่จะทำนาค่ะ